ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 13 เกาะฟลอเรส กัวเตมาลา
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=xQhHXejoqj4&index=7&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
ศุกร์ 24 มิ.ย. 06.00 น. รถมารับที่โรงแรม คนขับ คือ Francisco มีผู้ชายนั่งคู่ 1 คน รถวิ่งออกนอกเมืองเข้าป่า ถนนเป็นหินเหมือนหินรองรางรถไฟเป็น 10 กม. เราคุยกันว่า เขาจะไปรับคนอื่นอีก หรือว่า พาเราไปทางลัด แล้วเราก็ลุ้นกัน ถ้าพวกเขาพาเราไปปล้นแล้วปล่อยไว้ในป่า เราคงไม่มีทางขัดขืน
นึกถึงเมื่อวาน ตอนที่ป้ายืนรอแม่ค้าปรุงทาโค ลุงถ่ายวิดีโอ แล้วพวกหนุ่มๆ ต่างร้องขึ้นมาพร้อมกัน ว่า Spider! แล้วก็ทำหน้าสยอง ทุกคนหาตัวช่วยที่จะเอาแมงมุมดำตัวใหญ่ออกจากหลังของลุง โดยเอาก้านใบไม้เขี่ยให้มันร่วงลงบนพื้น แล้วกระทืบจนมันแบนติดพื้น พวกเขาทำหน้าสะใจที่กำจัดมันได้ เพราะมันเป็นแมงมุมพิษ!....
มาต่อเหตุการณ์วันนี้...พอเห็นป้ายมีสีสัน แล้วรถเลี้ยวเข้าไปจอด มีสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากดงไม้ก็สบายใจ ว่า พวกเขาไปรับคนเพิ่ม เป็นสาวฝรั่งเศส สวยคลาสสิค พูดได้ทั้งสเปน อังกฤษ และฝรั่งเศสฯ ช่างหาที่พักจริงๆ เธอไม่มีสัมภาระใดๆ นอกจากเป้ใบเล็กๆ
รถยังคงวิ่งเข้าป่าต่อไปอีก ราว 2 กม. รับสาวอีกคน เธอมาจากแคนาดา หน้าสวย รูปร่างสูงพอกับสาวฝรั่งเศสแต่หนากว่ามาก เธอเหมือนสาวฝรั่งเศส มีเป้ใบเล็กๆ ใบเดียวหมือนกัน 2 สาวน่าจะเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานในเม็กซิโก พวกเธอคุยกันด้วยภาษาสเปน แต่พูดภาษาอังกฤษปนสเปน ตอนที่เราถามค่าธรรมเนียม ขาออกจากเม็กซิโก พวกเธอไม่แน่ใจ ได้แต่บอกว่า ให้ระวังตัว เพราะรู้มาว่า พวกตม.จะพยายามทำให้เราต้องจ่ายเงินมากๆ โดยใช้ข้อกล่าวหาสารพัด พอรับ 2 สาวแล้วก็ย้อนกลับออกไปทางเดิม และวิ่งเส้นทางเมื่อวานนี้ จนถึงทางแยก จึงเลี้ยวซ้ายลงใต้
สภาพบ้านเรือนที่ผ่านใกล้เคียงกับตอนขึ้นไปน้ำตก เราได้เห็นเขาเลี้ยงหมูเหมือนชาวเขาบ้านเรา ที่ปล่อยให้มันเดินหากินเอง ตัวไหนเลี้ยงไม่เชื่องก็เอาเชือกผูกขา ล่ามไว้กับต้นไม้
เวลา 07.30 น. รถจอดที่ร้านอาหารฝนกำลังตก เราเหมือนถูกต้อนให้เข้าเล้า เขายืนดักเก็บตั๋วตรงทางเข้าที่ผ่านได้ทีละคน คนก่อนหน้าเรามีตั๋วทุกคน แต่เราไม่มีเพราะไม่ได้รวมในค่ารถ กับ ค่าเรือ น้อง 2 คน ก็ต้องจ่าย เราจ่ายคนละ 90 เปโซ แต่น้องจ่ายคนละ 100 รวมค่ากาแฟ
