โดนใจ "ใช่" รักเลย

กระทู้สนทนา
บทที่1 : บ้านของฉัน  (เหมือนหนังสือเรียน มานีมานะเลย)

1-2-3 เฮ้ 1-2-1-2-1 รอบสวนสาธารณะ 20 รอบ ...เสียงโคช สุดโหด ดังลั่น หน้าสวนสาธารณะประจำจังหวัด  “เห” เหนื่อยโคดเลยอะ พ่อจ๋า ทำไมวันนี้พ่อโหด ไม่น่าร้องตามมาด้วยเลยย แอบแว่บไปนอนกลิ้งสนามหญ้าข้างทางได้ไหมอะ..ฉันคิดเสียงดังในสมอง ทำไมต้องเป็นค่ายมวยพ่อจ๋าด้วยละ ปกติเราจะวิ่งจ๊อกกิ้งกัน ลัลลาไม่ใช่เหรอ แง๊.. “มาแอบอู้ได้ไง ร้องจะมาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันซิยัยอมยิ้ม”  แอบเห็นอีก  ฉันอิดออดสะบัดสะบิ้ง แป๊บ ไม่ลุกละโดน ไม้หวดแน่ๆ แล้วก็วิ่งตามพวก นักกล้าม ข้างหน้าไป บ้าจริงเลยปิดเทอม ทั้งทีทำไมฉันต้องมา ติดอยู่กับอะไรแบบนี้ละเนี้ย.. หนุ่มหล่อกล้ามโต ไม่ใช่สเป็คอะ
รอบที่ 5 “พ่อจ๋า เดี๋ยวขาหนูใหญ่” พ่อไม่ตอบ แต่หันมาทำตาดุ  ใจร๊ายยยยยย อย่ามาบังคับให้ฉันฟิตกล้าม นะ ฉันจะสวยเซ็กซี่ ไม่นะ ต้องใช้ไม้ตาย “เค้าจะฟ้องแม่ เค้าเหนื่อย ขาตึงเดี๋ยวขาเค้าใหญ่ เค้าเป็นผู้หญิงนะ พ่อจ๋า”  และทำหน้าง๊องแง๊งเหมือนจะเป็นจะตาย นี่ถ้าไม่สำเร็จ จะแกล้งเป็นลมละ..  “ไปเลยนั่งรอโน้นเลย” พ่อจ๋าบ่นๆ  แล้วชี้นิ้วไล่ แล้วฉันก็กระโดดโลดเต้นไปนั่ง ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พร้อมกระติกน้ำ เย็นเจี๊ยบ เหงื่อเต็มตัว เหม็นเหงื่อตัวเองชะมัดอยากอาบน้ำ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด แล้วถ้าเดี๋ยวสิวขึ้นละ โอ้ย เริ่มเดือดร้อนกับทุกสิ่ง ทำไมตะกี้ไม่บอกพ่อจ๋า ว่ากลับบ้านก่อนนะละ พลาดซะแล้วซิ ระหว่างที่นั่ง เวิ่นเว้อ กับ ความคิดโรคจิตของตัวเอง เทพบุตรก็วิ่งผ่าน แม่เจ้า หล่อผู้ดีสุดๆ กล้ามโตในค่ายนี่ เจ๊ ปัดติดเชือก เป็นไปได้ก็ถีบเข้ามุมไปเลย ต้องตาม เสียงความคิดในสมองเริ่มสั่งการ  “ไอ้อมยิ้ม หายเหนื่อยมาวิ่งต่อ เหลืออีก 3 รอบ” เสียงที่ดึงลงมาจากสวรรค์ ดังขึ้น  แหม๊ พ่อจ๋า อะ เค้ากำลังฟิน ว่าแล้วก็ทำหน้ากระเง้ากระง๊อดใส่  พ่อจ๋า “เค้าเหนื่อยแล้ว เค้าจะกลับบ้าน วิ่งมากไป เดี๋ยวกล้ามขาจะใหญ่ เค้าไม่คิดจะไปประกวดนักกล้ามนะ พ่อ”  ส่งสายตา “ งั้นแกเดิน และวิ่ง ค่อยๆ ตามน้องๆ ให้พ่อ 3 รอบหน่อย พ่อเหนื่อย” พ่อจ๋า พ่อจ๋าใช้ไม้ตายนี้กับหนูได้ไง พ่อจ๋าใจร้าย พ่อเหนื่อย .. แล้วหนูจะ แถยังไงละเนี้ย โห แรงอะ “ค่า” เป็นคำเดียวที่ลูกกตัญญูอย่างฉันจะตอบได้ อีก 3 รอบ ฉันต้องดึงฮูด ปิด ทับหมวก แก๊บที่ใส่ไว้ แล้วออกวิ่งตาม ทีมนักวิ่งกล้ามโต ที่ชก ลมไปด้วยวิ่งไปด้วย แถมยัง ตะโกนตลอดทาง  1-2-1- 2  เปลี่ยนท่า  1-2-1-2-1 เหมือนซ้อมเชียร์กีฬาสีสมัยมัธยมเลย อาย เค้าอะ คนก็มองกันเพียบเลย ก็นะ หนุ่มๆ กล้ามโต หล่อมั่ง ไม่หล่อมั่ง 10 กว่าชีวิต พวกนี้กำลังจะ ไปชกมวย ไทยชิงแช็มป์ อะไรสักอย่างนินะ ถึงได้ต้องมา วิ่ง (แต่ปกติเค้าก็ต้องวิ่งกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ) สงสัยช่วงนี้ต้องฝึกความอดทนเป็นพิเศษ เดี๋ยวกลับไปที่บ้านก็คงต้องวิดพื้น ฝึก แขน ชกกระสอบทราย ขึ้นสังเวียนไปให้เค้าตุ้ยท้อง (เห็นว่าฝึกกล้ามท้อง) ทรมานจะตาย พลางก็เหล่ตามอง น้องๆ ที่วิ่งข้างหน้า น้องซิ ฉัน จบ ปริญญาแล้วนิ ถึงจะ จบไวกว่าปกติ เจ้าพวกนี้ก็ต้องเป็นน้องๆ ซิ ถึง พวกนี้จะหน้าแก่กว่าฉันก็เหอะ ก็พ่อบอกว่าเรียนม.ปลาย ที่อยู่ใกล้ๆบ้าน มาขอให้ช่วย ฝึกร่างกายให้นิหนา หนูๆ ขาคุณพี่เหนื่อยค่ะ น้องวิ่ง 3 รอบ พี่ วิ่ง 2 รอบพอนะคะ แต่ว่า เจ้าคนที่ 3 ซ้ายแลดูเหมือนขาสั่น  ว่าแล้ว ฉันก็ต้องดูแลร่างกายให้พวกแกด้วยซิเนี้ย  “น้องออกมานี่ก่อน คนอื่นวิ่งไปนะ” ฉันเดินไปลาก เด็กคนนั้นออกมา แล้วลากไปที่เก้าอี้ สนามข้างๆ “พี่ผมไหว พี่ผมไหว” ฉันทำตาดูถูกแล้วก็ลากคอมันมานั่งที่ เก้าอี้(ใช้กำลังบังคับ) อุ้ย SM น่าดู  “ข้อเท้าพลิกหรือเปล่า” ฉันพูดพลาง ดึงรองเท้า เขาออก แล้วก็ถลกขากางเกง โดยไม่รอฟังคำตอบ จากเด็กน้อย ซึ่ง แม้ว่าเค้าจะสูงกว่าฉันเกือบ10 เซ็นต์ ก็เหอะ นั่นไงว่าละ ข้อเท้าอักเสบ บวมแดง บ้าวิ่งไปตั้งสิบรอบ ไอ้เด็กโรคจิต พ่อจ๋าเดินมาจากไหนก็ไม่รู้มาตบไหล่ ฉันหันไปมอง พ่อประมาณว่าจะให้ทำไงกับไอ้เบื้อกนี่ดีฮับป๋า  “พักก่อนนะ โจ้” พ่อบอกเจ้าเด็กนั่น ฉันหันไปมอง ไอ้เด็กผีนี่ส่งสายตาอาฆาตมาให้ฉัน แกบ้าหรือเปล่า นี่ฉันหวังดีนะ ต๊ายทำคุณบูชาโทษ น่าจะปล่อยให้วิ่งจนเอ็นฉีก เด็กผีนี่ ฉันสะบัดข้อเท้าเค้าทิ้งลงกับพื้น “โอ้ย” แล้วก็เดินสะบัดตูด ไปวิ่งตาม เด็กกล้ามโตกลุ่มเดิม อิอิ ถ่วงเวลาเราก็วิ่งอีก แค่ 1 รอบ ลัลลา อะท่าวิ่งต้องสวย เชิดอก หลังตรงวิ่ง ก่อนจะหันมาบอกพ่อจ๋า “พ่อเจอกันที่ยิมเลยนะ” พ่อจ๋าพยักหน้าแล้วก็หันไปมองเจ้าเด็กผีนั่น ซึ่งนั่นไม่ใช่ธุระของฉันอีกแล้ว
