Operation TP-AJAX : CIA ทำรัฐประหารที่ประเทศอิหร่าน

การรัฐประหารที่ประเทศอิหร่านปี 1953 ถือเป็นผลงานแรกของ CIA ที่สามารถโค่นล้มรัฐบาลต่างประเทศได้สำเร็จ

แต่ประวัติศาสตร์การทำรัฐประหารอย่างลับๆก็มีการเปิดโปง มีการเปิดเผยถึงการวางแผนกันอย่างลับๆในช่วงการปฎิวัติอิสลามในปี 1979 และยุคที่มีการต่อต้านชาวอเมริกันนั้นก็ถือเป็นยุคที่มีอิทธิพลมากในหลายประเทศตะวันออกกลาง ในเอกสารนั้นก็มีการปกปิดเป็นความลับอยู่ โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของประเทศอังกฤษได้เป็นผู้ริเริ่มในการวางแผนก่อรัฐประหาร และแสดงให้เห็นว่าทางกรุงวอชิงตันกับลอนดอนมีการแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันในการควบคุมบ่อน้ำมันที่ประเทศอิหร่าน

กลวิธีลับในประวัติศาสตร์มีการเขียนขึ้นมาโดยหัวหน้าฝ่ายวางแผนทำรัฐประหาร CIA โดยมีการกล่าวว่า การปฎิบัติการให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องใช้ความเสี่ยงสูงมาก ในเอกสารมีการเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่แทบไม่ไว้วางใจกับการมอบอำนาจของ Mohammad Reza Shah Pahlavi และยังมีข้อครหาต่างๆมาก ในช่วงแรกนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามชักจูงเขาและให้ Shah เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำรัฐประหาร

ปฎิบัติการภายใต้ชื่อ TP-AJAX เป็นพิมพ์เขียวที่ทาง CIA ได้วางแผนปลุกปั่นก่อรัฐประหารและทำให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่เสถียรภาพในช่วงสงครามเย็น ซึ่งรวมไปถึงการทำรัฐประหารที่ประเทศกัวเตมาลาในปี 1954 และการแทรกแซงประเทศคิวบาในกรณีของอ่าวหมูปี 1961 ในกรณีตัวอย่างอื่นๆนั้น การปฎิบัติการก็มีการใช้แผนการรูปแบบเดียวกันมาอย่างยาวนานกับประเทศที่เป็นปรปักษ์กับประเทศอเมริกา ซึ่งก็รวมไปถึงประเทศอิหร่านด้วยเช่นกัน

ประวัติศาสตร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า ทางเจ้าหน้าที่หลายคนที่ก่อรัฐประหารมีการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของประเทศอิหร่าน โดยมีการเลือกนายกรัฐมนตรีให้รักษาการแทน ส่งตัวแทนสนับสนุนเอาใจ Shah ควบคุมแผนการการวางระเบิดโดยชาวอิหร่านเพื่อให้ดูเหมือนว่า สมาชิกฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์เป็นคนทำ และทำการโจมตีโดยเขียนบทความและวาดการ์ตูนโน้มน้าวในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ

แต่ในคืนที่นายกรัฐมนตรี Mohammad Mosaddeq ถูกโค่นล้มนั้น ก็แทบไม่ได้สอดคล้องกับแบบแผนที่วางเอาไว้ทั้งหมด กลวิธีลับในประวัติศาสตร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ CIA ได้วางหมากเกมหลบหนีออกนอกประเทศเมื่อเจ้าหน้าที่อิหร่านหลายคนได้เข้ามาคุมเกม ระดมเดินขบวนประท้วง Shah ในกรุงเตหะรานและยึดอำนาจจากรัฐบาล

2 วันหลังจากที่มีการทำรัฐประหารแล้ว ประวัติศาสตร์ก็ได้มีการเปิดโปงว่า เจ้าหน้าที่หลายคนได้รับท่อน้ำเลี้ยงจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ในการช่วยรัฐบาลอิหร่านรวมอำนาจเป็นปึกแผ่นเดียวกัน

Dr.Donald N.Wilber ผู้เชี่ยวชาญสถาปัตยกรรมของอิหร่านนั้น ก็เป็นคนหนึ่งที่วางแผนดำเนินการอย่างลับๆ มีการเขียนกลวิธีลับทางประวัติศาสตร์ พร้อมกับกำหนดแผนการปฎิบัติการในเดือนมีนาคม ปี 1954







