ไดอารี่หมอดู โดย คุณหมอพีร์ ค่ะ
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 46 ค่ะ
กรกฎาคม ๒๕๕๑
สวัสดีทุกคนที่อ่านไดอารี่หมอดูค่ะ ช่วงนี้ฝนเริ่มตกบ่อยขึ้นทุกวัน ยังไงต้องดูแลสุขภาพกันบ้างนะคะ อาจจะไม่สบายได้ เดินไปไหนมาไหนพกร่มกันหน่อยนะคะ เดี๋ยวนี้ฝนตกได้ทุกที่เมื่อมีเมฆค่ะ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาลูกพีร์เพิ่งไปนอนโรงพยาบาลมา และเห็นเด็กที่อยู่เตียงข้าง ๆ เขาเป็นโรคที่รักษาหายยากหมอบอกว่าล้านคนจะเป็นคนหนึ่ง ลืมชื่อไปแล้วค่ะว่าชื่ออะไร พูดถึงเชื้อโรคสมัยนี้นี่น่ากลัวเหมือนกันนะคะ มี
การพัฒนาแบบจนรักษาให้หายยากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งคงมาจากจิตมนุษย์ที่มีความซับซ้อนในการทำบาปมากขึ้นเรื่อย ๆ เชื้อโรคก็เลยพัฒนาไปตามกรรมเพื่อให้ผลที่เหมาะสมกับบาปที่ทำไว้
ร่างกายยังเป็นอีกส่วนหนึ่งของการรองรับผลกรรมที่ทำลงไปในอดีต และร่างกายยังเป็นส่วนสำคัญของการรู้สึกถึงการมีอยู่ของตัวตนของเรา ตัวตนของเรายังประกอบด้วยจิตใจอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่ามีตัวเราอยู่ ร่างกายจิตใจจึงมีความสัมพันธ์กันมากๆ เหมือนจะแยกกันไม่ออก ทั้งที่สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันได้ ธรรมชาติมีความซับซ้อนมากสามารถทำให้พวกเราเข้าใจผิดกันได้ว่าสองสิ่งนี้แยกออกจากกันไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนละส่วนกัน
ธรรมชาติให้กายกับใจสัมพันธ์กันมาก ๆ ตัวอย่างเช่นจิตใจป่วยก่อนหลายวันทำให้ร่างกายป่วยตามใจ พอใจหายป่วยร่างกายหายป่วยตาม ทำให้เราคิดว่ากายกับใจเป็นสิ่งเดียวกันเลย แต่ความจริงธรรมชาติก็ให้เราสามารถแยกออกได้เหมือนกันนะคะ ว่ากายกับใจเป็นคนละส่วนกัน
ลองค่อย ๆ สำรวจตัวเองในอดีตที่ผ่านมาสิคะว่า เกิดมามีอะไรที่เสียใจที่สุดในชีวิตบ้าง เช่น เจ็บใจมากตอนแฟนนอกใจ เจ็บปวดมากตอนเขาโกหก เจ็บใจมากที่โดนหักหลัง เจ็บใจมากที่โดนด่า เสียใจมากที่เพื่อนเข้าใจผิด เสียใจตอนเสียพ่อ เห็นไหมคะใจมันเจ็บนะไม่ใช่กายเจ็บ ร่างกายไม่เห็นบ่นสักคำว่าเจ็บ บางคนทนไม่ไหวที่จิตใจได้รับความทุกข์ทรมาน คิดหลีกหนีความทรมานทางใจ โดยการคิดฆ่าตัวตาย คนฆ่าตัวตายมีความเข้าใจผิดอยู่อย่างหนึ่ง คือคิดว่าเมื่อทำร้ายร่างกายนี้จนตาย มันจะไม่ทุกข์ จะไม่เจ็บปวดอีกแล้ว ซึ่งความจริงยิ่งใจเกิดความเครียด เศร้า ตายไปมีแต่จะตกนรกทรมานหนักกว่าเดิมอีก จิตใจไม่ได้ดับสูญหายไปเลย คนคิดฆ่าตัวตายเพราะความทุกข์ทางใจ ถือว่าเป็นการฆ่าผิดตัว ร่างกายไม่ได้เสียใจไม่ได้ทุกข์ด้วยเลย จิตใจต่างหากที่เสียใจที่ทุกข์ เก่งจริง ๆ ต้องหาทางทำให้ใจมันไม่ทุกข์ ฆ่าที่จิตใจสิถึงจะไม่ทุกข์อีก
