รักในรอยฝัน บทที่ 24 เดิร์ค ฮิเดกาว่า

24
เดิร์ค ฮิเดกาว่า


โดย ฮาร์โมนิก้า

การแสดงจบลงพร้อมเสียงปรบมือกึกก้องเรียกให้นักเต้นออกมาโชว์ตัวซ้ำอีกสองรอบ

แอชลี่ย์เป็นหนึ่งในผู้ชมที่ทำสแตนดิ้งโอเวชั่นคือยืนขึ้นปรบมือให้นักเต้นถึงสามรอบ รู้สึกมีความสุข
ที่สุดในรอบหลายเดือนที่ได้ชมการแสดงดีๆ การเต้นรำที่งดงาม ดนตรีไพเราะ ช่วงเวลาสั้นๆ เพียง
สองชั่วโมงนี้ช่วยให้เธอลืมไปได้ว่าตัวเองเป็นดุจแจกันว่างเปล่าที่ไร้ความทรงจำ เธอรู้สึกมีความสุข
อยากขยับแขนขา อยากเต้นรำเช่นเดียวกับนักแสดงบนเวที อยากหยอกล้อและลูบไล้เสียงดนตรี
ด้วยลีลาการเต้นรำของเธอ

“เป็นไงบ้าง ถูกใจการแสดงมั้ยครับ” เดิร์คเดินตรงเข้ามาถามหลังจากร่ำลากับกลุ่มนักธุรกิจที่เขา
คอยดูแลอยู่ที่เก้าอี้ไม่ไกลกันกระทั่งส่งกลุ่มของเขาออกมายังด้านหน้าหอประชุม

“ประทับใจมากค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับตั๋วและที่นั่งที่ดีขนาดนี้”

“ผมก็ดีใจที่คุณชอบ นี่คุณพยาบาลติดต่อมาหรือยังครับ”

แอชลี่ย์หยิบมือถือซึ่งปิดเสียงไว้ขึ้นมาตรวจดูข้อความ

“ว้า ด็อทตี้บอกว่ายังมาไม่ได้ค่ะ มิเรียมไม่ได้เป็นอะไรมาก เป็นหวัดธรรมดา แต่เบบี้ซิตเตอร์
ต่างหากค่ะที่ป่วย มาเรียจึงต้องให้พี่เลี้ยงกลับบ้านไป เพราะกลัวจะทำให้ลูกป่วยหนักตามไป
ด้วย ตอนนี้ด็อทตี้คงต้องอยู่ดูแลมิเรียมจนกว่ามาเรียจะกลับมา เห็นบอกว่าขอเวลาอีกสอง
ชั่วโมง หากไม่มารับเองก็จะหาคนอื่นมารับแทนค่ะ”

เธอเล่าด้วยน้ำเสียงกังวล จะเรียกแท็กซี่มารับดีมั้ยนะ แต่หากกลับไปวินยาร์ดตอนนี้ทั้งบ้านก็
ไม่มีใคร แบรดไม่อยู่ มาเรียไม่อยู่ คนงานในไร่ก็เหลือน้อยมากเพราะเป็นวันหยุด แม้ผู้จัดการไร่
และครอบครัวจะอยู่ในบริเวณไร่ด้วยก็ตาม แต่บ้านพักเขาก็ห่างจากวิลล่าใหญ่ของตากับยายแบรด
ไปกว่าครึ่งไมล์ เธอไม่ได้กลัวการอยู่คนเดียว แต่เวลาที่เคว้งคว้าง ไร้ความทรงจำแบบนี้ เธอรู้สึก
ไร้พลัง ขาดความมั่นใจและอะไรก็สามารถทำให้เธอหวาดกลัวได้ทั้งนั้น การอยู่ในบ้านไร่หลังใหญ่
เพียงคนเดียวในเวลากลางคืนแม้จะมีแม็กซ์อยู่เป็นเพื่อน เธอก็ยังอดรู้สึกเงียบเหงาหวาดกลัวไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อต้องกลับไปคนเดียวตามลำพังในเวลาดึกดื่นเช่นนี้

“อ้าว! ทำเอาตื่นตกใจ มาเรียนี่จริงๆ เหมือนหลอกเอาคุณพยาบาลกลับไปเลย” เดิร์คพูดอย่างไม่
จริงจังอะไร ก่อนจะหันมากวาดตามองแอชลี่ย์ทั้งตัว สีหน้าพอใจเมื่อพบว่าเธอแต่งกายเหมาะสม
กับงาน คือชุดค็อกเทลสั้นเปิดหลังลงไปถึงเอว แม้จะเซ็กซี่ไปบ้างแต่แอชลี่ย์ก็สวมได้อย่างไม่
ขัดเขิน เพราะอย่างน้อยมันก็ถูกกาละเทศะ

“เถอะ ไม่เป็นไรหรอก คุณอย่าคิดมาก ผมก็พูดเรื่อยเจื้อยไปงั้น ตอนนี้คุณมีเวลาสองชั่วโมง อยาก
มาร่วมอาฟเตอร์ปาร์ตี้กับนักแสดงมั้ยครับ ผมจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ให้นักเต้นกับทีมงาน มีพวกแฟนคลับ
บางคนได้เข้าร่วมงานด้วย แล้วก็พวกแขกของผมที่สนใจ อยู่ที่งานนี่ก่อนมีคนมารับค่อยกลับ หาก
ไม่มีผมไปส่งให้เองก็ได้ ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย”

เดิร์คชวนน้ำเสียงดูอารมณ์ดีและสบายๆ จนแอชลี่ย์คลายใจ

ได้พบเจอศิลปินที่เต้นอยู่บนเวทีเมื่อครู่นี้ ได้พูดคุยสอบถามถึงการเต้นและความรู้สึก เป็นประสบการณ์
ที่ดีมาก และยังได้ทำความรู้จักศิลปินมีฝีมือเป็นการส่วนตัว บางทีอาจเป็นความคิดที่ดีก็ได้

