สภาพบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าว มีกลิ่นเหมือนหืดคล้ายกับสถานที่รกร้างไม่มีใครมาทำความสะอาดเป็นปี เพราะมีกลิ่นซากสัตว์ที่ตายแล้วลอยเข้ามากระทบจมูกเรเนสจนชวนให้เธอปวดหัวแทบอ้วก ความรู้สึกปวดร้าวไปทั้วตัวลามไปตั้งแต่ต้นคอจนถึงปลายเท้า เพราะหมดสติในท่านั่งเหยียดขาเป็นเวลาหลายชั่วโมง
รอยบาดที่เกิดขึ้นบริเวณรอบๆข้อมือ ทำให้รู้สึกปวดระบม เรเนสพยายามจะยื้ดสิ่งท่พันธนาการเธอไว้แต่ก็ไม่เป็นผล มันเป็นที่ใส่กุญแจมือสำหรับผู้ต้องหายังไงยังงั้น หญิงสาวนึกได้ว่ามีกีบติดอยู่บนหัวอยู่หนึ่งอันแต่มันก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี
เพราะร่างกายแทบจะขยับได้ไม่เกินหนึ่งนาที ความเจ็บแสบก็เล่นงานเธอจนแทบคลั่ง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตอนนี้สายตาของเธอชักจะชินกับความมืดเสียแล้ว
ท่ามกลางความเงียบเรเนสซึ่งกำลังจะหาทางหนีแต่ทว่าได้เกิดเสียงเท้าของใครบางคนที่เป็นผู้หญิง เพราะส้นสูงที่กำลังก้าวลงมาจากบันไดทางฟากทางขวามือก่อนแสงสว่างนั่นจะดับลงเมื่อประตูข้างบนได้ปิดลงไป ที่แน่เธอจะพยายามที่จะไม่สติแตกไปเสียก่อน
“ไง สาวน้อย สับสนอยู่ล่ะสิท่า”
“ นั่นใครน่ะ”
“ ไม่ได้เจอกันนาน ก็แทบจะจำกันไม่ได้เลยงั้นเหรอ”
เรเนสกลืนน้ำลายเพื่อไม่ให้เสียงเธอแหบเกินไปเพราะเธอไม่อยากจะแสดงให้คนโรคจิตที่อยู่ข้างหน้าคิดว่าเธอกำลังเจ้าหล่อนอยู่
เนื่องจากเรเนสไม่ได้ตอบคำถาม ผู้หญิงคนนั้นยังเดินอยู่ท่ามกลางความมืด เธอพนันได้เลยว่าเธอไม่ได้ตาฝาดเพราะกำลังเห็นแววตาที่เฉียบคมปรากฏอยู่ในความมืดหรือเหมือนคนเราเห็นหมาป่าในตอนกลางคืนซึ่งนั่นก็ทำให้เธอเหงื่อแตกพลั่กเพราะไม่รู้ว่ากำลังเผชิญกับใครกันแน่
“ พี่สาว…คนนี้ไง”
สาบานได้เลยว่าเธอแทบจะสะดุ้งหัวชนกระแทกที่ผนังข้างบนที่มือของเธอถูกคล้องไว้อยู่ เพราะน้ำเสียงของผู้หยิงคนนี้ทำให้เธอขนลุก
ปึง จู่ๆไฟก็สว่างจ้าจนทำให้เรเนสแทบจะหลับตาไม่ทัน แสงนั้นไม่ต่างไปจากสปอร์ตไลท์ที่ส่องกระแทกเข้าตาแรงๆเลย ภาพที่ยังคงพร่าเลือนยังทำให้ไม่สามารถมองได้ถนัดก่อนจะกระพริบถี่หลางครั้งก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจน
“ ซะ ซูซาน”
“ เซอร์ไพรส์!!”