รถออกจากร้านอาหารหลัง 8 โมงเล็กน้อย เวลา 08.30 น. จอดรับสาวสเปนเพิ่มอีก 2 คน สาวตุ้ยนุ้ย หน้าสวย เคยมาเที่ยวเมืองไทยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้เที่ยวเมืองเก่า ทะเล และทางเหนือ ชอบทางเหนือมากที่สุด และประเทศไทยเป็นประเทศที่เธอชอบมากที่สุด เธอเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนสเปน-เม็กซิโก
เวลา 09.30 น. ถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง เราเตรียมเอกสารทุกอย่าง ได้แก่ ตั๋วเครื่องบินทุกเที่ยวบิน ตั๋วรถจากไมอามี่ ไปเพอบลา กรมธรรม์ประกันภัย
พอเขาเรียก เราก็ยื่นพาสปอร์ต กับวีซ่า ขาเข้าให่เขาดู จนท.เปิดพาสปอร์ต หาวันที่ประทับตราเข้า ป้าบอกว่า เรามีพาสปอร์ตเล่มเก่า จะดูมั้ย จนท.ส่ายหน้า รีบประทับตราให้เราแล้ว ส่งเล่มพาสปอร์ตคืนให้ โบกมือลา พร้อมกับเก็บวีซ่าเม็กซิโก ที่อนุญาตให้เราอยู่ 180 วัน
คนอื่นๆ มองแบบเหวอๆ เพราะป้าไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆ เหมือนพวกเธอ ลุงถามว่า ป้าไปขู่อะไรจนท. ทำไมเร็วจัง ป้าลองเปิดเล่มพาสปอร์ต จึงเห็นว่า มันมีหลายหน้าที่ประทับไปแล้ว...🙂เดินทางต่ออีกแค่ 10 นาที ถึงท่าเรือชายแดน ฟรานซิสโก้ หิ้วกระเป๋าให้สาวสเปนเพราะพวกเธอมีสัมภาระหนัก ทั้งคู่
คนเรือเดินนำหน้า ช่วยหิ้วกระเป๋าอีกใบ เรารั้งท้าย เพราะลุงจะถ่ายวิดีโอ
แม่น้ำกั้นพรมแดนกว้างประมาณ 200 เมตร น้ำไม่ลึก ไม่ใส เพราะฝนตก เต็มไปด้วยแก่งหิน คนขับเรือต้องรู้ร่องน้ำ จึงจะไม่ชนแก่งหิน
แค่ 5 นาที ก็ถึงท่าเรือที่อยู่เยื้องกันประมาณ 700 เมตร. เวลา 10.10 น. บันไดขึ้นท่าเรือเป็นบันไดปูน
พอขึ้นไปเจอถนนคอนกรีตประมาณ 100 เมตร มัน คือประเทศกัวเตมาลา ที่เจ้าของประเทศออกเสียงว่า กัวเตม้าลา
ต่อจาก 100 เมตร ก็เป็นขิงจริง มันเหมือนกับถนนในหมู่บ้านชนบทเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไม่ใช่ถนนดินลูกรัง แต่เป็นถนนทีาตัดผ่านหมู่บ้านโดยไถเอาต้นไม้ กับตอไม้ออก พื้นดินแถวนั้นเป็นหิน พอกวาดทุกสิ่งออก มันเป็นถนนที่เต็มไปด้วยก้อนกรวด และดินปนทราย เดินไปถึงที่รอรถ คนเรือแลกตั๋วรถให้ แล้วบอกเวลา
น้องสเปนตัวเล็กหันมาบอกป้าว่า รถจะมารับเราตอน 11.00 น. เรามีเวลาอีกชม.ครึ่ง ป้าก้มดูนาฬิกาข้อมือ บอกเวลา 10.30 น. น้องบอกว่า เปลี่ยนประเทศ เวลาเปลี่ยนเวลาที่กัวเตมาลา เพิ่ง 09.30 น. ป้าจึงตั้งนาฬิกาใหม่
มีเวลามากมาย ป้ามองเห็นรถขายผักผลไม้ อยู่ห่างออกไปราว 300 เมตร พอเดินตาม รถขยับไป 100 เมตร ใกล้จะถึง ขยับไปอีก 100 เมตร คราวนี้มีคนออกมารุมหลายคน พอเดินไปถึง ป้าควักเงินให้พ่อค้าดู ตอนนั้นเราเหลือเงินเม็กซิกัน 294 เปโซ เป็นเงินเหรียญ 44 เปโซ เขาส่ายหน้าว่า ไม่รับเงินเปโซ