เมื่ออาทิตย์ก่อนมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาบอกว่าอยากดูดวงตอนนี้เลย เพราะมีเรื่องทุกข์ใจมากๆ รู้สึกว่าประมาณสักสามโมงได้ ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของเธอหรือเปล่านะคะที่จะยังไม่ตาย เพราะวันนั้นมีคนผิดนัดไม่มาสองคนเลยว่างคุยได้พอดี
น้องคนนี้อายุประมาณยี่สิบต้น ๆ เธอบอกว่าตอนนี้แฟนนอกใจเธอไปมีผู้หญิงคนอื่น เสียใจมากๆ อยากจะตาย ไม่อยากอยู่แล้ว มันทุกข์เหลือเกินวัน ๆ คิดแต่จะตายอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมาแฟนไม่เคยมีท่าทางว่าจะนอกใจเลย และคบกันมาห้าหกปีแล้ว ทำไมชีวิตถึงต้องเจอแบบนี้
ถามไปประมาณว่าก่อนมีผู้ชายคนนี้หนูอยู่กับใครมา เธอบอกว่าพ่อกับแม่ค่ะ ถามกลับไปว่าอยู่ได้ไหม เธอบอกว่าอยู่ได้ ใครเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโตเหรอ คำตอบเธอบอกมาว่าพ่อกับแม่ พูดบอกเธอไปเพื่อให้คิดนิดหนึ่งว่า พ่อแม่อุตส่าห์เลี้ยงมายี่สิบกว่าปี พอมาคบผู้ชายคนนี้ห้าปี เขาเลิกไป ไม่มีเขาถึงกับต้องฆ่าตัวตายเลยเหรอ คุ้มกันไหมเนี่ย เพิ่งได้ทำงานทดแทนค่าข้าวค่าน้ำที่พ่อแม่เลี้ยงมาหมดหรือยัง เธอก็เงียบลงนิดหนึ่ง ใจเริ่มถอนออกไป
ใจน้องเขาลึกๆ ไม่กล้าเท่าไหร่ คนที่คิดจะฆ่าตัวตายจริง ๆ ไม่โทรมาเล่าให้ใครฟังหรืออยากระบายเท่าไหร่ แต่ก็อาจมีกรณียกเว้นที่ไม่ยอมปล่อยวางเครียดอยู่คนเดียวเกินเจ็ดวันอาจจะทำจริงๆ ได้
เธอหลุดถามมาว่าแล้วถ้าหนูฆ่าตัวตายตอนนี้หนูจะไปไหน เครียด ๆ อย่างนี้ทางไปก็นรกค่ะ คิดดูเอาแล้วกันนะ ทุกข์อยู่บนโลกไม่เห็นเขาจะทุกข์กันทั้งชีวิตเลย ยังได้ดูทีวีแล้วหัวเราะ ยังได้กินข้าวอร่อย ๆ ยังได้ชอบปิ้งซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ บ้าง ไม่ได้ทุกข์ตลอดเวลาซักหน่อย ยังได้มีโอกาสลิ้มรสความสุขได้ตลอด ถึงแม้ไม่ใช่สุขในรัก แต่ในนรกความสุขแทบไม่เห็นเลย น้องเขาใจอ่อนลง ขอบคุณ แล้ววางสายไป
ฆ่าตัวตาย ร่างกายตายแต่วิญญาณทรมาน ไม่แน่ใจนะคะว่าพีร์เคยเล่าให้ฟังไปหรือยัง มีพี่คนหนึ่งเขาเอาดวงพี่สาวมาให้ดู วันนั้นจำได้ว่าประมาณสองทุ่ม เขายังไม่บอกอะไรมากดูดวงเขาไป อยู่ ๆ ก็เกิดสภาวะปวดแสบปวดร้อนมาก ๆ ไม่ใช่ร่างกายร้อนจากอากาศภายนอก เพราะเป็นห้องแอร์ จิตใจรู้สึกถึงความร้อน ปวดแสบปวดร้อน ทุกข์ทรมานมาก ๆ เหมือนตำพริกสด ๆ ทาทั่วร่างกายแล้วไปยืนตากแดดร้อน ๆ สักสี่สิบองศา
