รูปกลางคือรูปที่ผมเริ่มหัดวิ่งได้ประมาณ 1 เดือนแล้วไปลงสมัครงานวิ่งนะครับ
จริงๆแล้วผมตั้งใจจะวิ่งเพื่อลดน้ำหนักตัวเองลงมาสักหน่อยไม่ได้หวังว่าจะลดลงไปมากมาย ตอนแรกซ้อมวิ่งแรกก็กดดันตัวเองมากทำไมน้ำหนักไม่ลงสักทีวิ่งมา 1 เดือนแล้ว อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ก็ได้คำแนะนำจากเพื่อนๆที่วิ่งมาก่อนว่าไม่ต้องรีบอย่ากดดันวิ่งไปเรื่อยเดี๋ยวก็ลดเอง ก็ซ้อมไปเรื่อยๆ ช่วงๆแรกๆก็ลดอาหาร พอกินน้อยก็ไม่มีแรงวิ่งอีก เริ่มคิดว่าจะเอายังไงดีก็ลอง เปลี่ยนวิธีการกินโดยการลดน้ำอัดลมลงไป ค่อยๆลดเดี๋ยวจะเครียดเพราะผมกินแทบจะทุกวันก็ว่าได้ ทุกวันนี้ก็มีกินน้ำอัดลมบ้างแต่ไม่บ่อยนะครับ ผมขอตัดไปที่ หัวข้อที่ตั้งไว้นะครับ #Fun run to Full Marathon ครั้งแรก
ผมไม่เคยคิดว่าถ้าวิ่งแล้วจะทำให้น้ำตัวลดลงได้จนมาเจอกับตัวเอง
จากเบื้องต้นที่เล่ามารายละเอียดการออกกำลังกายโดยการวิ่งของผมมีดังนี้ครับ
ซ้อมวิ่ง 153 ครั้ง (153ครั้งคือที่ใช้นาฬิกาจับเวลา+กิจกรรมแต่ละครั้งไว้นะครับ ในจำนวนนี้ก็มี ทั้งที่ซ้อมวิ่ง กับลงสมัครรายการต่างๆ ระยะไกลสุดคือ 35 กิโลเมตร ระยะรวม 1136 กิโลเมตร) ก่อนที่ยังไม่มีอุปกรณ์เก็บสิถิติผมจำไม่ได้จริงๆว่าซ้อมวิ่งกี่ครั้งแต่จำได้ว่าครั้งล่ะ 3 กิโลเมตร +- 500 เมตร
รูปนี้ครบรอบ 1 ปีที่ผมใช้อุปกรณ์เก็บสถิติการวิ่งของตัวเอง
อ้างอิงระยะทางรวม
ระยะ 35 Km เพื่อที่จะซ้อมเพื่อไปวิ่ง 42.195 KM. ระยะมาตราฐานของการวิ่งมาราธอนสักครั้ง ( ผมคิดว่าการหาที่ซ้อมที่สวยหรือสภาพแวดล้อมดีๆจะทำให้เราวิ่งได้ไกลขึ้นนะครับ)
การวิ่งก็มีข้อเสียนะครับ อาจจะปวดเข่า ปวดขา ตะคริวกิน ก็ทนๆเอาครับ (ถ้าเกิดเจ็บก็อย่าฟื้นพักก่อนหายแล้วก็มาวิ่งใหม่ )
ผมเริ่มหัดวิ่งประมาณเดือนสิงหาคม 2558 ลงกิจกรรมครั้งแรกคือ Fun ในช่วงเดือน กันายน 2558 ระยะ Fun Run 3 กิโลเมตร ( ต้องวิ่งขึ้นสะพานครั้งแรกเหนื่อยมาก) ตามรูปกลางด้านบน
วิ่งจนคิดว่าอยากจะจบที่ระยะ 42.195 Km. สักครั้ง จนวันที่ 9 ตุลาคม 2559 ผมก็ได้มี Full Marathon แรกสักที ตามรูปด้านล่างนะครับ