Dr.Donald N.Wilber สายลับ CIA ที่คอยวางแผนทำรัฐประหารที่อิหร่าน



บันทึกที่มีการตีพิมพ์ในปี 1986 นั้น Dr.Wilber ได้ยืนกรานว่า การรัฐประหารประเทศอิหร่านมีความแตกต่างไปจากทั่วๆไป ซึ่งชาวอเมริกันเป็นผู้วางแผน เขากล่าวว่า สถานการณ์ที่ไม่สงบในประเทศอิหร่านทำให้ชาวอิหร่านมีทางเลือกระหว่างการสนับสนุนรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพกับสนับสนุน Shah เดินหน้าขับไล่นายกรัฐมนตรี เขาได้เขียนเอาไว้ว่า ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนสนับสนุนรัฐประหารจำนวนมาก

Dr.Wilber ได้บันทึกอีกว่า มีการเซ็นเซอร์อย่างหนักโดยเจ้าหน้าที่ แต่เขาก็ได้อ้างถึงกลวิธีลับทางประวัติศาสตร์เอาไว้ว่า “หากประวัติศาสตร์นี้มาจากผู้เขียนแบบแผนในกรณีของอ่าวหมู” เขาเขียน “ก็คงไม่มีแผนการปฎิบัติการแบบนี้แน่ๆ”

“บางครั้ง” เขากล่าวต่อ “ผมก็ได้คุยถึงการปฎิบัติการกับหลายกลุ่มด้วยกัน และทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมคนคิวบาถึงไม่มีใครเข้าใจหรืออ่านประวัติศาสตร์พวกนี้เลย”

การรัฐประหารได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์อิหร่านสมัยใหม่และเป็นการสร้างรอยร้าวระหว่างเตหะรานกับวอชิงตัน ซึ่งการรวมอำนาจของ Shah นั้นก็มีการดำเนินสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอเมริกามาเป็น 26 ปีมาแล้ว เขาถูกโค่นล้มโดยกองกำลังปฎิวัติอิหร่านในปี 1979 ในปีต่อมานักศึกษาอิหม่ามก็ได้ไปสถานทูตอเมริกัน แล้วทำการจับทูตเป็นตัวประกันและก็ได้เปิดโปงถึงสายลับที่ได้เข้าแทรกซึมในประเทศอิหร่านมาเป็นเวลากว่า 10 ปีด้วยกัน

รัฐบาลอิสลามของ Ayatollah Khomeini ได้สนับสนุนการก่อการร้ายโดยมุ่งไปที่กล่องดวงใจสำคัญของชาวอเมริกัน เนื่องจากประวัติศาสตร์ของอเมริกานั้นมีการสนับสนุนโค่นล้ม Shah มาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การปกครองอย่างเข้มงวด ชาวอิหร่านจำนวนมากก็ไม่พอใจต่อการที่ประเทศอเมริกาสนับสนุนการทำรัฐประหารและสนับสนุนการโค่นล้ม Shah

อดีตรัฐมนตรีสหรัฐ Madeleine K.Albright ก็ได้กล่าวยอมรับว่า การรัฐประหารเป็นจุดสำคัญที่สร้างความสัมพันธ์ร้าวฉานและเขาก็ต้องออกมายอมรับผิดแทนเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันทุกๆคน

“คณะรัฐบาลของ Eisenhower เชื่อว่าการปฎิบัติมีเหตุผลในการแก้ต่าง” เธอกล่าว “แต่การรัฐประหารเป็นที่ชัดเจนว่าทำให้การเมืองอิหร่านถอยหลังลงคลอง และเป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ชาวอิหร่านจำนวนมากไม่พอใจต่อการแทรกแซงของประเทศอเมริกันเกี่ยวกับกิจการภายในประเทศของพวกเขา”

ประวัติศาสตร์ได้รวบรวมคำพูดอ้างอิงของ Dr.Albright โดยมีการกล่าวถึงแบบแผนในปี 1952 ซึ่งคณะรัฐบาลของทรูแมนปฎิเสธที่จะไม่ยอมรับ แต่ประธานาธิบดี Eisenhower กลับอนุมัติหลังจากที่ได้เข้าประชุมปี 1953 เนื่องจากกลัวในเรื่องน้ำมันและภัยคอมมิวนิสต์

เอกสารก็ไม่ค่อยได้เจาะรายละเอียดอะไรมาก จะต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่า เจ้าหน้าที่ทำงานร่วมกับฝ่ายอังกฤษ กองหนุนของ Dr.Wilber ก็ขาดความมั่นใจในการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น โดยมีการกล่าวว่า “ชาวอิหร่านไม่เข้าใจถึงแบบแผนหรือการดำเนินการให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”