เรเนสแทบจะไม่อยากเชื่อสายตา ทำไมซูซานต้องทำอย่างนี้ นี่มันไม่ใช่เกมที่จะมาจับคนมาเชือด และมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ คนสติดีที่ไหนที่จะมาแกล้งกักขังคนกันเองแบบนี้ได้
“ เธอต้องการอะไร ซู”
“ ฮ่าๆๆ เธอนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
เสียงหัวเราะที่สุดแสนจะเยือกเย็นมันไม่ช่วยให้บรรยากาศการคุยดีขึ้นมาด้วยซ้ำ และเรเนสยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก
“ งั้น ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกัน”
ซูซานลากเก้าอี้เก่ามา มันมีเสียงที่ช่วยเสียดหูขณะที่หล่อนลากครูดมันกับพื้นมาตั้งและนั่งลงไขว่ห้างตรงหน้า
ซูซานพยายามเล่าเรื่องราวให้ทันในเวลาอันสั้นว่าเธอคืออะไร เธออยู่ได้มานานแค่ไหนและเป็นอย่างที่เธอพูดเพราะเรเนสยังไม่เคยเห็นซูซานดูแก่ขึ้นเลยซักนิด และที่แน่ๆเธอก็รู้ว่าทั้งแอลและเอ็ดหรือใครที่เกี่ยวข้องกับพวกเขานั้น ไม่ใช่มนุษย์อย่างแท้จริง
โอ พระเจ้า นี่เธออาศัยอยู่สิ่งนี้ไปได้ไง นี่เธอกำลังฝันไปหรือเปล่า บางทีมันอาจจะเป็นฝันประหลาดก็เป็นได้
“ เธอไม่มีทางโกหกตัวเองได้หรอก เพราะนี่คือความจริง และฉันคิดว่าเพื่อนเธอก็น่าจะรู้ดี” ซูซานเอ่ยขัดราวกับจับความคิดที่อยู่ในหัวเธอได้ เรเนสค่อยๆช้อนตามองหล่อน พยายามมองให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามันจริงหรือเปล่า
“ เธอพล่ามอะไรของเธอ”
เสียงอันสั่นเทาของหญิงสาวที่พยายามเค้นมันออกมาอย่างสุดความสามารถ เหมือนกับว่ามีก้อนสะอึกมาจุกอยู่ที่ลำคอ อาการพูดไม่ออก ร่างกายไม่สามารถบังคับได้กำลังสั่น
“ นี่ อย่าคิดมากไปเลย ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ” จู่ๆซูซานก็มาโผล่อยู่ต่อหน้าเธอในระยะเผาขน พร้อมกับมีเขี้ยวเล็บค่อยๆงอกออกมา สายตาที่เปลี่ยนไปพร้อมกับมีเส้นเลือดผุดขึ้นเป็นสีดำอยู่รอบดวงตา เรเนสแทบจะขยับร่างกายไม่ได้เลย
ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะที่ซูซานได้ฝังเขี้ยงลงบนลำคอเธอเรียบร้อยแล้ว เรเนสพยายามสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดเพราะเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ
เลือดที่เธอดูดออกไปแทบจะทำให้เธอหมดแรง และดูท่าซูซานจะไม่ยอมผละออกไปได้ก่อนจะมีเสียงสวรรค์ร้องขึ้นเพื่อช่วยชีวิตเธอไว้
“ อย่าทำร้ายเธอ!!!”
คมเขี้ยวที่จ่ออยู่บริเวณลำคอนั้นไม่ได้ฝังลึกมาก แต่เรเนสรับรู้ได้ถึงของเหลวไหลเรื่อยลงมา ริมฝีปากสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาค่อยเปิดเมื่อรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวหายไปแล้วแต่ถูกแทนที่ด้วยผู้ชายที่เธอไว้ใจและคอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด
ไซม่อน หนุ่มแบดบอยที่แอบมีความอบอุ่นในแบบผู้ชายในอุดมคติที่เธอเคยคิดไว้นั้นได้หายไปแล้ว เหลือทิ้งแต่ชายหนุ่มผู้เลือดเย็นที่พร้อมจะฆ่าเหยื่อได้ในพริบตา เธอไม่รู้ทำไมถึงได้คิดอย่างนั้น แต่ลึกๆแล้วนิโคลคงรู้เห็นอะไรบางอย่างจนต้องตีตัวออกห่างจากชายคนนี้
