Middle-earth Tales ตอนนี้ขอเอาเรื่องเล็กๆมาเล่าให้ฟังกัน เพราะขี้เกียจ+แปลไม่ออก+งง นะขอรับ
ตอนเก่า 1-5 กรุณาเสพย์
ตอนที่ 1 ว่าด้วยพ่อมด
http://ppantip.com/topic/33002070
ตอนที่ 2 ว่าด้วยธรันดูอิลและอาณาจักรป่า
http://ppantip.com/topic/33007306
ตอนที่ 3 ว่าว่าด้วยลอธลอริเอน นิมรอเดลและอัมรอธ
http://ppantip.com/topic/33015663
ตอนที่ 4 ว่าด้วยกาลาเดรียลและเคเลบอร์น
http://ppantip.com/topic/33017873
ตอนที่ 5 ว่าด้วยเอเลสซาร์
http://ppantip.com/topic/33064462
บทเล็กๆน่าสนใจ(มั้ง)นี้ไปเจอใน The History of Middle-earth เล่ม 10 Morgoth’s Ring (Later Silmarillion) บทที่ 5: Myths Transformed ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของพัฒนาการของบทของมอร์ก็อธจอมมารคนแรก ซึ่งเนื้อหาหลายๆส่วนไม่ตรงกับใน The Silmarillion ส่วนที่จะยกมาแปลเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทพีไมอาร์ผู้อัญเชิญดวงตะวันนามอาริเอน (Arien) ซึ่งใน The Silmarillion กล่าวไว้ว่า มอร์ก็อธนั้นพยายามล่อลวงอาริเอนไปเป็นข้ารับใช้ เฉกเช่นจิตวิญญาณแห่งอัคคีทั้งหลาย แต่นางปฏิเสธและมอร์ก็อธหวาดกลัวอาริเอนยิ่งนัก ทำไมถึงกลัว? ลองมาดูตำนานบทใหม่บทนี้กัน แปลผิดแปลถูกยังไงท่านผู้เชี่ยวชาญแย้งได้นะครับ
ในตอนก่อนกำเนิดพิภพ หรือ เออา (Ea) นั้นปวงเทพวาลาร์ถูกส่งมายังพิภพ สองคนที่ถือเป็นภราดากันในดำริของอิลูวาทาร์ (Illuvatar) พระผู้เป็นเจ้า คือ เมลคอร์ (Melkor) ผู้มีพลังเป็นเอกในหมู่ชนทั้งหมดที่องค์อิลูวาทาร์ได้รังสรรค์ขึ้น และมานเว (Manwe) ผู้มีฤทธาด้อยกว่าเมลคอร์พียงเล็กน้อย หากแต่มานเวเข้าถึงดำริของอิลูวาทาร์เหนือผู้ใด เขากลายมาเป็นจอมกษัตริย์ของอาณาจักรแห่งอาร์ดา (Kingdom of Arda: หรือโลกนั่นเอง) เคียงคู่กันคือวาร์ดา (Varda) ราชินีดารา
เมลคอร์นั้นปรารถนาจะเป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่งในอาร์ดา เขาจึงเปิดสงครามกับเหล่าพี่น้อง ด้วยเงามืด รัตติกาลเพื่อบดบังดวงดาวและความหนาวเย็นจากทางเหนือที่เขาสร้างป้อมปราการของตนขึ้น หากแต่เขาปรารถนาในแสงสว่าง และเปลวไฟ เขาจึงจำแลงร่างของตนให้ส่องแสงสว่าง เสียจน เหล่าบุตรแห่งอิลูวาทาร์ (หมายถึงเอล์ฟและมนุษย์) ไม่อาจทนจ้องมองได้
เหล่าวาลาร์ตอบโต้รัตติกาลของเมลคอร์โดยปล่อยดวงจันทร์ขึ้นสู่ฟากฟ้า หากแต่เมลคอร์หลบซ่อนอยู่ในที่มั่นอันมืดมิดและหนาวเย็นใต้พิภพ เหล่าวาลาร์จึงโจมตีระลอกสองด้วยแสงที่เจิดจ้าและรุนแรงยิ่งกว่า ดวงตะวันนั่นเอง เมลคอร์สร้างเมฆหมอกเพื่อบดบังแสงตะวันอันส่องทะลุผ่าฟ้า หากแต่เมฆหมอกนั่นสลายไปสิ้นด้วยสายลมแห่งมานเว จ้าวแห่งลมหายใจแห่งอาร์ดา มอร์ก็อธเปิดเผยตัวภายใต้แสงเจิดจ้าของดวงตะวันนั้นเอง เหล่าปราชญ์ในหมู่เอล์ฟกล่าวไว้ว่าดวงตะวันในตอนแรกนั้นมีนามว่า อาส(As ในตอนหลังเปลี่ยนเป็น อะนาร์{Anar}) และผู้ดูแลดวงตะวันคือจิตวิญญาณที่มีนามว่า อาซิเอ (Azie อาริเอ {Azie} หรืออาริเอน {Arien} ใน The Silmarillion)
เมลคอร์นั้นทั้งริษยาและปรารถนาในแสงสว่าง เขามองไปยังอาส ด้วยคิดจะนำมาเป็นของตนและกลืนมันไว้ภายในกาย เพื่อตัวเขาจักได้มีพลังที่แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจคาดการได้ เขาจึงพุ่งตรงไปยังอาริเอ และกล่าวแก่นาง
