สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจในกระทู้ที่ผ่านมานะครับ
123 Change!!! 123 วัน เปลี่ยนหนุ่มออฟฟิศธรรมดาให้น่ากิน
http://ppantip.com/topic/35528915
ไม่ว่าจะชมที่ความพยายามฟิตหุ่นสำเร็จ หรือชมที่สำนวนการเขียนเรียบเรียงเรื่องราว
และต้องขอบคุณหลายความคิดเห็นที่ผมอ่านคอมเมนท์แล้วรู้เลยว่าตั้งใจอ่านครับ
กระทู้นั้นผมตั้งใจเรียบเรียงอยู่หลายวันเลยออกมายาวเหยียดขนาดนั้น
เพราะคิดว่าถ้าอย่างน้อยมีสักคนหนึ่งที่จะลุยทำตามนั้นแล้วเปลี่ยนแปลงได้จริง
ผมก็คงดีใจว่ามันคุ้มค่ามากพอที่เขียนขึ้นมาละครับ
ถ้ามีใครเจอผมตัวเป็นๆ ทักทายกันได้นะครับ
ผมเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ไม่ใช่หยิ่งนะครับ แค่กลัวหน้าแหกครับ - -“
เคยมั้ยครับ กับการที่ตั้งใจลดความอ้วนฟิตหุ่นมาไม่รู้กี่ทีกี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด
กระทู้นี้ผมเลยตั้งใจเขียนขึ้นมาเพราะเชื่อว่าน่าจะมีคนอยากลุยทำตามบ้างซึ่งน่าจะเจออุปสรรคปัญหาคล้ายกัน
ส่วนใหญ่ที่ล้มเลิกการลดความอ้วน ฟิตหุ่นกันไป หลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่มีแรงบันดาลใจหรือไม่รู้วิธีการ
แต่เพราะเมื่อทำไปเรื่อยๆ กำลังใจดันหดหายไประหว่างทาง หนำซ้ำยังเจอแรงต้านอุปสรรคสารพัดโหมเข้ามา
ผมเลยอยากมาแบ่งปันประสบการในจังหวะที่ต้องตัดสินใจเล็กๆ ในแต่ละวันเพื่อประคองกำลังใจไปให้รอดปลอดภัย
เพื่อนๆ อ่านแล้วจะรู้สึกมีกำลังใจขึ้นว่า เออ!!! เราก็เป็น ฉันก็เป็น กรูก็เป็น
ใช่ครับ เรื่องเหล่านี้ใครๆ ก็เป็นกันทุกคน เราไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่เป็น!!!
ลุยเอาจริงไม่ยากอย่างที่คิด ความคิดเราเองนี่แหละที่เป็นกำแพงใหญ่กั้นไม่ให้เราเริ่มต้น
ผมพูดแบบนี้เพราะเห็นเพื่อนๆ ที่มาคอมเมนท์ หรือที่แชร์ลิงค์ใน Facebook รู้สึกชื่นชม
แต่พอคิดว่าจะทำเองมั้ย ก็จะรู้สึกว่ายากจัง ทำไม่ได้แน่ๆ
มันเหมือนกับที่ผมเองเคยคิดเวลาเห็นคนที่เค้าหุ่นดี ที่เล่าให้อ่านตอนเริ่มกระทู้แรกเลยมั้ยครับ
ผมอยากจะบอกกับเพื่อนๆ ที่กำลังคิดว่ายาก ว่ามันไม่ยากอย่างที่เราคิดไว้ ความคิดมันหลอกเราอยู่
มันคล้ายกับตอนเราอยู่ ป.1 รู้สึกว่าการท่องสูตรคูณยากจัง
แต่พอผ่านมาได้แล้ว เราก็จะรู้สึกว่า เออ มันก็ไม่ได้ยากขนาดที่คิดไว้นะ
ดังนั้น Just do it!!! เริ่มแล้วลุยเลยครับ
ก่อนไปเรื่องที่ตั้งใจเขียน ผมขอเคลียร์ประเด็นที่ห่วงว่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนในกระทู้ที่แล้วก่อนนะครับ
เรื่องที่ผมห่วงที่สุดคือ ไม่นับแคล
คำว่า
ไม่นับแคล หมายถึงว่า ไม่โฟกัสแต่ไม่ถึงกับว่าไม่สนใจปริมาณพลังงานเลย
แต่สาเหตุที่บอกว่าไม่นับแคล เพราะคนส่วนใหญ่พอใช้วิธีนับแคลก็มักจะโฟกัสแค่ที่ตัวเลขอย่างเดียว
วันนี้ฉันกินกี่ไปแล้วกี่แคลอรี่ จนไม่สนใจคุณภาพอาหารที่กินเข้าไป
บางคนกินข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู หมูกรอบ ตบท้ายด้วยชาเย็น ซึ่งคำนวณแคลอรี่อ้างอิงตารางก็บอกว่า
นี่ๆ ยังไม่เกินตามที่กำหนดไว้เลยนะ แต่คือแบบว่า......
