21
เดิร์ค ฮิเดกาว่า
โดย ฮาร์โมนิก้า
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่แอชลี่ย์เพนท์ภาพบนผนังหลังจากทำงานมาห้าวันเต็ม
เธอมองผลงานอย่างภูมิใจ ภาพนี้เป็นภาพด้านหลังของเด็กชายตัวน้อยซึ่งมือหนึ่งถือถังไม้ใบเล็ก
อีกมือจูงชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่ก้มลงมองดูหลานชายด้วยแววตาอ่อนโยนกลางไร่องุ่น แสง
อาทิตย์สาดทอลงมาจับเรือนผมบนศีรษะของหนูน้อยและหมวกของชายวัยกลางคนที่จูงมือหลาน
ชายของตน มืออีกข้างของเขาถือถังไม้เหมือนกับหลานชาย ซึ่งมีโลโก้ทิวอลลี่วินยาร์ดและไวน์
เนอร์รี่ประทับอยู่บนถังทั้งคู่ หากแต่ถังทั้งสองใบต่างขนาดกันตามขนาดของผู้ถือ มันเป็นภาพที่ใช้
เวลาในการเพนท์บนผนังพอควรเพราะมีรายละเอียดของเถาองุ่นที่กำลังสุกปลั่ง แอชลี่ย์จำต้องลด
ส่วนที่ต้องลงรายละเอียดของภาพลงด้วยการตัดขอบให้เป็นภาพวงกลม จึงเหลือเนื้อที่ส่วนที่เห็น
ไร่องุ่นจริงๆ ไม่มากนัก แต่จะเน้นไปยังภาพของสองตาหลานกับแนวทางเดินในไร่องุ่นเป็นหลักแทน
เพื่อให้สามารถเพนท์ภาพนี้ได้อย่างละเอียดและในเวลาไม่นานเกินไป
เธอจำลองภาพนี้ขึ้นจากจินตนาการซึ่งได้จากการฟังเรื่องราวครั้งในวัยเด็กของแบรดกับตายายเขา
ก่อนจะย้ายถิ่นฐานตามบิดามารดาไปยังสหรัฐ เธอเริ่มวาดภาพนี้ลงบนสมุดภาพที่แบรดซื้อมาให้ก่อน
แล้วจึงวาดใหม่บนผ้าใบ จนสุดท้ายภาพนี้ก็ถูกนำมาจำลองต่อเป็นภาพพิมพ์บนแก้วกาแฟ ผ้ารองจาน
และกำลังจะถูกนำมาพิมพ์บนฉลากติดขวดไวน์คอลเล็คชั่นใหม่ของแบรดด้วยซึ่งจะใช้ชื่อว่า
‘The Heritage’
ด็อทตี้แวะมาชมผลงานของแอชลี่ย์บ่อยๆ พร้อมกล่าวชื่นชมจนเธอเขิน วันนี้เป็นวันที่แอชลี่ย์เก็บราย
ละเอียดงานเสร็จ แต่เพื่อนของเธอกลับไม่ว่างมาดู เนื่องจากเป็นช่วงฉีดวัคซีนให้คนงานด็อทตี้จึงยุ่ง
วุ่นวายอยู่กับงานของเธออย่างน้อยอีกสองวันเต็ม
แขกอีกรายที่แวะมาที่ไวน์เนอร์รี่บ่อยๆ ทุกเย็นคือร็อด เขามักอ้างว่าแวะมาหาแบรดบ้าง หรือมาดูความ
คืบหน้าในการทำงานของแอชลี่ย์บ้าง แต่หญิงสาวรู้ดีกว่านั้น ความเป็นศิลปินทำให้เธอช่างสังเกต จับ
ความรู้สึกและรายละเอียดต่างๆ ได้เร็วและถี่ถ้วน เธอพอเดาได้ว่าเพื่อนสนิทของแบรดผู้นี้แอบหลงรัก
แม่บ้านสาวของเขา น่าแปลกที่ทั้งหมดเคยเป็นเพื่อนกันสมัยเด็ก อะไรทำให้มาเรียไปรักกับคนอื่นจน
แต่งงานมีลูกและหย่าทั้งที่อายุยังน้อย ขณะที่ร็อดเองไม่มีครอบครัวทั้งที่วัยก็สมควรมีได้แล้ว เขาอาจ
มีเดทกับสาวบ่อยๆ แต่แอชลี่ย์รู้จากสายตาที่เขาเผลอแอบมองมาเรียบ่อยๆ ว่าความสนใจของเขาอยู่ที่