“ข้าได้เลือกสิ่งนี้แล้ว เจ้าจักต้องเป็นคู่ของข้า เฉกเช่นวาร์ดาเคียงคู่มานเว เราจักงดงามเหนือผู้ใดเปรียบและจักเป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่ง และอาณาจักรแห่งอาร์ดาจักเป็นของข้า เจ้าจะเป็นผู้ที่แบ่งปันอนาคตอันรุ่งโรจน์กับข้า”
หากแต่อาริเอปฏิเสธและกล่าวตำหนิแก่เขา “ท่านกล่าวไม่ชอบด้วยประการทั้งปวง ท่านได้หลงลืมไปละหรือ ท่านมิใช่ผู้เดียวที่รังสรรค์เออาขึ้น ท่านมิอาจเป็นราชันย์ในอาร์ดา และจงระวัง แก่นของอาสนั้นคือแสงสว่างและเปลวเพลิงที่จักไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อท่าน จงนำมือของท่านออกไปเสียเถิด ท่านอาจทำลายมันลง มันจักเผาทำลายท่านเช่นกันและแสงรัศมีของท่านจักถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่าน”
เมลคอร์ไม่ฟังคำเตือนนั้น เขาคำรามออกมาด้วยความพิโรธ “สิ่งใดที่แอบซ่อนอยู่ภายในนั้นจักต้องเป็นของข้า! ” เขาเข้าปลุกปล้ำอาริเอ พยายามขืนใจนางและดูดกลืนพลังของนางมาไว้ในกายตน หากแต่อาริเอนสำแดงร่างในรูปลักษณ์ของเปลวเพลิงแห่งความเจ็บปวดและความพิโรธ นางละจากอาร์ดาไป เมลคอร์ถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง ด้วยความตกใจเขาเผ่นหนีไปหลบในที่มั่นของเขาในทางเหนือ เมลคอร์ชิงชังแสงสว่างและดวงตะวันนับแต่นั้นมา แสงรัศมีของเขาหายไปชั่วนิรันดร์ เทพวาลาร์ผู้ตกต่ำมีกายที่ถูกเผาจนดำสนิทสมนามที่เขาจักได้รับในอนาคต มอร์ก็อธ เบาเกลียร์ (Morgoth Bauglir) จอมทรราชย์ ศัตรูดำของพิภพ
เกร็ดตำนาน Middle-earth Tales part VI ว่าด้วย มอร์ก็อธ VS อาริเอน
ตอนเก่า 1-5 กรุณาเสพย์
ตอนที่ 1 ว่าด้วยพ่อมด http://ppantip.com/topic/33002070
ตอนที่ 2 ว่าด้วยธรันดูอิลและอาณาจักรป่า http://ppantip.com/topic/33007306
ตอนที่ 3 ว่าว่าด้วยลอธลอริเอน นิมรอเดลและอัมรอธ http://ppantip.com/topic/33015663
ตอนที่ 4 ว่าด้วยกาลาเดรียลและเคเลบอร์น http://ppantip.com/topic/33017873
ตอนที่ 5 ว่าด้วยเอเลสซาร์ http://ppantip.com/topic/33064462
บทเล็กๆน่าสนใจ(มั้ง)นี้ไปเจอใน The History of Middle-earth เล่ม 10 Morgoth’s Ring (Later Silmarillion) บทที่ 5: Myths Transformed ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของพัฒนาการของบทของมอร์ก็อธจอมมารคนแรก ซึ่งเนื้อหาหลายๆส่วนไม่ตรงกับใน The Silmarillion ส่วนที่จะยกมาแปลเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทพีไมอาร์ผู้อัญเชิญดวงตะวันนามอาริเอน (Arien) ซึ่งใน The Silmarillion กล่าวไว้ว่า มอร์ก็อธนั้นพยายามล่อลวงอาริเอนไปเป็นข้ารับใช้ เฉกเช่นจิตวิญญาณแห่งอัคคีทั้งหลาย แต่นางปฏิเสธและมอร์ก็อธหวาดกลัวอาริเอนยิ่งนัก ทำไมถึงกลัว? ลองมาดูตำนานบทใหม่บทนี้กัน แปลผิดแปลถูกยังไงท่านผู้เชี่ยวชาญแย้งได้นะครับ
ในตอนก่อนกำเนิดพิภพ หรือ เออา (Ea) นั้นปวงเทพวาลาร์ถูกส่งมายังพิภพ สองคนที่ถือเป็นภราดากันในดำริของอิลูวาทาร์ (Illuvatar) พระผู้เป็นเจ้า คือ เมลคอร์ (Melkor) ผู้มีพลังเป็นเอกในหมู่ชนทั้งหมดที่องค์อิลูวาทาร์ได้รังสรรค์ขึ้น และมานเว (Manwe) ผู้มีฤทธาด้อยกว่าเมลคอร์พียงเล็กน้อย หากแต่มานเวเข้าถึงดำริของอิลูวาทาร์เหนือผู้ใด เขากลายมาเป็นจอมกษัตริย์ของอาณาจักรแห่งอาร์ดา (Kingdom of Arda: หรือโลกนั่นเอง) เคียงคู่กันคือวาร์ดา (Varda) ราชินีดารา
