[CR] รีวิว ASUS Zenfone 3 Max 2 ซิม แบตอึดตัวคุ้ม นี่แหละ Zenfone ของจริง!!

กระทู้รีวิว

นี่ก็เป็นกระทู้รีวิวที่ 2 ของผม หลังจากที่กระทู้แรกผมได้รีวิว Zenfone 3 Ultra ที่ซื้อไว้ให้คุณแม่ จากกระทู้นี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แต่ตอนที่ซื้อ Zenfone 3 Ultra ผมก็ได้สอยมือถือเครื่องสำรองมาอีกเครื่อง ยี่ห้อ ASUS นี่แหละครับ เนื่องจากผมจำเป็นต้องใช้ 2 เบอร์ในการติดต่องาน โดยเครื่องหลักผมใช้เป็น iPhone 6s Plus และด้วยความที่ไม่อยากจะใช้เบอร์ติดต่องานเป็นเบอร์เดียวกับเบอร์ส่วนตัว เลยต้องตามหามือถือ 2 ซิม มาใช้สักเครื่อง

เงื่อนไขมือถือเครื่องสำรองที่ผมต้องการมีดังนี้ครับ
  - รองรับ 4G และต้องสลับซิมไปใช้ 4G ได้ทั้งคู่ ไม่ใช่ว่าซิม 1 เป็น 4G แต่ซิม 2 ดันได้แค่ 2G
  - สเปคไม่ได้เน้นแรงมาก แต่อย่างน้อยต้องตอบไลน์ได้
  - รองรับ HD Voice
  - แบตต้องอึด
  - ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่มาก วัสดุดีหน่อย
  - มีสแกนลายนิ้วมือ
  - ราคาไม่เกิน 7,000 บาท

ตอนแรกก็มีตัวเลือกอยู่ 2 - 3 รุ่น แต่ไป ๆ มา ๆ ก็มาตกลงปลงใจกับ ASUS Zenfone 3 Max ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่มันค่อนข้างโอเค แล้วก็ตอบโจทย์ที่ผมต้องการมากที่สุด เพราะผมเองก็ไม่ได้ตั้งงบเครื่องสำรองไว้สูงเท่าไหร่ด้วย กับราคา 5,990 บาทขอ ASUS Zenfone 3 Max ก็เข้าเกณฑ์พอดี เลยไปซื้อมาพร้อม ๆ กับที่ซื้อ Zenfone 3 Ultra ให้คุณแม่ซะเลย

อุปกรณ์ในกล่อง Zenfone 3 Max

Zenfone 3 ​Max ให้อุปกรณ์เสริมในกล่องมาอย่างครบครัน ทั้งสายชาร์จ, อะแดปเตอร์ (จ่ายไฟแรงสุด 2.0A), หูฟัง, เข็มจิ้มซิม และก็แถมสาย USB OTG มาให้ด้วย 1 เส้น เนื่องจากมือถือรุ่นนี้สามารถเปลี่ยนร่างตัวเองเป็น Powerbank ให้กับมือถือเครื่องอื่นได้ด้วย

ผมเริ่มรีวิวจากหน้าตาของ Zenfone 3 Max ก่อนละกันครับ เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผมพามือถือเครื่องนี้กลับบ้าน สิ่งแรกที่ถูกชะตาเลยก็คือวัสดุครับ มือถือรุ่นนี้ใช้วัสดุเป็นโลหะทั้งชิ้น เมื่อเทียบกับ Zenfone Max ตัวแรก ผมว่ารุ่นใหม่นี่ดูดีกว่าเยอะเลย แล้วก็มีการทำโค้งมนตามขอบตามมุม ทำให้ตัวเครื่องจับถือสะดวก และด้วยหน้าจอเพียง 5.2 นิ้ว ก็เลยพกพาง่าย ใช้มือเดียวก็ได้

ด้านหน้าของ Zenfone 3 Max ใช้กระจกแบบ 2.5D ก็คือโค้งเล็กน้อยตามมุมกระจก เลยทำให้ติดฟิล์มได้ไม่เต็มหน้าจอ (เหมือน iPhone 6) โดยหน้าจอของ Zenfone 3 Max ให้มาที่ความละเอียด HD ซึ่งก็ถือว่าคมชัดในระดับหนึ่ง มีขนาดตัวอักษรและ icon ที่ค่อนข้างใหญ่ ใช้งานสบายตา

ด้านบนหน้าจอประกอบไปด้วยกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และลำโพงสำหรับสนทนา

ปุ่มกดด้านหน้าตัวเครื่อง Zenfone 3 Max จะเป็นปุ่มที่อยู่ในหน้าจอครับ เพราะฉะนั้นตัดปัญหาเรื่องไม่มีไฟใต้ปุ่มไปได้เลย ด้านล่างหน้าจอมีโลโก้ ASUS

ปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียงของ Zenfone 3 Max จะอยู่บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง

ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิม (Hybrid Slot) รองรับ 2 ซิมการ์ด สามารถใช้งาน 4G ได้ทั้ง 2 ซิม แต่เหมือนตอนนี้จะมีปัญหากับซิม TrueMove H คือมันจะขึ้น R (โรมมิ่ง) แล้วก็ต้องเปิดโรมมิ่งถึงจะใช้เน็ตได้ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือเปล่า แต่เท่าที่เช็คยอดเงินก็ไม่พบว่าเงินไหลนะครับ

ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างเป็นพอร์ท Micro USB กับไมค์สำหรับสนทนา

ฝาหลังของ Zenfone 3 Max ใช้วัสดุเป็นโลหะ ผมไม่แน่ใจว่ามีด้วยกันทั้งหมดกี่สี่ แต่ที่ผมโดนมาคือสีเทาเข้ม สวยดีครับ โทนสีจะคล้าย ๆ กับสี Space Grey ของ iPhone

ด้านหลังก็จะมีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, แฟลช LED, ปุ่มสแกนนิ้ว, ไมค์ตัดเสียง แล้วก็ลำโพงหลักของตัวเครื่อง ตรงนี้ผมไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เพราะไม่มีจุดที่ช่วยให้ลำโพงมันยกขึ้นจากพื้น เวลาวางโทรศัพท์แล้วเปิดเพลง หรือมีเสียงเรียกเข้า เสียงมันจะดรอป ไม่ดังเท่ากับตอนคว่ำเครื่องครับ

เสียงลำโพงก็ให้เสียงที่ดังใช้ได้ แต่เรื่องรายละเอียดผมว่ายังห่างไกล ก็ถือว่าเป็นข้อจำกัดเรื่องราคาอ่ะครับ แต่ถ้าใครที่คิดว่าเสียงลำโพงเปิดสุดยังดังไม่พอ Zenfone 3 Max ก็มีโหมดกลางแจ้งติดมาให้ด้วย แต่ผมลองใช้แล้ว เหมือนลำโพงแตกเลย 555 ส่วนตัวคิดว่าอย่าเปิดเลยครับ

ด้านซอฟท์แวร์ Zenfone 3 Max มาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow ตั้งแต่แกะกล่อง มีการอัพเดตความปลอดภัยของเดือนสิงหาคม 2559 การใช้งานก็เหมือน ๆ แอนดรอยทั่วไป แล้วก็ส่วนตัวผมว่ามันเหมือนกับ Zenfone 3 Ultra ด้วยซ้ำ หรืออันที่จริง UI ของ Zenfone 3 ก็เหมือน ๆ กันหมดหว่า (ตรงนี้ไม่แน่ใจ ใครมีรุ่นอื่นช่วยคอนเฟิร์มหน่อยครับ)

Zenfone 3 Max ให้ความจุมาที่ 16 GB แต่ใช้งานได้จริงเหลือแค่ประมาณ 10 GB เท่านั้น ตรงนี้ใครจะซื้อมาใช้เป็นเครื่องหลัก ผมว่าใส่ MicroSD Card ดีกว่า แต่ผมซื้อมาใช้แค่โทรเข้าออก + ตอบไลน์ลูกค้าก็เลยไม่มีปัญหาอะไร

ส่วน Ram 2 GB เท่าที่ลองใช้งาน ผมว่ามันจะเหลืออยู่ประมาณ 500 - 700 MB แต่ถ้าเปิด Line + Facebook + เปิดเบราเซอร์ก็มีหน่วงอยู่เหมือนกัน ต้องเคลียร์แอปทิ้ง ไม่ก็ใช้แอปตัวจัดการมือถือช่วยเคลียร์ให้ก็ได้ครับ มีลงมาให้ในเครื่องตั้งแต่แรกแล้ว

ความลื่นของ Zenfone 3 Max ถ้าจะหวังให้มันเร็วปรี๊ด ๆ เท่ากับพวกราคาหลักหมื่น หรือเท่ากับ iPhone อันนี้ยากครับ ด้วยข้อจำกัดเรื่องราคา ส่วนตัวผมว่ามันก็เร็วตามราคาล่ะครับ เปิดแอปเยอะ ๆ ก็มีหน่วงนิดหน่อย แอบกระซิบว่าตอนเปิดใช้งานครั้งแรกนี่อยากจะปาทิ้งเลย 555 แต่พอใช้ไปสักพัก ผมว่ามันลื่นขึ้นนะ เท่าที่ลองหาข้อมูลดู เหมือนจะเป็นปัญหาที่ตัวแอนดรอย 6.0 มันใช้เวลาเซ็ตเครื่องประมาณ 2 - 3 วัน

ผมลองเล่นเกมด้วย Zenfone 3 Max ก็ถือว่าไม่แย่ครับ ชิปเซ็ตเป็น MediaTek MT6737 ตัวนี้ผมก็ไม่ค่อยทราบเรื่องรายละเอียดเชิงลึกเท่าไหร่ คุ้น ๆ ว่าเป็นชิปตัวประหยัดรุ่นใหม่ของ MediaTek ลองเล่นเกมพวก Candy Crush, Pokemon Go ก็พอไหว ส่วนการดูยูทูป เปิดที่ความละเอียด HD สบาย ๆ ครับ ติดก็ตรงลำโพงนี่ล่ะ วางไว้บนโต๊ะแล้วเสียงไม่ดัง