ฉันมาถึง ยิมแล้วกับ น้องๆ ที่เริ่มจะแยกกันไปเล่นของเล่น ตามที่พ่อได้วางแปลนไว้ให้ กระสอบทราย ขึ้นสังเวียน เวท ซิทอัพ คือ ฝึกร่างกายให้ทนอึด ได้ยินว่างั้นนะ ลืมบอกไปบ้านฉันไม่ใช่ค่ายมวยนะ แต่ห้องยิมที่ว่า พ่อทำไว้ให้ฉันใช้ ซ้อมออกกำลัง ให้ฉันฝึกมวย เอง ได้ยินไม่ผิดหรอก ไม่ซิ อ่านไม่ผิดหรอก ที่บ้านเคยทำโรงงานเสียบใบยาสูบ คนเหนือเรียก บุหรี่ขี้โย พอคนงานเก่าแก่ เลิกทำ พ่อก็เลิกทำ ไปทำนา เหมือนเดิม โรงเรือนนี้ก็ทิ้งร้างไว้ พอดีว่า มี ค่ายมวยใกล้ๆ เจ๊ง ขายที่ขายอุปกรณ์ พวกนี้ ขอร้องให้ช่วยซื้อ พ่อก็เลยซื้อไว้ แล้วก็ บังคับให้พวกฉันมาออกกำลังกาย เอามาทำอะไร เวทีมวย กระสอบทราย อุปกรณ์ยกเวท ปกติ ก็พี่ชาย กับหลานๆ แหละมาเล่นกัน พวก นั้นสนุก แต่ฉัน มันพวกเด็กเรียน แต่ก็โดน หางเลขไปด้วย สมัยนั้นนั่นคือกิจกรรมของบ้านเรา ออกกำลังกาย 1 ชม. ทุกเย็น นั่นแค่ที่ตกลงกัน แต่ด้วยความสนุก ของ การเสียเหงื่อ จนเล่นกันเกินเวลาทุกวัน ตอนค่ำๆ แม่ก็จะมาพร้อมน้ำหวานขนม ขนม ไทยบ้าง ฉันว่าสนุกดี ฉันหันไปมองอุปกรณ์ ที่เหมือนค่ายมวยเล็กๆ ถึงจะเก่าแต่ไม่ทรุดโทรมเลย เพราะ ดูแลรักษาอย่างดี พ่อเคยตัดสินใจว่าจะยกให้เทศบาลแล้วนะ แต่ ทางเทศบาลก็ยังไม่มีสถานที่ ได้ยินว่าทางเทศบาลบอกมาประมาณนั้น และไม่กี่วันมานี่จดหมายมาขอความร่วมมือ เพราะ เจ้าเด็กพวกนี้จะต้องส่งไปคัดตัว จังหวัดอะไรทำนองนั้น  วันพักผ่อน ช่วงซัมเมอร์ของฉันเลยต้องมาติดแหง๊กกับพวกเด็กนักมวยพวกนี้ มีหนทางเดียว พี่ชาย มาดเท่ห์ที่วิ่งผ่านเมื่อเช้า คือความหวังอันสดใสของฉัน  ระหว่างกำลังฝันกลางวัน พ่อก็เดินเข้ามาพร้อมเจ้าเด็กผี โจ “อมยิ้มดูแลน้องด้วยทำให้หาย และฝึก เท่าที่เขาจะทำได้ อีก 1 เดือนข้อเท้าคงจะหายดีระหว่างนี้ จัดการฝึกที่จะไม่กระเทือนให้น้องด้วย พ่อรู้ว่าแกทำได้” มึนซิคะ นี่มันแค่ห้องยิมหลังบ้านนะพ่อจ๋า จะให้มาวางแผนฝึกร่างกายให้นักมวยที่ ยังเจ็บข้อเท้า  แล้วหนูจะทำยังไง ฉันทำหน้ามึน ช็อค ใส่พ่อจ๋า “ที่แกเรียนมามันต้องใช้ได้บ้างแหละ” พ่อพูดเองเออเอง ฉันทำตามองบน บ่นก็ไม่ได้ จะไม่ช่วยก็ไม่ได้ จะทำไงกับคนแก่ คนนี้ดี โอ้ยหมวยอยากตาย  “หนูไม่เคยทำ อะ จะทำได้ไงละพ่อจ๋า” ฉันบ่นพลางทำปากยื่น “ไปถามอากู๋ ลองหาทางช่วยน้องดูซิ แกน่าจะทำได้นะ” พ่อบอก... อ่า...