ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 8 เพอบลา เมืองมรดกโลก เม็กซิโก
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=M5NqDUO97OA&index=47&list=PLNNEpgjidh3peDayS3ikBCPP6tJVMso-6
https://www.youtube.com/watch?v=iZqawJmEXqQ&index=48&list=PLNNEpgjidh3peDayS3ikBCPP6tJVMso-6
วันเสาร์ที่ 18 มิ.ย. 2559 เวลา 17.30 น. รถถึงด่านชายแดน ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ รอคิวเช็คพาสปอร์ต เกือบชั่วโมง เรายังไม่ได้ยินภาษาอังกฤษเลย มองไปข้างหน้า ตามอาคารต่างๆ เป็นภาษาสเปนหมด คนขึ้นมาขายเบอร์นิโต กับ น้ำเย็น ก็พูดภาษาสเปน มีนักดนตรีแต่งตัวดี ขึ้นมาเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงขอเงิน กลางสะพานฝั่งที่รถวิ่งเข้าสหรัฐอเมริกา รถเคลื่อนตัวได้ช้า มีคนเช็ดกระจก ขอเงิน มีคนขายผ้าบังแดด ฯลฯ บรรยากาศเหมือนย่านรถติดกทม.บางแยก
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ชายสูงวัยที่ขึ้นนั่งหน้า และข้างเราเขามาจ่ายเงินกับคนขับบนรถ คุยกันอย่างออกรส แต่เราฟังไม่รู้เรื่อง
เวลา 18.00 น. จนท.ตม.ชุดสีขาว สะอาด ทั้งชุดและรูปร่าง หน้าตา ขึ้นรถมา เดินไปท้ายรถก่อน มีคนลงไป 2 คน พอเดินมาถึงเรา ป้ากางหน้าวีซ่าสหรัฐไว้รอ เขาดูแว่บเดียว บอกว่า โอเค ลุง 2 คน โชว์บัตรประชาชนเม็กซิโก เขาเรียก 2 คนแม่ลูกให้เดินตามลงไป ดูเขายิ้มแย้มแจ่มใสดี คนขับลุกจากที่มาคุยกับลุง 2 คน
เวลา 18.10 น. รถเริ่มเคลื่อนทีละน้อย แล้วก็จอด คนขับดับเครื่อง ป้าคุยกับลุงว่า ทำไมไม่มีการประทับตรา ออกจากสหรัฐ และ ประทับเข้าเม็กซิโก ลุงบอกว่า อาจเหมือนตอนเราเที่ยวเชงเก้น แต่ป้ากลัวว่า ตอนจะออกจากประเทศ จะถูกไล่ให้กลับมาประทับตรา จึงวิ่งลงจากรถ ถามคนขับรถ เขาพูดว่า No English วิ่งหาตม. เขาชี้ให้ไปเข้าประตูหลังห้องน้ำ เขาก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ป้าเรียกลุงให้ไปด้วยกัน
เดินเข้าไปมีจนท.หญิงหน้าแฉล้ม ยิ้มแย้มแจ่มใส ยืนอยู่ 6 คน ไม่มีใครใช้ภาษาอังกฤษได้ พวกเธอเรียก จนท.ชายท่าทางมีอายุ ให้มาสื่อส่าร เขาบอกให้เราไปหาจนท.ที่เคาน์เตอร์ เขาถามป้าว่า มีอะไรรึเปล่า ป้า บอกว่า เรามีวีซ่า สหรัฐ มาเที่ยวเม็กซิโก แต่สงสัยว่า ทำไมที่ชายแดนสหรัฐ ไม่ประทับตรา ออกให้ และ ตม.เม็กซิโก ก็ไม่ประทับตราเข้าเมืองให้
เขาถามว่า จะไปเที่ยวที่ไหน ป้าบอกว่า เม็กซิโกซิตี้ เขาบอกว่า งั้นต้องขอวีซ่า ป้าบอกว่า ที่อ่านมาว่า ถ้ามีวีซ่า สหรัฐฯ มาเที่ยวเม็กซิโก ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีก เขาบอกว่า ทุกคนที่จะไปเม็กซิโกซิตี้ต้องขอวีซ่า ว่าแล้วเขาก็ดำเนินการให้ ให้เอาใบไปให้จนท.หญิงที่ยืนเป็นปึกกรอกให้ มีคนทำงานเป็นอยู่คนเดียว คนอื่นพอลุงเอารูปให้ดูว่าจะไปไหนบ้าง พวกเธอกิ๊วก๊าวกันใหญ่ เพราะไม่เคยไป และอยากไป ลุงกลายเป็นดาราไปแล้ว จนป้าต้องเร่งพอ กรอกเสร็จ เอาให้เจ้าหนุ่มที่เคาน์เตอร์ลงวันให้ ป้าบอกว่า คงอยู่ไม่เกิน 10 วัน เขาลงให้ 180 วัน แล้วเรียกลุงคนเดิมมาพาไปส่งไปที่จ่ายเงิน เพราะเขาก็พูดไม่ได้ ตอนไปจ่ายเงิน ถ้าไม่ได้น้องเดเรก Derek จาก Texas ช่วย ก็คงไม่สำเร็จ ตกลงตม.เม็กซิโกมีจนท.มากกว่า 20 คน แต่ใช้ภาษาอังกฤษได้ แค่ 2 คน
สรุปจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า 2 คน 43 ดอลล่าร์ ยังไม่ทันเสร็จ คนขับรถไปตาม เขาให้เอาของลงรถ เราคิดว่า ต้องเปลี่ยนรถ เพราะเวลามันช้าไปมาก แต่ไม่ใช่ ต้องเอาของลงไปยืนรอการสแกน กว่าจะได้สแกนก็หลัง 19.00 น. ตอนแรกป้าไม่รู้คิดว่า คนอื่นๆ รอเราเท่านั้น พอไปถึงก็ขอโทษทุกคน พวกเขาทำหน้างงๆ
กว่าจะถึงสถานีก็ 19.30 น. เขามีคนมาพาไปเปลี่ยนตั๋ว เพราะรถคันที่เราจะต่อ ออกไปแล้ว ได้ตั๋วรถออกเวลา 19.40 น. รถมาช้า แต่เป็นรถดีมาก รถใหม่ มีที่ชาร์จไฟ wifi ทีวีจอเล็ก มีอาหารให้ด้วย เป็นแซนด์วิช ผลไม้เชื่อมแห้ง กับน้ำเย็น ไม่ต้องลงต่อรถ มีห้องน้ำในตัว. เวลา 22.30 น. รถจอดรับผู้โดยสารกลางเมืองมอนเตเร่ย์ (Monterrey) เมืองใหญ่ ผู้คนคึกคัก คนขึ้นมาประมาณ 20 คน มีสาวสวยกับหนุ่มที่ไม่ขี้เหร่คู่หนึ่งขึ้นมาด้วย เราดูความสวยเพลินเลย เธอคล้ายๆ ....ดาราทีวีไทย แต่เธอผิวคล้ำ สาวเม็กซิกันผิวคล้ำทุกคน ผิวใกล้เคียงกับสาวอินเดีย มีสาวรูปร่างหน้าตาดูดีอีกคู่หนึ่งที่มาจากลาเรโดพร้อมเรา คนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ บอกเราว่า เปลี่ยนรถ ที่ด่านตม. พวกเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่า แค่ลงเอาสัมภาระไปสแกน ตกลงบนรถมีคนสวย 1 คน และคนดูดีอีก 2 คน ที่สถานี Nueva Laredo มีครอบครัวหนึ่งลูกสาว 4 คน กับแม่ แต่งตัวเหมือนจะไปงานราตรีที่ไนท์คลับ ด้วยชุดเกาะอกสั้น ด่านหลังเป็นผ้าโปร่งยาวกรอมเท้า มีเครื่องประดับแวววาวที่ผม คอ และข้อมือ มีชายผอมคนหนึ่งท่าทางจะเป็นพ่อ กับหนุ่มหน้าตาดีอีกคนหนึ่งท่าทางเป็นสมาชิกในครอบครัว พวกเขาเหมือนกำลังมารอรับใคร ผู้หญิงทุกคนดูภูมิใจว่าสวย 3 คนใส่รองเท้าส้นสูง ดูลักษณะการยินว่าเมื่อย แม่ใส่รองดท้าแตะนั่งอิงแอบอยู่กับพ่อ สาวรองเท้าแตะอีกคนยืนพิงกำแพง
พอออกจากมอนเตเร่ย์ มองไปด้านขวาเราต้องตะลึงกับภาพความสวยที่อยู่ในแอ่งกระทะก้นตื้นขนาดมหึมา ที่สวยราวกับสวรรค์ มันเป็นแดนเนรมิตที่พราวไปด้วยแสงไฟ ที่เหมือนกับว่าเขาจงใจใช้ไฟประดับทั้งเมือง เป็นบริเบณกว้าง หลายตร.กม. เหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลที่ละลานตาไปด้วยไฟประดับ อีกด้านหนึ่งรถกำบังเลาะภูเขาที่มีสีขาวครอบคลุมเหมือนภูเขาไฟ แต่เห็นไม่ชัด เพราะไม่มีไฟ และไปพบความสวยงามแบบเดียวกันอีกครั้ง หลังจากที่รถออกจากสถานี Sanitarios/ Misaranea. เม็กซิโกเคยเป็นอาณานิคมของสเปน เพราะมีพื้นที่กว้างใหญ่ และประชาชากรมากกว่าประเทศที่ใช้ภาษาสเปนทั่วโลก จึงได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีคนใช้ภาษาสเปนมากที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ 1,972,550 ตร.