ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 28/9/2016 (เทศกาลกินเจ)

กระทู้คำถาม


***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี  ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น


วันไหว้พระจันทร์ผ่านไปแล้ว ใกล้ถึงเทศกาลกินเจซึ่งปีนี้เทศกาลกินเจ 2559 วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 9 ตุลาคม
แต่บางคนอาจกินเจล่วงหน้า 1 วัน หรือที่เรียกว่า "ล้างท้อง" นั่นเอง งั้นวันนี้มารู้จักเทศกาลกินเจกันเถอะ




"เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" สีแดงเป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคลในชีวิต ส่วนสีเหลืองเป็นสีของพุทธศาสนาหรือผู้ทรงศีล
พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตน "ถือศีล-กินเจ" ควรตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน
จุดประสงค์หลักของการกินเจ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ

1. กินเพื่อสุขภาพ เมื่อกินติดต่อกัน จะทำให้ขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ และปรับระบบต่างๆ ในร่างกายให้สมดุล
2. กินด้วยจิตเมตตา ให้ระลึกได้ว่าที่เรามีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็อาศัยชีวิตสัตว์ทั้งหลายมากมาย  
3. กินเพื่อเว้นกรรม ช่วงนี้คนจะทานผักกันเยอะทำให้มีการฆ่าสัตว์ลดลง


ประโยชน์ของการกินเจ
ในมุมมองของแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ
1. ให้พลังเย็น โดยได้รับพลังงานจากฟรุกโตส ซึ่งมีในผัก ผลไม้ เป็นพลังที่ไม่ทำร้ายร่างกาย
2. ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้าง ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร
3. หากรับประทานประจำจะช่วยฟอกโลหิตในร่างกายให้สะอาด เซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะเสื่อมช้าลง ผิวพรรณผ่องใส
4. ทำให้ปราศจากโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคตับ โรคลำไส้ โรคเก๊าต์ ฯลฯ
5. อวัยวะหลักของร่างกาย และอวัยวะเสริมทั้ง 5 ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถภาพอวัยวะหลัก ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด
อวัยวะเสริมทั้ง 5 ได้แก่ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี
6. ผู้ที่กินเจจะมีร่างกายที่สามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้สูงกว่าคนปกติทั่วไป

ตำนานของการกินเจ มีมากมายหลายเรื่องด้วยกันบ้างเกี่ยวกับศาสนา บ้างเกี่ยวกับการเมือง แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ
บุคคลทั่วไปควรจะลดละอกุศลกรรมทั้งมวล สะสมแต่สิ่งที่ดีงามเพื่อรับพรจากเทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์  ทำให้จิตใจเบิกบาน ผ่องแผ้ว
มีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตสืบไป



ขอสรุปบางตำนานที่น่าสนใจมาเพียงสั้นๆ ดังนี้

รำลึกถึงวีรชนทั้ง 9
เทศกาลกินเจเริ่มขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว เป็นการบำเพ็ญกุศลเพื่อรำลึกถึงวีรชน 9 คน ที่ต่อสู้กับชาวแมนจูผู้รุกรานอย่างกล้าหาญ
ถึงแม้จะแพ้และต้องตายก็ตาม ดังนั้นเมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวแมนจู
(ถูกบังคับให้โกนผมครึ่งหัวเหมือนแมนจู) จึงพากันนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้ ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น
เพราะเชื่อว่าการปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยชำระจิตวิญญาณเกิดความเข้มแข็งทางร่าง กายและจิตใจ

บูชาพระพุทธเจ้า
เชื่อว่า เพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์
หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า "ดาวนพเคราะห์" ทั้ง 9 ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์
พระราหู และพระเกตุ