หม้ายสาวทรงเสน่ห์ผู้นั้น
แล้วมาเรียล่ะเธอสนใจร็อดมั้ย แอชลี่ย์คิดว่าไม่ แม่บ้านสาวไม่เป็นมิตรกับแอชลี่ย์เลย เมื่อแรกเธอเคย
สงสัยว่าหล่อนอาจหลงรักแบรดจึงไม่พอใจที่เธอซึ่งเป็นอดีตคู่หมั้นกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง แต่หลัง
จากอยู่ในวินยาร์ดนี้มาสามสัปดาห์เธอก็เริ่มเห็นว่ามาเรียรักแบรดอย่างเพื่อนกึ่งนายจ้างเท่านั้น แต่จาก
ท่าทางที่หล่อนมักระบายลมหายใจยาว ดวงตาเหม่อลอยและหลายครั้งที่ดูซึมเศร้า บางครั้งก็บวมช้ำราว
กับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักทุกครั้งที่กลับจากวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้แอชลี่ย์รู้ว่ามาเรียคงปักใจรัก
ใครสักคนที่อาจเป็นเพียงรักข้างเดียว ใครนะคือชายปริศนาผู้นั้น
แอชลี่ย์ระบายลมหายใจยาว แม่บ้านสาวผู้นั้นเป็นคนสวย และน่าจะนิสัยดีพอควรหากเจ้าหล่อนไม่ตั้งหน้า
ตั้งตาปิดกั้นแอชลี่ย์ออกจากใจโดยไม่คิดเปิดโอกาสให้เธอผูกมิตรได้เลย เมื่อไม่อาจสนิทสนมด้วยได้เธอ
ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเพื่อนหนุ่มของแบรดได้อย่างไรเช่นกัน
เธอมองนาฬิกา เพิ่งสิบโมงครึ่งเท่านั้น แบรดจะยังไม่แวะมาดูผลงานเธอจนกว่าจะเลิกงานตอนเย็น เธอมี
เวลาเหลือเยอะมากและยังไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่ออีกดี เพราะเวลานี้งานที่วางแผนกันไว้กับแบรดว่าจะต้อง
ใช้ต้องทำ เธอก็ทำเสร็จแล้ว พร้อมส่งมอบงานให้เขาทั้ง่หมดเย็นนี้เมื่อเขาแวะมาตรวจงาน
หญิงสาวคิดถึงชายหนุ่มทายาทเจ้าของไร่แล้วก็เผลอยิ้ม เพื่อนสาวชาวนิวยอร์คของเขากลับไปได้ห้าวันแล้ว
และตลอดห้าวันที่ผ่านมาเขาก็ใช้เวลาช่วงค่ำกับเธอแทบทุกวัน
นักแต่งดนตรีหนุ่มจะดีดเปียโนซ้อมคีย์ของเขาไป ขณะที่เธอจะอดไม่ได้ ลุกขึ้นมาวอร์มร่างกาย และซ้อมท่า
พื้นฐานบัลเล่ต์ซึ่งเธอไม่เคยจำได้ว่าเธอรู้ แต่เธอทำไปเองตามธรรมชาติ และทำไปตามจังหวะดนตรี เธอเริ่ม
เข้าใจตัวเองและร่างกายมากขึ้น ในวันต่อมาก็เริ่มซ้อมท่าพื้นฐานต่างๆ นานขึ้นไม่ว่าจะทงดูว์ พาร์เดอบูร์เร่
หรือจะพาสเซ่ ซึ่งเธอก็ฝึกอยู่บนพื้นไม้บีชในห้องนั่งเล่นไม่ไกลจากเปียโนของเขานัก แบรดมองเธอฝึกจาก
หลังเปียโนเป็นระยะ และแปลกที่เขามักจะปรับโทนและท่วงนำนองการเล่นให้เหมาะกับการเต้นของเธอใน
ช่วงของการวอร์มร่างกาย เขาจะเลือกดีดดนตรีเบสิคง่ายๆ และเมื่อเธอวอร์มได้ครึ่งชั่วโมง เขาจึงจะเริ่มดีด