แต่ถ้าวิธีการควบคุมอาหาร ตามที่ผมแนะนำ
ด้วยคุณภาพของอาหาร มันจะทำให้ร่างกายของเราอิ่มอัตโนมัติเพราะร่างกายได้สารอาหารตามต้องการ
ยกตัวอย่าง แทนที่จะกินข้าวมันไก่ 1 จานซึ่งก็มักทานไม่ค่อยจะอิ่ม
ด้วยพลังงานที่เท่ากัน ผมสามารถทานข้าวไรซ์เบอรี่กับอกไก่ชิ้นใหญ่ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มข้าวมันไก่ได้แทน
แยกให้ดูความแตกต่างว่าภายใต้พลังงานที่เท่ากัน ทำไมกลไกร่างกายทำงานต่างกัน
ข้าวมันไก่
ข้าวขาว ย่อยเร็ว ดูดซึมเร็ว กากใยน้อย เมื่อร่างกายรับคาร์โบไฮเดรทเยอะๆ ในช่วงเวลาเดียว ใช้ไม่ทันกลายเป็นไขมันสะสม แต่ซักพักก็จะหิวใหม่ เพราะสะสมเป็นไขมันเรียบร้อย ถอนออกมาใช้ก็ยาก ร่างกายเลยบอกว่าให้หิวเพื่อจะกินใหม่ เราเลยหิวบ่อยๆ
ข้าวมัน ชุ่มฉ่ำไปด้วยมันจากไก่ ไขมันสัตว์ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
ไก่ บางคนกินหนังด้วยซ้ำ หรือกินส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่อกไก่ ก็มักมีไขมันแทรกในเนื้อ
บางคนหนักกว่าคือกินข้าวมันไก่ทอด OMG!!! ทั้งแป้งและน้ำมันเต็มเปี่ยมราดกับน้ำจิ้มหวานๆ
เทียบกับข้าวไรซ์เบอรี่กับอกไก่ชิ้นเบิ้ม
ข้าวไรซ์เบอรี่ มีกากใยสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ย่อยช้าจึงช่วยชะลอให้ร่างกายค่อยๆ ดูดซึม และค่อยๆ นำพลังงานไปใช้
ทำให้ไม่เหลือกลับไปเป็นไขมันสะสม
อกไก่ เปี่ยมไปด้วยโปรตีนแต่มีไขมันต่ำมาก
จะเห็นว่า ถ้าเราเข้าใจความแตกต่างว่าอาหารแต่ละอย่างส่งผลยังไงกับกลไกในร่างกาย
เราจะเลือกได้เองโดยอัตโนมัติ อย่างผมตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ผมไม่ได้กินข้าวมันไก่อีกเลยเพราะกลัวครับ
ดังนั้นผมจึงแนะนำว่า เราควรศึกษาอาหารคลีนให้เข้าใจ
เพื่อนำมาประยุกต์ในการเลี่ยงและเลือกให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของแต่ละคน
อีกเรื่องที่ผมห่วงว่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อน คือ เฮ้ย!!! เดินเอาก็ได้ไม่ต้องวิ่ง
ข้อความนี้ถูกส่วนนึงครับ
อย่างที่ผมย้ำตลอดเวลาคือ
เราต้องเอาเป้าหมายและข้อจำกัดของแต่ละคนเป็นที่ตั้ง
ถ้าเพื่อนๆ มีเป้าหมายเหมือนผมและทำตามในรูปแบบที่ผมทำทุกอย่างโดยไม่ตัดทอนอะไร
การเดินเร็ว ก็เป็นวิธีเบิร์นที่ดีที่จะใช้ในช่วงเวลาของการสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อมๆ กัน
แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่วิ่งเลยนะครับ