อังกฤษทำสงครามกับลัทธิชาตินิยมน้ำมัน

การรัฐประหารมีรากฐานมาจากประเทศอังกฤษที่เข้ามาก้าวก่ายประเทศอิหร่าน ซึ่งมีการควบคุมกำกับภายใต้แนวคิดจักรวรรดินิยมมาเป็นเวลาเกือบๆ 10 ปี

เพชรเม็ดงามก็คือบ่อน้ำมันของประเทศอิหร่าน ทางอังกฤษได้เข้ามาแทรกแซงกิจการประเทศอิหร่านในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการทหาร รวมไปถึงสหภาพโซเวียตเองก็มีการปกป้องบ่อน้ำมันไม่ให้ตกอยู่ในมือของฝ่ายนาซีที่ขับไล่พ่อของ Shah ที่ไม่มีความสามารถในการปกครองประเทศ ซึ่งบ่อน้ำมันอิหร่านมีการควบคุมดูแลหลังจากที่ผ่านสงครามโลกมาแล้วโดยบริษัทน้ำมันอังกฤษ-อิหร่าน

ในปี 1951 รัฐสภาอิหร่านได้ทำการสนับสนุนให้รัฐบาลควบคุมกิจการอุตสาหกรรมน้ำมันและดำเนินกฎหมายที่นำไปสนับสนุนการเลือกตั้งเพื่อดัน Dr.Mosaddeq เป็นนายกรัฐมนตรี ทางด้านอังกฤษก็ยินดีและอนุมัติ

Dr.Mosaddeq เรียนจบมาจากยุโรปแล้วมาเป็นนักกฎหมาย จากนั้นก่อนปี 1970 ประเทศก็มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะวิกฤต  ไม่มีการอ่อนข้อกัน ในการประชุมเดือนพฤศจิกายนกับธันวาคมปี 1952 นั้น กลวิธีลับในประวัติศาสตร์ก็ได้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองอังกฤษหลายคนโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันใช้แผนการแบบเดียวกันในการดำเนินการขับไล่นายกรัฐมนตรี

ชาวอเมริกันก็ไม่ได้อยากตอบคำถามเรื่องพวกนี้ไปทั้งหมด จากการศึกษานั้นพบว่า กลวิธีลับในประวัติศาสตร์ได้กล่าวว่า เป็นที่น่าสนใจที่ฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์เติบโตขึ้นในกรุงวอชิงตัน และเจ้าหน้าที่หลายคนก็กังวลว่า ประเทศอิหร่านจะตกอยู่ในมือของสหภาพโซเวียต ซึ่งประวัติศาสตร์ก็ปรากฏให้เห็นชัด

เมื่อเร็วๆนี้รัฐบาล Eisenhower ก็ได้มีการวางแผนสมคบคิดกัน โดยวางแผนว่าทำการล้มการเลือกตั้งของ Dr.Mosaddeq และพรรคคอมมิวนิสต์อิหร่านไม่ให้ดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมือง

Allen W.Dulles ผู้อำนวยการสำนักฝ่ายข่าวกรองได้ทำการอนุมัติวงเงินจำนวน $ 1 ล้านในวันที่ 4 เมษายน เพื่อใช้ในการโค่นล้ม Mosaddeq ซึ่งประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้แบบนั้น

“เป้าหมายก็คือจะต้องให้อำนาจกับรัฐบาลที่สามารถทำข้อตกลงเรื่องน้ำมันได้อย่างยุติธรรม เพื่อให้ประเทศอิหร่านสามารถขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและการคลังได้ และเพิ่มอำนาจในการดำเนินคดีกับพรรคคอมมิวนิสต์ได้”

ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูง Fazlollah Zahedi ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการทำรัฐประหารก็ได้ดำเนินแบบแผนให้ Shah เดินไปตามเกมของพวกเขา

“ทั้ง Shah กับนายพล Zahedi ต่างได้รับการสนับสนุนโดยเจ้าหน้าที่ CIA และช่วยในเรื่องท่อน้ำเลี้ยง จึงเป็นโอกาสที่ดีในการโค่นล้ม Mosaddeq” รายงานทางการได้เขียนเอาไว้ “โดยเฉพาะหากทั้งสองคนสามารถก่อม็อบขึ้นมาเดินบนถนนเป็นจำนวนมากและหากทหารไม่ทำตามคำสั่งของ Mosaddeq”






Shah กับนายพล Zahedi ซึ่งเป็นหัวหอกในการทำรัฐประหารอิหร่านในปี 1953


สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ที่ได้บันทึกเอาไว้ ผู้ที่วางแผนหลายคนต่างก็สงสัยในตัว Shah ไม่ว่า Shah จะประสบความสำเร็จในการดำเนินการหรือไม่ก็ตาม