สาวแม่บ้านคนสวยชี้ให้ไปแลกที่ร้านค้า ป้าเดินไปเรียกเจ้าของร้าน มีแต่เด็กเล็กที่ยังพูดไม่ได้ ที่แท้เจ้าของร้านยืนรอซื้อของอยู่ท้ายรถ ข้างๆ ป้าเมื่อกี้นี้เอง ป้าเอาแบงค์ 50 กับเงินเหรียญทั้งหมด กองให้เธอ รวม 94 เปโซ เธอให้เงินกัวเตมาลามา 47 เGTL ป้าซื้อสตรอเบอร์รี่ กับแอ๊ปเปิ้ล โดยมีแม่บ้านสาวช่วย เป็นล่าม เธอพอจะสื่อสารได้
เสร็จแล้วเดินกลับไปที่ลุงยืนรออยู่ ลุงถามว่า เขารับเงินเปโซ เหรอ ป้าบอกลุงว่า แลกเป็นเงินกัวเต ฯ ลุงดีใจที่ป้าแลกเงินได้ บอกให้เอากลับไปแลกให้หมด
ป้าเดินกลับไปที่เดิม ควักเงินออกมา พร้อมกับเปิดหน้าจอโปรแกรมคำนวณ แม่ค้าตกใจ ป้าควักเงินเปโซ กับเงินกัวเตมาลา ออกมา พูดว่า เม็กซิโก เปโซ ชี้ที่เงินกัวเตมาลา=...ต้องการ
ให้เธอบอกว่า เงินของเธอเรียกว่า อะไร แต่เธอเข้าใจผิด คิดว่า ป้ามาต่อว่า เธอรีบเดินไปที่ลิ้นชัก หยิบเงินกัวเตมาลาไป แล้วเอาเงินเปโซ มาคืนให้ป้า 52 เปโซ ป้ารีบตะครุบเงินกัวเตมาลา แล้วพูดว่า ไม่ใช่ แล้วควักดอลล่าร์ กับ บาทไทย ออกมา พูดสกุลเงินให้ฟัง ทีละสกุล เธอเกาหัว แล้วขอไปตามน้องแม่บ้านคนสวยมาเป็นล่าม พอแม่บ้านคนสวยมา ป้าทำแบบเดิม 2 รอบเธอเข้าใจ
เธอบอกว่า เก็ตซาเลส ป้าให้เธอเขียนให้ดู Getzales ป้าเขียน 1 Peso =.....Getzales หรือ 1 Getzales =....Peso เธอเขียนว่า 1 Getzales = 2 Peso ป้าควักเงินออกมา เขียนว่า 150 = 75 แล้ว ทำท่าส่งให้เจ้าของร้าน เธอยิ้ม เป็นอันเข้าใจ ป้าจึงไม่มีเงินเปโซอยู่ในตัว แต่มีเงินกัวเตมาลา 102 เกตซาเลส
พอเดินออกจากร้านไปแล้ว หันกลับไปเห็นเธอ 2 คน ออกมายืนมองตามกลางถนน ป้าจึงเดินกลับไป ควักมือถือออกมา ขอเซลฟี พวกเธอดีใจ ยิ้มรับกล้อง. ....จนท. ที่ท่ารถเห็นเราเดินดูรูป สถานที่ท่องเที่ยว เดินออกมาเอาแผนที่ให้เรา เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เธอรู้ว่าเราสนใจสถานที่ท่องเที่ยว ตอนนั้นสาวๆ ออกไปหาอาหารกินกัน
กัวเตมาลา : เมืองหลวงชื่อ กัวเตมาลา ซิตี้ มีพื้นที่ 108,890 ตร.กม. ประชากร 13 ล้าน รายได้ต่อหัว $4,155 สกุลเงิน เก็ตซาเลส GTL เมืองที่เราตั้งใจจะเที่ยว คือ Flores เป็นเกาะที่เรากำลังจะเดินทางไปถึง Guatemala City เมืองหลวง ซึ่งพลาดไม่ได้ Tikal เมืองมรดกโลก และ Antigua เมืองที่มีอุทยานแห่งชาติสวยงาม
รถตู้มารับตรงเวลา คนขับเก็บตั๋วไป มีผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยว อีกหลายคน พอรถเริ่มเคลื่อนออกจากท่ารถ เราก็สงสารรถจับใจ ถนนที่รถพาเราไปเป็นกรวดทั้งกลมทั้งเหลี่ยม นั่งหัวสั่นหัวคลอน ข้างทางเป็นที่ราบ และที่ราบสูงที่มีหินใหญ่ หินเล็กเต็มไปหมด