ทุกวันนี้ทุกครั้งที่วิ่งผมก็ยังเหนื่อยทุกครั้งเหมือนเดิมแต่ผลที่ได้กลับมามันก็คุ้มอยู่นะครับ สู้ต่อไปครับ ถ้าหากนึกอะไรออกว่าที่ผ่านๆมาผมทำอะไรบ้างในการวิ่งจะมาแชร์ใหม่นะครับ ขอบคุณครับ
อัพเดท 1 May 2018
สวัสดีครับ วันนี้จะมาอัพเดทต่อจากครั้งที่แล้วนะครับ
ตอนนี้ก็ยังคงวิ่งอยู่เหมือนเดิม แต่มีการเพิ่มการเล่นเวทเข้าไปด้วย เล่นเวทมา 9 เดือน สลับกับการวิ่งไปด้วยนะครับ
ช่วง 2 ปีมานี้ก็จบ มาราธอนไป 2 งาน ที่ ตามที่ตั้งกระทู้เรื่องวิ่งมาราธอนไว้
Buriram Marathon 2017
Buriram Marathon 2018
ปีหน้าก็จะพยายามจบฟลูมาราธอนให้ได้อีกสักครั้ง
การเล่นเวทก็ช่วยทำให้การวิ่งดีขึ้นผสมกับการซ้อมวิ่งไปด้วย แต่ก็เหนื่อยพอสมควรกับการยกเวทเพราะมันหนักอยู่เหมือนกันครับ
กลายเป็นว่าต้องกินเยอะกว่าเดิมเพื่อที่จะมีแรงมาเล่นเวท
รูปนี้ช่วงเดือน มกราคม 2561
อันนี้เป็นรูปล่าสุดช่วงเดือน เมษายน 2561
อาทิตย์ก็จะเล่นเวทประมาณ 3- 4 วัน ต่อ อาทิตย์ วิ่ง อาทิตย์ล่ะ 2- 3 วัน (วิ่งวันเดียวกับเล่นเวทบ้างบางครั้ง)
ปัจจุบันก็ยังลงงานวิ่งอยู่บ้างวิ่งตามหมู่บ้านบ้าง
รูปนี้ก็เรียงตามปี 2016 , 2017 , 2018
[CR] รีวิว "Fun run to Full Marathon ครั้งแรก"
จริงๆแล้วผมตั้งใจจะวิ่งเพื่อลดน้ำหนักตัวเองลงมาสักหน่อยไม่ได้หวังว่าจะลดลงไปมากมาย ตอนแรกซ้อมวิ่งแรกก็กดดันตัวเองมากทำไมน้ำหนักไม่ลงสักทีวิ่งมา 1 เดือนแล้ว อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ก็ได้คำแนะนำจากเพื่อนๆที่วิ่งมาก่อนว่าไม่ต้องรีบอย่ากดดันวิ่งไปเรื่อยเดี๋ยวก็ลดเอง ก็ซ้อมไปเรื่อยๆ ช่วงๆแรกๆก็ลดอาหาร พอกินน้อยก็ไม่มีแรงวิ่งอีก เริ่มคิดว่าจะเอายังไงดีก็ลอง เปลี่ยนวิธีการกินโดยการลดน้ำอัดลมลงไป ค่อยๆลดเดี๋ยวจะเครียดเพราะผมกินแทบจะทุกวันก็ว่าได้ ทุกวันนี้ก็มีกินน้ำอัดลมบ้างแต่ไม่บ่อยนะครับ ผมขอตัดไปที่ หัวข้อที่ตั้งไว้นะครับ #Fun run to Full Marathon ครั้งแรก
ผมไม่เคยคิดว่าถ้าวิ่งแล้วจะทำให้น้ำตัวลดลงได้จนมาเจอกับตัวเอง
จากเบื้องต้นที่เล่ามารายละเอียดการออกกำลังกายโดยการวิ่งของผมมีดังนี้ครับ