ถามเขาว่าพี่สาวเป็นอะไรเหรอ เขาบอกว่าพี่สาวฆ่าตัวตายเพิ่งเผาไปสองอาทิตย์ก่อน เขาเครียดเรื่องการเงินของที่บ้าน เกิดอาการตกใจเล็กน้อยว่าเมื่อกี้ที่สัมผัสเขาไปมันคือนรกใช่ไหมเนี่ย ไม่รู้จะทำยังไงเลยบอกเขาว่าเดี๋ยวขอวางสายก่อนนะ ขอโทรไปถามคุณดังตฤณก่อนกลัวตัวเองมั่วไปแช่งเขาว่าตกนรก
คุณดังตฤณบอกเป็นธรรมดาของคนฆ่าตัวตายตอนที่จิตใจอยู่ในสภาวะเครียดต้องไปใช้กรรมในนรก ซึ่งสภาวะที่พีร์เข้าไปสัมผัสได้ตอนนั้นมันแค่เศษของความทรมานในนรก เลยมาเล่าให้ฟังว่ายังจำได้อยู่เลยค่ะว่าทรมานยังไง คนไหนที่ทำกับข้าวคงรู้นะคะว่าเวลาตำน้ำพริกแล้วมันโดนที่ผิวเรามันจะแสบ ๆ ร้อน ๆยังไม่พอต้องไปตากแดดด้วยค่ะ แค่นี้ยังแย่มากทรมานมากเลยนะคะ ดังนั้นใครคิดว่าจะฆ่าตัวตายให้ลองไปตำพริกมาทาตัวแล้วไปยืนตากแดดดูก่อนค่ะว่าทนไหวไหม ถ้าทนไม่ไหวอย่าทำเลยค่ะ สงสารร่างกายที่พ่อแม่อุตส่าห์เลี้ยงมาจนโต
กลับไปที่น้องสาวคนที่โทรศัพท์มาคุยด้วยนิดหนึ่งนะคะ เธอพูดมาประโยคหนึ่งสะกิดหูมาก ๆ อยู่เหมือนกันค่ะ เธอบอกว่า “รักผู้ชายคนนี้มากอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา” จึงคิดฆ่าตัวตาย สิ่งที่สะกิดใจขึ้นมาคือนึกถึงพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า มนุษย์รักตัวเองมากที่สุด ซึ่งมีเหตุการณ์หนึ่งคือเทวดาบนสวรรค์คงไม่มีอะไรทำ มานั่งคุยกันในเรื่องที่ว่ามนุษย์รักอะไรมากที่สุด องค์หนึ่งบอกว่ารักสมบัติเงินทอง อีกองค์หนึ่งบอกไม่จริงมนุษย์รักครอบครัว รักพ่อแม่ อีกองค์บอกว่าไม่ใช่ มนุษย์รักเมีย รักลูก รักสามี มากที่สุด เทวดาเกิด
การถกเถียงกันหาข้อสรุปไม่ได้ เลยลงมาถามพระพุทธเจ้าว่ามนุษย์รักอะไรที่สุด เลยได้ข้อสรุปตามที่พระพุทธเจ้าตรัส คือมนุษย์รักตัวเองมากที่สุด
และมีอีกประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นตามมาในหัวตอนนั้นคือ เมื่อมนุษย์รักสิ่งไหนมากที่สุดมนุษย์ย่อมทุกข์กับสิ่งนั้นมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจนะคะว่ามนุษย์รักตัวเองมากที่สุด ก็เลยทุกข์กับตัวเองมากที่สุด ได้แค่เข้าใจจากความคิดตื้น ๆ แต่ยังไม่เข้าใจในอีกชั้นหนึ่ง ว่าทำไมถึงรักตัวเองมากที่สุด เพิ่งจะมาเข้าใจไปเมื่อเดือนที่แล้วนี้เองค่ะโดยผ่านประสบการณ์ตรงของตัวเอง ถึงบางอ้อเลยค่ะ ว่าทำไม มนุษย์ถึงรักตัวเองมากที่สุด และเมื่อรักตัวเองมากที่สุดถึงเกิดความทุกข์