บ้านเรือนส่วนใหญ่ เป็นบ้านใกล้เคียงกับหมู่บ้านทางผ่านไปน้ำตกในเม็กซิโก ส่วนใหญ่เป็นไม้ บางบ้านมีฝาแค่ 3 ด้าน เปิดโล่งไว้ 1 ด้าน ในบ้านมีไว้นอน อย่างอื่นทำนอกบ้าน เขาใช้ฟืนในการประกอบอาหาร เปลยวนยังคงมีทุกบ้าน
มีโรงเรียนหลังเล็กๆ คล้ายๆ ในกัมพูชา หลังคามุงสังกะสี เด็กๆ จำนวนมากไม่ใส่รองเท้า อยู่กันแบบให้มีชีวิตรอด
บ้านอยู่ท่ามกลางดงไม้ครึ้มพื้นดินรอบบ้านมีน้ำขัง เลี้ยงหมู กับไก่ ให้หากินเอง บ้านที่เลี้ยงวัว และม้า เป็นบ้านที่มีฐานะดี มีรั้วไม้กระดาน มีคอกวัว คอกม้า บางบ้านมีหลังคาให้วัว กับ ม้าด้วย บ้านที่มีฐานะดีมักเป็นบ้านปูน หรือบ้านไม้ทาสี หลังใหญ่กว่าบ้านอื่นๆ บางบ้านมีรถยนต์จอดอยู่ด้วย
รถวิ่งบนถนนหิน 2 ชม. ก่อนขึ้นมาวิ่งบนถนนดินเหนียวอัด เหมือนกำลังจะสร้างถนนใหม่ แต่ไม่ใช่เพราะมันเป็นแบบนั้นอยู่นานแล้ว ฝนตก จึงไม่มีฝุ่น
ภูเขาและที่ราบไร้ต้นไม้ใหญ่เป็นส่วนใหญ่ แต่บ้านเกือยทุกหลังมีฝาบ้านเป็นไม้กระดาน มีสวนสักอยู่ข่วงหนึ่ง ประมาณ 100 ไร่
รถวิ่งไปได้ประมาณ 1 ชม. ก็เจอถนนฝุ่น ทั้งฝุ่นดิน ฝุ่นหินปูน คนที่เดิน ขี่รถจักรยาน หรือ จักรยานยนต์ เจอฝุ่นเต็มๆ เห็นชนเผ่าแต่งกายชุดพ้นเมืองด้วย บนภูเขามีทั้วไร่ข้าวโพด และผักเช่น ฟักทอง กับ พริก
เห็นเขาทำไร่ข้าวโพด ที่ห่างไกลความเจริญแบบนั้น คิดว่า เขาปลูกพืชปลอดสารพิษ แต่ไม่ใช่เลย เขาแบกถังพ่นยาให้เห็นตลอดทาง
ป้าเลยไม่กล้ากินสตรอเบอร์รี่ กับ แอ๊ปเปิ้ล ที่ซื้อมา เพราะไม่มีน้ำล้าง
รถวิ่งโขยก เขย่า สาวๆ คุยกันตั้งแต่เช้ายังไม่หยุดคุย ป้าปวดฉี่ ไม่รู้จะบอกอย่างไร แต่ละหมู่บ้านไม่มีร้านค้าที่มีห้องน้ำ ปั๊มน้ำมันก็ไม่มีห้องน้ำ ส้วมของชาวบ้านเหมือนจะไม่มี ที่เห็นมีก็อยู่ห่างจากตัวบ้าน ดูท่าว่าจะเป็นส้วมหลุม
รถวิ่งไปได้ 1 ชม. ก็จอดที่ตม. ป้าเตรียมหลักฐานเต็มที่เหมือนเดิม คราวนี้ได้กรอกใบเข้าเมือง เขาเรียกลุงกับป้าเป็นคิวต้นๆ
จนท.เห็นพาสปอร์ต ก็พูดว่า ไถ่แล้นเดีย บางก๊อก ป้าถามว่า เขารู้จักด้วยหรือ เขาบอกว่า เมืองสวย เมื่อวานนี้เด็กมายันที่พลาซ่า ได้ยิน คำว่า ไถ่แล้นเดีย เขาบอกว่า องบั๊ก ตอนเราไปบาหลี ก็มีคนรู้จัก องบั๊ก แสดงว่า องค์บาก ทำให้คนรู้จักประเทศไทยไม่น้อยเลย เพราะปกติเวลาบอกชื่อไทยแลนด์ ต้องอธิบายว่ามันอยู่ใต้ประเทศจีน โดยมี เกาหลี เวียดนาม กับลาวคั่นอยู่ และอ้างสิงคโปร์ กับมาเลเซีย ที่เป็นเพื่อนบ้านกัน....เฮ้อ...ประเทศไทย