จู่ๆของเหลวที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวยที่หญิงสาวไม่อาจห้ามมันไว้ได้ แทบจะทำให้เขาสำนึกถึงความผิดต่อหญิงสาวผู้ที่เห็นเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีผู้หญิงอย่างเธอคอยปลอบโยน
ความรู้สึกของการโดนหลอกและการถูกทำร้ายจิตใจนั้นมันเจ็บปวดจนไม่สามารถบรรยายมันออกมาได้ ถูกแทนที่ด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวัง
“ฉันคงกำลังฝันร้ายอยู่ละสินะ” ประโยคที่ถูกกลั่นมาด้วยความรู้สึกที่แท้จริงทำให้ฟังดูขมขื่น
ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังสะอื้นอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกเหล่านี้มันมาจากไหนกัน ภาพในหัวที่กำลังฉายอยู่ในขณะนี่คือชายคนที่คอยกวนประสาทด้วยท่าทางที่เข้าใจยากและดูเหมือนจะไม่ลงรอยกับใคร
เอ็ด…….ฉันต้องการนายมากที่สุดเลย ภาพที่สลับมาแทนที่ ไซม่อนกำลังยืนจ้องมองเธอเขม็งโดยไม่พูดไม่จาอะไรแต่หารู้ไม่ว่าเขาเองก็รู้สึกผิดมากเหมือนกันที่ได้ทำแบบนี้กับผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งที่ก็มีความกลัวอยู่ในใจมาโดยตลอด ต้องกลายสภาพมาเป็นแบบนี้
“ เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม พายฝีมือเมียฉันอร่อยใช่ไหมละ ” นีลเอ่ยปากถามเมื่อเห็นแอลนั่งส่งสายตาหวานให้กับลูกสาวของตนที่ต่างก็ก้มหน้าหลบตาอยู่เช่นกัน
“อร่อยมากเลยครับ เป็นครั้งแรกที่ผมไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน”
“แหม พูดอย่างนี้ แม่ก็ยินดียกลูกสาวให้หมดหน้าตักเลยจ้ะ” เคียร่าพูดแกมตลกก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นลูกสาวส่งเสียงประท้วงขึ้นมา
“เรื่องมันเป็นไงมาไงล่ะพ่อหนุ่ม เราถึงไปทำให้ยัยดื้อของพ่อต้องงอนข้ามวันข้ามคืนกันขนาดนี้ล่ะ” นีลถามอย่างตรงไปตรงมา แอลหันไปมองเธอคนนั้น
“แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะครับ”
“แล้วมันเรื่องอะไรกันละ” นีลยังซักถามต่อ ก่อนจะถูกลูกสาวตัวดีขัดขึ้นมา
“หนูว่า เราสองคนจะไปล้างจานให้นะคะ”
“โอ้ ได้เลยจ้ะ” เคียร่าตอบยิ้มๆ พลางยื่นให้ก่อนจะหันมาขยิบตาให้แอลซึ่งเขาเองก็พอรู้ว่าผู้หญิงผู้อาวุโสคนนี้หมายถึงอะไร
ฝีเท้าที่แฝงไปด้วยความลุกลี้ลุกลนกำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านของเพื่อนสาวเพราะเธอไม่อยากให้คนที่บ้านรู้ว่าเธอแอบหนีออกมาและไม่อยากให้ใครมาคอยดูแล ซึ่งก็คงจะความคิดที่ดีที่สุดแล้ว โรสคิดพลางมองซ้ายขวาออกตัววิ่งทันทีเพื่อข้ามถนนไปยังอีกฟาก
เธอไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเรเนสแต่ที่แน่ๆมันคงจะไม่ดี ไปคนเดียวคงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไหร่ ภายในเวลาไม่กี่นาทีสาวพังก์ก็เดินทางมาถึงประตูหน้าบ้านของนิโคลเรียบร้อยแล้ว เพราะรั้วก็ไม่ได้ปิดไว้ พลางรีบยื่นมือไปกดกริ่งซึ่งอยู่ในอาการสั่นเทา
แอ๊ด เสียงประตูค่อยเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มที่ทำให้เพื่อนสาวของเธอแทบคลั่งไปหลายวัน โรสยืนตีหน้าตกตะลึงขณะเห็นเพื่อนสาวเดินออกมาถามว่าใครมา
“ หมอนี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” นิโคลหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถาว่ามีเรื่องอะไร