เมลคอร์นั้นปรารถนาจะเป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่งในอาร์ดา เขาจึงเปิดสงครามกับเหล่าพี่น้อง ด้วยเงามืด รัตติกาลเพื่อบดบังดวงดาวและความหนาวเย็นจากทางเหนือที่เขาสร้างป้อมปราการของตนขึ้น หากแต่เขาปรารถนาในแสงสว่าง และเปลวไฟ เขาจึงจำแลงร่างของตนให้ส่องแสงสว่าง เสียจน เหล่าบุตรแห่งอิลูวาทาร์ (หมายถึงเอล์ฟและมนุษย์) ไม่อาจทนจ้องมองได้
เหล่าวาลาร์ตอบโต้รัตติกาลของเมลคอร์โดยปล่อยดวงจันทร์ขึ้นสู่ฟากฟ้า หากแต่เมลคอร์หลบซ่อนอยู่ในที่มั่นอันมืดมิดและหนาวเย็นใต้พิภพ เหล่าวาลาร์จึงโจมตีระลอกสองด้วยแสงที่เจิดจ้าและรุนแรงยิ่งกว่า ดวงตะวันนั่นเอง เมลคอร์สร้างเมฆหมอกเพื่อบดบังแสงตะวันอันส่องทะลุผ่าฟ้า หากแต่เมฆหมอกนั่นสลายไปสิ้นด้วยสายลมแห่งมานเว จ้าวแห่งลมหายใจแห่งอาร์ดา มอร์ก็อธเปิดเผยตัวภายใต้แสงเจิดจ้าของดวงตะวันนั้นเอง เหล่าปราชญ์ในหมู่เอล์ฟกล่าวไว้ว่าดวงตะวันในตอนแรกนั้นมีนามว่า อาส(As ในตอนหลังเปลี่ยนเป็น อะนาร์{Anar}) และผู้ดูแลดวงตะวันคือจิตวิญญาณที่มีนามว่า อาซิเอ (Azie อาริเอ {Azie} หรืออาริเอน {Arien} ใน The Silmarillion)
เมลคอร์นั้นทั้งริษยาและปรารถนาในแสงสว่าง เขามองไปยังอาส ด้วยคิดจะนำมาเป็นของตนและกลืนมันไว้ภายในกาย เพื่อตัวเขาจักได้มีพลังที่แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจคาดการได้ เขาจึงพุ่งตรงไปยังอาริเอ และกล่าวแก่นาง
“ข้าได้เลือกสิ่งนี้แล้ว เจ้าจักต้องเป็นคู่ของข้า เฉกเช่นวาร์ดาเคียงคู่มานเว เราจักงดงามเหนือผู้ใดเปรียบและจักเป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่ง และอาณาจักรแห่งอาร์ดาจักเป็นของข้า เจ้าจะเป็นผู้ที่แบ่งปันอนาคตอันรุ่งโรจน์กับข้า”
หากแต่อาริเอปฏิเสธและกล่าวตำหนิแก่เขา “ท่านกล่าวไม่ชอบด้วยประการทั้งปวง ท่านได้หลงลืมไปละหรือ ท่านมิใช่ผู้เดียวที่รังสรรค์เออาขึ้น ท่านมิอาจเป็นราชันย์ในอาร์ดา และจงระวัง แก่นของอาสนั้นคือแสงสว่างและเปลวเพลิงที่จักไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อท่าน จงนำมือของท่านออกไปเสียเถิด ท่านอาจทำลายมันลง มันจักเผาทำลายท่านเช่นกันและแสงรัศมีของท่านจักถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่าน”
เมลคอร์ไม่ฟังคำเตือนนั้น เขาคำรามออกมาด้วยความพิโรธ “สิ่งใดที่แอบซ่อนอยู่ภายในนั้นจักต้องเป็นของข้า! ” เขาเข้าปลุกปล้ำอาริเอ พยายามขืนใจนางและดูดกลืนพลังของนางมาไว้ในกายตน หากแต่อาริเอนสำแดงร่างในรูปลักษณ์ของเปลวเพลิงแห่งความเจ็บปวดและความพิโรธ นางละจากอาร์ดาไป เมลคอร์ถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง ด้วยความตกใจเขาเผ่นหนีไปหลบในที่มั่นของเขาในทางเหนือ เมลคอร์ชิงชังแสงสว่างและดวงตะวันนับแต่นั้นมา แสงรัศมีของเขาหายไปชั่วนิรันดร์ เทพวาลาร์ผู้ตกต่ำมีกายที่ถูกเผาจนดำสนิทสมนามที่เขาจักได้รับในอนาคต มอร์ก็อธ เบาเกลียร์ (Morgoth Bauglir) จอมทรราชย์ ศัตรูดำของพิภพ