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ อัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอน 13 เกาะฟลอเรส กัวเตมาลา
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=xQhHXejoqj4&index=7&list=PLNNEpgjidh3oCKG68o2D1556PUm4cZ-IN
ศุกร์ 24 มิ.ย. 06.00 น. รถมารับที่โรงแรม คนขับ คือ Francisco มีผู้ชายนั่งคู่ 1 คน รถวิ่งออกนอกเมืองเข้าป่า ถนนเป็นหินเหมือนหินรองรางรถไฟเป็น 10 กม. เราคุยกันว่า เขาจะไปรับคนอื่นอีก หรือว่า พาเราไปทางลัด แล้วเราก็ลุ้นกัน ถ้าพวกเขาพาเราไปปล้นแล้วปล่อยไว้ในป่า เราคงไม่มีทางขัดขืน
นึกถึงเมื่อวาน ตอนที่ป้ายืนรอแม่ค้าปรุงทาโค ลุงถ่ายวิดีโอ แล้วพวกหนุ่มๆ ต่างร้องขึ้นมาพร้อมกัน ว่า Spider! แล้วก็ทำหน้าสยอง ทุกคนหาตัวช่วยที่จะเอาแมงมุมดำตัวใหญ่ออกจากหลังของลุง โดยเอาก้านใบไม้เขี่ยให้มันร่วงลงบนพื้น แล้วกระทืบจนมันแบนติดพื้น พวกเขาทำหน้าสะใจที่กำจัดมันได้ เพราะมันเป็นแมงมุมพิษ!....
มาต่อเหตุการณ์วันนี้...พอเห็นป้ายมีสีสัน แล้วรถเลี้ยวเข้าไปจอด มีสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากดงไม้ก็สบายใจ ว่า พวกเขาไปรับคนเพิ่ม เป็นสาวฝรั่งเศส สวยคลาสสิค พูดได้ทั้งสเปน อังกฤษ และฝรั่งเศสฯ ช่างหาที่พักจริงๆ เธอไม่มีสัมภาระใดๆ นอกจากเป้ใบเล็กๆ
รถยังคงวิ่งเข้าป่าต่อไปอีก ราว 2 กม. รับสาวอีกคน เธอมาจากแคนาดา หน้าสวย รูปร่างสูงพอกับสาวฝรั่งเศสแต่หนากว่ามาก เธอเหมือนสาวฝรั่งเศส มีเป้ใบเล็กๆ ใบเดียวหมือนกัน 2 สาวน่าจะเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานในเม็กซิโก พวกเธอคุยกันด้วยภาษาสเปน แต่พูดภาษาอังกฤษปนสเปน ตอนที่เราถามค่าธรรมเนียม ขาออกจากเม็กซิโก พวกเธอไม่แน่ใจ ได้แต่บอกว่า ให้ระวังตัว เพราะรู้มาว่า พวกตม.จะพยายามทำให้เราต้องจ่ายเงินมากๆ โดยใช้ข้อกล่าวหาสารพัด พอรับ 2 สาวแล้วก็ย้อนกลับออกไปทางเดิม และวิ่งเส้นทางเมื่อวานนี้ จนถึงทางแยก จึงเลี้ยวซ้ายลงใต้
สภาพบ้านเรือนที่ผ่านใกล้เคียงกับตอนขึ้นไปน้ำตก เราได้เห็นเขาเลี้ยงหมูเหมือนชาวเขาบ้านเรา ที่ปล่อยให้มันเดินหากินเอง ตัวไหนเลี้ยงไม่เชื่องก็เอาเชือกผูกขา ล่ามไว้กับต้นไม้
เวลา 07.30 น. รถจอดที่ร้านอาหารฝนกำลังตก เราเหมือนถูกต้อนให้เข้าเล้า เขายืนดักเก็บตั๋วตรงทางเข้าที่ผ่านได้ทีละคน คนก่อนหน้าเรามีตั๋วทุกคน แต่เราไม่มีเพราะไม่ได้รวมในค่ารถ กับ ค่าเรือ น้อง 2 คน ก็ต้องจ่าย เราจ่ายคนละ 90 เปโซ แต่น้องจ่ายคนละ 100 รวมค่ากาแฟ