...ไดอารี่หมอดู... โดย คุณหมอพีร์ ค่ะ ^ ^ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 46 - 47 ค่ะ
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 46 ค่ะ
กรกฎาคม ๒๕๕๑
สวัสดีทุกคนที่อ่านไดอารี่หมอดูค่ะ ช่วงนี้ฝนเริ่มตกบ่อยขึ้นทุกวัน ยังไงต้องดูแลสุขภาพกันบ้างนะคะ อาจจะไม่สบายได้ เดินไปไหนมาไหนพกร่มกันหน่อยนะคะ เดี๋ยวนี้ฝนตกได้ทุกที่เมื่อมีเมฆค่ะ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาลูกพีร์เพิ่งไปนอนโรงพยาบาลมา และเห็นเด็กที่อยู่เตียงข้าง ๆ เขาเป็นโรคที่รักษาหายยากหมอบอกว่าล้านคนจะเป็นคนหนึ่ง ลืมชื่อไปแล้วค่ะว่าชื่ออะไร พูดถึงเชื้อโรคสมัยนี้นี่น่ากลัวเหมือนกันนะคะ มี
การพัฒนาแบบจนรักษาให้หายยากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งคงมาจากจิตมนุษย์ที่มีความซับซ้อนในการทำบาปมากขึ้นเรื่อย ๆ เชื้อโรคก็เลยพัฒนาไปตามกรรมเพื่อให้ผลที่เหมาะสมกับบาปที่ทำไว้
ร่างกายยังเป็นอีกส่วนหนึ่งของการรองรับผลกรรมที่ทำลงไปในอดีต และร่างกายยังเป็นส่วนสำคัญของการรู้สึกถึงการมีอยู่ของตัวตนของเรา ตัวตนของเรายังประกอบด้วยจิตใจอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่ามีตัวเราอยู่ ร่างกายจิตใจจึงมีความสัมพันธ์กันมากๆ เหมือนจะแยกกันไม่ออก ทั้งที่สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันได้ ธรรมชาติมีความซับซ้อนมากสามารถทำให้พวกเราเข้าใจผิดกันได้ว่าสองสิ่งนี้แยกออกจากกันไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนละส่วนกัน
ธรรมชาติให้กายกับใจสัมพันธ์กันมาก ๆ ตัวอย่างเช่นจิตใจป่วยก่อนหลายวันทำให้ร่างกายป่วยตามใจ พอใจหายป่วยร่างกายหายป่วยตาม ทำให้เราคิดว่ากายกับใจเป็นสิ่งเดียวกันเลย แต่ความจริงธรรมชาติก็ให้เราสามารถแยกออกได้เหมือนกันนะคะ ว่ากายกับใจเป็นคนละส่วนกัน
ลองค่อย ๆ สำรวจตัวเองในอดีตที่ผ่านมาสิคะว่า เกิดมามีอะไรที่เสียใจที่สุดในชีวิตบ้าง เช่น เจ็บใจมากตอนแฟนนอกใจ เจ็บปวดมากตอนเขาโกหก เจ็บใจมากที่โดนหักหลัง เจ็บใจมากที่โดนด่า เสียใจมากที่เพื่อนเข้าใจผิด เสียใจตอนเสียพ่อ เห็นไหมคะใจมันเจ็บนะไม่ใช่กายเจ็บ ร่างกายไม่เห็นบ่นสักคำว่าเจ็บ บางคนทนไม่ไหวที่จิตใจได้รับความทุกข์ทรมาน คิดหลีกหนีความทรมานทางใจ โดยการคิดฆ่าตัวตาย คนฆ่าตัวตายมีความเข้าใจผิดอยู่อย่างหนึ่ง คือคิดว่าเมื่อทำร้ายร่างกายนี้จนตาย มันจะไม่ทุกข์ จะไม่เจ็บปวดอีกแล้ว ซึ่งความจริงยิ่งใจเกิดความเครียด เศร้า ตายไปมีแต่จะตกนรกทรมานหนักกว่าเดิมอีก จิตใจไม่ได้ดับสูญหายไปเลย คนคิดฆ่าตัวตายเพราะความทุกข์ทางใจ ถือว่าเป็นการฆ่าผิดตัว ร่างกายไม่ได้เสียใจไม่ได้ทุกข์ด้วยเลย จิตใจต่างหากที่เสียใจที่ทุกข์ เก่งจริง ๆ ต้องหาทางทำให้ใจมันไม่ทุกข์ ฆ่าที่จิตใจสิถึงจะไม่ทุกข์อีก