อย่างมีวันนึงผมไปทำบุญที่ต่างจังหวัด คิดว่าจะกลับมาแล้วออกกำลังกายทั้งเวทและเบิร์น
เพราะวันก่อนหน้าผมติดธุระแล้วไม่ได้ไปออกกำลังกายเลย
แต่ปรากฏว่ากลับถึงกรุงเทพฯ ก็ 1 ทุ่มแล้ว คลับปิด 3 ทุ่ม
จังหวะนั้นก็คิดนะครับว่ายังจะไปฟิตเนสอยู่มั้ย หรือกลับบ้านเลยดี
แต่สุดท้ายผมเลือกที่จะไป เพราะคิดว่าทำน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย
พอไปถึงก็ 2 ทุ่มแล้ว ต้องเผื่อเวลาอาบน้ำแต่งตัวอีก
ดังนั้นภายใต้เวลาที่จำกัดและผมไม่ได้เวทมา 2 วัน จึงไม่ต้องห่วงเรื่องการดึงพลังงานไปสร้างกล้ามเนื้ออะไร
วันนั้นผมเลยจัดการวิ่งไป 5 ก.ม.ด้วยความสะใจเหงื่อทะลักทะลาย
เพื่อให้ได้เบิร์นมากที่สุดด้วยเวลาที่น้อยที่สุดครับ
ย้ำๆๆๆๆ อีกครั้งว่า ให้เอาเป้าหมายและเงื่อนไขที่มีเป็นหลัก แล้วค่อยเลือกใช้วิธีการให้สอดคล้อง
รูปแบบการเขียนกระทู้นี้ ผมจะเขียนเล่าไปในช่วงเวลาตั้งแต่วันแรกจนวันที่ 123 เหมือนไดอารี่
เพราะว่าในแต่ละช่วงเวลาจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อุปสรรค ปัญหา หรือข้อสงสัยต่างๆ ที่เพื่อนๆ ที่ลดความอ้วน ฟิตหุ่นน่าจะเจอ
เพราะถ้าใครตั้งใจจะลดความอ้วนฟิตหุ่นแล้ว ก็น่าจะเกิดความรู้สึกใกล้เคียงกัน ในเวลาใกล้ๆ กัน
และผมอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ที่ตั้งใจจะลดความอ้วน ฟิตหุ่น Like Fanpage 123change หรือ follow IG devi1cupid กันนะครับ
ผมตั้งใจให้เป็นพื้นที่สำหรับเพื่อนๆ ที่ตั้งใจจะลดความอ้วนฟิตหุ่นได้มีบรรยากาศร่วมกัน
ให้รู้สึกว่ายังมีคนอื่นอย่างน้อยก็มีผมคนนึงที่ยังฟิตหุ่น ไม่ทิ้งเป้าหมาย อยู่เป็นเพื่อนกันตลอดทาง
และจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมหรือตัวอย่างจากที่เขียนไว้ลงให้ประจำ
หรือถ้ามีอะไรสามารถสอบถาม สามารถคุยกันทางนั้นได้เลยครับ
123 Change!!! Ep.2 - วิธีประคองความคิด พิชิตหุ่นเฟิร์ม สไตล์หนุ่มออฟฟิศน่ากิน :D
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจในกระทู้ที่ผ่านมานะครับ
123 Change!!! 123 วัน เปลี่ยนหนุ่มออฟฟิศธรรมดาให้น่ากิน
http://ppantip.com/topic/35528915
ไม่ว่าจะชมที่ความพยายามฟิตหุ่นสำเร็จ หรือชมที่สำนวนการเขียนเรียบเรียงเรื่องราว
และต้องขอบคุณหลายความคิดเห็นที่ผมอ่านคอมเมนท์แล้วรู้เลยว่าตั้งใจอ่านครับ
กระทู้นั้นผมตั้งใจเรียบเรียงอยู่หลายวันเลยออกมายาวเหยียดขนาดนั้น
เพราะคิดว่าถ้าอย่างน้อยมีสักคนหนึ่งที่จะลุยทำตามนั้นแล้วเปลี่ยนแปลงได้จริง