กม. ประชากร 119 ล้านคน รายได้เฉลี่ย 18,370 ดอลล่าร์ มีเมืองหลวงชื่อเม็กซิโกซิตี้ ใช้ภาษาสเปน เป็นภาษาราชการ มีภาษาท้องถิ่น 62 ภาษา สกุลเงินเปโซ MSN ชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่มีอารยะธรรมมาก่อน และเป็นที่รู้จักกันดี คือ พวก Aztec/ Mayan/Omeca/ Potec พวกแอสเต็คปลูกกาเกาหรือโกโก้ ไว้ดื่มจนพวกสเปนติดใจ พืชผักหลายชนิดที่ขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองไทย ล้วนมีที่มาจากพวกแอสเต็ค พวกมายันก็มีกิตติศัพท์เลื่องลือในปริศนาเมืองมายา กับ ปฏิทิน พวกโอเมกา กับพวกโปเต็ค ก็มีสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ เป็นหลักฐานที่ทิ้งร่องรอยไว้ พื้นที่กว้างใหญ่ แต่ไม่เวิ้งว้าง บนที่ราบสูงมีวัว ม้า แกะ และแพะ ยืนเล็มหญ้าอย่างเหงาๆ อยู่ประปราย คนประเทศนี้นิยมบริโภคแป้งข้าวโพด จึงเห็นทุ่งข้าวโพดมากกว่าทุ่งอย่างอื่น
รถวิ่งบนภูเขา ข้ามสะพานข้ามเหวไม่ลึก มีจุดชมวิว มองไปเห็นชุมชนในแอ่งกระทะ อยู่หลายที่ ทางหลวง กับซุปเปอร์ไฮเวย์ในเม็กซิโก ไม่สมกับสภาพรถที่เรานั่ง เพราะมีความสึกหรอตลอดทาง รถเขย่ากึงกัง รึ่มๆ จนสงสารรถใหม่ๆ ที่ต้องวิ่งอยู่บนถนนแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา
สเปนมาปกครอง เอาเทคโนโลยีมาให้ แล้วจากไปพร้อมกับทรัพยากรธรรมชาติ และพันธุ์พืชผัก แต่ไม่สอนวิทยาการ และวิธีการใช้เทคโยโลยี ให้ เหมือนอังกฤษทำกับเมียนม่าร์ ฝรั่งเศสทำกับลาว กัมพูชา เวียดนามฯลฯ ประเทศนี้จึงดูล้าหลัง และยากจน
เนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขา มีภูเขาหิน ทั้งหินเก่าและหินใหม่ ส่วนดินก็มีทั้งดินภูเขาไฟ ดินดาน ดินปนทราย ดินลูกรัง ดินเก่า ดินใหม่ ทังชุ่มชื้น และแห้งแล้งสลับกับแคนยอน โผล่มาให้เห็นเป็นระยะ ไม้ทะเลทรายอย่างแค็คตัส ละหุ่ง หรือ สบู่ กับ ศรพระรามก็มีอยู่มากมาย มีต้นจันผาแก่ ใบเล็ก บนภูเขา แต่ก็มีดอกเป็นสายยาว ก่อนถึงเพอบลา เห็นภูเขาไฟที่มีหิมะปกคลุมปากปล่องลิบๆ อยู่อย่างน้อย 2 ลูก เห็นเขาใช้ม้า 2 ตัวเทียมคราด โดยมีคนเดินนำหน้า 1 คน ตามหลัง 1 คนพรวนดินในแปลงข้าวโพดที่อยู่กลางหุบเขา คาดว่า เราจะถึงเพอบลา ก่อนเที่ยง เล็กน้อย ข้างทางเป็นทุ่งนา ที่มีต้นกล้ากำลังโผล่พ้นพื้นดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำ สลับกับกำแพงดินตามธรรมชาติ แปลงข้าวโพด ที่มีต้นไม้อยู่ในแปลง เหมือนทุ่งทานตะวันที่เขาชีจัน ลพบุรี ในที่สุดภูเขาไฟที่เห็นอยู่ลิบๆ ก็อยู่ไม่ไกลจากเรา แค่มีชุมชนขวางหน้าเท่านั้น เป็นภูเขาไฟ สูงใหญ่ซ้อนกัน 2 ลูก คั่นด้วยลูกเตี้ยๆ แล้วก็เป็นลูกสูงใหญ่สวยงามอีก 1 ลูก ส่วนชื่อ ยังไม่แน่ใจ ว่าถามใคร แล้วจะได้คำตอบหรือไม่ เพราะความไม่รู้ภาษา 😞 อ้าว! ลุงมีข้อมูล เปิดดูเองรู้แล้ว ลูกหนึ่งชื่อ Popocatepell! 🙂
