ไม่รู้จักยืดหยุ่นในที่นี้ก็คือ วางแผนเอาไว้ว่าจะทำแบบนี้ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ สถานการณ์หรืออะไรบางอย่างอาจเปลี่ยนไป ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินตามแผนการเดิมได้ แต่ก็ยังจะดันทุรังทำตามแผนเดิมต่อไป
ผมเคยเจอคนประเภทนี้มาเหมือนกัน เป็นคนญี่ปุ่นทั้งสองเหตุการณ์
แต่ก่อนผมเคยทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง จะมีนายญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่เขาค่อนข้างจะแยกตัวกับคนญี่ปุ่นคนอื่น ก็ไม่รู้เหตุผลอ่ะนะ แต่เขาเป็นคนญี่ปุ่นที่สนิทกับคนไทยที่สุดในโรงงาน เพราะเขาเป็นคนพูดมาก พูดเยอะ พูดเก่ง ชอบชวนคุยด้วยแหละ ตอนผมทำงานกับเขาไม่ค่อยได้แปล หรือทำอะไรที่มันเป็นเรื่องงานเลย ส่วนใหญ่เขามีแต่จะเดินไปเดินมาในโรงงาน เหมือนทำให้คนอื่นเห็นว่ามีงานนะ แล้วก็จะชอบชวนพวกคนงานคุยไปเรื่อย ๆ โดยมีผมเป็นล่าม
และเพราะเขาสนิทกับคนงานคนไทยนี่แหละ ก็มีบางครั้งเขาชอบชวนพี่ที่อยู่ในระดับผู้จัดการไปกินข้าวด้วยกันข้างนอก ผมก็ต้องไปด้วยแหละ ไม่งั้นคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่มันมีบางครั้งไงครับที่พี่เขานัดนายญี่ปุ่นนี่ไปกินข้าวตอนเที่ยง แต่บังเอิญว่าอาจจะเป็นช่วง 11 โมงกว่า ๆ พี่เขาโดนนายญี่ปุ่นที่ใหญ่กว่าเรียก หรือมีงานเข้ามากะทันหัน ทำให้เขาไม่สามารถที่จะมาได้ตรงเวลาตามที่นัด แถมนายญี่ปุ่นคนนี้ก็ดันเป็นพวกใจร้อนด้วย อะไรนิดหน่อยก็หงุดหงิด เคยมีบางครั้งเขายกเลิกไปเลย ไม่กินแล้ว เพราะพี่มาไม่ตรงเวลา แล้วทำให้บางทีเขาชอบว่าไปเลยว่าพี่คนนั้นไม่รักษาสัญญา บางทีเขาว่าเหมารวมไปถึงคนไทยทั้งหมดเลยว่า ไม่รักษาสัญญา นายคนนี้จะเป็นพวกแบบชอบเหมารวม คือไปเจอคนไทยคนเดียวที่นิสัยไม่ดี ก็ชอบเหมารวมคนไทยไปทั้งหมด
อีกครั้งเป็นคนไข้ญี่ปุ่น ซึ่งผมไปได้ยินเขาเล่ามาอีกที คือเหมือนตอนแรกหมอบอกว่าเขาจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในอีก 2 วัน แต่ปรากฏว่า 2 วันต่อมา อาการเขามันยังไม่ดีพอที่จะออกได้ จึงต้องอยู่ต่อ เขาก็แบบไม่พอใจว่าหมอบอกว่า 2 วัน ทำไมมันเกิน คือเรื่องแบบนี้มันกำหนดแบบเป๊ะ ๆ ได้ที่ไหน มันต้องขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้ด้วยว่าจะเป็นยังไง
การที่เราไม่รู้จักยืดหยุ่นอะไรเลย มันเป็นผลดีหรือผลเสียมากกว่ากันครับ
ผมเคยเจอคนประเภทนี้มาเหมือนกัน เป็นคนญี่ปุ่นทั้งสองเหตุการณ์
แต่ก่อนผมเคยทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง จะมีนายญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่เขาค่อนข้างจะแยกตัวกับคนญี่ปุ่นคนอื่น ก็ไม่รู้เหตุผลอ่ะนะ แต่เขาเป็นคนญี่ปุ่นที่สนิทกับคนไทยที่สุดในโรงงาน เพราะเขาเป็นคนพูดมาก พูดเยอะ พูดเก่ง ชอบชวนคุยด้วยแหละ ตอนผมทำงานกับเขาไม่ค่อยได้แปล หรือทำอะไรที่มันเป็นเรื่องงานเลย ส่วนใหญ่เขามีแต่จะเดินไปเดินมาในโรงงาน เหมือนทำให้คนอื่นเห็นว่ามีงานนะ แล้วก็จะชอบชวนพวกคนงานคุยไปเรื่อย ๆ โดยมีผมเป็นล่าม
และเพราะเขาสนิทกับคนงานคนไทยนี่แหละ ก็มีบางครั้งเขาชอบชวนพี่ที่อยู่ในระดับผู้จัดการไปกินข้าวด้วยกันข้างนอก ผมก็ต้องไปด้วยแหละ ไม่งั้นคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่มันมีบางครั้งไงครับที่พี่เขานัดนายญี่ปุ่นนี่ไปกินข้าวตอนเที่ยง แต่บังเอิญว่าอาจจะเป็นช่วง 11 โมงกว่า ๆ พี่เขาโดนนายญี่ปุ่นที่ใหญ่กว่าเรียก หรือมีงานเข้ามากะทันหัน ทำให้เขาไม่สามารถที่จะมาได้ตรงเวลาตามที่นัด แถมนายญี่ปุ่นคนนี้ก็ดันเป็นพวกใจร้อนด้วย อะไรนิดหน่อยก็หงุดหงิด เคยมีบางครั้งเขายกเลิกไปเลย ไม่กินแล้ว เพราะพี่มาไม่ตรงเวลา แล้วทำให้บางทีเขาชอบว่าไปเลยว่าพี่คนนั้นไม่รักษาสัญญา บางทีเขาว่าเหมารวมไปถึงคนไทยทั้งหมดเลยว่า ไม่รักษาสัญญา นายคนนี้จะเป็นพวกแบบชอบเหมารวม คือไปเจอคนไทยคนเดียวที่นิสัยไม่ดี ก็ชอบเหมารวมคนไทยไปทั้งหมด
อีกครั้งเป็นคนไข้ญี่ปุ่น ซึ่งผมไปได้ยินเขาเล่ามาอีกที คือเหมือนตอนแรกหมอบอกว่าเขาจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในอีก 2 วัน แต่ปรากฏว่า 2 วันต่อมา อาการเขามันยังไม่ดีพอที่จะออกได้ จึงต้องอยู่ต่อ เขาก็แบบไม่พอใจว่าหมอบอกว่า 2 วัน ทำไมมันเกิน คือเรื่องแบบนี้มันกำหนดแบบเป๊ะ ๆ ได้ที่ไหน มันต้องขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้ด้วยว่าจะเป็นยังไง