ผมก็คงดีใจว่ามันคุ้มค่ามากพอที่เขียนขึ้นมาละครับ
ถ้ามีใครเจอผมตัวเป็นๆ ทักทายกันได้นะครับ
ผมเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม ไม่ใช่หยิ่งนะครับ แค่กลัวหน้าแหกครับ - -“
เคยมั้ยครับ กับการที่ตั้งใจลดความอ้วนฟิตหุ่นมาไม่รู้กี่ทีกี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด
กระทู้นี้ผมเลยตั้งใจเขียนขึ้นมาเพราะเชื่อว่าน่าจะมีคนอยากลุยทำตามบ้างซึ่งน่าจะเจออุปสรรคปัญหาคล้ายกัน
ส่วนใหญ่ที่ล้มเลิกการลดความอ้วน ฟิตหุ่นกันไป หลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่มีแรงบันดาลใจหรือไม่รู้วิธีการ
แต่เพราะเมื่อทำไปเรื่อยๆ กำลังใจดันหดหายไประหว่างทาง หนำซ้ำยังเจอแรงต้านอุปสรรคสารพัดโหมเข้ามา
ผมเลยอยากมาแบ่งปันประสบการในจังหวะที่ต้องตัดสินใจเล็กๆ ในแต่ละวันเพื่อประคองกำลังใจไปให้รอดปลอดภัย
เพื่อนๆ อ่านแล้วจะรู้สึกมีกำลังใจขึ้นว่า เออ!!! เราก็เป็น ฉันก็เป็น กรูก็เป็น
ใช่ครับ เรื่องเหล่านี้ใครๆ ก็เป็นกันทุกคน เราไม่ใช่คนแรกและคนเดียวที่เป็น!!!
ลุยเอาจริงไม่ยากอย่างที่คิด ความคิดเราเองนี่แหละที่เป็นกำแพงใหญ่กั้นไม่ให้เราเริ่มต้น
ผมพูดแบบนี้เพราะเห็นเพื่อนๆ ที่มาคอมเมนท์ หรือที่แชร์ลิงค์ใน Facebook รู้สึกชื่นชม
แต่พอคิดว่าจะทำเองมั้ย ก็จะรู้สึกว่ายากจัง ทำไม่ได้แน่ๆ
มันเหมือนกับที่ผมเองเคยคิดเวลาเห็นคนที่เค้าหุ่นดี ที่เล่าให้อ่านตอนเริ่มกระทู้แรกเลยมั้ยครับ
ผมอยากจะบอกกับเพื่อนๆ ที่กำลังคิดว่ายาก ว่ามันไม่ยากอย่างที่เราคิดไว้ ความคิดมันหลอกเราอยู่
มันคล้ายกับตอนเราอยู่ ป.1 รู้สึกว่าการท่องสูตรคูณยากจัง
แต่พอผ่านมาได้แล้ว เราก็จะรู้สึกว่า เออ มันก็ไม่ได้ยากขนาดที่คิดไว้นะ
ดังนั้น Just do it!!! เริ่มแล้วลุยเลยครับ
ก่อนไปเรื่องที่ตั้งใจเขียน ผมขอเคลียร์ประเด็นที่ห่วงว่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนในกระทู้ที่แล้วก่อนนะครับ
เรื่องที่ผมห่วงที่สุดคือ ไม่นับแคล
คำว่า ไม่นับแคล หมายถึงว่า ไม่โฟกัสแต่ไม่ถึงกับว่าไม่สนใจปริมาณพลังงานเลย
แต่สาเหตุที่บอกว่าไม่นับแคล เพราะคนส่วนใหญ่พอใช้วิธีนับแคลก็มักจะโฟกัสแค่ที่ตัวเลขอย่างเดียว
วันนี้ฉันกินกี่ไปแล้วกี่แคลอรี่ จนไม่สนใจคุณภาพอาหารที่กินเข้าไป
บางคนกินข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู หมูกรอบ ตบท้ายด้วยชาเย็น ซึ่งคำนวณแคลอรี่อ้างอิงตารางก็บอกว่า
นี่ๆ ยังไม่เกินตามที่กำหนดไว้เลยนะ แต่คือแบบว่า......