วันอาทิตย์ที่ 19 มิถนายน 2559 เวลา 08.00 น. รถจอดที่สถานี Quetetaro เวลาที่เมืองไทย 20.00 น. สองสาวที่มาจาก ลาเรโด ลงที่นั่น ก่อนถึงสถานีรถบัสมีชุมชนบ้านหลากสี บนเนิน 2 ชุมชน อีกฟากถนนด้านหนี่งเหมือนแอ่งกระทะก้นตื้น ทาสีขาว เกือบทุกบ้านเป็นกล่องสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่ บ้านริมถนนส่วนใหญ่ไม่ได้ทาสี เหมือนตื่นจากฝันขึ้นมาพบความจริง ความสวยงามจากแสงไฟราวเนรมิตที่มอนเทเร กับ Sanitarios/ Miserania เมื่อคืน มัน คือ บ้านชั้นเดียวทรงกล่อง เก่าๆ แต่มีเสาไฟอยู่หน้าบ้าน บางบ้านมีเสาไฟรอบบ้าน ไม่แน่ใจว่า มีไว้กันขโมยหรือไม่ ถนนในหมู่บ้านเป็นทรายปนหิน มีน้ำขังเป็นส่วนใหญ่ อาคารที่สูงและสวยเป็นโรงแรม แต่ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมฮิลตัน หรือ เชราตัน ก็เป็นแค่แท่งตึก สีอ่อน แตละแท่ง ไม่ได้มีการประดับตกแต่งเหมือนในประเทศ อื่นๆ
เม็กซิโก มีความเขียวของทุ่งหญ้า ต้นไม้ใบโปร่ง ภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ หย่อมแค็คตัส ทุ่งข้าวโพด ถั่วเหลือง กับแหล่งน้ำตื้นๆ เห็นมีที่สวยงามน่าอยู่ที่ La Bomba Park / American Industrial Park อยู่แห่งเดียวเท่านั้น ที่มีอาคารสีสวย ท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น ดูๆ ไป คล้ายๆ บ้านเรือนในอินเดีย แต่ที่โน่นเป็นบ้านที่สร้างไม่เสร็จเพราะหลบภาษี และอาจมีมากกว่า 1 ชั้น แต่เม็กซิโกมีชั้นเดียว และสร้างเสร็จแล้ว และทุ่งข้าวสาลี กับ ทุ่งมัสตาร์ดในอินเดีย เป็นสีเขียว สลับเหลือง ทั้งประเทศ แทบไม่มีภูเขากัยสัญญาณที่บ่งบอกความไม่อุดมสมบูรณ์ของดินอยู่ในสายตา. วันอาทิตย์ที่ 19 มิ.ย. 2559 เวลา 11.55 น. ถึงสถานีเพอบลา สถานีใหญ่มาก ผู้คนขวักไขว่ รถไปใต้กับไปเหนือ เข้า ออกคนละด้าน บอกคนขับว่า เม็กซิโก ซิตี้ เขาชี้ไปอีกด้าน
พอเข้ามาด้านใน ลุงก็เปลี่ยนใจ ตามเคย ให้หาถามทางไปเมืองเก่า รปภ. เดินมาพอดี กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ก็แทบจะใช้ทุกส่วนของร่างกาย มาสรุปตรงคำว่า church นั่นเอง เขาชี้ทางไป พอเราจะไป เขากลับบอกว่า ตามมา เดินไปส่งเรา พอใกล้จะถึงทางออก เรารู้ว่า ต้องขึ้นรถเมล์ไป ป้าทำท่า ว่า ไม่มีตังต์ ควักแบงค์ดอล่าร์ออกมาให้เขาดู เขาให้กดเงินเอา แล้วพาไปที่ตู้ ที่มีคนเข้าคิวอยู่ โชคดีที่ตู้ไม่มีเงิน เพราะเราไม่มีข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อประมาณการค่าใช้จ่าย แล้วเขาก็ไม่รู้ค่าโดยสาร
ป้าบอกเขาว่า เราจะเดินไปเพราะเราไม่มีตังค์ ถามเรื่องการแลกเงิน เขาก็ไม่รู้เรื่อง เขาทำท่าว่า เขาอยากออกไปเดินกับเรา แต่เขาต้องทำหน้าที่ในสถานี ป้ากอดเขา แล้ว บอกว่า เราเข้าใจ กลับไปเถอะ แล้วก็บอกลา ขณะที่บอกลา ก็มีชายแต่งกายสะอาด ใส่เสื้อสีส้มแดงลายทางเล็กๆ ถือถุงไว้ในมือ เข้ามาถามว่า มีอะไรให้ช่วยมั้ย ป้าดูท่าทางเขาเป็นมิตร จึงรีบขอบคุณและรับไมตรี บอกปัญหา ว่าเราอยากไปเที่ยวเมืองเก่า แต่เราไม่มีตังค์เม็กซิโก ต่อจากเมืองเก่า เราจะกลับมาซื้อตั๋วไปเม็กซิโกซิตี้ เขาฟังเข้าใจ แต่เขาพูดได้ไม่คล่อง แต่สื่อสารได้