เพลงท่วงนำนองอื่นหลากหลายสลับกันไป เพื่อให้เธอได้ลองเต้นตาม ทั้งคู่จะทำกิจกรรมแบบนี้ร่วมกันราว
หนึ่งชั่วโมงครึ่งทุกวัน มันเป็นความสุขและความอบอุ่นใจเล็กๆ ที่ทำให้แอชลี่ย์ยิ้มอย่างอ่อนหวานสดใสทุกครั้ง
โดยไม่รู้ตัว และแบรดก็มักจะเผลอมองและยิ้มตอบเธอเสมอเช่นกัน
รอยยิ้มของเขามักจะส่งผลให้หัวใจเธอเต้นรัว ใบหน้าร้อนด้วยความเขินอายกับความรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานพิเศษ
ที่ทั้งคู่แสดงต่อกันโดยไม่รู้ตัว
วันที่สามหลังจากที่เธอเริ่มซ้อมบัลเล่ต์โดยมีเขาคอยดีดเปียโนให้ เธอก็ได้รับของขวัญจากเขาอีก มันเป็นบาร์ไม้
สนซึ่งขัดเงาเรียบแต่ไม่ได้ทาเชอร์แล็คและทิ้งไว้ให้เป็นไม้เนื้อด้าน บาร์นั้นถูกนำมาตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นบริเวณที่
เธอชอบใช้ฝึกเต้นรำพร้อมกระดาษโน๊ตเล็กๆ ติดไว้ แอชลี่ย์มองดูมันอย่างตื่นเต้นและประหลาดใจ
‘ชอบมั้ย ผมเห็นคุณไม่มีที่ใช้เกาะและใช้ยืดกล้ามเนื้อที่เหมาะสม พอดีทอมตัดไม้มาทิ้งไว้ที่โรงนาด้านหลัง
กองใหญ่ ผมเลยลองเอามาทำเป็นบาร์ให้คุณใช้ ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้ได้หรือเปล่า’
แอชลี่ย์เดินเข้าไปใช้มือลูบไล้บาร์นั้นเบาๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นของเนื้อไม้และความตั้งใจของคนทำ ซึ่งความรู้สึก
นั้นกำลังแผ่ซ่านซึมผ่านปลายนิ้วเข้าสู่ผิวเนื้อในร่างกายแทบทุกอณู เธอซึมซับความรู้สึกไว้ด้วยใจที่ปิติอิ่มเอม
‘ขอบคุณค่ะแบรด มันสวยเหลือเกิน ฉัน…ไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง’
สายตาที่กวาดมองเธอทั่วตัวก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากทำให้แอชลี่ย์หน้าร้อนและเมินหน้าหนีเขามาลูบคลำของขวัญ
ชิ้นนั้นของเขาแทน เธอลองกดน้ำหนักลงบนบาร์เพื่อทดสอบความแข็งแรงและความมั่นคงของขาตั้ง ซึ่งเขาทำได้
ประณีตเสมอกันดีมาก ไม่มีอาการขาเขย่งข้างใดข้างหนึ่งเลย
‘ใช้เวลาทำนานมั้ยคะ’
เขาเงียบอยู่นานจนเธอคิดว่าจะไม่ตอบแล้ว ‘ไม่หรอก หลังจากได้ไม้มาก็ทำเมื่อวานนี้ทั้งวันรวมถึงวันนี้ก็สองวันเสร็จ
ผมยังไม่ได้ทาเชอร์แล็คเพราะไม่แน่ใจว่าคุณชอบแบบไหน หากอยากให้ทาสีก็ได้นะ พรุ่งนี้จะยกไปทำให้ใหม่’
‘ไม่ต้องหรอกค่ะ แบบนี้ดีแล้ว สวยดีค่ะ ฉันชอบ’
เจ้าแม็กซ์ดูจะตื่นเต้นกับของขวัญชิ้นใหม่ไม่แพ้เธอ มันมายืนมองและดมกลิ่นบาร์ไม้นี้อยู่ข้างๆ ไม่ห่าง
‘ชอบก็ลองใช้ดูสิ’ เขาบอกก่อนจะเดินหายขึ้นไปชั้นบนโดยไม่พูดอะไรอีก
