เรื่องย่อ : ผนึกพลังสามโลก
นิยายจีนที่จะทำให้คุณได้ลุ้นสนุกไปกับเด็กหนุ่มที่เกิดเป็นคำสาบโรคมรณะ ร่ายกายอ่อนแอ น่าจะอยู่ได้แค่ 30 ปี กับเส้นทางนักสู้ที่ต้องก้าวข้ามผ่านไปกับตระกูลที่ดูเหมือนจะไร้ความหวังและเส้นทางที่เชื่อมโยงกับจอมมาร จอมไสยเทพ กับขนนก ห้วงเวลาคืออะไร ตัวตนของพระเอกมีความเชื่อมโยงไหม จริงๆแล้วมีไรเกี่ยวข้องกันแน่
พบได้แล้วกับนิยายที่มาพร้อมกับความซับซ้อนและการผจญภัยที่สนุกกับการท่องโลกของมู่หนานฟง
ตอนที่ 1 : ขนนกสีทองกับห้วงกาลเวลา
ปัจจุบัน
ณ อาณาจักร โซวจือ
เร่เข้ามาๆ อาวุธระดับ2ดาว ผสานมารทอง 3พัน ฟูหมิน ทางนี้ๆ ชุดเกราะระดับ2ดาว ผสานเทพเงิน 2พัน5ร้อยฟูหมิน มาทางนี้ก็ได้ครับ คัมภีร์มากมายตั้งแต่ระดับ 1-ระดับ3
มาดูทางนี้ไหมครับ คุณชาย จิตเทพ จิตมาร ระดับ2-4 ราคาไม่แพง ไว้ฝึกจิตครับ
100ปีที่แล้ว
ตำนานบทที่ 1 : ขนนกสีทองกับห้วงกาลเวลา
การต่อสู้ระหว่างเทพธาตุ ฝั่งมารกับเทพ โดยที่ฝ่ายมารต้องการยึดอาณาจัรมนุษย์ไว้ทั้งหมด ขณะที่ฝ่ายเทพทำสัญญาไว้กับมนุษย์เพื่อปกป้อง ขณะที่เทพธาตุแต่ละธาตุกำลังต่อสู้กับกลุ่มมาร 5 พิภพนั้น
จอมมารได้เข้าปะทะจอมไสยเทพ อย่างดุเดือด
จอมมาร : ฝ่ามือมารอสูร
จอมไสยเทพ : โล่พิทักษ์สวรรค์
แต่ด้วยแรงอาฆาตมากมายทำให้จอมไสยเทพได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างคิ้ว หลังจากสู้มากยาว นานนับ 3 วัน
จอมมาร : นี่คือโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้านะ ถ้าพวกเจ้ายั่งจะรักษาชีวิตมนุษย์ เทพกับมารกจะอยู่ด้วยกันไมได้อีกต่อไป และดินแดนเทพจะตกเป็นอันตรายเข้าซักวัน
จอมเทพ : เจ้าไม่มีทางเข้าไปได้หรอก อย่างที่รู้มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถอยู่ได้ในสามโลก
จอมมาร : ทุกออย่างมีเกิดมีดับ ซักวันข้าตะฝ่าผนึกเทพเข้าไปให้ได้
หลังจากนั้นก็ต่อสู้ กันยาวนาน โดยฝั่งเทพและมารก็มีจำนวนผ็เสียชีวิต นีบแสน ดวงจิตเหล่านี้ จะสามารถฟื้นชีพได้ที่ สถานนฑูตศิลาของฝั่งเทพ และนรกกกัมปนาทที่ฝั่งมาร แต่จะไม่สามารถออกจากอาณาเขตตัวเองไปโลกมนุษย์ได้ เป็นเวลา 25 วัน
เมื่อสู้กันต่อไปได้อีกเล็กน้อย ด้วยพลังของจอมไสยเทพ ที่โดนดูดกลืนไปยังโลกมนษย์ และ จอมมารได้พบวิธีสร้างพลังตัวเองขึ้นมาจากโลกมนุษย์ กำเนิดเป็น วิญญูกาลเวลา มาร5ภิพก็ทิ้งการปะมือกับเทพธาตุมารวมอยู่ข้างหน้า จอมมาร ขณะที่เทพธาตุพยายามรีบไปขวางหน้าจอมไสยเทพ
แต่ทุกอย่างสายไปซะแล้ว วิญญุกาลเวลเป็นเวทต้องหามขั้นสูงสุด ที่จอมมมารได้ค้นพบ จากคัมภีร์ต้องห้าม รวมถึงการรวมจิตมนุษย์ที่เทพแพ้ทาง และ ยังผ่านกระบวนการปลุกเสกที่มีแต่จอมมารเท่านั้นที่ร็
วงแหวนและไอน้ำทรงกลมเกิดขึ้นรอบๆตัวจอมไสยเทพ จอมไสยเทพไม่สามารถที่แม้แต่จะทำอะไรได้เลย หลังจากนั้นกลุ่มมาร 5 พิภพก็ร่าย คาถาของแต่ละคนเป็นวิญญานเลือดไปล้อมรอบไอน้ำและวงแหวน
