รักในรอยฝัน บทที่ 25 วังวนใจ

25
วังวนใจ


โดย ฮาร์โมนิก้า

ระยะทางจากโรงแรมนอร์ฟอร์คกลับวินยาร์ดวันนั้นดูเหมือนนานชั่วกัปกัลป์

แอชลี่ย์นั่งนิ่ง ไม่กล้าขยับตัวหรือปริปากพูดอะไร ได้แต่เหลือบมองใบหน้าด้านข้างของคนขับซึ่งดู
นิ่งเฉยจนน่ากลัว สันกรามขบนิ่ง ปราศจากรอยยิ้ม ไร้ท่าทีเกรี้ยวกราด และไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ให้กับ
เธอเช่นกัน เธอมองทางข้างหน้าซึ่งมืดสนิท แอบกลัวอยู่ลึกๆ เพราะรู้ว่าสองข้างทางถนนเต็มไป
ด้วยหุบเขาและหน้าผาสูง บนถนนซึ่งมืดสนิทนั้นมองเห็นทางเบื้องหน้าได้เพียงระยะชั่วไฟหน้ารถ
ส่อง โชคดีที่แบรดขับรถชำนาญ แม้จะขับเร็วแต่ก็ระมัดระวัง


ย้อนกลับไปคิดถึงสถานการณ์น่าอึดอัดเมื่อราวหนึ่งชั่วโมงก่อนแล้วเธอก็โล่งใจที่ผ่านพ้นมาได้ รู้สึก
ชมเชยที่เดิร์คคุมสถานการณ์ไว้ได้ดีสมเป็นนักธุรกิจใหญ่ ขณะที่แบรดก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองและ
รักษามารยาทได้ไม่มีที่ติทั้งที่ทั้งคู่มีเหตุผิดใจกันค่อนข้างรุนแรงมาก่อนโดยมีสาเหตุมาจากความ
มากชู้หลายใจของแอชลี่ย์ แม้ว่าทั้งคู่จะไม่เคยเผชิญหน้ากันในเรื่องนี้ แต่ความเป็นอริลึกๆ นั้นยังมี
อยู่เต็มเปี่ยมโดยเฉพาะในตัวแบรดซึ่งเธอสัมผัสได้

เขาเดินตามเดิร์คมาหลังจากที่ได้รับคำยืนยันว่าแอชลี่ย์อยู่ภายในเพนท์เฮ้าส์นั้น ทว่าสีหน้ายามเห็น
เธอในชุดคลุมผ้าขนหนูที่แม้จะยาวมาถึงหน้าแข้งแต่มันก็บ่งบอกความล่อแหลมของสถานการณ์
ชายหญิงก่อนที่เขาจะตามเข้ามาได้ดี ใบหน้าเขาเครียดขึง หรี่ตามองเธอและสันกรามขบแน่น

‘เชิญนั่งก่อนสิแพร์ริช จะดื่มอะไรดีครับ’ เดิร์คเอ่ยชวน

‘ขอบคุณฮิเดกาว่า ผมดื่มมาพอแล้ว ตั้งใจมารับมิสซิมมอนด์กลับเลย’ แบรดตอบแบบไม่คิดรักษาน้ำใจ

‘เห็นจะลำบากหน่อยนะแพร์ริช คุณคงต้องรอสักครู่ใหญ่ๆ เลยล่ะ ชุดมิสซิมมอนด์ซักแห้งอยู่ คิดว่า
คงอีกราวครึ่งชั่วโมงจึงจะเสร็จ’ เดิร์คตอบโดยเจตนาไม่อธิบายต่อ

แบรดยืนนิ่งอยู่ครู่ ดวงตาเฉยเมยที่ปราดมองเธอแวบหนึ่งนั้นทำให้แอชลี่ย์กระอึกกระอักรีบอธิบายเบาๆ

‘ชุดชั้นเลอะไวน์ค่ะ เลย…’

‘อ้อ ใช่ ผมเป็นคนเสนอพามิสซิมมอนด์มาที่นี่เองครับ ชุดเธอเลอะตรงอกเสื้อพอดี ชุดสีขาวกับไวน์แดง
ยังไงก็ต้องรีบซักออกโดยเร็ว หวังว่าคุณจะใจกว้างพอที่จะไม่คิดมากนะแพร์ริช’

ใบหน้าเขายังเรียบเฉย แม้สันกรามจะเครียดขึง แบรดหรี่ตาพิจารณาแอชลี่ย์ราวกับไตร่ตรองสถานการณ์
เวลานั้นเธอได้แต่ภาวนาว่าเขาจะยอมคอย คงน่าขายหน้าเหลือเกินหากเขาจะลากเธอกลับทั้งที่อยู่ในชุด
คลุมอาบน้ำ แม้มันจะเรียบร้อยและมิดชิดแต่มันก็คือชุดคลุมอาบน้ำ และที่นั่นก็เป็นโรงแรมเธอจะเดินออก
ไปทั้งแบบนั้นได้ยังไง

‘ขอบคุณที่ดูแลมิสซิมมอนด์นะฮิเดกาว่า หากต้องคอยชุดจริงๆ ผมขอบรั่นดีสักแก้วแล้วกัน’