รถออกจากร้านอาหารหลัง 8 โมงเล็กน้อย เวลา 08.30 น. จอดรับสาวสเปนเพิ่มอีก 2 คน สาวตุ้ยนุ้ย หน้าสวย เคยมาเที่ยวเมืองไทยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้เที่ยวเมืองเก่า ทะเล และทางเหนือ ชอบทางเหนือมากที่สุด และประเทศไทยเป็นประเทศที่เธอชอบมากที่สุด เธอเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนสเปน-เม็กซิโก
เวลา 09.30 น. ถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง เราเตรียมเอกสารทุกอย่าง ได้แก่ ตั๋วเครื่องบินทุกเที่ยวบิน ตั๋วรถจากไมอามี่ ไปเพอบลา กรมธรรม์ประกันภัย
พอเขาเรียก เราก็ยื่นพาสปอร์ต กับวีซ่า ขาเข้าให่เขาดู จนท.เปิดพาสปอร์ต หาวันที่ประทับตราเข้า ป้าบอกว่า เรามีพาสปอร์ตเล่มเก่า จะดูมั้ย จนท.ส่ายหน้า รีบประทับตราให้เราแล้ว ส่งเล่มพาสปอร์ตคืนให้ โบกมือลา พร้อมกับเก็บวีซ่าเม็กซิโก ที่อนุญาตให้เราอยู่ 180 วัน
คนอื่นๆ มองแบบเหวอๆ เพราะป้าไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆ เหมือนพวกเธอ ลุงถามว่า ป้าไปขู่อะไรจนท. ทำไมเร็วจัง ป้าลองเปิดเล่มพาสปอร์ต จึงเห็นว่า มันมีหลายหน้าที่ประทับไปแล้ว...🙂เดินทางต่ออีกแค่ 10 นาที ถึงท่าเรือชายแดน ฟรานซิสโก้ หิ้วกระเป๋าให้สาวสเปนเพราะพวกเธอมีสัมภาระหนัก ทั้งคู่
คนเรือเดินนำหน้า ช่วยหิ้วกระเป๋าอีกใบ เรารั้งท้าย เพราะลุงจะถ่ายวิดีโอ
แม่น้ำกั้นพรมแดนกว้างประมาณ 200 เมตร น้ำไม่ลึก ไม่ใส เพราะฝนตก เต็มไปด้วยแก่งหิน คนขับเรือต้องรู้ร่องน้ำ จึงจะไม่ชนแก่งหิน
แค่ 5 นาที ก็ถึงท่าเรือที่อยู่เยื้องกันประมาณ 700 เมตร. เวลา 10.10 น. บันไดขึ้นท่าเรือเป็นบันไดปูน
พอขึ้นไปเจอถนนคอนกรีตประมาณ 100 เมตร มัน คือประเทศกัวเตมาลา ที่เจ้าของประเทศออกเสียงว่า กัวเตม้าลา
ต่อจาก 100 เมตร ก็เป็นขิงจริง มันเหมือนกับถนนในหมู่บ้านชนบทเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไม่ใช่ถนนดินลูกรัง แต่เป็นถนนทีาตัดผ่านหมู่บ้านโดยไถเอาต้นไม้ กับตอไม้ออก พื้นดินแถวนั้นเป็นหิน พอกวาดทุกสิ่งออก มันเป็นถนนที่เต็มไปด้วยก้อนกรวด และดินปนทราย เดินไปถึงที่รอรถ คนเรือแลกตั๋วรถให้ แล้วบอกเวลา
น้องสเปนตัวเล็กหันมาบอกป้าว่า รถจะมารับเราตอน 11.00 น. เรามีเวลาอีกชม.ครึ่ง ป้าก้มดูนาฬิกาข้อมือ บอกเวลา 10.30 น. น้องบอกว่า เปลี่ยนประเทศ เวลาเปลี่ยนเวลาที่กัวเตมาลา เพิ่ง 09.30 น. ป้าจึงตั้งนาฬิกาใหม่
มีเวลามากมาย ป้ามองเห็นรถขายผักผลไม้ อยู่ห่างออกไปราว 300 เมตร พอเดินตาม รถขยับไป 100 เมตร ใกล้จะถึง ขยับไปอีก 100 เมตร คราวนี้มีคนออกมารุมหลายคน พอเดินไปถึง ป้าควักเงินให้พ่อค้าดู ตอนนั้นเราเหลือเงินเม็กซิกัน 294 เปโซ เป็นเงินเหรียญ 44 เปโซ เขาส่ายหน้าว่า ไม่รับเงินเปโซ