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เหมือนวิญญานของจอมไสยเทพโดนบีบอัดจนเหมือนวิญญานแตกสลาย ขณะที่เทพธาตุก็จะสูญสลายไปด้วย ถ้าจอมไสยเทพตาย ต่างกับจอมมมารที่ต่อให้มาร5พิภพตาย ก็ไม่ได้สะเทือนถึงดวงจิตเลยแม้แต่น้อย เพราะจอมมารได้ค้นพบวิชามารต้องห้ามต่างๆ ที่ช่วยเหลือตนเอง
โดยที่มาต่างๆ ก็ยังเป็นความลับยิ่งนัก
เทพธาตุทอง : ไม่เป็นไรหรอกจอมเทพ ถ้าพวกเราตายพวกเราสามารถเกิดใหม่ได้ แม้โลกมนุษย์จะถูฏจอมมารยึดครองแต่พวกเราสามารถ รวมกำลังพลใหม่ได้
เทพธาตุดิน : ถึงพวกเราจะส็จอมมารไม่ได้ แต่พวกเราก็จะต้านให้ได้มากที่สุด ขอท่านจงอย่าเสียใจไปเลย พวกเราก็คิดว่ามนุษย์น่าจะหาที่กำบังไว้แล้ว
เทพธาตุไฟ : พวกเราได้สอนมนุษย์วางค่ายกลไว้ คิดว่าจอมมารก็ไม่สามารถหาพวกเขาได้ง่ายนัก อย่างน้อยก็ยื้อเวลาที่พวกเราจะรวมกำลังมาที่โลกมนุษย์"ด้อกีครั้ง
จอมมาร : ข้าลืมบอกอีกอย่าง ผู้ใดที่ตายด้วยวิญญุอสูรจะสูญสลาย ไม่สามารถเกิดใหม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ ล้วพวกเจ้าก็จะต้องตายพร้อมกัน ไปกับดวงจิตของจอมไสยเทพ ฮ่าๆๆๆๆ
เสียงหัวเราะนั้นดังกึกก้องป่วนประสาทเหลือคณานับ ผู้นำเทพแต่เทพธาตุสูญสลายไปกับอากาศ พรอ้มกับการกรีดร้องอันโหยหวน อย่างที่ทหารเทพไม่เคยเห็นมาก่อน
จอมมาร : ข้าก็ต้องสูญเสียแขนทั้งสอง รวมถึงมาร5ภิภพของข้า แต่มีแค่ขากับทหารมารชั้นเลวที่เหลือก็พอที่จะจัดการพวกเจ้าที่เหลือแล้ว แค่นี้ก็ยุติ ฮ่าๆๆๆๆๆ
ขณะที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของจอมมารและโลกมนุษย์จะถึงจุดจบโดยจอมมารในไม่ช้า ได้มีขนนกรูปร่างประหลาดยาวประมาณ 4 นิ้ว สีทองปรากฎอยู่ แล้วห้วงเวลาก็เกิดผิดเพี้ยนที่ดวงจิตของจอมมาร
จอมมารถูกส่งกลับมา นรก พร้อมกับผนึกบางอย่าง จอมมารรู้ตัวเสียแล้วว่าเสียท่า ไม่คิดว่าจอมไสยเทพจะมีท่าลับแบบนี้ด้วย จอมมารสำรวจผนึกอย่างละเอียด พร้อมกับเรียกหมอยานรก ที่อยู่ที่ฐาน มาตรวจสอบ
ผนึกพันปี
จอมมารโมโหจัด ซัดหมอยา นับ 15 ตน ตายเรียบ ขณะที่ทหารชั้นเวล นั่งคุกเข่าเหมือนรู้ชะตากรรม ขณะที่จอมมารกำลังจะลงมือต่อได้คิดว่า อีก 300 ปีข้างหน้า จะถึงเวลาครบหมื่นปี ปราสาทเวหา 1 ใน10 สิ่งวิเศษ จะปรากฎที่ดินแดนนรก
รู้สึกว่าการจะเปิดผนึกคราวนี้น่าจะยากกว่าเดิมด้วย และมีเวลาแค่3วันเท่านั้น ซึ่งอาจต้องใช้เลือดมนุษย์จากคำบอกเล่าของ ตระกูล เพราถึงอย่างไปรจอมมารก็อยู่มาได้แค่ พันปี ยังไม่รู้เรื่องราวออะไรมากนัก แต่ไม่เปนไรถึงเราโดนผนึก แต่อสูรนรกของเรายังพอจับได้
ระหว่างนี้เราต้องสร้างกองกำลังใหม่ซะแล้ว เพื่อจับจิตมนุษย์ คุณภาพต่างๆมาไว้สำรองหรือจับมาเป็นๆ
แต่สิ่งที่จอมมมารไม่ร็อีกสิ่งว่า จิตแห่งจอมไสยเทพได้ถูกกระจายไปสู๋เด็กที่จะเกิดใหม่นับจากนี้100ปี
11ปีที่แล้ว
นายท่านมู่หลงฟุ ลูกของนายท่าน
มู่หลงฟุ : เป็นไงลูกสมบรูณ์ดีไหม เป็นชายหรือหญิง
มู่หลงฮูหยินก็ใจจดใจจ่อ
หมอตำแย : คือว่า .... คือ....