เล่าเอี๋ย
เมื่อ 1,500 ปีก่อน ณ มณฑลกังไส ฮ่องเต้มีพระราชโอรส 9 พระองค์ซึ่งเก่งทั้งบุ๋น บู๊ ทำให้หัวเมืองต่างๆ ยอมสวามิภักดิ์
ยกเว้นแคว้นก่งเลี้ยดที่มีอำนาจเข้มแข็ง ต่อมาก่งเลี้ยดชนะโดยใช้ทหารที่มีมากกว่าล้อมพระราชโอรสทั้งเก้าไว้ทุกด้าน
แต่ก็ยังไม่สามารถบุกเข้าเมืองได้จึงถอยทัพกลับ จนวันหนึ่งชาวกังไสเกิดความแตกสามัคคีและเอาเปรียบกัน
(คนเรามักเป็นแบบนี้เนอะ พอมีศึกร่วมรบ พอสงบเราก็แตกกันเอง) เทพยดาทราบว่าอีกไม่นานกังไสจะเกิดภัยพิบัติ
ชาวบ้านจะพ้นภัยได้ก็ต่อเมื่อได้สร้างผลบุญของตนเอง ดวงวิญญาณพระราชโอรสเพ่งญาณเห็นว่าควรเริ่มที่บ้านเศรษฐีใจบุญลีฮั้วก่าย
ในคืนหนึ่งมีขอทานโรคเรื้อนมาขอพบ เศรษฐีจึงมอบเงินให้เป็นค่าเดินทาง แต่ขอทานไม่ไป และประกาศให้ชาวเมืองถือศีลกินเจ
เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ผู้ใดทำตามภัยพิบัติจะหายไป เศรษฐีนำมาปฏิบัติก่อน แล้วต่อมาผู้อื่นจึงปฏิบัติตาม


การปฏิบัติตัวช่วงเทศกาลกินเจ

ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ
งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์
งด นม เนย หรือน้ำมันจากสัตว์
งดอาหารรสจัด หมายถึง อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก
งดผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด (ผักที่ไม่เจ) คือ



"อาหารเจ" เป็นอาหารที่ปรุงขึ้นจากพืชผักธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีเนื้อสัตว์ปน และที่สำคัญต้องไม่ปรุงด้วยผักฉุนทั้ง 5
ตามความเชื่อทางการแพทย์จีน ของผักเหล่านี้มีรสหนัก กลิ่นรุนแรง เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ


คำถามสัตว์อะไรที่ทานได้ ถือว่าเจ ???

เล่ากันว่าในอดีต เสบียงของพระถังซัมจั๋งและศิษย์เอกที่กำลังเดินทางข้ามทะเลเกิดหมดลง พระถังซัมจั๋งกินเจจะจับปลากินก็ไม่ได้
ขณะที่กำลังหิวใกล้หมดแรงนั่นเอง พระถังซัมจั๋งจึงอธิษฐานจิตว่าจะเอาไม้จุ่มลงในทะเล หากมีอะไรติดขึ้นมาก็ถือว่ากินได้
เมื่อยกขึ้นมาก็พบว่ามีหอยนางรมติดมา จึงถือว่าเป็นอาหารเจได้นับแต่นั้นมา




อีกตำนานเล่าว่า มีเหล่าสาวกของพระโพธิสัตว์ขณะเดินทางอยู่กลางทะเลเสบียงหมด (คล้ายตำนานแรกอยู่นะช่วงนี้)
เนื่องจากปวารณาว่ากินเจ จึงอธิษฐานเอาไม้จุ่มในทะเล ว่า อะไรติดขึ้นมาก็ถือว่ากินได้ (ยังคล้ายอยู่ๆ)
ปรากฏว่า สิ่งที่ติดขึ้นมา คือหอยนางรมและสาหร่าย ทีนี้สาวกก็แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งกินแต่สาหร่าย กลุ่มหนึ่งกินหอยนางรม
ตรงนี้ตำนานบอกว่าเป็นการทดสอบลองใจเหล่าสาวก ทำให้แบ่งเป็นพวกเคร่งครัด กับไม่เคร่งครัดนัก นั่นเอง

แต่ถ้าเราไม่อยู่ในภาวะลำบากขัดสนอาหาร ก็ปล่อยๆ หอยนางรมไปแล้วกันเนอะ

.............................................................