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 8 เพอบลา เม็กซิโก
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=M5NqDUO97OA&index=47&list=PLNNEpgjidh3peDayS3ikBCPP6tJVMso-6
https://www.youtube.com/watch?v=iZqawJmEXqQ&index=48&list=PLNNEpgjidh3peDayS3ikBCPP6tJVMso-6
วันเสาร์ที่ 18 มิ.ย. 2559 เวลา 17.30 น. รถถึงด่านชายแดน ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ รอคิวเช็คพาสปอร์ต เกือบชั่วโมง เรายังไม่ได้ยินภาษาอังกฤษเลย มองไปข้างหน้า ตามอาคารต่างๆ เป็นภาษาสเปนหมด คนขึ้นมาขายเบอร์นิโต กับ น้ำเย็น ก็พูดภาษาสเปน มีนักดนตรีแต่งตัวดี ขึ้นมาเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงขอเงิน กลางสะพานฝั่งที่รถวิ่งเข้าสหรัฐอเมริกา รถเคลื่อนตัวได้ช้า มีคนเช็ดกระจก ขอเงิน มีคนขายผ้าบังแดด ฯลฯ บรรยากาศเหมือนย่านรถติดกทม.บางแยก
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ชายสูงวัยที่ขึ้นนั่งหน้า และข้างเราเขามาจ่ายเงินกับคนขับบนรถ คุยกันอย่างออกรส แต่เราฟังไม่รู้เรื่อง
เวลา 18.00 น. จนท.ตม.ชุดสีขาว สะอาด ทั้งชุดและรูปร่าง หน้าตา ขึ้นรถมา เดินไปท้ายรถก่อน มีคนลงไป 2 คน พอเดินมาถึงเรา ป้ากางหน้าวีซ่าสหรัฐไว้รอ เขาดูแว่บเดียว บอกว่า โอเค ลุง 2 คน โชว์บัตรประชาชนเม็กซิโก เขาเรียก 2 คนแม่ลูกให้เดินตามลงไป ดูเขายิ้มแย้มแจ่มใสดี คนขับลุกจากที่มาคุยกับลุง 2 คน
เวลา 18.10 น. รถเริ่มเคลื่อนทีละน้อย แล้วก็จอด คนขับดับเครื่อง ป้าคุยกับลุงว่า ทำไมไม่มีการประทับตรา ออกจากสหรัฐ และ ประทับเข้าเม็กซิโก ลุงบอกว่า อาจเหมือนตอนเราเที่ยวเชงเก้น แต่ป้ากลัวว่า ตอนจะออกจากประเทศ จะถูกไล่ให้กลับมาประทับตรา จึงวิ่งลงจากรถ ถามคนขับรถ เขาพูดว่า No English วิ่งหาตม. เขาชี้ให้ไปเข้าประตูหลังห้องน้ำ เขาก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ป้าเรียกลุงให้ไปด้วยกัน
เดินเข้าไปมีจนท.หญิงหน้าแฉล้ม ยิ้มแย้มแจ่มใส ยืนอยู่ 6 คน ไม่มีใครใช้ภาษาอังกฤษได้ พวกเธอเรียก จนท.ชายท่าทางมีอายุ ให้มาสื่อส่าร เขาบอกให้เราไปหาจนท.ที่เคาน์เตอร์ เขาถามป้าว่า มีอะไรรึเปล่า ป้า บอกว่า เรามีวีซ่า สหรัฐ มาเที่ยวเม็กซิโก แต่สงสัยว่า ทำไมที่ชายแดนสหรัฐ ไม่ประทับตรา ออกให้ และ ตม.เม็กซิโก ก็ไม่ประทับตราเข้าเมืองให้
เขาถามว่า จะไปเที่ยวที่ไหน ป้าบอกว่า เม็กซิโกซิตี้ เขาบอกว่า งั้นต้องขอวีซ่า ป้าบอกว่า ที่อ่านมาว่า ถ้ามีวีซ่า สหรัฐฯ มาเที่ยวเม็กซิโก ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีก เขาบอกว่า ทุกคนที่จะไปเม็กซิโกซิตี้ต้องขอวีซ่า ว่าแล้วเขาก็ดำเนินการให้ ให้เอาใบไปให้จนท.หญิงที่ยืนเป็นปึกกรอกให้ มีคนทำงานเป็นอยู่คนเดียว คนอื่นพอลุงเอารูปให้ดูว่าจะไปไหนบ้าง พวกเธอกิ๊วก๊าวกันใหญ่ เพราะไม่เคยไป และอยากไป ลุงกลายเป็นดาราไปแล้ว จนป้าต้องเร่งพอ กรอกเสร็จ เอาให้เจ้าหนุ่มที่เคาน์เตอร์ลงวันให้ ป้าบอกว่า คงอยู่ไม่เกิน 10 วัน เขาลงให้ 180 วัน แล้วเรียกลุงคนเดิมมาพาไปส่งไปที่จ่ายเงิน เพราะเขาก็พูดไม่ได้ ตอนไปจ่ายเงิน ถ้าไม่ได้น้องเดเรก Derek จาก Texas ช่วย ก็คงไม่สำเร็จ ตกลงตม.เม็กซิโกมีจนท.มากกว่า 20 คน แต่ใช้ภาษาอังกฤษได้ แค่ 2 คน