สาวแม่บ้านคนสวยชี้ให้ไปแลกที่ร้านค้า ป้าเดินไปเรียกเจ้าของร้าน มีแต่เด็กเล็กที่ยังพูดไม่ได้ ที่แท้เจ้าของร้านยืนรอซื้อของอยู่ท้ายรถ ข้างๆ ป้าเมื่อกี้นี้เอง ป้าเอาแบงค์ 50 กับเงินเหรียญทั้งหมด กองให้เธอ รวม 94 เปโซ เธอให้เงินกัวเตมาลามา 47 เGTL ป้าซื้อสตรอเบอร์รี่ กับแอ๊ปเปิ้ล โดยมีแม่บ้านสาวช่วย เป็นล่าม เธอพอจะสื่อสารได้
เสร็จแล้วเดินกลับไปที่ลุงยืนรออยู่ ลุงถามว่า เขารับเงินเปโซ เหรอ ป้าบอกลุงว่า แลกเป็นเงินกัวเต ฯ ลุงดีใจที่ป้าแลกเงินได้ บอกให้เอากลับไปแลกให้หมด
ป้าเดินกลับไปที่เดิม ควักเงินออกมา พร้อมกับเปิดหน้าจอโปรแกรมคำนวณ แม่ค้าตกใจ ป้าควักเงินเปโซ กับเงินกัวเตมาลา ออกมา พูดว่า เม็กซิโก เปโซ ชี้ที่เงินกัวเตมาลา=...ต้องการ
ให้เธอบอกว่า เงินของเธอเรียกว่า อะไร แต่เธอเข้าใจผิด คิดว่า ป้ามาต่อว่า เธอรีบเดินไปที่ลิ้นชัก หยิบเงินกัวเตมาลาไป แล้วเอาเงินเปโซ มาคืนให้ป้า 52 เปโซ ป้ารีบตะครุบเงินกัวเตมาลา แล้วพูดว่า ไม่ใช่ แล้วควักดอลล่าร์ กับ บาทไทย ออกมา พูดสกุลเงินให้ฟัง ทีละสกุล เธอเกาหัว แล้วขอไปตามน้องแม่บ้านคนสวยมาเป็นล่าม พอแม่บ้านคนสวยมา ป้าทำแบบเดิม 2 รอบเธอเข้าใจ
เธอบอกว่า เก็ตซาเลส ป้าให้เธอเขียนให้ดู Getzales ป้าเขียน 1 Peso =.....Getzales หรือ 1 Getzales =....Peso เธอเขียนว่า 1 Getzales = 2 Peso ป้าควักเงินออกมา เขียนว่า 150 = 75 แล้ว ทำท่าส่งให้เจ้าของร้าน เธอยิ้ม เป็นอันเข้าใจ ป้าจึงไม่มีเงินเปโซอยู่ในตัว แต่มีเงินกัวเตมาลา 102 เกตซาเลส
พอเดินออกจากร้านไปแล้ว หันกลับไปเห็นเธอ 2 คน ออกมายืนมองตามกลางถนน ป้าจึงเดินกลับไป ควักมือถือออกมา ขอเซลฟี พวกเธอดีใจ ยิ้มรับกล้อง. ....จนท. ที่ท่ารถเห็นเราเดินดูรูป สถานที่ท่องเที่ยว เดินออกมาเอาแผนที่ให้เรา เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เธอรู้ว่าเราสนใจสถานที่ท่องเที่ยว ตอนนั้นสาวๆ ออกไปหาอาหารกินกัน
กัวเตมาลา : เมืองหลวงชื่อ กัวเตมาลา ซิตี้ มีพื้นที่ 108,890 ตร.กม. ประชากร 13 ล้าน รายได้ต่อหัว $4,155 สกุลเงิน เก็ตซาเลส GTL เมืองที่เราตั้งใจจะเที่ยว คือ Flores เป็นเกาะที่เรากำลังจะเดินทางไปถึง Guatemala City เมืองหลวง ซึ่งพลาดไม่ได้ Tikal เมืองมรดกโลก และ Antigua เมืองที่มีอุทยานแห่งชาติสวยงาม
รถตู้มารับตรงเวลา คนขับเก็บตั๋วไป มีผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยว อีกหลายคน พอรถเริ่มเคลื่อนออกจากท่ารถ เราก็สงสารรถจับใจ ถนนที่รถพาเราไปเป็นกรวดทั้งกลมทั้งเหลี่ยม นั่งหัวสั่นหัวคลอน ข้างทางเป็นที่ราบ และที่ราบสูงที่มีหินใหญ่ หินเล็กเต็มไปหมด