ซ้อมวิ่ง 153 ครั้ง (153ครั้งคือที่ใช้นาฬิกาจับเวลา+กิจกรรมแต่ละครั้งไว้นะครับ ในจำนวนนี้ก็มี ทั้งที่ซ้อมวิ่ง กับลงสมัครรายการต่างๆ ระยะไกลสุดคือ 35 กิโลเมตร ระยะรวม 1136 กิโลเมตร) ก่อนที่ยังไม่มีอุปกรณ์เก็บสิถิติผมจำไม่ได้จริงๆว่าซ้อมวิ่งกี่ครั้งแต่จำได้ว่าครั้งล่ะ 3 กิโลเมตร +- 500 เมตร
รูปนี้ครบรอบ 1 ปีที่ผมใช้อุปกรณ์เก็บสถิติการวิ่งของตัวเอง
อ้างอิงระยะทางรวม
ระยะ 35 Km เพื่อที่จะซ้อมเพื่อไปวิ่ง 42.195 KM. ระยะมาตราฐานของการวิ่งมาราธอนสักครั้ง ( ผมคิดว่าการหาที่ซ้อมที่สวยหรือสภาพแวดล้อมดีๆจะทำให้เราวิ่งได้ไกลขึ้นนะครับ)
การวิ่งก็มีข้อเสียนะครับ อาจจะปวดเข่า ปวดขา ตะคริวกิน ก็ทนๆเอาครับ (ถ้าเกิดเจ็บก็อย่าฟื้นพักก่อนหายแล้วก็มาวิ่งใหม่ )
ผมเริ่มหัดวิ่งประมาณเดือนสิงหาคม 2558 ลงกิจกรรมครั้งแรกคือ Fun ในช่วงเดือน กันายน 2558 ระยะ Fun Run 3 กิโลเมตร ( ต้องวิ่งขึ้นสะพานครั้งแรกเหนื่อยมาก) ตามรูปกลางด้านบน
วิ่งจนคิดว่าอยากจะจบที่ระยะ 42.195 Km. สักครั้ง จนวันที่ 9 ตุลาคม 2559 ผมก็ได้มี Full Marathon แรกสักที ตามรูปด้านล่างนะครับ
อัพเดท 1 May 2018
สวัสดีครับ วันนี้จะมาอัพเดทต่อจากครั้งที่แล้วนะครับ
ตอนนี้ก็ยังคงวิ่งอยู่เหมือนเดิม แต่มีการเพิ่มการเล่นเวทเข้าไปด้วย เล่นเวทมา 9 เดือน สลับกับการวิ่งไปด้วยนะครับ
ช่วง 2 ปีมานี้ก็จบ มาราธอนไป 2 งาน ที่ ตามที่ตั้งกระทู้เรื่องวิ่งมาราธอนไว้
Buriram Marathon 2017
Buriram Marathon 2018
ปีหน้าก็จะพยายามจบฟลูมาราธอนให้ได้อีกสักครั้ง
การเล่นเวทก็ช่วยทำให้การวิ่งดีขึ้นผสมกับการซ้อมวิ่งไปด้วย แต่ก็เหนื่อยพอสมควรกับการยกเวทเพราะมันหนักอยู่เหมือนกันครับ
กลายเป็นว่าต้องกินเยอะกว่าเดิมเพื่อที่จะมีแรงมาเล่นเวท
รูปนี้ช่วงเดือน มกราคม 2561
อันนี้เป็นรูปล่าสุดช่วงเดือน เมษายน 2561
อาทิตย์ก็จะเล่นเวทประมาณ 3- 4 วัน ต่อ อาทิตย์ วิ่ง อาทิตย์ล่ะ 2- 3 วัน (วิ่งวันเดียวกับเล่นเวทบ้างบางครั้ง)
ปัจจุบันก็ยังลงงานวิ่งอยู่บ้างวิ่งตามหมู่บ้านบ้าง
รูปนี้ก็เรียงตามปี 2016 , 2017 , 2018