ตระกูลของเขาครองบังลังก์อิหร่านมาเป็นเวลา 32 ปีก่อนหน้านี้ เมื่อพ่อของเขาได้ทำรัฐประหารตัวเองเพื่อสร้างบารมี แต่ตอนนั้น Shah ยังเป็นเด็กอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ได้เขียนรายงานเอาไว้ว่า “โดยธรรมชาติแล้วการปกครองแบบนี้มีความไม่แน่นอน ห้อมล้อมไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัยและความกลัว” บ่อยครั้งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของพวกเขา ซึ่งรวมไปถึงเจ้าหญิง Ashraf ที่เขาได้ปูอำนาจและจัดสรรผลประโยชน์ให้กับพี่น้องฝาแฝด”


เช่นกัน Shah ก็ทำให้ CIA ตกอยู่ในความหวาดกลัวจากการสมคบคิดของชาวอังกฤษที่ถือเป็นอุปสรรคในการปฎิบัติการ

ในเดือนพฤษภาคม ปี 1953 เจ้าหน้าที่ได้ส่ง Dr.Wilber ไปยังไซปรัสเพื่อพบกับ Norman Darbyshire หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองประจำอิหร่านเกี่ยวกับการวางแผนทำรัฐประหาร ในการที่จะไม่ระแวงว่า Shah จะลงมือทำอะไรบ้างนั้น ในเอกสารการพบปะก็ได้บอกว่า เขาได้ชักชวนให้ทั้งอเมริกากับอังกฤษถกประเด็นเกี่ยวกับบ่อน้ำมัน

ประเด็นการพูดคุยก็เปลี่ยนเป็นการพูดคุยดุเดือดมากขึ้น เจ้าหน้าที่ภายในที่เป็นกุญแจสำคัญในอิหร่านนั้น ทางด้านอังกฤษก็ได้กล่าวว่า พวกเขาได้ส่งสายลับ 2 พี่น้องที่ชื่อ Rashidian ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน กลวิธีลับทางประวัติศาสตร์ก็ได้เปิดเผยถึงความไม่ไว้วางใจประเทศอังกฤษและมีการปกปิดเกี่ยวกับสินทรัพย์ภายในประเทศอิหร่าน

เจ้าหน้าที่ CIA ได้แบ่งกันทำหน้าที่โดยวางแผนที่ไซปรัส โดยศูนย์ประจำกรุงเตหะรานก็ได้เตือนสำนักงานว่า “Shah ไม่มีท่าทีต่อต้าน Mosaddeq” และกล่าวกันว่านายพล Zahedi ซึ่งเป็นคนที่เดินหน้าการทำรัฐประหารก็ไม่ได้ใส่ใจกับแบบแผนในการทำรัฐประหาร

แม้จะมีข้อสงสัยต่างๆนาๆ ศูนย์ประจำกรุงเตหะรานก็เริ่มทำการโฆษณาชวนเชื่อให้มีการต่อต้าน Mosaddeq โดยวาดตัวการ์ตูนบนตามพื้นที่ท้องถนนและเขียนบทความโจมตีแบบขวานผ่าซากผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นต่างๆ


พยายามโน้มน้าวต่อ Shah

แผนการนั้น แม้ว่า Shah จะมีแนวคิดต่อต้านทหาร แต่ทางด้าน Eisenhower ก็อนุมัติแนวคิดของเขา

ในช่วงก่อนเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองทั้งอเมริกันกับอังกฤษก็ได้ทำการพบปะกันอีกครั้ง ครั้งนี้เจอกันที่เบรุต และก็พูดถึงกลยุทธ์ขั้นเด็ดขาด หลังจากนั้นทางหัวหน้า CIA ในแถบตะวันออกกับประจำแอฟริกา Kermit Roosevelt ซึ่งเป็นหลานของ Theodore Roosevelt ก็ได้มาถึงกรุงเตหะรานเพื่อกำกับแผนการด้วยตัวเอง

Shah เริ่มมีปัญหามาตั้งแต่ต้น แผนการก็คือ ทำให้เขาติดกับการสร้างสถานการณ์ไม่สงบของ CIA และจากนั้นก็เริ่มทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤต เพื่อที่จะทำการปลด Dr.Mosaddeq และทำการแต่งตั้งนายพล Zahedi เป็นนายกรัฐมนตรี

ทางเจ้าหน้าที่ได้หาทางกดดัน Shah ด้วยวิธีการลงนามลงแผ่นกระดาษมากกว่าวิธีการอื่นๆ กลวิธีลับในประวัติศาสตร์ได้กล่าวเอาไว้เช่นนั้น โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้ขอความช่วยเหลือจากน้องสาวของเขา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่