O เจ้าพระยาเลื่อนผิว แล่นริ้ว-ตื่น
เห็นเกลียวคลื่นฝัดละออง .. เป็นฟองขาว
สายน้ำไหลต่อเนื่อง .. บอกเรื่องราว-
อันยืดยาวหลั่งไหล .. ผ่านใจคน
O เริ่มแต่-นกบินว่อน .. ปีกร่อนคว้าง
เมื่อพันแสงพราวพร่างอยู่กลางหน
ลมต้นหนาวโหมเห่-พร้อมเล่ห์กล,
ความตาย-เลือดคาวข้น .. ก็หล่นรอ
O วาบล้ม .. วาบล้ม .. กลางลมร่ำ
เมื่อความต่ำช้าแรก .. เริ่มแตกช่อ
จิตวิญญาณ, ภพชาติ – หรืออาจพอ-
ถมลงก่อ-สังคมอุดมการณ์ ?
O มโหระทึกครึกโครม .. เลือดโทรมร่าง
อยู่ท่ามกลางแผ่นดินและถิ่นฐาน
ขณะลมรวยริน, จิตวิญญาณ-
ก็ทะยานโลดเต้น .. ไม่เว้นรอย
O ล้มแล้ว .. ล้มเล่า .. ทุกเงารูป-
หล่นร่างจูบจบเรื่องอย่างเงื่องหงอย
บนเสียงโอดอื้นครวญ .. แต่ล้วนคอย-
กำสรวลสร้อยเบิกบทลงรดริน
O โพธิ์ยังคงระบัดใบอยู่ในที่
ท่ามกลางชีวิตหยุด-ลมสุดสิ้น
ครึกโครมการวาบล้มลงถมดิน
เป็นเสี้ยนศึกไพรินทร์กลางถิ่นตน
O ที่ยังเหลือ-เนื้อเลือด .. ย่อมเดือดอยู่
และย่อมรู้ .. เลือดหลั่งว่ายังข้น
กลางคาวเลือดหลั่งริน, การดิ้นรน-
ก็ยังขวนขวายอยู่ .. ไม่รู้วัน
O ความรับรู้สำหรับให้คับแค้น-
ยังตรึงแน่นเกินจิต-อาจบิดผัน
กลางไม้แผ่ร่มเงา, ยังเท่าทัน-
เลศนัย, สันดานเดิม .. แต่เริ่มมี
O รอเถิดปวงกำสรด .. เคยรดหลั่ง
จักสุมสั่งจำหลัก .. รูป, ศักดิ์ศรี
อันจะคอยกล่อมเห่ใจเสรี
เอาต่อตีรูปนิมิต .. ให้บิดเบือน
O รอเถิดรูปนามประดา .. ถูกพร่าผลาญ
ถ้วนสิ้นจิตวิญญาณ, ย่อมผ่านเคลื่อน-
เพื่อเอื้อมปิดแสงวาวของดาวเดือน
ให้มืดเหมือนครั้งครา-เข่นฆ่ากัน
O ภพชาติผู้ปลิดปลง .. ย่อมส่งผ่าน-
นัย-สืบสานแทรกจิตเกินปิดกั้น
เพื่อเปลี่ยนการ-รับรู้ .. เคยรู้กัน-
รับรู้-บัญชาต่ำ .. เคยกล้ำกลืน
O หน้าซบแนบแผ่นดินอย่างสิ้นท่า
ท่ามกลางความปรีดา-แววตารื่น-
ของเหยี่ยวกลางนาคร .. ที่ย้อนคืน-
รอหยิบยื่นทุรกรรมอยู่คล่ำคลา
O ภาพศพนอนกลาดเกลื่อน .. ค่อยเลือนลับ
กาลโถมทับลบเลือนจนเหมือนว่า-
เหลือเพียงภาพมิตรสหาย .. ลอบชายตา
ยิ้มในหน้าสมเพช .. ต่อเหตุการณ์
O ภาพศพไร้คุณค่า .. หล่นคาพื้น
เสียงโอดอื้น, ปวดร้าว, คำกล่าวขาน-
แว่ว, รับรอง-โลกฝันจากวันวาน-
ไว้ต่อต้าน .. เลศสร้าง .. ไว้อ้างอิง
O เส้นทางยังมีปลายให้หมายสู่
หาก-รับรู้, ขวนขวาย-ซัดส่ายยิ่ง
ใจ-อ่อนเยาว์, เบา, กลวง-ถูกช่วงชิง-
ตราบหมุนกลิ้งเกลือกผล .. อยู่อลเวง
O วงรอบจับยึดแห่งพฤติกรรม
ก็ฝึกฝนเคี่ยวกรำ .. กัน-คร่ำเคร่ง
เห็นคล้ายการปรุงปรน-ใจตนเอง-
ก่อน-เร้า, เร่ง-ชาติภพ .. เข้าหลบ-รอ !