บ้านเรือนส่วนใหญ่ เป็นบ้านใกล้เคียงกับหมู่บ้านทางผ่านไปน้ำตกในเม็กซิโก ส่วนใหญ่เป็นไม้ บางบ้านมีฝาแค่ 3 ด้าน เปิดโล่งไว้ 1 ด้าน ในบ้านมีไว้นอน อย่างอื่นทำนอกบ้าน เขาใช้ฟืนในการประกอบอาหาร เปลยวนยังคงมีทุกบ้าน
มีโรงเรียนหลังเล็กๆ คล้ายๆ ในกัมพูชา หลังคามุงสังกะสี เด็กๆ จำนวนมากไม่ใส่รองเท้า อยู่กันแบบให้มีชีวิตรอด
บ้านอยู่ท่ามกลางดงไม้ครึ้มพื้นดินรอบบ้านมีน้ำขัง เลี้ยงหมู กับไก่ ให้หากินเอง บ้านที่เลี้ยงวัว และม้า เป็นบ้านที่มีฐานะดี มีรั้วไม้กระดาน มีคอกวัว คอกม้า บางบ้านมีหลังคาให้วัว กับ ม้าด้วย บ้านที่มีฐานะดีมักเป็นบ้านปูน หรือบ้านไม้ทาสี หลังใหญ่กว่าบ้านอื่นๆ บางบ้านมีรถยนต์จอดอยู่ด้วย
รถวิ่งบนถนนหิน 2 ชม. ก่อนขึ้นมาวิ่งบนถนนดินเหนียวอัด เหมือนกำลังจะสร้างถนนใหม่ แต่ไม่ใช่เพราะมันเป็นแบบนั้นอยู่นานแล้ว ฝนตก จึงไม่มีฝุ่น
ภูเขาและที่ราบไร้ต้นไม้ใหญ่เป็นส่วนใหญ่ แต่บ้านเกือยทุกหลังมีฝาบ้านเป็นไม้กระดาน มีสวนสักอยู่ข่วงหนึ่ง ประมาณ 100 ไร่
รถวิ่งไปได้ประมาณ 1 ชม. ก็เจอถนนฝุ่น ทั้งฝุ่นดิน ฝุ่นหินปูน คนที่เดิน ขี่รถจักรยาน หรือ จักรยานยนต์ เจอฝุ่นเต็มๆ เห็นชนเผ่าแต่งกายชุดพ้นเมืองด้วย บนภูเขามีทั้วไร่ข้าวโพด และผักเช่น ฟักทอง กับ พริก
เห็นเขาทำไร่ข้าวโพด ที่ห่างไกลความเจริญแบบนั้น คิดว่า เขาปลูกพืชปลอดสารพิษ แต่ไม่ใช่เลย เขาแบกถังพ่นยาให้เห็นตลอดทาง
ป้าเลยไม่กล้ากินสตรอเบอร์รี่ กับ แอ๊ปเปิ้ล ที่ซื้อมา เพราะไม่มีน้ำล้าง
รถวิ่งโขยก เขย่า สาวๆ คุยกันตั้งแต่เช้ายังไม่หยุดคุย ป้าปวดฉี่ ไม่รู้จะบอกอย่างไร แต่ละหมู่บ้านไม่มีร้านค้าที่มีห้องน้ำ ปั๊มน้ำมันก็ไม่มีห้องน้ำ ส้วมของชาวบ้านเหมือนจะไม่มี ที่เห็นมีก็อยู่ห่างจากตัวบ้าน ดูท่าว่าจะเป็นส้วมหลุม
รถวิ่งไปได้ 1 ชม. ก็จอดที่ตม. ป้าเตรียมหลักฐานเต็มที่เหมือนเดิม คราวนี้ได้กรอกใบเข้าเมือง เขาเรียกลุงกับป้าเป็นคิวต้นๆ
จนท.เห็นพาสปอร์ต ก็พูดว่า ไถ่แล้นเดีย บางก๊อก ป้าถามว่า เขารู้จักด้วยหรือ เขาบอกว่า เมืองสวย เมื่อวานนี้เด็กมายันที่พลาซ่า ได้ยิน คำว่า ไถ่แล้นเดีย เขาบอกว่า องบั๊ก ตอนเราไปบาหลี ก็มีคนรู้จัก องบั๊ก แสดงว่า องค์บาก ทำให้คนรู้จักประเทศไทยไม่น้อยเลย เพราะปกติเวลาบอกชื่อไทยแลนด์ ต้องอธิบายว่ามันอยู่ใต้ประเทศจีน โดยมี เกาหลี เวียดนาม กับลาวคั่นอยู่ และอ้างสิงคโปร์ กับมาเลเซีย ที่เป็นเพื่อนบ้านกัน....เฮ้อ...ประเทศไทย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น