มู่หลงฟุ : มีไรก็พูดมาเลยตามตรง อย่าได้เกรงใจ
หมอตำแย : ลูกท่านติดคำสาบโรคมรณะ
โรคมรณะ คือ โรคที่จะทำให้เด็กไม่แข็งแรง ไม่มีจิตวิญญานมารหรือเทพ สรุปลูกท่าน ไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้ ต้องเป็นคนธรรมดาและอายุจะสั้น ราวๆ30ปีครับ
มู่หลงฮูหยินแทบจะเป็นลมล้มฟุ
มู่หลงฟุ : กรรมของตระกูลมู่หลงน้อ ลูกคนแรกก็เอาแต่เที่ยวเสเพล อายุ 30แล้ว ขั้นพลัง ยังได้ขั้นแรก จิตดวง 8 ส่วนลูกคนรองพอมีแววหน่อย แต่ไม่มีคงามทะเยอทะยาน เลยไปประอยู่ศูนย์การค้าชวงเย่ว เหมือนจะชอบงานข้าคายมากกว่า
ตัวข้านั้นถึงจะบรรลุ ขั้นส่องทาง[ขั้น8 ของโลกมนุษย์] แต่ก็ไม่อาจรับมือทั้งถัยภายใน รวมถึงะวกมารที่อาจรุกล้ำมาที่ที่เหมืองโซวจือ ได้ตลอด และตระกูลเรายังอยู๋อันดับท้ายๆ ไหนจะเมืองนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจมากนัก
ในรัฐเมฆา
รัฐเมฆา = 1 ใน 4 ทวีปใหญ่ ที่บรรจุไปด้วยขุมกำลัง 11 เมือวจากการจัดอันับล่าสุด เมืองโซวจืออยู่อันดับ 10
ปัจจุบัน
มู่หนานฟง : เป็นหวัดอีกแล้วเรา ร่ายกายเราถึงจะอ่อนแอกว่าคนทั่วไป แต่มันต้องวิธีสิน่า คิดบวกๆเข้าไว้ วันนี้เป็นวันเริ่มเข้าโรงเรียนหนานถึงซะด้วย
โรงเรียนหนานถึง = โรงเรียนที่มหญ่ที่สุดประจำเมือง
"เมืองนี้มีอยู่3 โรงเรียน หนานถึง=ระดับเยี่ยมยอด หนานกิง=ระดับทั่วไป หนานไห่=ระดับต่ำ"
โดยส่วนมากหนานไห่จะสำหรับผู้ไม่มีพลัง ฝึกมาเป็นข้ารับใช้ นานๆครั้งจะมีผู้ที่ก่อดวงจิตได้ทีหลังได้ เลื่อนมาโรงเรียนหนานกิง
แต่สำหรับมู่หนานฟงนั้น เป็นถึงทายาทลำดับ 3 ตระกูลหลัก แม้ว่าตระกูลมู่จะอยู่อันดับท้ายๆ แต่ก็ถือว่ายังพอมีอำนาจ มู่หลงฟุจึงพยายามผลักดันลูกเพราะเชื่อว่าจะเข้าโรงเรียนนนี้ได้และอาการเจ็บป่วยออดๆแอดๆ รวมถึงดวงจิตที่แฝงอยู๋จะแสดงเข้าซักวัน
มู๋หลงฟุ : พยายามเข้านะ นี่วันคัดเลือก อย่าไปเก็งหรือหวังผลไรมาก พ่อเชื่อว่าลูกต้องมีดวงจิรมารหรือเทพอยู่ในตัวแน่นอน
ดวงจิตมารและดวงจิตเทพ = ดวงจิตที่ก่อให้เกิดพลังการต่อสู้ ซึ่งคนปกติจะมีแต่ดวงจิตมนุษย์ จะไม่สามารถเรียกธาตุทอง ดิน น้ำ ลม ไฟ เหล็ก ออกมาได้ และการรียนคัมภีร์ต่างๆจึงแทบเป็นไปไม่ได้นั่นเอง
โดยข้ารับใช้ พ่อค้า รวมถึง บรรณารักษ์ ส่วนมากจะมีแต่ดวงจิตมนุษย์ โดยส่วนมากจะรู้วิชาบุ๋นเล็กน้อย รวมถึงมีประสทิธิภาพในการทำงานทั้วไปได้ดี ถ้าได้เข้าเรียน
มู่หลงต้า[คนรอง] : อย่าไปซีเรียสๆๆๆๆ ยังไงเจ้าก็ไม่มีพลังอยู่แล้วล่ะ
มู่เยี่ยน[ตนเล็ก] : น้องสวามเจ้าอย่าได้ไปฟังเสียงนกเสียงกา เหมือนดังสุภาษิต "ไม้ไหวดั่งสายลม ต้องโบยบินได้ซักวัน"
มู่ฮูหยิน : อย่าทะเลาะกันเลยแต่เช้า นี่หนานฟง จงจำคำของแม่ไว้นะ"ทำให้ดีที่สุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็เท่ากับเราพิชิตใจตัวเองแล้ว" ยังไงเจ้าก็เป็นลูกที่แม่รัก ไม่ส่าเจ้าจะได้ผลทดสอบยังไงก็ตาม
มู่หลงฟู : พยายามเข้าโชคดี ส่วนมู่หลงต้า ถึงเจ้าไม่สนใจเรื่องต่อสู้ ก็หัดเอาอย่างน้องคนเล็กบ้าง ทำงาน ไม่ใช่เสพเพลไปวันๆ