O วาบล้ม .. วาบล้ม .. กลางลมร่ำ
เมื่อความต่ำช้าแรก .. เคยแตกช่อ-
ปรับวิญญาณแอบเร้น-ให้เย็นพอ-
ร่วมสร้างก่อ-สังคมด้วยคมคำ
O เจ้าพระยาไหลผ่านอยู่นานเนิ่น
ยั่วหยอกเอินสองฝั่ง .. อยู่ยังค่ำ
หล่อเลี้ยงไทยสองฝั่ง .. พร้อมทั้งบำ-
บัด-ชอกช้ำเร่าร้อนให้ผ่อนคลาย
O กระเพื่อมสายเอื่อยอ่อย .. ค่อยค่อยไหล
ล้างคราบไคลลิ่มเลือดจนเหือดหาย
แต่เมื่อม่านเข่นขับ .. ชีพดับวาย
ยังไม่กลายแรงซัด .. จนบัดนี้ !
O เคยซัดศพลอยฟ่อง - ผู้ป้องเมือง
อย่างต่อเนื่อง, ชลาลัย .. ยังไหลรี่
และทุกศพ - เจ้าพระยาคงปราณี-
รอลูบโลมหน้าผี .. อย่างที่เคย
O เห็นสายน้ำเลื่อนผิวแล่นริ้ว-ตื่น
เป็นริ้วคลื่นเย็นเฉียบ, จากเรียบเฉย-
ค่อยปั่นป่วนรอรับ-ชีพลับเลย-
ล่องลอยเกยริมฝั่ง .. อีกครั้งแล้ว !
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2013&date=04&group=41&gblog=46
O บันทึกแห่งสายน้ำ .. O
O เจ้าพระยาเลื่อนผิว แล่นริ้ว-ตื่น
เห็นเกลียวคลื่นฝัดละออง .. เป็นฟองขาว
สายน้ำไหลต่อเนื่อง .. บอกเรื่องราว-
อันยืดยาวหลั่งไหล .. ผ่านใจคน
O เริ่มแต่-นกบินว่อน .. ปีกร่อนคว้าง
เมื่อพันแสงพราวพร่างอยู่กลางหน
ลมต้นหนาวโหมเห่-พร้อมเล่ห์กล,
ความตาย-เลือดคาวข้น .. ก็หล่นรอ
O วาบล้ม .. วาบล้ม .. กลางลมร่ำ
เมื่อความต่ำช้าแรก .. เริ่มแตกช่อ
จิตวิญญาณ, ภพชาติ – หรืออาจพอ-
ถมลงก่อ-สังคมอุดมการณ์ ?