“งานถึงกี่โมงหรือคะ”

เดิร์คยกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิการาคาแพงระยับก่อนตอบ

“ตอนนี้เพิ่งสามทุ่มครึ่ง ปาร์ตี้ก็มีไปเรื่อยๆ ล่ะครับ ส่วนใหญ่ก็เลิกจริงๆ ราวตีสอง แต่คุณจะกลับก่อน
ก็ได้ ไม่ใช่ปัญหา ผมไปส่งคุณได้อย่างว่าหากไม่มีใครว่างมารับ รับรองผมไม่เรียกแท็กซี่ให้ไปส่ง
คุณหรอก ผมไปส่งเองแน่ๆ”

แอชลี่ย์ใช้เวลาคิดเพียงครู่เดียว ดูๆ ไปนายฮิเดกาว่าก็ไม่ใช่คนน่ากลัวอะไร เขาอาจดูเป็นคนเจ้าชู้ เป็น
นักเลงผู้หญิง แต่ก็มีวัฒนธรรม มีเกียรติมีหน้าตาในสังคมมากพอที่จะไม่ทำอะไรที่จะเป็นการเสื่อมเกียรติ
และชื่อเสียงของตัวเอง หากจะอันตราย ก็คงอันตรายที่เสน่ห์ของเขาซึ่งดูจะมีเหลือเฟือและอาจดูน่ากลัว
สำหรับผู้หญิงอื่น โดยเฉพาะเมื่อเขาตั้งใจจะหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงคนนั้นยอมตัวยอมใจให้เขาเอง เธอเชื่อ
เหลือเกินว่าคงแทบไม่มีใครเคยทนต้านทานศิลปะการเกี้ยวพาผู้หญิงของเขาได้ แม้แต่เธอเองในอดีต
จากคำบอกเล่าของแบรดและคนอื่นๆ

แต่แปลกที่เสน่ห์ของเขาเวลานี้กลับไม่มีผลอะไรต่อเธอมากนัก ไม่ได้ทำให้หวั่นไหวใจเต้นโครมคราม
อาจเพราะหัวใจเธอถูกครอบงำด้วยความคิดคำนึงถึงชายคนอื่นไปแล้ว ชายที่เป็นเหมือนพระเอกขี่ม้าขาว
ผู้มาช่วยเธอให้พ้นจากความหวาดกลัวอ้างว้างกลางป่าในบ่ายวันนั้น ชายที่มอบที่พักพิงและความอบอุ่น
ปลอดภัยให้ แม้เขาจะกระด้างและหยาบคายกับเธอบ่อยๆ ในระยะแรกด้วยความชิงชังโกรธแค้นอดีต
คู่หมั้นผู้เคยทรยศหักหลังเขา แต่กระนั้นแอชลี่ย์ก็สัมผัสได้ถึงความเมตตาและโอบอ้อมอารีย์ในตัวแบรด
ของขวัญมากมายที่ชายหนุ่มมอบให้ไม่ใช่เพื่อเอาใจ แต่ให้เพราะรู้ว่าหญิงสาวจำเป็นต้องใช้ เหล่านั้น
มีค่าต่อความรู้สึกของเธอมากกว่าคำพูดหวานๆ นับร้อยนับพันเท่า และเพราะมีแบรดอยู่ในหัวใจอยู่แล้ว
เสน่ห์ร้ายกาจของเดิร์คจึงไม่มีผลอะไรกับเธอ

ใช่ เธอไม่รู้สึกกลัวผู้ชายคนนี้ ไม่เหมือนที่เคยกลัวแซ็คคารี่ เบนสัน เขาคนนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ
เธอ เป็นหนุ่มวัยยี่สิบปีที่ยังเลือดร้อน อารมณ์ศิลปินเต็มเปี่ยม ขาดการไตร่ตรองและความสุขุม พร้อมจะ
ฉุดลากหรือปลุกปล้ำเธอทุกเมื่อที่มีโอกาสเพราะคิดว่าเคยกัน แต่ไม่ใช่นายฮิเดกาว่านักธุรกิจวัยสามสิบต้น
ผู้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีมากคนหนึ่งนี้แน่

“ขอบคุณมากค่ะคุณฮิเดกาว่า”

“เลิกเรียกผมเป็นทางการแบบนั้นได้แล้ว เรียกว่าเดิร์คเหมือนเดิมดีกว่า ผมเป็นเพื่อนค่อนข้างสนิทของคุณนะ”

คำพูดพร้อมแววตาวาวๆ นั้นทำให้แอชลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็วูบเดียว ความไม่อยากอยู่คนเดียว
ในเวลานี้และความอยากพบศิลปินนักเต้นรำมีมากกว่าทำให้มองข้ามอาการเจ้าชู้ของเดิร์คไป เธอไม่มีอะไรต้อง
กลัวเขาอยู่แล้วนี่ ตราบที่เสน่ห์ของเขาไม่มีผลอะไรต่อความรู้สึกเธอ

“เอาล่ะ หากสนใจไปร่วมปาร์ตี้ก็เชิญทางนี้เลยครับ เกาะแขนผมมาเลย คืนนี้ผมมอบตัวผมให้เป็นคู่ควงคุณ
หนึ่งคืน เชิญใช้สอยได้ตามความพอใจเลยครับ”

แอชลี่ย์ยิ้มขำกับความพยายามพูดสองแง่สองง่ามและการแสดงลีลาเป็นหนุ่มเพลย์บอยของเดิร์ค เธอเกาะแขน
เขาและยอมเดินควงตามขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นดาดฟ้าของโรงแรม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่