มู่หลงต้า ; โถ่พ่อ ก็ข้านี่แหละพยายาม จับสาวชนชั้นสูงเป็นเมีย จะได้มีเงินใช้ไง ฮ่าๆ เดี๋ยวข้าจะหาทางทำงานเข้าไปจวนเจ้าเมืองให้จงได้
มู่หลงฟุ : ข้าจะคอยดู แต่ข้าไม่มีอำนาจฝากเจ้าหรอกนะ เงินในตระกูลเราก็ยิ่งร่อยหรอ บวกกับตระกูลหลักเราประจบไม่เก่งเหมือนตระกูลรอง เบี้ยเลี้ยงเจ้าก็อาจต้องลดลงถ้าเจ้ายังไม่ได้งานในเร็ววันนี้
มู่หลงต้า : โถ่ แล้วข้าจะเอาเงินที่ไหนเที่ยวหญิง ..... อุบ
มู่หนานฟง : ข้าไปก่อนนะ ไม่อยากทะเลาและเห็นคนะทะเลาะ ก่อนหันมาฮีกยิ้ม พร้อมกับชี้นิ้วไปบนท้องฟ้า วันนี้แหละวันที่ข้าจะเข้าสู่ยุทธจักร
มู่อูหยิน : เดี๋ยวๆ แล้วก็หยิบเงินมาให้ 5พันฟูหมิง ไว้จับจ่ายซื้อของที่จำเป็น
มู่หนานฟง : ปกติได้แค่เบี้ยเดือนละ 2 พันเอง ให้5พันฟูหมิงเลยจะดีหรอครับ เดี่ยวข้าก็ไปซื้อไรเรื่อยเปื่อยหมด
มู่ฮุ่หยิน : รับไปเถอะ แต่เจ้าจงจำไว้นะ สำหรับตัวเจ้าที่ยังไม่ทำการบ่มเพาะ จะใช้ของระดับได้ไม่เกิน2ดาว
ถ้ารวมๆตอนนี้มู่หนานฟงก็มี 2พันจากเงินเก็บ บวกกับนี่ก็เป็น 7000ฟูหมิง แต่ในใจหนานฟงรู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ต่ำบวกกับเป็นโรคบางอย่างโดยกำเนิด จึงยังไม่สามารถบ่มเพาะด้วยตัวเองได้เลย เมื่อถึงอายุ10ขวบ
ขณะที่คนรุ่นเดียวกันที่มีจิตแฝงก่อนเข้าเรียนได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัว ก็อาจ บ่มได้ไปที่ระดับ 2-3 แล้ว
ในใจมู่หนานฟงต้องการแค่งานดีๆ แล้วหาตังให้ตระกูลเพื่อตอบแทน เพราะรู้ว่าชีวิตตัวเองอยู่ได้อีกแค่20ปี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งวิตกหรอก เราต้องซื้อของเพื่อตเรียมตัวสำหรับสอบไว้
จากที่รู้คร่าวๆการสอบจะมี3อย่าง : สอบพลัง ไหวพริบ และ พลังจิต
ตรงพลังและพลังจิตคือจุดอ่อนของมู่หนานฟงเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเรื่องไหวพริบตัวเขาเองก็คิดว่าไม่แพ้ใคร
"โดยปกติแล้ว พลังกัพลังจิตจะเชื่อมต่อกันสำหรับการเลื่อนขึ้น โดยส่วนมากดาวจะขึ้นตรงบริเวณข้อมือหรือข้อเท้า แต่ก็เคยได้ยินว่าบางคนขึ้นที่คอหรือหลัง โดยขณที่ขึ้นจะมีไอรอบตัว บวกกับอาการแสบร้อน จุดที่ดาวขึ้น
โดยไอมารจะสีกำ ไอเทพจะสีขาว แต่เคยมีบางกรณี"
ระหว่างนั้นมู่หนานฟงก็ได้ผ่านตลาด เจอเพื่อนคนนึงชื่อเทียนสุ่ย เด็กคนนี้เป็นทายาลลำดับที่ 3 จากตระกูลรอง อัคคีไสย เขาด้ระดับบ่มเพาะไปที่3แล้ว
เทียนสุ่ย : นี่ฟง ข้าล่ะอยากฝึกวิชาตระกูลเร็วๆจริงๆ เบื่อแล้วกับฝึกแต่พื้นฐาน แต่พ่อข้าบอกให้รอซะก่อน เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์แตีทุกอย่างรอค่อยเป็นค่อยไป รอเจ้าเข้าโรงเรียนก่อน
แล้ว ฟงเจ้าบ่มเพาะขึ้นระดับยัง
มู่หนานฟง : ยังเลย สงสัยข้าจะไม่มีพรสวรรค์
เทียนสุ่ย : เอาน่าๆ ไม่ใช่บางทีระดับเจ้าอาจพุ่งพรวดหลังเข้าโรงเรียนเลยก็ได้นะ
ระหว่างนั้นมีเกี้ยว นำพา เด็กหญิงวัย10ขวบ น่ารักๆ แต่ดูจะโตเกินวัย ซึ่งหนานฟง ก็ชอบมองนานมาได้เป็นปีแล้วแต่ไม่กล้สาทักซักที เพราะเขารู้ว่าเขาต่ำต้อย แล้วแม่นางนั้นก็เป็นถึงทายาลลำดับ 2 ของตระกุลกายาเทพ 1 ใน4ตระกูลหลักประจเมือง