โรสไม่รอช้ารีบอธิบายพลางส่งมือถือไปให้เพื่อนสาว ซึ่งนิโคลเหลือบมองหน้าแอลด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“ไซม่อนทำเหรอ” แอลรีบหยิบโทรศัพท์พลางนัดไรอันเพื่อให้มาช่วยเหลือก่อนจะเห็นนิโคลรีบวิ่งเข้าไปหยิบเสื้อคลุมเพื่อมาสวมใส่พลางหันมาพยักหน้าให้กับทุกคนก่อนจะรีบตามแอลไปที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่อันคุ้นเคย
ระหว่างที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่คาดว่าจะเป็นที่เกิดเหตุจู่ๆไรอันก็โผล่ออกมาจากซอกตึกมุมหนึ่งพลางโยนกระเป๋าใบหนึ่งให้กับแอลซึ่งเขารับมันได้ทันท่วงที พลางรูดซิปเปิดขณะกำลังเดินอยู่ พลางส่งกริชไม้ให้นิโคล
“นายแน่ใจเรื่องนี้นะ”
ไรอันเอ่ยปากถามขณะหยิบอาวุธออกมาพร้อมกับรอยยิ้มขึ้เล่นเพราะคิดว่าถึงเวลาซะทีที่จะใช้อาวุธเหล่านี้
“ไม่เคยมั่นใจเท่านี้มาก่อน” เรื่องบ้าๆนี่จะได้จบลงซะทีเขาไม่อยากให้ใครมาลำบากเพราะพวกเขาอีกแล้ว
คฤหาสน์หลังนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเมื่อก่อนในครั้งที่นิโคลมาเยี่ยมเยียนที่นี่ ถึงแม้ความสงสัยของโรสจะแคลงใจแต่เธอยังคงต้องพุ่งเป้าไปที่เรเนส เพราะยังไงเราก็คือเพื่อนกัน
ทันทีที่ทั้งสามมาถึงณ ที่แห่งนี้ แอลยกมือขึ้นห้ามพลางหันหน้ามาด้วยความกังวล เขาแค่ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกนี้มาเกี่ยวข้อง ซึ่งแลดูเหมือนนิโคลจะเข้าใจ เธอจึงใช้มือแตะเข้าที่ไหล่เขาก่อนจะพยักหน้าว่าเธอจะเอาด้วย
แอลส่งสายตาเหมือนรู้กัน ซึ่งไรอันดูเหมือนจะเข้าใจจึงได้วางกระเป๋าอาวุธพลางสำรวจประตูอยู่ข้างหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาเดินเลาะไปข้างๆประตูพลางตั้งท่าจะปีนขึ้นแต่จู่ๆก็แลดูเหมือนมีสิ่งบางอย่างผลักเขากระเด็นตกลงมาดังตุ้บ โรสรีบวิ่งเข้าไปช่วยดึงเขาลุกขึ้น
“เป็นอะไรไหม” ไรอันยกมือขึ้นบ่งบอกประมาณว่าไม่เป็นไร เขาใช้มือทั้งสองข้างดันตัวเขาลุกขึ้นจากพื้นด้วยอาการโงนเงนเล็กน้อย
“นั่นมันอะไรว่ะนั่น ครั้งก่อนก็ไม่เห็นมี” ไรอันสบถด้วยถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความอารมณ์เสียเล็กน้อย ทันทีที่เห็นท่าทางหงุดหงิดของเขาแอลจึงเดินเข้าไปสำรวจประตูบานใหญ่ข้างหน้าโดยที่มีเสียงทักท้วงของนิโคลด้วยความเป็นห่วง แต่ส่งสัญญาณให้เธอถอยห่าง
แอลหลับตาอยู่ครู่เดียวก่อนจะเบิกโพลงด้วยดวงตาสีมืดมิดทั้งดวง ก่อนจะไล่สายตามองดูสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าให้เห็นชัด คลื่นอาณาเขตบางสิ่งบางอย่างคล้ายเป็นสิ่งที่ปกคลุมไปทั่วทั้งคฤหาสน์ ประกายสีเขียวนั่นทำให้เขาสงสัยอยู่ชั่วขณะ พลางหันไปมองไรอันด้วยนัยน์ตาปกติ
“อะไร” เขาถามพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นขนาบอก ทันใดนั้นแอลก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเขา ซึ่งทำให้ไรอันมีอาการตกใจเล็กน้อยก่อนที่มือของเขาจะถูกแอลคว้าไปเพื่อเพ่งพินิศ
รอยไหม้ที่ปรากฏขึ้นบนแขน เกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเพิ่งมารู้สึกเจ็บแสบแปล๊บๆขึ้นมาโดยทันที ทั้งสองสาวรีบเดินเข้ามาดูกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับไรอัน
“โอ้ พระเจ้า แขนนาย” นิโคลอุทานก่อนจะหันไปมองแอลว่าควรทำยังไงดี
แอลมองบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนจะหันหน้ากลับไปเผชิญสิ่งนั้นอีกครั้ง เขายื่นแขนออกมาข้างหน้าสูดหายใจเข้าเหมือนที่เคยฝึกไว้ ก่อนจะหลับตาลง หมอกควันที่ไร้รูปร่างไหลผ่านออกจากฝ่ามือเขา เข้าปกคลุมสิ่งที่กั้นขวางให้เข้าไปไม่ได้เป็นไปในรูปแบบโดมขนาดใหญ่ หมอกสีดำเหล่านั้นค่อยๆคืบคลานสูงขึ้น
โรสมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอ้าปากค้างว่านี่มันใช่ความจริงหรือไม่ เพราะหมอกเหล่านั้นเคลื่อนที่ราวกับสิ่งมีชีวิต ทั้งสามก้าวเท้าเข้ามาดูใกล้ๆซึ่งไรอันเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยไม่เสียการควบคุมนับตั้งแต่เอ็ดหายไป แอลค่อยๆลืมตาขึ้นพลางมองพลังที่ยิ่งใหญ่ของเขาเคลื่อนที่ไปตามที่เขาต้องการ
ความรู้สึกเหมือนคลื่นไส้ประดังประเดเข้ามาที่บริเวณลำคอ เรเนสไม่อาจยับยั้งมันไว้ได้ อาการพะอืดพะอมลากบางอย่างมาจุกอยู่ที่บริเวณลำคอจนกระทั่งสำรอกของเหลวสีดำแปลกๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ของเหลวสีดำที่กระจายอยู่ข้างหน้า ใบหน้าสวยเงยขึ้นปรากฏบางสิ่งบนใบหน้านัยน์ตาสีขาวขุ่นทำให้ไซม่อนขมวดคิ้ว
The Vampire Powers. [บทที่ 29]
รอยบาดที่เกิดขึ้นบริเวณรอบๆข้อมือ ทำให้รู้สึกปวดระบม เรเนสพยายามจะยื้ดสิ่งท่พันธนาการเธอไว้แต่ก็ไม่เป็นผล มันเป็นที่ใส่กุญแจมือสำหรับผู้ต้องหายังไงยังงั้น หญิงสาวนึกได้ว่ามีกีบติดอยู่บนหัวอยู่หนึ่งอันแต่มันก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี
เพราะร่างกายแทบจะขยับได้ไม่เกินหนึ่งนาที ความเจ็บแสบก็เล่นงานเธอจนแทบคลั่ง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตอนนี้สายตาของเธอชักจะชินกับความมืดเสียแล้ว
ท่ามกลางความเงียบเรเนสซึ่งกำลังจะหาทางหนีแต่ทว่าได้เกิดเสียงเท้าของใครบางคนที่เป็นผู้หญิง เพราะส้นสูงที่กำลังก้าวลงมาจากบันไดทางฟากทางขวามือก่อนแสงสว่างนั่นจะดับลงเมื่อประตูข้างบนได้ปิดลงไป ที่แน่เธอจะพยายามที่จะไม่สติแตกไปเสียก่อน
“ไง สาวน้อย สับสนอยู่ล่ะสิท่า”
“ นั่นใครน่ะ”
“ ไม่ได้เจอกันนาน ก็แทบจะจำกันไม่ได้เลยงั้นเหรอ”
เรเนสกลืนน้ำลายเพื่อไม่ให้เสียงเธอแหบเกินไปเพราะเธอไม่อยากจะแสดงให้คนโรคจิตที่อยู่ข้างหน้าคิดว่าเธอกำลังเจ้าหล่อนอยู่
เนื่องจากเรเนสไม่ได้ตอบคำถาม ผู้หญิงคนนั้นยังเดินอยู่ท่ามกลางความมืด เธอพนันได้เลยว่าเธอไม่ได้ตาฝาดเพราะกำลังเห็นแววตาที่เฉียบคมปรากฏอยู่ในความมืดหรือเหมือนคนเราเห็นหมาป่าในตอนกลางคืนซึ่งนั่นก็ทำให้เธอเหงื่อแตกพลั่กเพราะไม่รู้ว่ากำลังเผชิญกับใครกันแน่
“ พี่สาว…คนนี้ไง”
สาบานได้เลยว่าเธอแทบจะสะดุ้งหัวชนกระแทกที่ผนังข้างบนที่มือของเธอถูกคล้องไว้อยู่ เพราะน้ำเสียงของผู้หยิงคนนี้ทำให้เธอขนลุก
ปึง จู่ๆไฟก็สว่างจ้าจนทำให้เรเนสแทบจะหลับตาไม่ทัน แสงนั้นไม่ต่างไปจากสปอร์ตไลท์ที่ส่องกระแทกเข้าตาแรงๆเลย ภาพที่ยังคงพร่าเลือนยังทำให้ไม่สามารถมองได้ถนัดก่อนจะกระพริบถี่หลางครั้งก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจน
“ ซะ ซูซาน”
“ เซอร์ไพรส์!!”