แต่ถ้าวิธีการควบคุมอาหาร ตามที่ผมแนะนำ
ด้วยคุณภาพของอาหาร มันจะทำให้ร่างกายของเราอิ่มอัตโนมัติเพราะร่างกายได้สารอาหารตามต้องการ
ยกตัวอย่าง แทนที่จะกินข้าวมันไก่ 1 จานซึ่งก็มักทานไม่ค่อยจะอิ่ม
ด้วยพลังงานที่เท่ากัน ผมสามารถทานข้าวไรซ์เบอรี่กับอกไก่ชิ้นใหญ่ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มข้าวมันไก่ได้แทน
แยกให้ดูความแตกต่างว่าภายใต้พลังงานที่เท่ากัน ทำไมกลไกร่างกายทำงานต่างกัน
ข้าวมันไก่
ข้าวขาว ย่อยเร็ว ดูดซึมเร็ว กากใยน้อย เมื่อร่างกายรับคาร์โบไฮเดรทเยอะๆ ในช่วงเวลาเดียว ใช้ไม่ทันกลายเป็นไขมันสะสม แต่ซักพักก็จะหิวใหม่ เพราะสะสมเป็นไขมันเรียบร้อย ถอนออกมาใช้ก็ยาก ร่างกายเลยบอกว่าให้หิวเพื่อจะกินใหม่ เราเลยหิวบ่อยๆ
ข้าวมัน ชุ่มฉ่ำไปด้วยมันจากไก่ ไขมันสัตว์ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
ไก่ บางคนกินหนังด้วยซ้ำ หรือกินส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่อกไก่ ก็มักมีไขมันแทรกในเนื้อ
บางคนหนักกว่าคือกินข้าวมันไก่ทอด OMG!!! ทั้งแป้งและน้ำมันเต็มเปี่ยมราดกับน้ำจิ้มหวานๆ
เทียบกับข้าวไรซ์เบอรี่กับอกไก่ชิ้นเบิ้ม
ข้าวไรซ์เบอรี่ มีกากใยสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ย่อยช้าจึงช่วยชะลอให้ร่างกายค่อยๆ ดูดซึม และค่อยๆ นำพลังงานไปใช้
ทำให้ไม่เหลือกลับไปเป็นไขมันสะสม
อกไก่ เปี่ยมไปด้วยโปรตีนแต่มีไขมันต่ำมาก
จะเห็นว่า ถ้าเราเข้าใจความแตกต่างว่าอาหารแต่ละอย่างส่งผลยังไงกับกลไกในร่างกาย
เราจะเลือกได้เองโดยอัตโนมัติ อย่างผมตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ผมไม่ได้กินข้าวมันไก่อีกเลยเพราะกลัวครับ
ดังนั้นผมจึงแนะนำว่า เราควรศึกษาอาหารคลีนให้เข้าใจ
เพื่อนำมาประยุกต์ในการเลี่ยงและเลือกให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของแต่ละคน
อีกเรื่องที่ผมห่วงว่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อน คือ เฮ้ย!!! เดินเอาก็ได้ไม่ต้องวิ่ง
ข้อความนี้ถูกส่วนนึงครับ
อย่างที่ผมย้ำตลอดเวลาคือ เราต้องเอาเป้าหมายและข้อจำกัดของแต่ละคนเป็นที่ตั้ง