เพราะฝงฮูหยินมีลูกยาก ก็พึ่งคลอดนางได้เป็นลูกคนที่สอง ส่วนศิษย์พี่เธอก็เป็นอัจฉริยะที่ฝึกถึงขั้นส่องโลก[ขั้น7โลกมนุษย์] ตั้งแต่อายุได้ 25 ปี
ผนึกพลังสามโลก电源第三世界
นิยายจีนที่จะทำให้คุณได้ลุ้นสนุกไปกับเด็กหนุ่มที่เกิดเป็นคำสาบโรคมรณะ ร่ายกายอ่อนแอ น่าจะอยู่ได้แค่ 30 ปี กับเส้นทางนักสู้ที่ต้องก้าวข้ามผ่านไปกับตระกูลที่ดูเหมือนจะไร้ความหวังและเส้นทางที่เชื่อมโยงกับจอมมาร จอมไสยเทพ กับขนนก ห้วงเวลาคืออะไร ตัวตนของพระเอกมีความเชื่อมโยงไหม จริงๆแล้วมีไรเกี่ยวข้องกันแน่
พบได้แล้วกับนิยายที่มาพร้อมกับความซับซ้อนและการผจญภัยที่สนุกกับการท่องโลกของมู่หนานฟง
ตอนที่ 1 : ขนนกสีทองกับห้วงกาลเวลา
ปัจจุบัน
ณ อาณาจักร โซวจือ
เร่เข้ามาๆ อาวุธระดับ2ดาว ผสานมารทอง 3พัน ฟูหมิน ทางนี้ๆ ชุดเกราะระดับ2ดาว ผสานเทพเงิน 2พัน5ร้อยฟูหมิน มาทางนี้ก็ได้ครับ คัมภีร์มากมายตั้งแต่ระดับ 1-ระดับ3
มาดูทางนี้ไหมครับ คุณชาย จิตเทพ จิตมาร ระดับ2-4 ราคาไม่แพง ไว้ฝึกจิตครับ
100ปีที่แล้ว
ตำนานบทที่ 1 : ขนนกสีทองกับห้วงกาลเวลา
การต่อสู้ระหว่างเทพธาตุ ฝั่งมารกับเทพ โดยที่ฝ่ายมารต้องการยึดอาณาจัรมนุษย์ไว้ทั้งหมด ขณะที่ฝ่ายเทพทำสัญญาไว้กับมนุษย์เพื่อปกป้อง ขณะที่เทพธาตุแต่ละธาตุกำลังต่อสู้กับกลุ่มมาร 5 พิภพนั้น
จอมมารได้เข้าปะทะจอมไสยเทพ อย่างดุเดือด
จอมมาร : ฝ่ามือมารอสูร
จอมไสยเทพ : โล่พิทักษ์สวรรค์
แต่ด้วยแรงอาฆาตมากมายทำให้จอมไสยเทพได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างคิ้ว หลังจากสู้มากยาว นานนับ 3 วัน
จอมมาร : นี่คือโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้านะ ถ้าพวกเจ้ายั่งจะรักษาชีวิตมนุษย์ เทพกับมารกจะอยู่ด้วยกันไมได้อีกต่อไป และดินแดนเทพจะตกเป็นอันตรายเข้าซักวัน
จอมเทพ : เจ้าไม่มีทางเข้าไปได้หรอก อย่างที่รู้มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถอยู่ได้ในสามโลก
จอมมาร : ทุกออย่างมีเกิดมีดับ ซักวันข้าตะฝ่าผนึกเทพเข้าไปให้ได้
หลังจากนั้นก็ต่อสู้ กันยาวนาน โดยฝั่งเทพและมารก็มีจำนวนผ็เสียชีวิต นีบแสน ดวงจิตเหล่านี้ จะสามารถฟื้นชีพได้ที่ สถานนฑูตศิลาของฝั่งเทพ และนรกกกัมปนาทที่ฝั่งมาร แต่จะไม่สามารถออกจากอาณาเขตตัวเองไปโลกมนุษย์ได้ เป็นเวลา 25 วัน
เมื่อสู้กันต่อไปได้อีกเล็กน้อย ด้วยพลังของจอมไสยเทพ ที่โดนดูดกลืนไปยังโลกมนษย์ และ จอมมารได้พบวิธีสร้างพลังตัวเองขึ้นมาจากโลกมนุษย์ กำเนิดเป็น วิญญูกาลเวลา มาร5ภิพก็ทิ้งการปะมือกับเทพธาตุมารวมอยู่ข้างหน้า จอมมาร ขณะที่เทพธาตุพยายามรีบไปขวางหน้าจอมไสยเทพ
แต่ทุกอย่างสายไปซะแล้ว วิญญุกาลเวลเป็นเวทต้องหามขั้นสูงสุด ที่จอมมมารได้ค้นพบ จากคัมภีร์ต้องห้าม รวมถึงการรวมจิตมนุษย์ที่เทพแพ้ทาง และ ยังผ่านกระบวนการปลุกเสกที่มีแต่จอมมารเท่านั้นที่ร็
วงแหวนและไอน้ำทรงกลมเกิดขึ้นรอบๆตัวจอมไสยเทพ จอมไสยเทพไม่สามารถที่แม้แต่จะทำอะไรได้เลย หลังจากนั้นกลุ่มมาร 5 พิภพก็ร่าย คาถาของแต่ละคนเป็นวิญญานเลือดไปล้อมรอบไอน้ำและวงแหวน