อากูเกิ้ลละซิ มุกพ่อจ๋าเนี้ย เพลียสิบตลบ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย พลางจับไหล่น้องโจ “พี่จะลองหาทางดูนะน้อง” เรื่องยังงี้พี่ก็ไม่เคย ตอนนี้เราต้องการฝึกอะไรละ รู้อย่างเดียวว่าต้องถนอมข้อเท้า  “เตะฟุตบอลเหรอข้อเท้าพลิก” ฉันถาม เด็กโจ นั่น “ครับพี่ ว่าแต่พี่รู้ได้ไง ตอนวิ่งไม่น่าจะเห็น” คือ พี่มันพวกขี้สงสัย ขี้จับผิด ขี้ระแวง อะไรที่ไม่เข้าพวกจะเห็นชัดมาก ตาดี นะน้อง ฉันคิดในใจ ฉันได้แต่ยิ้มให้ จะบอกยังไงละ “งั้นเราเลี่ยงอะไรทีกระเทือนข้อเท้าขวานั่นก่อน ผมน่าจะบอก พ่อพี่ก่อนไม่งั้นก็ไม่บวมยังงี้หรอก การปิดบังทำให้มันแย่ลงนะ มีอะไรก็บอกพวกเราจะได้ช่วยกัน ป้องกันแก้ไข เนอะ”  ดูนางฟ้าที่สุดละ หะหะ  พูดกับ เจ้าโจพลาง เอาผ้าพันข้อเท้า พ่นยานวด เพราะคงประคบเย็นไม่ทันแล้วหล่ะ ทิ้งไว้ขนาดนี้ ต้องหาทางแก้ และฉันก็ต้องไปค้นคว้าว่า จะ”พี่กำลังคิดว่า เราจะ ต้องฝึกส่วนไหน แทน การฟุตติ้ง ถ้าผมเล่นเวท น่าจะช่วยได้ เล่นส่วนบนแทน ข้อเท้าน่าจะได้พัก 2 อาทิตย์ และข้อเท้าน่าจะหายดี ค่อยลุยฝึกช่วงล่างต่อ ตอน 2อาทิตย์สุดท้าย ยกเวท เอา ตุ้มน้ำหนักวางพุงฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้อง เวลาโดนต่อยท้องจะไม่จุกมาก” เจ้าโจหัวเราะ “ไหนพี่ว่าพี่ไม่รู้เรื่อง การฝึกงะ นี่วางแผนทั้งเดือนให้ผมครบเซตดแล้วเนี้ย” อ่า..พี่ลืมตัว.. พี่ไม่ได้เป็นครูฝึกมวยนะ พี่เปล่า หลังจากเด็กๆ ที่มาใช้ยิม ลากลับบ้านไปหมดแล้ว ฉันกับพ่อจ๋า ก็ลาก ร่างที่เจ็ทแล็คและมึนๆ  เดินตามกลิ่นหอมหวนยวนใจมาที่บ้านใหญ่
“ของฝาก” น้องชาย แบมือ ขึ้นมา บนโต๊ะอาหารตอนกำลังจะตักสายบัวปลาทูสด เข้าปาก “อยู่เมกา ปีกว่า แม่บอกเจ๊ทำงาน ด้วยนิ มีตังค์นิ ของฝาก” แล้วมันก็แบมือเขย่าๆ “ไอ้บ้า มีที่ไหนวะทวงของฝาก เจ๊ไปเรี๊ยนนเว้ย” ฉันทำสะบัดสะบิ้ง ตามฟอร์ม ไอ้ตี๋เล็กน้องชายคนสุดท้องของบ้านทำท่าจะปีนขึ้นมาบนหัวฉัน มันเริ่มไซค์เฮดล็อค คือ กุเป็นผู้หญิงนะเว้ยยเฮ้ย มันยังไม่เลิกเล่น อีกเหรอ แล้วมันก็หอมแก้ม “คิดถึงจังเจ๊ อยู่นานๆ นะ” แหม๊ หน้าแดงซิคะ ฉันก็คิดถึง แก ไอ้ตี๋น้อย ฉันยิ้มบางๆ ครอบครัวฉันอบอุ่นเหมือนเดิมแหละ ขาดแต่อาเฮีย ของบ้านที่แต่งงานออกไป อยู่บ้านภรรยา