O มโหระทึกครึกโครม .. เลือดโทรมร่าง
อยู่ท่ามกลางแผ่นดินและถิ่นฐาน
ขณะลมรวยริน, จิตวิญญาณ-
ก็ทะยานโลดเต้น .. ไม่เว้นรอย
O ล้มแล้ว .. ล้มเล่า .. ทุกเงารูป-
หล่นร่างจูบจบเรื่องอย่างเงื่องหงอย
บนเสียงโอดอื้นครวญ .. แต่ล้วนคอย-
กำสรวลสร้อยเบิกบทลงรดริน
O โพธิ์ยังคงระบัดใบอยู่ในที่
ท่ามกลางชีวิตหยุด-ลมสุดสิ้น
ครึกโครมการวาบล้มลงถมดิน
เป็นเสี้ยนศึกไพรินทร์กลางถิ่นตน
O ที่ยังเหลือ-เนื้อเลือด .. ย่อมเดือดอยู่
และย่อมรู้ .. เลือดหลั่งว่ายังข้น
กลางคาวเลือดหลั่งริน, การดิ้นรน-
ก็ยังขวนขวายอยู่ .. ไม่รู้วัน
O ความรับรู้สำหรับให้คับแค้น-
ยังตรึงแน่นเกินจิต-อาจบิดผัน
กลางไม้แผ่ร่มเงา, ยังเท่าทัน-
เลศนัย, สันดานเดิม .. แต่เริ่มมี
O รอเถิดปวงกำสรด .. เคยรดหลั่ง
จักสุมสั่งจำหลัก .. รูป, ศักดิ์ศรี
อันจะคอยกล่อมเห่ใจเสรี
เอาต่อตีรูปนิมิต .. ให้บิดเบือน
O รอเถิดรูปนามประดา .. ถูกพร่าผลาญ
ถ้วนสิ้นจิตวิญญาณ, ย่อมผ่านเคลื่อน-
เพื่อเอื้อมปิดแสงวาวของดาวเดือน
ให้มืดเหมือนครั้งครา-เข่นฆ่ากัน
O ภพชาติผู้ปลิดปลง .. ย่อมส่งผ่าน-
นัย-สืบสานแทรกจิตเกินปิดกั้น
เพื่อเปลี่ยนการ-รับรู้ .. เคยรู้กัน-
รับรู้-บัญชาต่ำ .. เคยกล้ำกลืน
O หน้าซบแนบแผ่นดินอย่างสิ้นท่า
ท่ามกลางความปรีดา-แววตารื่น-
ของเหยี่ยวกลางนาคร .. ที่ย้อนคืน-
รอหยิบยื่นทุรกรรมอยู่คล่ำคลา
O ภาพศพนอนกลาดเกลื่อน .. ค่อยเลือนลับ
กาลโถมทับลบเลือนจนเหมือนว่า-
เหลือเพียงภาพมิตรสหาย .. ลอบชายตา
ยิ้มในหน้าสมเพช .. ต่อเหตุการณ์
O ภาพศพไร้คุณค่า .. หล่นคาพื้น
เสียงโอดอื้น, ปวดร้าว, คำกล่าวขาน-
แว่ว, รับรอง-โลกฝันจากวันวาน-
ไว้ต่อต้าน .. เลศสร้าง .. ไว้อ้างอิง
O เส้นทางยังมีปลายให้หมายสู่
หาก-รับรู้, ขวนขวาย-ซัดส่ายยิ่ง
ใจ-อ่อนเยาว์, เบา, กลวง-ถูกช่วงชิง-
ตราบหมุนกลิ้งเกลือกผล .. อยู่อลเวง
O วงรอบจับยึดแห่งพฤติกรรม
ก็ฝึกฝนเคี่ยวกรำ .. กัน-คร่ำเคร่ง
เห็นคล้ายการปรุงปรน-ใจตนเอง-
ก่อน-เร้า, เร่ง-ชาติภพ .. เข้าหลบ-รอ !
O วาบล้ม .. วาบล้ม .. กลางลมร่ำ
เมื่อความต่ำช้าแรก .. เคยแตกช่อ-
ปรับวิญญาณแอบเร้น-ให้เย็นพอ-
ร่วมสร้างก่อ-สังคมด้วยคมคำ
O เจ้าพระยาไหลผ่านอยู่นานเนิ่น
ยั่วหยอกเอินสองฝั่ง .. อยู่ยังค่ำ
หล่อเลี้ยงไทยสองฝั่ง .. พร้อมทั้งบำ-
บัด-ชอกช้ำเร่าร้อนให้ผ่อนคลาย
O กระเพื่อมสายเอื่อยอ่อย .. ค่อยค่อยไหล
ล้างคราบไคลลิ่มเลือดจนเหือดหาย
แต่เมื่อม่านเข่นขับ .. ชีพดับวาย
ยังไม่กลายแรงซัด .. จนบัดนี้ !
O เคยซัดศพลอยฟ่อง - ผู้ป้องเมือง
อย่างต่อเนื่อง, ชลาลัย .. ยังไหลรี่
และทุกศพ - เจ้าพระยาคงปราณี-
รอลูบโลมหน้าผี .. อย่างที่เคย
O เห็นสายน้ำเลื่อนผิวแล่นริ้ว-ตื่น
เป็นริ้วคลื่นเย็นเฉียบ, จากเรียบเฉย-
ค่อยปั่นป่วนรอรับ-ชีพลับเลย-
ล่องลอยเกยริมฝั่ง .. อีกครั้งแล้ว !
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2013&date=04&group=41&gblog=46