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เหมือนวิญญานของจอมไสยเทพโดนบีบอัดจนเหมือนวิญญานแตกสลาย ขณะที่เทพธาตุก็จะสูญสลายไปด้วย ถ้าจอมไสยเทพตาย ต่างกับจอมมมารที่ต่อให้มาร5พิภพตาย ก็ไม่ได้สะเทือนถึงดวงจิตเลยแม้แต่น้อย เพราะจอมมารได้ค้นพบวิชามารต้องห้ามต่างๆ ที่ช่วยเหลือตนเอง
โดยที่มาต่างๆ ก็ยังเป็นความลับยิ่งนัก
เทพธาตุทอง : ไม่เป็นไรหรอกจอมเทพ ถ้าพวกเราตายพวกเราสามารถเกิดใหม่ได้ แม้โลกมนุษย์จะถูฏจอมมารยึดครองแต่พวกเราสามารถ รวมกำลังพลใหม่ได้
เทพธาตุดิน : ถึงพวกเราจะส็จอมมารไม่ได้ แต่พวกเราก็จะต้านให้ได้มากที่สุด ขอท่านจงอย่าเสียใจไปเลย พวกเราก็คิดว่ามนุษย์น่าจะหาที่กำบังไว้แล้ว
เทพธาตุไฟ : พวกเราได้สอนมนุษย์วางค่ายกลไว้ คิดว่าจอมมารก็ไม่สามารถหาพวกเขาได้ง่ายนัก อย่างน้อยก็ยื้อเวลาที่พวกเราจะรวมกำลังมาที่โลกมนุษย์"ด้อกีครั้ง
จอมมาร : ข้าลืมบอกอีกอย่าง ผู้ใดที่ตายด้วยวิญญุอสูรจะสูญสลาย ไม่สามารถเกิดใหม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ ล้วพวกเจ้าก็จะต้องตายพร้อมกัน ไปกับดวงจิตของจอมไสยเทพ ฮ่าๆๆๆๆ
เสียงหัวเราะนั้นดังกึกก้องป่วนประสาทเหลือคณานับ ผู้นำเทพแต่เทพธาตุสูญสลายไปกับอากาศ พรอ้มกับการกรีดร้องอันโหยหวน อย่างที่ทหารเทพไม่เคยเห็นมาก่อน
จอมมาร : ข้าก็ต้องสูญเสียแขนทั้งสอง รวมถึงมาร5ภิภพของข้า แต่มีแค่ขากับทหารมารชั้นเลวที่เหลือก็พอที่จะจัดการพวกเจ้าที่เหลือแล้ว แค่นี้ก็ยุติ ฮ่าๆๆๆๆๆ
ขณะที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของจอมมารและโลกมนุษย์จะถึงจุดจบโดยจอมมารในไม่ช้า ได้มีขนนกรูปร่างประหลาดยาวประมาณ 4 นิ้ว สีทองปรากฎอยู่ แล้วห้วงเวลาก็เกิดผิดเพี้ยนที่ดวงจิตของจอมมาร
จอมมารถูกส่งกลับมา นรก พร้อมกับผนึกบางอย่าง จอมมารรู้ตัวเสียแล้วว่าเสียท่า ไม่คิดว่าจอมไสยเทพจะมีท่าลับแบบนี้ด้วย จอมมารสำรวจผนึกอย่างละเอียด พร้อมกับเรียกหมอยานรก ที่อยู่ที่ฐาน มาตรวจสอบ
ผนึกพันปี
จอมมารโมโหจัด ซัดหมอยา นับ 15 ตน ตายเรียบ ขณะที่ทหารชั้นเวล นั่งคุกเข่าเหมือนรู้ชะตากรรม ขณะที่จอมมารกำลังจะลงมือต่อได้คิดว่า อีก 300 ปีข้างหน้า จะถึงเวลาครบหมื่นปี ปราสาทเวหา 1 ใน10 สิ่งวิเศษ จะปรากฎที่ดินแดนนรก
รู้สึกว่าการจะเปิดผนึกคราวนี้น่าจะยากกว่าเดิมด้วย และมีเวลาแค่3วันเท่านั้น ซึ่งอาจต้องใช้เลือดมนุษย์จากคำบอกเล่าของ ตระกูล เพราถึงอย่างไปรจอมมารก็อยู่มาได้แค่ พันปี ยังไม่รู้เรื่องราวออะไรมากนัก แต่ไม่เปนไรถึงเราโดนผนึก แต่อสูรนรกของเรายังพอจับได้
ระหว่างนี้เราต้องสร้างกองกำลังใหม่ซะแล้ว เพื่อจับจิตมนุษย์ คุณภาพต่างๆมาไว้สำรองหรือจับมาเป็นๆ
แต่สิ่งที่จอมมมารไม่ร็อีกสิ่งว่า จิตแห่งจอมไสยเทพได้ถูกกระจายไปสู๋เด็กที่จะเกิดใหม่นับจากนี้100ปี
11ปีที่แล้ว
นายท่านมู่หลงฟุ ลูกของนายท่าน
มู่หลงฟุ : เป็นไงลูกสมบรูณ์ดีไหม เป็นชายหรือหญิง
มู่หลงฮูหยินก็ใจจดใจจ่อ
หมอตำแย : คือว่า .... คือ....