เมื่ออาทิตย์ก่อนมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาบอกว่าอยากดูดวงตอนนี้เลย เพราะมีเรื่องทุกข์ใจมากๆ รู้สึกว่าประมาณสักสามโมงได้ ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของเธอหรือเปล่านะคะที่จะยังไม่ตาย เพราะวันนั้นมีคนผิดนัดไม่มาสองคนเลยว่างคุยได้พอดี
น้องคนนี้อายุประมาณยี่สิบต้น ๆ เธอบอกว่าตอนนี้แฟนนอกใจเธอไปมีผู้หญิงคนอื่น เสียใจมากๆ อยากจะตาย ไม่อยากอยู่แล้ว มันทุกข์เหลือเกินวัน ๆ คิดแต่จะตายอย่างเดียว เพราะที่ผ่านมาแฟนไม่เคยมีท่าทางว่าจะนอกใจเลย และคบกันมาห้าหกปีแล้ว ทำไมชีวิตถึงต้องเจอแบบนี้
ถามไปประมาณว่าก่อนมีผู้ชายคนนี้หนูอยู่กับใครมา เธอบอกว่าพ่อกับแม่ค่ะ ถามกลับไปว่าอยู่ได้ไหม เธอบอกว่าอยู่ได้ ใครเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโตเหรอ คำตอบเธอบอกมาว่าพ่อกับแม่ พูดบอกเธอไปเพื่อให้คิดนิดหนึ่งว่า พ่อแม่อุตส่าห์เลี้ยงมายี่สิบกว่าปี พอมาคบผู้ชายคนนี้ห้าปี เขาเลิกไป ไม่มีเขาถึงกับต้องฆ่าตัวตายเลยเหรอ คุ้มกันไหมเนี่ย เพิ่งได้ทำงานทดแทนค่าข้าวค่าน้ำที่พ่อแม่เลี้ยงมาหมดหรือยัง เธอก็เงียบลงนิดหนึ่ง ใจเริ่มถอนออกไป
ใจน้องเขาลึกๆ ไม่กล้าเท่าไหร่ คนที่คิดจะฆ่าตัวตายจริง ๆ ไม่โทรมาเล่าให้ใครฟังหรืออยากระบายเท่าไหร่ แต่ก็อาจมีกรณียกเว้นที่ไม่ยอมปล่อยวางเครียดอยู่คนเดียวเกินเจ็ดวันอาจจะทำจริงๆ ได้
เธอหลุดถามมาว่าแล้วถ้าหนูฆ่าตัวตายตอนนี้หนูจะไปไหน เครียด ๆ อย่างนี้ทางไปก็นรกค่ะ คิดดูเอาแล้วกันนะ ทุกข์อยู่บนโลกไม่เห็นเขาจะทุกข์กันทั้งชีวิตเลย ยังได้ดูทีวีแล้วหัวเราะ ยังได้กินข้าวอร่อย ๆ ยังได้ชอบปิ้งซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ บ้าง ไม่ได้ทุกข์ตลอดเวลาซักหน่อย ยังได้มีโอกาสลิ้มรสความสุขได้ตลอด ถึงแม้ไม่ใช่สุขในรัก แต่ในนรกความสุขแทบไม่เห็นเลย น้องเขาใจอ่อนลง ขอบคุณ แล้ววางสายไป
ฆ่าตัวตาย ร่างกายตายแต่วิญญาณทรมาน ไม่แน่ใจนะคะว่าพีร์เคยเล่าให้ฟังไปหรือยัง มีพี่คนหนึ่งเขาเอาดวงพี่สาวมาให้ดู วันนั้นจำได้ว่าประมาณสองทุ่ม เขายังไม่บอกอะไรมากดูดวงเขาไป อยู่ ๆ ก็เกิดสภาวะปวดแสบปวดร้อนมาก ๆ ไม่ใช่ร่างกายร้อนจากอากาศภายนอก เพราะเป็นห้องแอร์ จิตใจรู้สึกถึงความร้อน ปวดแสบปวดร้อน ทุกข์ทรมานมาก ๆ เหมือนตำพริกสด ๆ ทาทั่วร่างกายแล้วไปยืนตากแดดร้อน ๆ สักสี่สิบองศา