แอชลี่ย์โล่งใจที่เขายอมอ่อนท่าทีลง แต่แล้วก็หายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้งเมื่อเขาเดินมาฉุดเธอขึ้นจากเก้าอี้
เดี่ยวมานั่งลงด้วยกันกับเขาที่เก้าอี้ตัวยาว มือข้างหนึ่งโอบเอวไว้ราวกับเป็นคู่รัก เขาคงลืมไปว่าเธอเป็น
เพียงอดีตคู่หมั้น

เดิร์คเหลือบมอง รอยเหยียดยิ้มปรากฏที่มุมปากขณะเดินไปผสมบรั่นดีใส่แก้วให้

‘คุณพยาบาลเป็นไงบ้างล่ะแพร์ริช กลับจากบ้านมาเรียหรือยัง’

‘คิดว่าคงอยู่เป็นเพื่อนมิเรียมถึงเช้า เพราะมาเรียอยู่กะดึกกลับมาบ้านไม่ได้’

‘ตลกจริง ลูกไม่สบายทำไมแม่เขาไม่ลางานกลับมาดูแล’ เดิร์คว่าขณะเดินมายื่นแก้วบรั่นดี
ส่งให้ ตัวเองถือแก้วหนึ่งเดินไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัว

‘ได้ยินว่ามิเรียมไม่ได้เป็นอะไรนะ แต่เบบี้ซิตเตอร์เกิดจะป่วยก็เลยต้องให้มิสโอไบรสันไปดูแลแทน’

เดิร์คยักไหล่ก่อนเปลี่ยนเรื่อง ‘ธุรกิจไร่องุ่นเป็นบ้างล่ะ เห็นว่าคุณจ้างมิสซิมมอนด์วาดรูปให้คุณงั้นหรือ’

‘ใช่ เธอมีฝีมือในการวาดรูปมากพอตัวเชียวล่ะ ตอนนี้ออกแบบฉลากไวน์คอลเล็คชั่นใหม่อยู่ เราจะมี
จัดงานไวน์เทสติ้งที่ไวน์เนอร์รี่ด้วยนะ หากคุณว่างก็เชิญมาได้เลยเผื่อจะสนใจสั่งเข้าไปในโรงแรม’

‘สนใจมาจัดไวน์เทสติ้งที่โรงแรมผมด้วยก็ได้นะ รอจัดที่ไวน์เนอร์รี่คุณก่อนเป็นการเปิดตัว แล้วค่อยมา
จัดต่อที่โรงแรมผมทั้งที่นี่ก็ได้ ไปที่ไครสเชิร์ชกับดันนิดินด้วยก็ได้ หรือจะไปโรงแรมบนเกาะเหนือผม
ด้วยก็ได้ จะได้โปรโมทไวน์คุณให้เป็นแคมเปญไปเลยทีเดียว หากสนใจผมจะหาเจ้าชีสดีๆ ไว้ชิมคู่
กับไวน์คุณมาจัดพร้อมกันไปให้ครบวงจร’

เดิร์คเสนออย่างนักธุรกิจแท้

แบรดไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนอนั้นทันที เขานิ่งคิด มองสบตาเดิร์คก่อนจะซักถามต่อ ดูท่าทาง
เขาจะสนใจข้อเสนอนั้นพอควร ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องธุรกิจไปได้เรื่อยๆ และแอชลี่ย์ก็ฟังเพลินกระทั่ง
พนักงานมากดกริ่งประตู

เมื่อรับเดรสสั้นสีขาวเปิดหลังชุดนั้นคืนมาจากเดิร์ค เธอก็กลับเข้าไปเปลี่ยนในห้องเดิม โล่งใจที่เห็น
ชายสองคนคุยกันได้ดี แม้จะไม่ได้สนิทสนมแต่ก็ราบรื่นในระดับของการเจรจาปรึกษาเรื่องธุรกิจ
อย่างไม่เป็นทางการ

แอชลี่ย์คิดว่าเธอคงไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วกระทั่งทั้งคู่เดินพ้นจากประตูเพนท์เฮ้าส์ออกมา มือที่กุม
รอบข้อมือเธอนั้นแข็งราวกับคีม กึ่งลากกึ่งจูงให้เดินตามไปยังรถ แบรดเปิดประตูฝั่งคนนั่งให้แล้วแทบ
จะยัดเธอเข้าไปในรถก่อนจะเดินไปขึ้นฝั่งคนขับ ตลอดทางเขาเงียบสนิทไม่พูดไม่จาใดๆ จนแอชลี่ย์
นั่งตัวลีบด้วยความกังวล หายใจไม่ทั่วท้อง

“คุณตามไปเจอฉันได้ยังไงคะ” หญิงสาวตัดสินใจถามเพื่อทำลายความเงียบและเป็นการระบายความ
เครียดของตัวเองด้วย ดวงตาจับจ้องแก้มด้านข้างของเขาซึ่งกระตุกนิดหนึ่ง แบรดเงียบไปนานจนคิด
ว่าเขาจะไม่ตอบแล้ว

“ผมตามจากมือถือคุณ”

“มือถือฉันหรือคะ ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยค่ะ”

“คุณได้เช็คโทรศัพท์คุณรึเปล่า ผมโทรหลายครั้งไม่มีคนรับสาย”

แอชลี่ย์ล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตกใจที่เห็นรายงานการพลาดสายหลายครั้งจริงอย่างเขาพูด
เธอลืมเปิดเสียงโทรศัพท์เสียสนิท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่