มู่หลงฟุ : มีไรก็พูดมาเลยตามตรง อย่าได้เกรงใจ
หมอตำแย : ลูกท่านติดคำสาบโรคมรณะ
โรคมรณะ คือ โรคที่จะทำให้เด็กไม่แข็งแรง ไม่มีจิตวิญญานมารหรือเทพ สรุปลูกท่าน ไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้ ต้องเป็นคนธรรมดาและอายุจะสั้น ราวๆ30ปีครับ
มู่หลงฮูหยินแทบจะเป็นลมล้มฟุ
มู่หลงฟุ : กรรมของตระกูลมู่หลงน้อ ลูกคนแรกก็เอาแต่เที่ยวเสเพล อายุ 30แล้ว ขั้นพลัง ยังได้ขั้นแรก จิตดวง 8 ส่วนลูกคนรองพอมีแววหน่อย แต่ไม่มีคงามทะเยอทะยาน เลยไปประอยู่ศูนย์การค้าชวงเย่ว เหมือนจะชอบงานข้าคายมากกว่า
ตัวข้านั้นถึงจะบรรลุ ขั้นส่องทาง[ขั้น8 ของโลกมนุษย์] แต่ก็ไม่อาจรับมือทั้งถัยภายใน รวมถึงะวกมารที่อาจรุกล้ำมาที่ที่เหมืองโซวจือ ได้ตลอด และตระกูลเรายังอยู๋อันดับท้ายๆ ไหนจะเมืองนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจมากนัก
ในรัฐเมฆา
รัฐเมฆา = 1 ใน 4 ทวีปใหญ่ ที่บรรจุไปด้วยขุมกำลัง 11 เมือวจากการจัดอันับล่าสุด เมืองโซวจืออยู่อันดับ 10
ปัจจุบัน
มู่หนานฟง : เป็นหวัดอีกแล้วเรา ร่ายกายเราถึงจะอ่อนแอกว่าคนทั่วไป แต่มันต้องวิธีสิน่า คิดบวกๆเข้าไว้ วันนี้เป็นวันเริ่มเข้าโรงเรียนหนานถึงซะด้วย
โรงเรียนหนานถึง = โรงเรียนที่มหญ่ที่สุดประจำเมือง
"เมืองนี้มีอยู่3 โรงเรียน หนานถึง=ระดับเยี่ยมยอด หนานกิง=ระดับทั่วไป หนานไห่=ระดับต่ำ"
โดยส่วนมากหนานไห่จะสำหรับผู้ไม่มีพลัง ฝึกมาเป็นข้ารับใช้ นานๆครั้งจะมีผู้ที่ก่อดวงจิตได้ทีหลังได้ เลื่อนมาโรงเรียนหนานกิง
แต่สำหรับมู่หนานฟงนั้น เป็นถึงทายาทลำดับ 3 ตระกูลหลัก แม้ว่าตระกูลมู่จะอยู่อันดับท้ายๆ แต่ก็ถือว่ายังพอมีอำนาจ มู่หลงฟุจึงพยายามผลักดันลูกเพราะเชื่อว่าจะเข้าโรงเรียนนนี้ได้และอาการเจ็บป่วยออดๆแอดๆ รวมถึงดวงจิตที่แฝงอยู๋จะแสดงเข้าซักวัน
มู๋หลงฟุ : พยายามเข้านะ นี่วันคัดเลือก อย่าไปเก็งหรือหวังผลไรมาก พ่อเชื่อว่าลูกต้องมีดวงจิรมารหรือเทพอยู่ในตัวแน่นอน
ดวงจิตมารและดวงจิตเทพ = ดวงจิตที่ก่อให้เกิดพลังการต่อสู้ ซึ่งคนปกติจะมีแต่ดวงจิตมนุษย์ จะไม่สามารถเรียกธาตุทอง ดิน น้ำ ลม ไฟ เหล็ก ออกมาได้ และการรียนคัมภีร์ต่างๆจึงแทบเป็นไปไม่ได้นั่นเอง
โดยข้ารับใช้ พ่อค้า รวมถึง บรรณารักษ์ ส่วนมากจะมีแต่ดวงจิตมนุษย์ โดยส่วนมากจะรู้วิชาบุ๋นเล็กน้อย รวมถึงมีประสทิธิภาพในการทำงานทั้วไปได้ดี ถ้าได้เข้าเรียน
มู่หลงต้า[คนรอง] : อย่าไปซีเรียสๆๆๆๆ ยังไงเจ้าก็ไม่มีพลังอยู่แล้วล่ะ
มู่เยี่ยน[ตนเล็ก] : น้องสวามเจ้าอย่าได้ไปฟังเสียงนกเสียงกา เหมือนดังสุภาษิต "ไม้ไหวดั่งสายลม ต้องโบยบินได้ซักวัน"
มู่ฮูหยิน : อย่าทะเลาะกันเลยแต่เช้า นี่หนานฟง จงจำคำของแม่ไว้นะ"ทำให้ดีที่สุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็เท่ากับเราพิชิตใจตัวเองแล้ว" ยังไงเจ้าก็เป็นลูกที่แม่รัก ไม่ส่าเจ้าจะได้ผลทดสอบยังไงก็ตาม
มู่หลงฟู : พยายามเข้าโชคดี ส่วนมู่หลงต้า ถึงเจ้าไม่สนใจเรื่องต่อสู้ ก็หัดเอาอย่างน้องคนเล็กบ้าง ทำงาน ไม่ใช่เสพเพลไปวันๆ
มู่หลงต้า ; โถ่พ่อ ก็ข้านี่แหละพยายาม จับสาวชนชั้นสูงเป็นเมีย จะได้มีเงินใช้ไง ฮ่าๆ เดี๋ยวข้าจะหาทางทำงานเข้าไปจวนเจ้าเมืองให้จงได้