ถ้าเพื่อนๆ มีเป้าหมายเหมือนผมและทำตามในรูปแบบที่ผมทำทุกอย่างโดยไม่ตัดทอนอะไร
การเดินเร็ว ก็เป็นวิธีเบิร์นที่ดีที่จะใช้ในช่วงเวลาของการสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อมๆ กัน
แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่วิ่งเลยนะครับ
อย่างมีวันนึงผมไปทำบุญที่ต่างจังหวัด คิดว่าจะกลับมาแล้วออกกำลังกายทั้งเวทและเบิร์น
เพราะวันก่อนหน้าผมติดธุระแล้วไม่ได้ไปออกกำลังกายเลย
แต่ปรากฏว่ากลับถึงกรุงเทพฯ ก็ 1 ทุ่มแล้ว คลับปิด 3 ทุ่ม
จังหวะนั้นก็คิดนะครับว่ายังจะไปฟิตเนสอยู่มั้ย หรือกลับบ้านเลยดี
แต่สุดท้ายผมเลือกที่จะไป เพราะคิดว่าทำน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย
พอไปถึงก็ 2 ทุ่มแล้ว ต้องเผื่อเวลาอาบน้ำแต่งตัวอีก
ดังนั้นภายใต้เวลาที่จำกัดและผมไม่ได้เวทมา 2 วัน จึงไม่ต้องห่วงเรื่องการดึงพลังงานไปสร้างกล้ามเนื้ออะไร
วันนั้นผมเลยจัดการวิ่งไป 5 ก.ม.ด้วยความสะใจเหงื่อทะลักทะลาย
เพื่อให้ได้เบิร์นมากที่สุดด้วยเวลาที่น้อยที่สุดครับ
ย้ำๆๆๆๆ อีกครั้งว่า ให้เอาเป้าหมายและเงื่อนไขที่มีเป็นหลัก แล้วค่อยเลือกใช้วิธีการให้สอดคล้อง
รูปแบบการเขียนกระทู้นี้ ผมจะเขียนเล่าไปในช่วงเวลาตั้งแต่วันแรกจนวันที่ 123 เหมือนไดอารี่
เพราะว่าในแต่ละช่วงเวลาจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อุปสรรค ปัญหา หรือข้อสงสัยต่างๆ ที่เพื่อนๆ ที่ลดความอ้วน ฟิตหุ่นน่าจะเจอ
เพราะถ้าใครตั้งใจจะลดความอ้วนฟิตหุ่นแล้ว ก็น่าจะเกิดความรู้สึกใกล้เคียงกัน ในเวลาใกล้ๆ กัน
และผมอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ที่ตั้งใจจะลดความอ้วน ฟิตหุ่น Like Fanpage 123change หรือ follow IG devi1cupid กันนะครับ
ผมตั้งใจให้เป็นพื้นที่สำหรับเพื่อนๆ ที่ตั้งใจจะลดความอ้วนฟิตหุ่นได้มีบรรยากาศร่วมกัน
ให้รู้สึกว่ายังมีคนอื่นอย่างน้อยก็มีผมคนนึงที่ยังฟิตหุ่น ไม่ทิ้งเป้าหมาย อยู่เป็นเพื่อนกันตลอดทาง
และจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมหรือตัวอย่างจากที่เขียนไว้ลงให้ประจำ
หรือถ้ามีอะไรสามารถสอบถาม สามารถคุยกันทางนั้นได้เลยครับ