กินเจ นอกจากจะได้บุญจากการละเว้นชีวิตสัตว์แล้ว ยังเป็นเทศกาลที่ช่วยให้สุขภาพของผู้กินเจดีขึ้นด้วย เพราะได้งดเว้นเนื้อสัตว์และบริโภคพืชผักมากขึ้น ทำให้กระเพาะได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์ รวมทั้งได้รับวิตามินเข้าไปเสริมสร้างซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ตลอดจนได้รับโปรตีนจากถั่วชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นโปรตีนที่แตกต่างจากเนื้อสัตว์ แต่ทั้งนี้ก็ควรมีวิธีเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสมและมีความหลากหลายในแต่ละวัน
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยทดแทนเนื้อสัตว์ด้วยโปรตีนจากพืชตระกูลถั่ว เช่น เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง และโปรตีนเกษตร
- บริโภคข้าวกล้องหรือข้าวที่ผ่านการขัดสีน้อย เนื่องจากมีสารอาหารและวิตามินมากกว่าข้าวขาวหรือข้าวขัดสี เลี่ยงอาหารที่เลียนแบบเนื้อสัตว์ เพราะส่วนใหญ่จะทำจากแป้ง อาจทำให้ร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดตมากเกินไป
- งดอาหารหมักดอง เนื่องจากมีโซเดียมสูง ควรเน้นรับประทานผักและผลไม้สดแทน
- เลี่ยงอาหารประเภทผัด ทอด เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับไขมันมากเกินไป โดยเลือกอาหารประเภทต้ม นึ่ง ย่างแทน หรือเลือกใช้ไขมันดีในการปรุงอาหาร เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง
- ควรงดอาหารประเภทแป้งตอนเย็น ควรกินอาหารประเภทแป้งในตอนเช้า แต่ในช่วงเย็นควรงดอาหารประเภทแป้ง เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายไม่ได้ใช้พลังงานแล้ว หากกินในช่วงเย็นจะทำให้ร่างกายสะสมพลังงานเกินจำเป็น และน้ำหนักตัวอาจเพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และถูกสุขลักษณะแล้ว ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังสม่ำเสมอ รวมทั้งทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เพื่อให้ได้สุขภาพดีทั้งกายและใจ
แต่อย่างไรหากมีปัญหาโรคอ้วนแล้ว ปัจจุบันมีนวัตกรรมใส่บอลลูนลดน้ำหนักที่เป็นซิลิโคนใส่เข้าไปในกระเพาะอาหาร โดยแพทย์เฉพาะทางจะส่องกล้องเข้าไปทางหลอดอาหาร เริ่มแรกบอลลูนจะมีขนาดเล็ก จนเมื่อถึงกระเพาะอาหารจะค่อย ๆ ใส่น้ำที่ผสมกับสารสีฟ้าชื่อว่าเมธิลีนบลู (Methylene Blue) เข้าไปในบอลลูน ประมาณ 400-500 ซีซีเพื่อให้ขยายตัวออก โดยแพทย์จะฉีดยาชาและยานอนหลับให้แก่คนไข้ในระหว่างดำเนินการ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี
กินเจ อย่างไรให้หุ่นไม่พัง