มู่หลงฟุ : ข้าจะคอยดู แต่ข้าไม่มีอำนาจฝากเจ้าหรอกนะ เงินในตระกูลเราก็ยิ่งร่อยหรอ บวกกับตระกูลหลักเราประจบไม่เก่งเหมือนตระกูลรอง เบี้ยเลี้ยงเจ้าก็อาจต้องลดลงถ้าเจ้ายังไม่ได้งานในเร็ววันนี้
มู่หลงต้า : โถ่ แล้วข้าจะเอาเงินที่ไหนเที่ยวหญิง ..... อุบ
มู่หนานฟง : ข้าไปก่อนนะ ไม่อยากทะเลาและเห็นคนะทะเลาะ ก่อนหันมาฮีกยิ้ม พร้อมกับชี้นิ้วไปบนท้องฟ้า วันนี้แหละวันที่ข้าจะเข้าสู่ยุทธจักร
มู่อูหยิน : เดี๋ยวๆ แล้วก็หยิบเงินมาให้ 5พันฟูหมิง ไว้จับจ่ายซื้อของที่จำเป็น
มู่หนานฟง : ปกติได้แค่เบี้ยเดือนละ 2 พันเอง ให้5พันฟูหมิงเลยจะดีหรอครับ เดี่ยวข้าก็ไปซื้อไรเรื่อยเปื่อยหมด
มู่ฮุ่หยิน : รับไปเถอะ แต่เจ้าจงจำไว้นะ สำหรับตัวเจ้าที่ยังไม่ทำการบ่มเพาะ จะใช้ของระดับได้ไม่เกิน2ดาว
ถ้ารวมๆตอนนี้มู่หนานฟงก็มี 2พันจากเงินเก็บ บวกกับนี่ก็เป็น 7000ฟูหมิง แต่ในใจหนานฟงรู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ต่ำบวกกับเป็นโรคบางอย่างโดยกำเนิด จึงยังไม่สามารถบ่มเพาะด้วยตัวเองได้เลย เมื่อถึงอายุ10ขวบ
ขณะที่คนรุ่นเดียวกันที่มีจิตแฝงก่อนเข้าเรียนได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัว ก็อาจ บ่มได้ไปที่ระดับ 2-3 แล้ว
ในใจมู่หนานฟงต้องการแค่งานดีๆ แล้วหาตังให้ตระกูลเพื่อตอบแทน เพราะรู้ว่าชีวิตตัวเองอยู่ได้อีกแค่20ปี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งวิตกหรอก เราต้องซื้อของเพื่อตเรียมตัวสำหรับสอบไว้
จากที่รู้คร่าวๆการสอบจะมี3อย่าง : สอบพลัง ไหวพริบ และ พลังจิต
ตรงพลังและพลังจิตคือจุดอ่อนของมู่หนานฟงเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเรื่องไหวพริบตัวเขาเองก็คิดว่าไม่แพ้ใคร
"โดยปกติแล้ว พลังกัพลังจิตจะเชื่อมต่อกันสำหรับการเลื่อนขึ้น โดยส่วนมากดาวจะขึ้นตรงบริเวณข้อมือหรือข้อเท้า แต่ก็เคยได้ยินว่าบางคนขึ้นที่คอหรือหลัง โดยขณที่ขึ้นจะมีไอรอบตัว บวกกับอาการแสบร้อน จุดที่ดาวขึ้น
โดยไอมารจะสีกำ ไอเทพจะสีขาว แต่เคยมีบางกรณี"
ระหว่างนั้นมู่หนานฟงก็ได้ผ่านตลาด เจอเพื่อนคนนึงชื่อเทียนสุ่ย เด็กคนนี้เป็นทายาลลำดับที่ 3 จากตระกูลรอง อัคคีไสย เขาด้ระดับบ่มเพาะไปที่3แล้ว
เทียนสุ่ย : นี่ฟง ข้าล่ะอยากฝึกวิชาตระกูลเร็วๆจริงๆ เบื่อแล้วกับฝึกแต่พื้นฐาน แต่พ่อข้าบอกให้รอซะก่อน เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์แตีทุกอย่างรอค่อยเป็นค่อยไป รอเจ้าเข้าโรงเรียนก่อน
แล้ว ฟงเจ้าบ่มเพาะขึ้นระดับยัง
มู่หนานฟง : ยังเลย สงสัยข้าจะไม่มีพรสวรรค์
เทียนสุ่ย : เอาน่าๆ ไม่ใช่บางทีระดับเจ้าอาจพุ่งพรวดหลังเข้าโรงเรียนเลยก็ได้นะ
ระหว่างนั้นมีเกี้ยว นำพา เด็กหญิงวัย10ขวบ น่ารักๆ แต่ดูจะโตเกินวัย ซึ่งหนานฟง ก็ชอบมองนานมาได้เป็นปีแล้วแต่ไม่กล้สาทักซักที เพราะเขารู้ว่าเขาต่ำต้อย แล้วแม่นางนั้นก็เป็นถึงทายาลลำดับ 2 ของตระกุลกายาเทพ 1 ใน4ตระกูลหลักประจเมือง
เพราะฝงฮูหยินมีลูกยาก ก็พึ่งคลอดนางได้เป็นลูกคนที่สอง ส่วนศิษย์พี่เธอก็เป็นอัจฉริยะที่ฝึกถึงขั้นส่องโลก[ขั้น7โลกมนุษย์] ตั้งแต่อายุได้ 25 ปี