นั่นเป็นเรื่องเมื่อสองวันก่อน แอชลี่ย์รู้ว่าเขาหงุดหงิดที่เธอไม่ใจอ่อนรับข้อเสนอของเขา แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ใจดีทำ
บาร์ไม้นี้ให้เธอได้ใช้ซึ่งเธอจำเป็นต้องใช้มากหากจะซ้อมบัลเล่ต์ และเขายังช่วยเธอซ้อมด้วยการดีดเพลงให้เธอเต้น
ชายหนุ่มจะรู้มั้ยนะว่าสิ่งเล็กน้อยที่เขาทำให้เธอนี้มีค่ามหาศาลต่อจิตใจที่อ่อนไหวและอ่อนโยนของหญิงสาวเพียงใด
ของขวัญที่ต้องใช้เวลาและเรี่ยวแรงความคิดความสามารถของตัวเองทำเองทั้งหมด ย่อมมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า
ของขวัญที่ใช้เงินซื้อหามา โดยเฉพาะเมื่อผู้ให้ไม่ได้มีปัญหาหรืออัตคัตเรื่องเงินทอง
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็รู้สึกซาบซึ้ง่ในน้ำใจของเขา ไม่ว่าจะเป็นของที่เขาซื้อมาให้หรือทำให้เอง หรือที่เขาดีดเพงให้เธอ
ทุกค่ำ ทั้งหมดล้วนแสดงถึงความใส่ใจในตัวเธอที่เขาเผลอแสดงออกมาให้เห็นโดยไม่ทันรู้ตัว
งานเสร็จแล้วและยังไม่มีงานใหม่ เวลารึก็เหลือเยอะมากและแอชลี่ย์ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี หรือจะถีบจักรยานเข้าไปใน
เมืองดู ระยะทางไปกลับราวสิบกิโลมีขึ้นและลงเขาเธอน่าจะถีบไหวอยู่ คิดแล้วก็เก็บข้าวของเตรียมเดินทาง
รักในรอยฝัน บทที่ 21 เดิร์ค ฮิเดกาว่า
เดิร์ค ฮิเดกาว่า
โดย ฮาร์โมนิก้า
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่แอชลี่ย์เพนท์ภาพบนผนังหลังจากทำงานมาห้าวันเต็ม
เธอมองผลงานอย่างภูมิใจ ภาพนี้เป็นภาพด้านหลังของเด็กชายตัวน้อยซึ่งมือหนึ่งถือถังไม้ใบเล็ก
อีกมือจูงชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่ก้มลงมองดูหลานชายด้วยแววตาอ่อนโยนกลางไร่องุ่น แสง
อาทิตย์สาดทอลงมาจับเรือนผมบนศีรษะของหนูน้อยและหมวกของชายวัยกลางคนที่จูงมือหลาน
ชายของตน มืออีกข้างของเขาถือถังไม้เหมือนกับหลานชาย ซึ่งมีโลโก้ทิวอลลี่วินยาร์ดและไวน์
เนอร์รี่ประทับอยู่บนถังทั้งคู่ หากแต่ถังทั้งสองใบต่างขนาดกันตามขนาดของผู้ถือ มันเป็นภาพที่ใช้
เวลาในการเพนท์บนผนังพอควรเพราะมีรายละเอียดของเถาองุ่นที่กำลังสุกปลั่ง แอชลี่ย์จำต้องลด
ส่วนที่ต้องลงรายละเอียดของภาพลงด้วยการตัดขอบให้เป็นภาพวงกลม จึงเหลือเนื้อที่ส่วนที่เห็น
ไร่องุ่นจริงๆ ไม่มากนัก แต่จะเน้นไปยังภาพของสองตาหลานกับแนวทางเดินในไร่องุ่นเป็นหลักแทน
เพื่อให้สามารถเพนท์ภาพนี้ได้อย่างละเอียดและในเวลาไม่นานเกินไป
เธอจำลองภาพนี้ขึ้นจากจินตนาการซึ่งได้จากการฟังเรื่องราวครั้งในวัยเด็กของแบรดกับตายายเขา