ซึ่ง พ่อจ๋า กับแม่จ๋าบอกว่ารวยมาก แต่งไปช่วยงานบ้านภรรยา พ่อว่างั้น แต่นั้นเรื่องของพี่ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของฉัน ตอนนี้ ชีวิตฉันมีแต่เรื่อง โอ้ว ข้าวสวยร้อนๆ ผัดพริกขิง สายบัวปลาทูสด สุดคิดถึง พะแนงเนื้อ แสนอร่อย อาหารไทยสุดที่รัก แกงส้มชะอมทอด หนูรักแม่ที่สุดเลย ให้ตายเหอะ ว่าแล้วก็เดินไปกอดแม่จ๋า ซึ่งก็นะ แม่จ๋าก็ทำหน้างงๆ และหัวเราะ พร้อมตีแขน แล้วก็บ่น มารยาทไม่ดี ตามเดิม ฉันอมยิ้มแล้วก็เดินกลับมานั่งกิน ฟินสุดๆ อาหารไทยที่รัก
ใช่ ฉัน เป็นนักเรียนนอก ตามที่ใครต่อใครชอบเรียก เพิ่งบินถึงไทยเมื่อวาน 4 ทุ่ม แล้วก็นอนเลย เช้ามืดมาโดนพ่อลากไปวิ่ง ทรมานอะไรเบอร์นี้ พ่อไม่เข้าใจหมวย ใช่แล้วฉันไปเรียนต่อที่ต่างประเทศใช้ทุนพ่อกับแม่ เพราะไม่ได้เรียนเก่งมาก แต่ อยากไปเปิดหูเปิดตา อ้างว่าไปเที่ยวอย่างเดียวคนหัวโบราณแบบ แม่จ๋าคงไม่ยอมให้ไปแน่ๆ ทำงานพิเศษเหรอ ใช่แล้ว เพราะเวลาไปเรียนเมืองนอก จะเรียนอย่างเดียวแบบลูกคุณหนูก็ได้ แต่ฉันงกและอยากเรียนรู้การใช้ชีวิตมากกว่า เลยไปหางานพิเศษทำ สนุกสนานกับเพื่อนๆ แปลกหน้า และแปลกที่ฉัน ไปเรียนปรับภาษาและสามารถ จบ ปริญญาซึ่งใช้เวลาแค่ 3 ปีที่ต่างประเทศ ถ้าที่บ้านเราฉันคงต้องเรียน 5ปี แต่ก็นั้นแหละ thesis/วิทยานิพนธ์ ของต่างประเทศ มันยุ่งยากกว่าที่คิด ฉันไม่สามารถ ทำมันขึ้นมาให้สมบูรณ์ได้เพราะ ติดขัดอะไรบางอย่างในสมอง ก่อนจะไปทำให้เสร็จเรียบร้อย ฉันเลยหนีมาพักสมอง ช่วงซัมเมอร์ที่ไทย หลังจากที่ไม่ได้กลับบ้านมา เกือบ 2 ปี ไม่ได้เกี่ยวว่าฉันไม่รักเมืองไทยนะเลยไม่ยอมกลับบ้าน ฉันงกนะ ทำงานพิเศษช่วง ซัมเมอร์รายได้ดีจะตาย จ่ายค่าหน่วยกิตได้เลยละ พอค่าที่พักค่าเรียน แต่ต้องมีวินัยกับตัวเองหน่อย ขยันหน่อย ฉันมีเงินเก็บกลับบ้าน เยอะพอดู แต่บอกไม่ได้หรอกเดี๋ยวแม่จะงดส่งเงินให้ นั่นมันส่วนที่ฉันควรได้นิ เงินเก็บก็เงินเก็บซิ ไม่เกี่ยวกัน ใช่ไหม? ก็เคยบอกแม่นะว่า แม่ไม่ต้องส่งเงินมาก็ได้นะหนูอยู่ได้ แต่แม่ก็เคยพูดนิหนา นั่นส่วนที่หนูควรจะได้ ฉันก็เก็บซิคะ แอบกระซิบ ของฝาก นะมีให้ครบทุกคนแหละ แต่ยิ่งทวง ยิ่งต้องแกล้งคะ มันเป็นนิสัยส่วนตัวที่ฉันมีความสุขมากที่ได้แกล้งญาติๆ ที่น่ารักของฉัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่