ไม่ว่าจะเป็นตำนานแบบไหนก็ตาม เราคิดว่าสิ่งที่จะสื่อก็คือ ให้เข้าถึงแก่นของการกินเจ นั่นคือ ต้องมีใจสะอาด บริสุทธิ์ คิดดี ทำดี
หากอยู่ในภาวะจำเป็น เพื่อรักษาร่างกายซึ่งเป็นกายหยาบให้อยู่รอดเพื่อสร้างความดีและบารมีสืบไป เราอาจละเว้นกฎในบางครั้ง
หากพระถังซัมจั๋งไม่คิดวิธีนี้ก็คงไม่สามารถเดินทางไปอันเชิญพระไตรปิฏกได้


กินเจดีนะ ทำนองเพลงคุณลำใย

https://www.youtube.com/watch?v=alJsw7Oh89o
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
สวัสดีค่ะพี่ชุนเทียน เพื่อนๆห้องเพลง ขอเสริมประวัติเทศกาลกินเจอีกตำนาน
ปีค.ศ.1279 กองทัพมองโกลยึดหลินอาน ของราชวงศ์ซ่งใต้ได้ ลู่ซิ่วฟูขุนนางผู้ใหญ่ในราชสำนัก ได้พายุวกษัตริย์"จ้าวปิ่ง"หลบหนี ถึงภูเขาหยาซาน(ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมืองซินฮุ่ย มณฑลกวางตุ้ง) ถูกทหารมองโกลล้อมไว้ ลู่ซิ่วฟู่ที่แบกยุวกษัตริย์บนหลัง ตัดสินใจกระโดดลงน้ำฆ่าตัวตายพร้อมกษัตริย์พระองค์น้อย เป็นการล่มสลายของราชวงศ์ซ่งใต้
ประเพณีกินเจในเทศกาลเดือนเก้าของจีน ชาวจีนฮกเกี้ยนและแต้จิ๋วจัดขึ้นเพื่อไว้ทุกข์ และอุทิศส่วนกุศลให้ยุวกษัตริย์ของตน แต่อ้างการกินเจตามคติพุทธศาสนา ปิดบังไม่ให้มองโกลรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง ผู้ร่วมพิธีจึงแต่ชุดขาวไว้ทุกข์ กระดาษและสิ่งของอย่างอื่นใช้สีเหลือง ซึ่งเป็นสีกษัตริย์ (พิธีการกุศลอื่นไม่มีปรากฎว่าใช้สีนี้) อธิบายให้เข้ากับพิธีทางศาสนาว่า สีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ 9 พระองค์ เสด็จในพิธีมีฐานะเป็น"พุทธราชา" จึงต้องใช้สีเหลือง เรียกเทศกาลกินเจนี้ว่า "กิ๋วฮ้วงเส่งหวย" (จิ่วหวงเสิ้งหุ้ย) แปลว่า "นวพุทธราชามหาสันนิบาต" แท้จริงแล้ว เลขเก้าหมายถึงยุวกษัตริย์พระชันษา 9 ปี ประเพณีนี้แพร่หลายในหมู่ชาวจีนทางชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเฉียงใต้ก่อน จึงแพร่ไปถิ่นอื่น ชาวจีนในเมืองไทยส่วนมากเป็นแต้จิ๋วและฮกเกี้ยน จึงนำประเพณีนี้มาแพร่หลายในบ้านเรา
ความคิดเห็นที่ 28
ความแตกต่างระหว่าง “เจ” กับ “มังสวิรัต”

อาหารมังสวรัติ เป็นอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ประกอบเช่นเดียวกัน แต่มังสวิรัติสามารถทานนมหรือผักได้ทุกชนิด
แต่อาหารเจ จะต้องเว้นผักฉุน ทั้ง 5 ประเภท ได้แก่ กระเทียม หัวหอม (ทุกชนิด) หลักเกียว (กระเทียมโทนจีน)
กุยช่าย และใบยาสูบ รวมไปถึงของเสพติดทุกชนิด และจะต้องประพฤติศีลร่วมด้วย
ขณะที่มังสวิรัติคือการไม่รับประทานเนื้อสัตว์เพียงเท่านั้น





ข้อแนะนำค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่