สรุปจ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่า 2 คน 43 ดอลล่าร์ ยังไม่ทันเสร็จ คนขับรถไปตาม เขาให้เอาของลงรถ เราคิดว่า ต้องเปลี่ยนรถ เพราะเวลามันช้าไปมาก แต่ไม่ใช่ ต้องเอาของลงไปยืนรอการสแกน กว่าจะได้สแกนก็หลัง 19.00 น. ตอนแรกป้าไม่รู้คิดว่า คนอื่นๆ รอเราเท่านั้น พอไปถึงก็ขอโทษทุกคน พวกเขาทำหน้างงๆ
กว่าจะถึงสถานีก็ 19.30 น. เขามีคนมาพาไปเปลี่ยนตั๋ว เพราะรถคันที่เราจะต่อ ออกไปแล้ว ได้ตั๋วรถออกเวลา 19.40 น. รถมาช้า แต่เป็นรถดีมาก รถใหม่ มีที่ชาร์จไฟ wifi ทีวีจอเล็ก มีอาหารให้ด้วย เป็นแซนด์วิช ผลไม้เชื่อมแห้ง กับน้ำเย็น ไม่ต้องลงต่อรถ มีห้องน้ำในตัว. เวลา 22.30 น. รถจอดรับผู้โดยสารกลางเมืองมอนเตเร่ย์ (Monterrey) เมืองใหญ่ ผู้คนคึกคัก คนขึ้นมาประมาณ 20 คน มีสาวสวยกับหนุ่มที่ไม่ขี้เหร่คู่หนึ่งขึ้นมาด้วย เราดูความสวยเพลินเลย เธอคล้ายๆ ....ดาราทีวีไทย แต่เธอผิวคล้ำ สาวเม็กซิกันผิวคล้ำทุกคน ผิวใกล้เคียงกับสาวอินเดีย มีสาวรูปร่างหน้าตาดูดีอีกคู่หนึ่งที่มาจากลาเรโดพร้อมเรา คนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ บอกเราว่า เปลี่ยนรถ ที่ด่านตม. พวกเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่า แค่ลงเอาสัมภาระไปสแกน ตกลงบนรถมีคนสวย 1 คน และคนดูดีอีก 2 คน ที่สถานี Nueva Laredo มีครอบครัวหนึ่งลูกสาว 4 คน กับแม่ แต่งตัวเหมือนจะไปงานราตรีที่ไนท์คลับ ด้วยชุดเกาะอกสั้น ด่านหลังเป็นผ้าโปร่งยาวกรอมเท้า มีเครื่องประดับแวววาวที่ผม คอ และข้อมือ มีชายผอมคนหนึ่งท่าทางจะเป็นพ่อ กับหนุ่มหน้าตาดีอีกคนหนึ่งท่าทางเป็นสมาชิกในครอบครัว พวกเขาเหมือนกำลังมารอรับใคร ผู้หญิงทุกคนดูภูมิใจว่าสวย 3 คนใส่รองเท้าส้นสูง ดูลักษณะการยินว่าเมื่อย แม่ใส่รองดท้าแตะนั่งอิงแอบอยู่กับพ่อ สาวรองเท้าแตะอีกคนยืนพิงกำแพง
พอออกจากมอนเตเร่ย์ มองไปด้านขวาเราต้องตะลึงกับภาพความสวยที่อยู่ในแอ่งกระทะก้นตื้นขนาดมหึมา ที่สวยราวกับสวรรค์ มันเป็นแดนเนรมิตที่พราวไปด้วยแสงไฟ ที่เหมือนกับว่าเขาจงใจใช้ไฟประดับทั้งเมือง เป็นบริเบณกว้าง หลายตร.กม. เหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลที่ละลานตาไปด้วยไฟประดับ อีกด้านหนึ่งรถกำบังเลาะภูเขาที่มีสีขาวครอบคลุมเหมือนภูเขาไฟ แต่เห็นไม่ชัด เพราะไม่มีไฟ และไปพบความสวยงามแบบเดียวกันอีกครั้ง หลังจากที่รถออกจากสถานี Sanitarios/ Misaranea. เม็กซิโกเคยเป็นอาณานิคมของสเปน เพราะมีพื้นที่กว้างใหญ่ และประชาชากรมากกว่าประเทศที่ใช้ภาษาสเปนทั่วโลก จึงได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีคนใช้ภาษาสเปนมากที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ 1,972,550 ตร.