แบตเตอรี่ Zenfone 3 Max อึดสมคำร่ำลือจริง ๆ ครับ ตอนนี้สถิติของผมอยู่ที่ 3 วันชาร์จทีนึง แต่เฉลี่ยก็ 2 วันชาร์จล่ะครับ แล้วแต่ว่าโทรมากโทรน้อย โดยรวมถือว่าพอใจเลย กับแบตเตอรี่ 4100 mAh ส่วนการชาร์จไฟก็ไม่ได้เร็วถึงขนาดพวก Fast Charge แต่ก็ไม่ได้อืดจนเกินไป ผมว่ามันเติมไฟได้พอ ๆ กับ iPhone ที่ชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ iPad อ่ะครับ ไม่ได้ลองจับเวลาจริง ๆ จัง ๆ ซะที ปกติผมชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืน ตื่นเช้ามามันก็เต็มแล้ว

กล้องของ Zenfone 3 Max กล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ติด LED แฟลชมาให้ 1 ดวงด้วยกัน ซอฟท์แวร์กล้องมีโหมดหลัก ๆ ให้เลือกใช้ ได้แก่
- Auto
- HDR
- เพิ่มความสวย
- ความละเอียดพิเศษ
- แสงน้อย (3M)
- กลางคืน
- เซลฟี่
- พาโนรามา
- ช่วงเวลา

ส่วนตัวผมว่ากล้องของ Zenfone 3 Max ก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะให้เทียบกับพวกมือถือราคาแพง ๆ ก็คงสู้ไม่ไหว เพราะกล้องของ Zenfone 3 Max ก็ถือว่าตามราคาล่ะครับ โหมด Auto เจอปัญหา White Balance เพี้ยนอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาที่ถ่ายสีเขียว เช่น ต้นไม้ จะได้ภาพโทนสีเหลืองอยู่เสมอ การจับโฟกัสทำได้แม่นยำใช่ได้ แต่ไม่เร็ว

แต่ก็อย่างที่บอกไปว่า ผมตั้งใจใช้ Zenfone 3 Max เป็นเครื่องสำรอง ที่เน้นติดต่องานเป็นหลัก เลยไม่ได้ซีเรียสในจุดนี้เท่าไหร่ แต่ก็พอได้เก็บภาพด้วยกล้อง Zenfone 3 Max บ้าง ตามประสาคนเห่อของใหม่ 555

ตัวอย่างภาพถ่ายก็ประมาณนี้ครับ



ทดลองถ่ายหน้าชัด - หลังเบลอ ก็พอได้อยู่


ถ่ายในที่แสงน้อย










ภาพรวมของ Zenfone 3 Max กับราคา 5,990 บาท ส่วนตัวผมว่ามันตอบโจทย์การเป็นเครื่องสำรอง ที่ใช้ติดต่องานเป็นหลักได้ดีมาก ด้วยสเปคที่ประหยัดพลังงานทุกอย่าง (ชิป MT6737 เท่าที่หาข้อมูลมามันเป็นชิปรุ่นประหยัดพลังงาน) แบตเตอรี่ 4100 mAh ใช้งานกันได้ยาว ๆ เสียงสนทนาที่คมชัด เพราะรุ่นนี้รองรับ HD Voice (ผมลองกับ dtac ใช้ได้) วัสดุ, งานประกอบไม่ขี้เหร่ มีสแกนนิ้วติดมาให้ เรียกว่าเป็นตัวที่คุ้ม ๆ ในแบบฉบับของ ASUS ตามรอยรุ่นก่อน ๆ เช่น Zenfone 5, Zenfone 2 อย่างแท้จริง ไม่เหมือนตัวพรีเมียมอย่าง Zenfone 3, Zenfone 3 Ultra


สิ่งที่ชอบ เอาไป 4 คะแนน
- แบตอึดมาก แถมยังเป็น Powerbank ให้เครื่องอื่นได้
- หน้าจอคมชัด ขนาดกำลังพอดีมือ
- รองรับ HD Voice
- รองรับ 4G ทั้ง 2 ซิม
- บอดี้โลหะ มีสแกนนิ้ว
- อุปกรณ์เสริมให้มาครบครัน

หักไป 1 คะแนนเพราะ...
- ตอนนี้ใส่ซิมทรูจะขึ้น R ต้องเปิดโรมมิ่งถึงใช้เน็ตได้
- กล้องพบเรื่อง White Balance เพี้ยนนิดหน่อย
- ชิปเซ็ตเป็นตัวประหยัดพลังงาน ไม่เหมาะกับการเล่นเกมหนัก ๆ
- ลำโพงด้านหลัง ตอนวางเครื่องนี่แทบไม่ได้ยินเสียง
- ติดฟิล์มเต็มจอไม่ได้ เพราะเป็นกระจก 2.5D (ใครมีพิกัดฟิล์มแบบเต็มจอ Zenfone 3 Max รบกวนแจ้งพิกัดหน่อยครับ)
ชื่อสินค้า:   Asus Zenfone 3 MAX (ZC520TL)
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่