ก่อนจะย้ายถิ่นฐานตามบิดามารดาไปยังสหรัฐ เธอเริ่มวาดภาพนี้ลงบนสมุดภาพที่แบรดซื้อมาให้ก่อน
แล้วจึงวาดใหม่บนผ้าใบ จนสุดท้ายภาพนี้ก็ถูกนำมาจำลองต่อเป็นภาพพิมพ์บนแก้วกาแฟ ผ้ารองจาน
และกำลังจะถูกนำมาพิมพ์บนฉลากติดขวดไวน์คอลเล็คชั่นใหม่ของแบรดด้วยซึ่งจะใช้ชื่อว่า
‘The Heritage’
ด็อทตี้แวะมาชมผลงานของแอชลี่ย์บ่อยๆ พร้อมกล่าวชื่นชมจนเธอเขิน วันนี้เป็นวันที่แอชลี่ย์เก็บราย
ละเอียดงานเสร็จ แต่เพื่อนของเธอกลับไม่ว่างมาดู เนื่องจากเป็นช่วงฉีดวัคซีนให้คนงานด็อทตี้จึงยุ่ง
วุ่นวายอยู่กับงานของเธออย่างน้อยอีกสองวันเต็ม
แขกอีกรายที่แวะมาที่ไวน์เนอร์รี่บ่อยๆ ทุกเย็นคือร็อด เขามักอ้างว่าแวะมาหาแบรดบ้าง หรือมาดูความ
คืบหน้าในการทำงานของแอชลี่ย์บ้าง แต่หญิงสาวรู้ดีกว่านั้น ความเป็นศิลปินทำให้เธอช่างสังเกต จับ
ความรู้สึกและรายละเอียดต่างๆ ได้เร็วและถี่ถ้วน เธอพอเดาได้ว่าเพื่อนสนิทของแบรดผู้นี้แอบหลงรัก
แม่บ้านสาวของเขา น่าแปลกที่ทั้งหมดเคยเป็นเพื่อนกันสมัยเด็ก อะไรทำให้มาเรียไปรักกับคนอื่นจน
แต่งงานมีลูกและหย่าทั้งที่อายุยังน้อย ขณะที่ร็อดเองไม่มีครอบครัวทั้งที่วัยก็สมควรมีได้แล้ว เขาอาจ
มีเดทกับสาวบ่อยๆ แต่แอชลี่ย์รู้จากสายตาที่เขาเผลอแอบมองมาเรียบ่อยๆ ว่าความสนใจของเขาอยู่ที่
หม้ายสาวทรงเสน่ห์ผู้นั้น
แล้วมาเรียล่ะเธอสนใจร็อดมั้ย แอชลี่ย์คิดว่าไม่ แม่บ้านสาวไม่เป็นมิตรกับแอชลี่ย์เลย เมื่อแรกเธอเคย
สงสัยว่าหล่อนอาจหลงรักแบรดจึงไม่พอใจที่เธอซึ่งเป็นอดีตคู่หมั้นกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง แต่หลัง
จากอยู่ในวินยาร์ดนี้มาสามสัปดาห์เธอก็เริ่มเห็นว่ามาเรียรักแบรดอย่างเพื่อนกึ่งนายจ้างเท่านั้น แต่จาก
ท่าทางที่หล่อนมักระบายลมหายใจยาว ดวงตาเหม่อลอยและหลายครั้งที่ดูซึมเศร้า บางครั้งก็บวมช้ำราว
กับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักทุกครั้งที่กลับจากวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้แอชลี่ย์รู้ว่ามาเรียคงปักใจรัก
ใครสักคนที่อาจเป็นเพียงรักข้างเดียว ใครนะคือชายปริศนาผู้นั้น
แอชลี่ย์ระบายลมหายใจยาว แม่บ้านสาวผู้นั้นเป็นคนสวย และน่าจะนิสัยดีพอควรหากเจ้าหล่อนไม่ตั้งหน้า
ตั้งตาปิดกั้นแอชลี่ย์ออกจากใจโดยไม่คิดเปิดโอกาสให้เธอผูกมิตรได้เลย เมื่อไม่อาจสนิทสนมด้วยได้เธอ
ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเพื่อนหนุ่มของแบรดได้อย่างไรเช่นกัน