กม. ประชากร 119 ล้านคน รายได้เฉลี่ย 18,370 ดอลล่าร์ มีเมืองหลวงชื่อเม็กซิโกซิตี้ ใช้ภาษาสเปน เป็นภาษาราชการ มีภาษาท้องถิ่น 62 ภาษา สกุลเงินเปโซ MSN ชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่มีอารยะธรรมมาก่อน และเป็นที่รู้จักกันดี คือ พวก Aztec/ Mayan/Omeca/ Potec พวกแอสเต็คปลูกกาเกาหรือโกโก้ ไว้ดื่มจนพวกสเปนติดใจ พืชผักหลายชนิดที่ขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองไทย ล้วนมีที่มาจากพวกแอสเต็ค พวกมายันก็มีกิตติศัพท์เลื่องลือในปริศนาเมืองมายา กับ ปฏิทิน พวกโอเมกา กับพวกโปเต็ค ก็มีสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ เป็นหลักฐานที่ทิ้งร่องรอยไว้ พื้นที่กว้างใหญ่ แต่ไม่เวิ้งว้าง บนที่ราบสูงมีวัว ม้า แกะ และแพะ ยืนเล็มหญ้าอย่างเหงาๆ อยู่ประปราย คนประเทศนี้นิยมบริโภคแป้งข้าวโพด จึงเห็นทุ่งข้าวโพดมากกว่าทุ่งอย่างอื่น
รถวิ่งบนภูเขา ข้ามสะพานข้ามเหวไม่ลึก มีจุดชมวิว มองไปเห็นชุมชนในแอ่งกระทะ อยู่หลายที่ ทางหลวง กับซุปเปอร์ไฮเวย์ในเม็กซิโก ไม่สมกับสภาพรถที่เรานั่ง เพราะมีความสึกหรอตลอดทาง รถเขย่ากึงกัง รึ่มๆ จนสงสารรถใหม่ๆ ที่ต้องวิ่งอยู่บนถนนแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา
สเปนมาปกครอง เอาเทคโนโลยีมาให้ แล้วจากไปพร้อมกับทรัพยากรธรรมชาติ และพันธุ์พืชผัก แต่ไม่สอนวิทยาการ และวิธีการใช้เทคโยโลยี ให้ เหมือนอังกฤษทำกับเมียนม่าร์ ฝรั่งเศสทำกับลาว กัมพูชา เวียดนามฯลฯ ประเทศนี้จึงดูล้าหลัง และยากจน
เนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขา มีภูเขาหิน ทั้งหินเก่าและหินใหม่ ส่วนดินก็มีทั้งดินภูเขาไฟ ดินดาน ดินปนทราย ดินลูกรัง ดินเก่า ดินใหม่ ทังชุ่มชื้น และแห้งแล้งสลับกับแคนยอน โผล่มาให้เห็นเป็นระยะ ไม้ทะเลทรายอย่างแค็คตัส ละหุ่ง หรือ สบู่ กับ ศรพระรามก็มีอยู่มากมาย มีต้นจันผาแก่ ใบเล็ก บนภูเขา แต่ก็มีดอกเป็นสายยาว ก่อนถึงเพอบลา เห็นภูเขาไฟที่มีหิมะปกคลุมปากปล่องลิบๆ อยู่อย่างน้อย 2 ลูก เห็นเขาใช้ม้า 2 ตัวเทียมคราด โดยมีคนเดินนำหน้า 1 คน ตามหลัง 1 คนพรวนดินในแปลงข้าวโพดที่อยู่กลางหุบเขา คาดว่า เราจะถึงเพอบลา ก่อนเที่ยง เล็กน้อย ข้างทางเป็นทุ่งนา ที่มีต้นกล้ากำลังโผล่พ้นพื้นดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำ สลับกับกำแพงดินตามธรรมชาติ แปลงข้าวโพด ที่มีต้นไม้อยู่ในแปลง เหมือนทุ่งทานตะวันที่เขาชีจัน ลพบุรี ในที่สุดภูเขาไฟที่เห็นอยู่ลิบๆ ก็อยู่ไม่ไกลจากเรา แค่มีชุมชนขวางหน้าเท่านั้น เป็นภูเขาไฟ สูงใหญ่ซ้อนกัน 2 ลูก คั่นด้วยลูกเตี้ยๆ แล้วก็เป็นลูกสูงใหญ่สวยงามอีก 1 ลูก ส่วนชื่อ ยังไม่แน่ใจ ว่าถามใคร แล้วจะได้คำตอบหรือไม่ เพราะความไม่รู้ภาษา 😞 อ้าว! ลุงมีข้อมูล เปิดดูเองรู้แล้ว ลูกหนึ่งชื่อ Popocatepell! 🙂