ถามเขาว่าพี่สาวเป็นอะไรเหรอ เขาบอกว่าพี่สาวฆ่าตัวตายเพิ่งเผาไปสองอาทิตย์ก่อน เขาเครียดเรื่องการเงินของที่บ้าน เกิดอาการตกใจเล็กน้อยว่าเมื่อกี้ที่สัมผัสเขาไปมันคือนรกใช่ไหมเนี่ย ไม่รู้จะทำยังไงเลยบอกเขาว่าเดี๋ยวขอวางสายก่อนนะ ขอโทรไปถามคุณดังตฤณก่อนกลัวตัวเองมั่วไปแช่งเขาว่าตกนรก
คุณดังตฤณบอกเป็นธรรมดาของคนฆ่าตัวตายตอนที่จิตใจอยู่ในสภาวะเครียดต้องไปใช้กรรมในนรก ซึ่งสภาวะที่พีร์เข้าไปสัมผัสได้ตอนนั้นมันแค่เศษของความทรมานในนรก เลยมาเล่าให้ฟังว่ายังจำได้อยู่เลยค่ะว่าทรมานยังไง คนไหนที่ทำกับข้าวคงรู้นะคะว่าเวลาตำน้ำพริกแล้วมันโดนที่ผิวเรามันจะแสบ ๆ ร้อน ๆยังไม่พอต้องไปตากแดดด้วยค่ะ แค่นี้ยังแย่มากทรมานมากเลยนะคะ ดังนั้นใครคิดว่าจะฆ่าตัวตายให้ลองไปตำพริกมาทาตัวแล้วไปยืนตากแดดดูก่อนค่ะว่าทนไหวไหม ถ้าทนไม่ไหวอย่าทำเลยค่ะ สงสารร่างกายที่พ่อแม่อุตส่าห์เลี้ยงมาจนโต
กลับไปที่น้องสาวคนที่โทรศัพท์มาคุยด้วยนิดหนึ่งนะคะ เธอพูดมาประโยคหนึ่งสะกิดหูมาก ๆ อยู่เหมือนกันค่ะ เธอบอกว่า “รักผู้ชายคนนี้มากอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา” จึงคิดฆ่าตัวตาย สิ่งที่สะกิดใจขึ้นมาคือนึกถึงพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า มนุษย์รักตัวเองมากที่สุด ซึ่งมีเหตุการณ์หนึ่งคือเทวดาบนสวรรค์คงไม่มีอะไรทำ มานั่งคุยกันในเรื่องที่ว่ามนุษย์รักอะไรมากที่สุด องค์หนึ่งบอกว่ารักสมบัติเงินทอง อีกองค์หนึ่งบอกไม่จริงมนุษย์รักครอบครัว รักพ่อแม่ อีกองค์บอกว่าไม่ใช่ มนุษย์รักเมีย รักลูก รักสามี มากที่สุด เทวดาเกิด
การถกเถียงกันหาข้อสรุปไม่ได้ เลยลงมาถามพระพุทธเจ้าว่ามนุษย์รักอะไรที่สุด เลยได้ข้อสรุปตามที่พระพุทธเจ้าตรัส คือมนุษย์รักตัวเองมากที่สุด
และมีอีกประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นตามมาในหัวตอนนั้นคือ เมื่อมนุษย์รักสิ่งไหนมากที่สุดมนุษย์ย่อมทุกข์กับสิ่งนั้นมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจนะคะว่ามนุษย์รักตัวเองมากที่สุด ก็เลยทุกข์กับตัวเองมากที่สุด ได้แค่เข้าใจจากความคิดตื้น ๆ แต่ยังไม่เข้าใจในอีกชั้นหนึ่ง ว่าทำไมถึงรักตัวเองมากที่สุด เพิ่งจะมาเข้าใจไปเมื่อเดือนที่แล้วนี้เองค่ะโดยผ่านประสบการณ์ตรงของตัวเอง ถึงบางอ้อเลยค่ะ ว่าทำไม มนุษย์ถึงรักตัวเองมากที่สุด และเมื่อรักตัวเองมากที่สุดถึงเกิดความทุกข์