เธอมองนาฬิกา เพิ่งสิบโมงครึ่งเท่านั้น แบรดจะยังไม่แวะมาดูผลงานเธอจนกว่าจะเลิกงานตอนเย็น เธอมี
เวลาเหลือเยอะมากและยังไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่ออีกดี เพราะเวลานี้งานที่วางแผนกันไว้กับแบรดว่าจะต้อง
ใช้ต้องทำ เธอก็ทำเสร็จแล้ว พร้อมส่งมอบงานให้เขาทั้ง่หมดเย็นนี้เมื่อเขาแวะมาตรวจงาน
หญิงสาวคิดถึงชายหนุ่มทายาทเจ้าของไร่แล้วก็เผลอยิ้ม เพื่อนสาวชาวนิวยอร์คของเขากลับไปได้ห้าวันแล้ว
และตลอดห้าวันที่ผ่านมาเขาก็ใช้เวลาช่วงค่ำกับเธอแทบทุกวัน
นักแต่งดนตรีหนุ่มจะดีดเปียโนซ้อมคีย์ของเขาไป ขณะที่เธอจะอดไม่ได้ ลุกขึ้นมาวอร์มร่างกาย และซ้อมท่า
พื้นฐานบัลเล่ต์ซึ่งเธอไม่เคยจำได้ว่าเธอรู้ แต่เธอทำไปเองตามธรรมชาติ และทำไปตามจังหวะดนตรี เธอเริ่ม
เข้าใจตัวเองและร่างกายมากขึ้น ในวันต่อมาก็เริ่มซ้อมท่าพื้นฐานต่างๆ นานขึ้นไม่ว่าจะทงดูว์ พาร์เดอบูร์เร่
หรือจะพาสเซ่ ซึ่งเธอก็ฝึกอยู่บนพื้นไม้บีชในห้องนั่งเล่นไม่ไกลจากเปียโนของเขานัก แบรดมองเธอฝึกจาก
หลังเปียโนเป็นระยะ และแปลกที่เขามักจะปรับโทนและท่วงนำนองการเล่นให้เหมาะกับการเต้นของเธอใน
ช่วงของการวอร์มร่างกาย เขาจะเลือกดีดดนตรีเบสิคง่ายๆ และเมื่อเธอวอร์มได้ครึ่งชั่วโมง เขาจึงจะเริ่มดีด
เพลงท่วงนำนองอื่นหลากหลายสลับกันไป เพื่อให้เธอได้ลองเต้นตาม ทั้งคู่จะทำกิจกรรมแบบนี้ร่วมกันราว
หนึ่งชั่วโมงครึ่งทุกวัน มันเป็นความสุขและความอบอุ่นใจเล็กๆ ที่ทำให้แอชลี่ย์ยิ้มอย่างอ่อนหวานสดใสทุกครั้ง
โดยไม่รู้ตัว และแบรดก็มักจะเผลอมองและยิ้มตอบเธอเสมอเช่นกัน
รอยยิ้มของเขามักจะส่งผลให้หัวใจเธอเต้นรัว ใบหน้าร้อนด้วยความเขินอายกับความรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานพิเศษ
ที่ทั้งคู่แสดงต่อกันโดยไม่รู้ตัว
วันที่สามหลังจากที่เธอเริ่มซ้อมบัลเล่ต์โดยมีเขาคอยดีดเปียโนให้ เธอก็ได้รับของขวัญจากเขาอีก มันเป็นบาร์ไม้
สนซึ่งขัดเงาเรียบแต่ไม่ได้ทาเชอร์แล็คและทิ้งไว้ให้เป็นไม้เนื้อด้าน บาร์นั้นถูกนำมาตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นบริเวณที่
เธอชอบใช้ฝึกเต้นรำพร้อมกระดาษโน๊ตเล็กๆ ติดไว้ แอชลี่ย์มองดูมันอย่างตื่นเต้นและประหลาดใจ
‘ชอบมั้ย ผมเห็นคุณไม่มีที่ใช้เกาะและใช้ยืดกล้ามเนื้อที่เหมาะสม พอดีทอมตัดไม้มาทิ้งไว้ที่โรงนาด้านหลัง
กองใหญ่ ผมเลยลองเอามาทำเป็นบาร์ให้คุณใช้ ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้ได้หรือเปล่า’