เรเนสแทบจะไม่อยากเชื่อสายตา ทำไมซูซานต้องทำอย่างนี้ นี่มันไม่ใช่เกมที่จะมาจับคนมาเชือด และมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ คนสติดีที่ไหนที่จะมาแกล้งกักขังคนกันเองแบบนี้ได้
“ เธอต้องการอะไร ซู”
“ ฮ่าๆๆ เธอนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
เสียงหัวเราะที่สุดแสนจะเยือกเย็นมันไม่ช่วยให้บรรยากาศการคุยดีขึ้นมาด้วยซ้ำ และเรเนสยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก
“ งั้น ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกัน”
ซูซานลากเก้าอี้เก่ามา มันมีเสียงที่ช่วยเสียดหูขณะที่หล่อนลากครูดมันกับพื้นมาตั้งและนั่งลงไขว่ห้างตรงหน้า
ซูซานพยายามเล่าเรื่องราวให้ทันในเวลาอันสั้นว่าเธอคืออะไร เธออยู่ได้มานานแค่ไหนและเป็นอย่างที่เธอพูดเพราะเรเนสยังไม่เคยเห็นซูซานดูแก่ขึ้นเลยซักนิด และที่แน่ๆเธอก็รู้ว่าทั้งแอลและเอ็ดหรือใครที่เกี่ยวข้องกับพวกเขานั้น ไม่ใช่มนุษย์อย่างแท้จริง
โอ พระเจ้า นี่เธออาศัยอยู่สิ่งนี้ไปได้ไง นี่เธอกำลังฝันไปหรือเปล่า บางทีมันอาจจะเป็นฝันประหลาดก็เป็นได้
“ เธอไม่มีทางโกหกตัวเองได้หรอก เพราะนี่คือความจริง และฉันคิดว่าเพื่อนเธอก็น่าจะรู้ดี” ซูซานเอ่ยขัดราวกับจับความคิดที่อยู่ในหัวเธอได้ เรเนสค่อยๆช้อนตามองหล่อน พยายามมองให้ละเอียดถี่ถ้วนว่ามันจริงหรือเปล่า
“ เธอพล่ามอะไรของเธอ”
เสียงอันสั่นเทาของหญิงสาวที่พยายามเค้นมันออกมาอย่างสุดความสามารถ เหมือนกับว่ามีก้อนสะอึกมาจุกอยู่ที่ลำคอ อาการพูดไม่ออก ร่างกายไม่สามารถบังคับได้กำลังสั่น
“ นี่ อย่าคิดมากไปเลย ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ” จู่ๆซูซานก็มาโผล่อยู่ต่อหน้าเธอในระยะเผาขน พร้อมกับมีเขี้ยวเล็บค่อยๆงอกออกมา สายตาที่เปลี่ยนไปพร้อมกับมีเส้นเลือดผุดขึ้นเป็นสีดำอยู่รอบดวงตา เรเนสแทบจะขยับร่างกายไม่ได้เลย
ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะที่ซูซานได้ฝังเขี้ยงลงบนลำคอเธอเรียบร้อยแล้ว เรเนสพยายามสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุดเพราะเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ
เลือดที่เธอดูดออกไปแทบจะทำให้เธอหมดแรง และดูท่าซูซานจะไม่ยอมผละออกไปได้ก่อนจะมีเสียงสวรรค์ร้องขึ้นเพื่อช่วยชีวิตเธอไว้
“ อย่าทำร้ายเธอ!!!”
คมเขี้ยวที่จ่ออยู่บริเวณลำคอนั้นไม่ได้ฝังลึกมาก แต่เรเนสรับรู้ได้ถึงของเหลวไหลเรื่อยลงมา ริมฝีปากสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาค่อยเปิดเมื่อรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวหายไปแล้วแต่ถูกแทนที่ด้วยผู้ชายที่เธอไว้ใจและคอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด
ไซม่อน หนุ่มแบดบอยที่แอบมีความอบอุ่นในแบบผู้ชายในอุดมคติที่เธอเคยคิดไว้นั้นได้หายไปแล้ว เหลือทิ้งแต่ชายหนุ่มผู้เลือดเย็นที่พร้อมจะฆ่าเหยื่อได้ในพริบตา เธอไม่รู้ทำไมถึงได้คิดอย่างนั้น แต่ลึกๆแล้วนิโคลคงรู้เห็นอะไรบางอย่างจนต้องตีตัวออกห่างจากชายคนนี้
จู่ๆของเหลวที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวยที่หญิงสาวไม่อาจห้ามมันไว้ได้ แทบจะทำให้เขาสำนึกถึงความผิดต่อหญิงสาวผู้ที่เห็นเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีผู้หญิงอย่างเธอคอยปลอบโยน
ความรู้สึกของการโดนหลอกและการถูกทำร้ายจิตใจนั้นมันเจ็บปวดจนไม่สามารถบรรยายมันออกมาได้ ถูกแทนที่ด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวัง
“ฉันคงกำลังฝันร้ายอยู่ละสินะ” ประโยคที่ถูกกลั่นมาด้วยความรู้สึกที่แท้จริงทำให้ฟังดูขมขื่น
ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังสะอื้นอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกเหล่านี้มันมาจากไหนกัน ภาพในหัวที่กำลังฉายอยู่ในขณะนี่คือชายคนที่คอยกวนประสาทด้วยท่าทางที่เข้าใจยากและดูเหมือนจะไม่ลงรอยกับใคร
เอ็ด…….ฉันต้องการนายมากที่สุดเลย ภาพที่สลับมาแทนที่ ไซม่อนกำลังยืนจ้องมองเธอเขม็งโดยไม่พูดไม่จาอะไรแต่หารู้ไม่ว่าเขาเองก็รู้สึกผิดมากเหมือนกันที่ได้ทำแบบนี้กับผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งที่ก็มีความกลัวอยู่ในใจมาโดยตลอด ต้องกลายสภาพมาเป็นแบบนี้
“ เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม พายฝีมือเมียฉันอร่อยใช่ไหมละ ” นีลเอ่ยปากถามเมื่อเห็นแอลนั่งส่งสายตาหวานให้กับลูกสาวของตนที่ต่างก็ก้มหน้าหลบตาอยู่เช่นกัน
“อร่อยมากเลยครับ เป็นครั้งแรกที่ผมไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน”
“แหม พูดอย่างนี้ แม่ก็ยินดียกลูกสาวให้หมดหน้าตักเลยจ้ะ” เคียร่าพูดแกมตลกก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นลูกสาวส่งเสียงประท้วงขึ้นมา
“เรื่องมันเป็นไงมาไงล่ะพ่อหนุ่ม เราถึงไปทำให้ยัยดื้อของพ่อต้องงอนข้ามวันข้ามคืนกันขนาดนี้ล่ะ” นีลถามอย่างตรงไปตรงมา แอลหันไปมองเธอคนนั้น
“แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะครับ”
“แล้วมันเรื่องอะไรกันละ” นีลยังซักถามต่อ ก่อนจะถูกลูกสาวตัวดีขัดขึ้นมา
“หนูว่า เราสองคนจะไปล้างจานให้นะคะ”
“โอ้ ได้เลยจ้ะ” เคียร่าตอบยิ้มๆ พลางยื่นให้ก่อนจะหันมาขยิบตาให้แอลซึ่งเขาเองก็พอรู้ว่าผู้หญิงผู้อาวุโสคนนี้หมายถึงอะไร
ฝีเท้าที่แฝงไปด้วยความลุกลี้ลุกลนกำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านของเพื่อนสาวเพราะเธอไม่อยากให้คนที่บ้านรู้ว่าเธอแอบหนีออกมาและไม่อยากให้ใครมาคอยดูแล ซึ่งก็คงจะความคิดที่ดีที่สุดแล้ว โรสคิดพลางมองซ้ายขวาออกตัววิ่งทันทีเพื่อข้ามถนนไปยังอีกฟาก
เธอไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเรเนสแต่ที่แน่ๆมันคงจะไม่ดี ไปคนเดียวคงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไหร่ ภายในเวลาไม่กี่นาทีสาวพังก์ก็เดินทางมาถึงประตูหน้าบ้านของนิโคลเรียบร้อยแล้ว เพราะรั้วก็ไม่ได้ปิดไว้ พลางรีบยื่นมือไปกดกริ่งซึ่งอยู่ในอาการสั่นเทา
แอ๊ด เสียงประตูค่อยเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มที่ทำให้เพื่อนสาวของเธอแทบคลั่งไปหลายวัน โรสยืนตีหน้าตกตะลึงขณะเห็นเพื่อนสาวเดินออกมาถามว่าใครมา
“ หมอนี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” นิโคลหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถาว่ามีเรื่องอะไร
โรสไม่รอช้ารีบอธิบายพลางส่งมือถือไปให้เพื่อนสาว ซึ่งนิโคลเหลือบมองหน้าแอลด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“ไซม่อนทำเหรอ” แอลรีบหยิบโทรศัพท์พลางนัดไรอันเพื่อให้มาช่วยเหลือก่อนจะเห็นนิโคลรีบวิ่งเข้าไปหยิบเสื้อคลุมเพื่อมาสวมใส่พลางหันมาพยักหน้าให้กับทุกคนก่อนจะรีบตามแอลไปที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่อันคุ้นเคย
ระหว่างที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่คาดว่าจะเป็นที่เกิดเหตุจู่ๆไรอันก็โผล่ออกมาจากซอกตึกมุมหนึ่งพลางโยนกระเป๋าใบหนึ่งให้กับแอลซึ่งเขารับมันได้ทันท่วงที พลางรูดซิปเปิดขณะกำลังเดินอยู่ พลางส่งกริชไม้ให้นิโคล
“นายแน่ใจเรื่องนี้นะ”
ไรอันเอ่ยปากถามขณะหยิบอาวุธออกมาพร้อมกับรอยยิ้มขึ้เล่นเพราะคิดว่าถึงเวลาซะทีที่จะใช้อาวุธเหล่านี้