วันอาทิตย์ที่ 19 มิถนายน 2559 เวลา 08.00 น. รถจอดที่สถานี Quetetaro เวลาที่เมืองไทย 20.00 น. สองสาวที่มาจาก ลาเรโด ลงที่นั่น ก่อนถึงสถานีรถบัสมีชุมชนบ้านหลากสี บนเนิน 2 ชุมชน อีกฟากถนนด้านหนี่งเหมือนแอ่งกระทะก้นตื้น ทาสีขาว เกือบทุกบ้านเป็นกล่องสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่ บ้านริมถนนส่วนใหญ่ไม่ได้ทาสี เหมือนตื่นจากฝันขึ้นมาพบความจริง ความสวยงามจากแสงไฟราวเนรมิตที่มอนเทเร กับ Sanitarios/ Miserania เมื่อคืน มัน คือ บ้านชั้นเดียวทรงกล่อง เก่าๆ แต่มีเสาไฟอยู่หน้าบ้าน บางบ้านมีเสาไฟรอบบ้าน ไม่แน่ใจว่า มีไว้กันขโมยหรือไม่ ถนนในหมู่บ้านเป็นทรายปนหิน มีน้ำขังเป็นส่วนใหญ่ อาคารที่สูงและสวยเป็นโรงแรม แต่ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมฮิลตัน หรือ เชราตัน ก็เป็นแค่แท่งตึก สีอ่อน แตละแท่ง ไม่ได้มีการประดับตกแต่งเหมือนในประเทศ อื่นๆ
เม็กซิโก มีความเขียวของทุ่งหญ้า ต้นไม้ใบโปร่ง ภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ หย่อมแค็คตัส ทุ่งข้าวโพด ถั่วเหลือง กับแหล่งน้ำตื้นๆ เห็นมีที่สวยงามน่าอยู่ที่ La Bomba Park / American Industrial Park อยู่แห่งเดียวเท่านั้น ที่มีอาคารสีสวย ท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น ดูๆ ไป คล้ายๆ บ้านเรือนในอินเดีย แต่ที่โน่นเป็นบ้านที่สร้างไม่เสร็จเพราะหลบภาษี และอาจมีมากกว่า 1 ชั้น แต่เม็กซิโกมีชั้นเดียว และสร้างเสร็จแล้ว และทุ่งข้าวสาลี กับ ทุ่งมัสตาร์ดในอินเดีย เป็นสีเขียว สลับเหลือง ทั้งประเทศ แทบไม่มีภูเขากัยสัญญาณที่บ่งบอกความไม่อุดมสมบูรณ์ของดินอยู่ในสายตา. วันอาทิตย์ที่ 19 มิ.ย. 2559 เวลา 11.55 น. ถึงสถานีเพอบลา สถานีใหญ่มาก ผู้คนขวักไขว่ รถไปใต้กับไปเหนือ เข้า ออกคนละด้าน บอกคนขับว่า เม็กซิโก ซิตี้ เขาชี้ไปอีกด้าน
พอเข้ามาด้านใน ลุงก็เปลี่ยนใจ ตามเคย ให้หาถามทางไปเมืองเก่า รปภ. เดินมาพอดี กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ก็แทบจะใช้ทุกส่วนของร่างกาย มาสรุปตรงคำว่า church นั่นเอง เขาชี้ทางไป พอเราจะไป เขากลับบอกว่า ตามมา เดินไปส่งเรา พอใกล้จะถึงทางออก เรารู้ว่า ต้องขึ้นรถเมล์ไป ป้าทำท่า ว่า ไม่มีตังต์ ควักแบงค์ดอล่าร์ออกมาให้เขาดู เขาให้กดเงินเอา แล้วพาไปที่ตู้ ที่มีคนเข้าคิวอยู่ โชคดีที่ตู้ไม่มีเงิน เพราะเราไม่มีข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อประมาณการค่าใช้จ่าย แล้วเขาก็ไม่รู้ค่าโดยสาร
ป้าบอกเขาว่า เราจะเดินไปเพราะเราไม่มีตังค์ ถามเรื่องการแลกเงิน เขาก็ไม่รู้เรื่อง เขาทำท่าว่า เขาอยากออกไปเดินกับเรา แต่เขาต้องทำหน้าที่ในสถานี ป้ากอดเขา แล้ว บอกว่า เราเข้าใจ กลับไปเถอะ แล้วก็บอกลา ขณะที่บอกลา ก็มีชายแต่งกายสะอาด ใส่เสื้อสีส้มแดงลายทางเล็กๆ ถือถุงไว้ในมือ เข้ามาถามว่า มีอะไรให้ช่วยมั้ย ป้าดูท่าทางเขาเป็นมิตร จึงรีบขอบคุณและรับไมตรี บอกปัญหา ว่าเราอยากไปเที่ยวเมืองเก่า แต่เราไม่มีตังค์เม็กซิโก ต่อจากเมืองเก่า เราจะกลับมาซื้อตั๋วไปเม็กซิโกซิตี้ เขาฟังเข้าใจ แต่เขาพูดได้ไม่คล่อง แต่สื่อสารได้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น