แอชลี่ย์เดินเข้าไปใช้มือลูบไล้บาร์นั้นเบาๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นของเนื้อไม้และความตั้งใจของคนทำ ซึ่งความรู้สึก
นั้นกำลังแผ่ซ่านซึมผ่านปลายนิ้วเข้าสู่ผิวเนื้อในร่างกายแทบทุกอณู เธอซึมซับความรู้สึกไว้ด้วยใจที่ปิติอิ่มเอม
‘ขอบคุณค่ะแบรด มันสวยเหลือเกิน ฉัน…ไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง’
สายตาที่กวาดมองเธอทั่วตัวก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปากทำให้แอชลี่ย์หน้าร้อนและเมินหน้าหนีเขามาลูบคลำของขวัญ
ชิ้นนั้นของเขาแทน เธอลองกดน้ำหนักลงบนบาร์เพื่อทดสอบความแข็งแรงและความมั่นคงของขาตั้ง ซึ่งเขาทำได้
ประณีตเสมอกันดีมาก ไม่มีอาการขาเขย่งข้างใดข้างหนึ่งเลย
‘ใช้เวลาทำนานมั้ยคะ’
เขาเงียบอยู่นานจนเธอคิดว่าจะไม่ตอบแล้ว ‘ไม่หรอก หลังจากได้ไม้มาก็ทำเมื่อวานนี้ทั้งวันรวมถึงวันนี้ก็สองวันเสร็จ
ผมยังไม่ได้ทาเชอร์แล็คเพราะไม่แน่ใจว่าคุณชอบแบบไหน หากอยากให้ทาสีก็ได้นะ พรุ่งนี้จะยกไปทำให้ใหม่’
‘ไม่ต้องหรอกค่ะ แบบนี้ดีแล้ว สวยดีค่ะ ฉันชอบ’
เจ้าแม็กซ์ดูจะตื่นเต้นกับของขวัญชิ้นใหม่ไม่แพ้เธอ มันมายืนมองและดมกลิ่นบาร์ไม้นี้อยู่ข้างๆ ไม่ห่าง
‘ชอบก็ลองใช้ดูสิ’ เขาบอกก่อนจะเดินหายขึ้นไปชั้นบนโดยไม่พูดอะไรอีก
นั่นเป็นเรื่องเมื่อสองวันก่อน แอชลี่ย์รู้ว่าเขาหงุดหงิดที่เธอไม่ใจอ่อนรับข้อเสนอของเขา แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ใจดีทำ
บาร์ไม้นี้ให้เธอได้ใช้ซึ่งเธอจำเป็นต้องใช้มากหากจะซ้อมบัลเล่ต์ และเขายังช่วยเธอซ้อมด้วยการดีดเพลงให้เธอเต้น
ชายหนุ่มจะรู้มั้ยนะว่าสิ่งเล็กน้อยที่เขาทำให้เธอนี้มีค่ามหาศาลต่อจิตใจที่อ่อนไหวและอ่อนโยนของหญิงสาวเพียงใด
ของขวัญที่ต้องใช้เวลาและเรี่ยวแรงความคิดความสามารถของตัวเองทำเองทั้งหมด ย่อมมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า
ของขวัญที่ใช้เงินซื้อหามา โดยเฉพาะเมื่อผู้ให้ไม่ได้มีปัญหาหรืออัตคัตเรื่องเงินทอง
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็รู้สึกซาบซึ้ง่ในน้ำใจของเขา ไม่ว่าจะเป็นของที่เขาซื้อมาให้หรือทำให้เอง หรือที่เขาดีดเพงให้เธอ
ทุกค่ำ ทั้งหมดล้วนแสดงถึงความใส่ใจในตัวเธอที่เขาเผลอแสดงออกมาให้เห็นโดยไม่ทันรู้ตัว
งานเสร็จแล้วและยังไม่มีงานใหม่ เวลารึก็เหลือเยอะมากและแอชลี่ย์ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี หรือจะถีบจักรยานเข้าไปใน
เมืองดู ระยะทางไปกลับราวสิบกิโลมีขึ้นและลงเขาเธอน่าจะถีบไหวอยู่ คิดแล้วก็เก็บข้าวของเตรียมเดินทาง