“ไม่เคยมั่นใจเท่านี้มาก่อน” เรื่องบ้าๆนี่จะได้จบลงซะทีเขาไม่อยากให้ใครมาลำบากเพราะพวกเขาอีกแล้ว
คฤหาสน์หลังนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเมื่อก่อนในครั้งที่นิโคลมาเยี่ยมเยียนที่นี่ ถึงแม้ความสงสัยของโรสจะแคลงใจแต่เธอยังคงต้องพุ่งเป้าไปที่เรเนส เพราะยังไงเราก็คือเพื่อนกัน
ทันทีที่ทั้งสามมาถึงณ ที่แห่งนี้ แอลยกมือขึ้นห้ามพลางหันหน้ามาด้วยความกังวล เขาแค่ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกนี้มาเกี่ยวข้อง ซึ่งแลดูเหมือนนิโคลจะเข้าใจ เธอจึงใช้มือแตะเข้าที่ไหล่เขาก่อนจะพยักหน้าว่าเธอจะเอาด้วย
แอลส่งสายตาเหมือนรู้กัน ซึ่งไรอันดูเหมือนจะเข้าใจจึงได้วางกระเป๋าอาวุธพลางสำรวจประตูอยู่ข้างหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาเดินเลาะไปข้างๆประตูพลางตั้งท่าจะปีนขึ้นแต่จู่ๆก็แลดูเหมือนมีสิ่งบางอย่างผลักเขากระเด็นตกลงมาดังตุ้บ โรสรีบวิ่งเข้าไปช่วยดึงเขาลุกขึ้น
“เป็นอะไรไหม” ไรอันยกมือขึ้นบ่งบอกประมาณว่าไม่เป็นไร เขาใช้มือทั้งสองข้างดันตัวเขาลุกขึ้นจากพื้นด้วยอาการโงนเงนเล็กน้อย
“นั่นมันอะไรว่ะนั่น ครั้งก่อนก็ไม่เห็นมี” ไรอันสบถด้วยถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความอารมณ์เสียเล็กน้อย ทันทีที่เห็นท่าทางหงุดหงิดของเขาแอลจึงเดินเข้าไปสำรวจประตูบานใหญ่ข้างหน้าโดยที่มีเสียงทักท้วงของนิโคลด้วยความเป็นห่วง แต่ส่งสัญญาณให้เธอถอยห่าง
แอลหลับตาอยู่ครู่เดียวก่อนจะเบิกโพลงด้วยดวงตาสีมืดมิดทั้งดวง ก่อนจะไล่สายตามองดูสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าให้เห็นชัด คลื่นอาณาเขตบางสิ่งบางอย่างคล้ายเป็นสิ่งที่ปกคลุมไปทั่วทั้งคฤหาสน์ ประกายสีเขียวนั่นทำให้เขาสงสัยอยู่ชั่วขณะ พลางหันไปมองไรอันด้วยนัยน์ตาปกติ
“อะไร” เขาถามพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นขนาบอก ทันใดนั้นแอลก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเขา ซึ่งทำให้ไรอันมีอาการตกใจเล็กน้อยก่อนที่มือของเขาจะถูกแอลคว้าไปเพื่อเพ่งพินิศ
รอยไหม้ที่ปรากฏขึ้นบนแขน เกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเพิ่งมารู้สึกเจ็บแสบแปล๊บๆขึ้นมาโดยทันที ทั้งสองสาวรีบเดินเข้ามาดูกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับไรอัน
“โอ้ พระเจ้า แขนนาย” นิโคลอุทานก่อนจะหันไปมองแอลว่าควรทำยังไงดี
แอลมองบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนจะหันหน้ากลับไปเผชิญสิ่งนั้นอีกครั้ง เขายื่นแขนออกมาข้างหน้าสูดหายใจเข้าเหมือนที่เคยฝึกไว้ ก่อนจะหลับตาลง หมอกควันที่ไร้รูปร่างไหลผ่านออกจากฝ่ามือเขา เข้าปกคลุมสิ่งที่กั้นขวางให้เข้าไปไม่ได้เป็นไปในรูปแบบโดมขนาดใหญ่ หมอกสีดำเหล่านั้นค่อยๆคืบคลานสูงขึ้น
โรสมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอ้าปากค้างว่านี่มันใช่ความจริงหรือไม่ เพราะหมอกเหล่านั้นเคลื่อนที่ราวกับสิ่งมีชีวิต ทั้งสามก้าวเท้าเข้ามาดูใกล้ๆซึ่งไรอันเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยไม่เสียการควบคุมนับตั้งแต่เอ็ดหายไป แอลค่อยๆลืมตาขึ้นพลางมองพลังที่ยิ่งใหญ่ของเขาเคลื่อนที่ไปตามที่เขาต้องการ
ความรู้สึกเหมือนคลื่นไส้ประดังประเดเข้ามาที่บริเวณลำคอ เรเนสไม่อาจยับยั้งมันไว้ได้ อาการพะอืดพะอมลากบางอย่างมาจุกอยู่ที่บริเวณลำคอจนกระทั่งสำรอกของเหลวสีดำแปลกๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ของเหลวสีดำที่กระจายอยู่ข้างหน้า ใบหน้าสวยเงยขึ้นปรากฏบางสิ่งบนใบหน้านัยน์ตาสีขาวขุ่นทำให้ไซม่อนขมวดคิ้ว