The Vampire Powers. [บทที่ 16 100%]

อ้าก โครม!!! เสียงของลูกสมุนที่หนีรอดออกมาได้จากบุคคลปริศนาสามคนส่งเสียงร้องเมื่อถูกอัดเข้ากระแทกหน้าท้องด้วยแร่เงินจากแหวนที่สวมใส่อยู่ของผู้เป็นนาย

“พวกมันเป็นใคร”
“พวกมันเป็นแวมไพร์ มีเพียงข้าผู้เดียวที่หนีรอดมาแจ้งข่าวกับท่านได้ ข้าไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อน ” ชายวัยกลางคนกล่าวรายงานด้วยเนื้อตัวสั่นระริก ขณะก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบตาของนายใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น

“สืบมาให้ได้ ว่าพวกมันเป็นใครมาจากไหน แล้วค่อยล้างบาง”
ชายผู้นั้นมีแววตาหวาดระแวงกับสิ่งที่กำลังจะตามมา เผ่าพันธุ์แวมไพร์คงจะล่มจมแล้วสินะ
“ท่านมาร์คัส ข้ายอมถวายหัวแด่ท่านไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกมันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำ”

“ดี” มาร์คัสตอบเสียงเย็น ประตูถูกเปิดออกจากลูกชายของเขา ชายคนดังกล่าวที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าได้ผุดลุกขึ้นเดินผ่านตัวไซม่อนไป
“ผมว่า ผมเจอพวกแวมไพร์” ไซม่อนพูดขณะมองตามชายคนนั้นที่ดึงฮูดมาปิดหน้าเดินผ่านไป
“เมืองนี้มีเยอะถมไป”

“ไม่ นี่มันแปลกโดยทั่วไปแถมมันยังมาเกาะแกะกับคนของผม” ไซม่อนบอกเหตุผล
“จะทำอะไรก็ควรไว้หน้าฉันบ้าง ฉันไม่อยากมีปัญหากับพวกมัน” มาร์คัสกล่าวเสียงเรียบ
“ให้ตายสิพ่อ พวกมันดูมีอะไรพิเศษ แตกต่างจากพวกทั่วไป”  ไซม่อนพยายามให้พ่อเขาเชื่อสักครั้ง

“ครั้งที่แล้ว แกก็ไปมีเรื่องกับพวกมัน ไม่รู้หรือไงว่าหน่วยVมีหน้าที่ของมันอยู่แล้ว ฉันไม่อยากจะมีปัญหากับหน่วยงานของพวกแวมไพร์” มาร์คัสดุลูกชายของตนที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
“แล้วเรื่องซูซานละ พ่อคงจะเข้าใจด้วยกันสองคนกับซู อย่าลืมไปเชียวว่ายัยนั่นทำอะไรไว้” ไซม่อนเดินปึงปังออกไปเปิดประตู ปรากฏร่างของหญิงสาวที่แลดูน่าค้นหาที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเขา หรือเรียกให้ถูกเธอก็คือ พี่สาวของเขานั่นเอง ไซม่อนมองเธอชั่วขณะก่อนจะเดินผ่านไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ตามจริงหนูก็แค่ ” ซูซาน ลูกสาวคนโตของเขาเอ่ยขึ้นมาอย่างสำนึกผิด แต่ถูกขัดขึ้นมาว่า

“แกไม่ต้องหาทางช่วยพ่อหรอกซู ดูแลน้องให้ดีอย่าให้ไปยุ่งกับพวกนั้น” มาร์คัสพูด
ซูซานผู้มีนัยน์ตาสีมรกตพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของพ่อเธอ มาร์คัสหวังว่าอย่าให้เรื่องเดิมๆกลับมาทำร้ายระหว่างสองเผ่าพันธุ์ที่มีพวกแม่มดมาคั่นกลางอีกเลย เพราะระยะเวลาหลายพันปีมานี้ก็สงบสุขดีอยู่แล้ว ต่างฝ่ายต่างอยู่ซะดีกว่า

โรงเรียนxxx
ปึง แอลเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังจ้องมองเขาจากฝั่งตรงข้ามของตู้ล็อกเกอร์หลังจากหมดคาบเรียน แต่นิโคลก็กระแทกปิดตู้ราวกับจงใจให้เขารับรู้พลางเดินหนีออกไป ทิ้งให้เขาชวนสงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่เพราะเขาไม่สามารถเพ่งจิตฟังเสียงในใจของเธอได้เลย ก่อนจะมาเรียนที่นี่เขาดันมาเจอเธอหลังจากที่เรเนสถูกชายแก่ลวนลาม ครั้งนั้นเขาจำได้สนิทใจว่าทำอะไรกับเธอไว้ และนั่นคงจะเป็นความคิดที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เธอจำตัวตนของเขาได้ มันคือการสะกดจิตให้ลืมเกี่ยวกับคืนนั้น

แต่ตอนนี้เขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าเธอได้ฟื้นฟูมันกลับมาหรือเปล่า ด้วยความโดดเด่นจากรูปภายนอกทำให้สาวๆที่เดินผ่านลอบมองเขาเป็นระยะนั่นทำให้เขาหงุดหงิดเมื่อความคิดในหัวของพวกนั้นมีแต่เรื่องใต้สะดือแบบไม่ผูกพัน เขาจึงดึงไอพอดออกมาเปิดเพลงและจับยัดหูฟังใส่หูราวกับสะอิดสะเอียนความคิดของหญิงสาวเหล่านั้นแล้วเดินตามนิโคลไป
“เฮ้ นิโคล รอฉันก่อน เฮ้” หนุ่มผมทองที่มีดีกรีในเรื่องของหน้าตาวิ่งตามหลังเธอมา นั่นทำให้สีหน้าหงุดหงิดต้องแปรเปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานให้ ด้วยความจำใจ
“เฮ้ ว่าไงแม็คเคล็น” เธอทัก

“เอ่อ คือว่า งานพรอม เธอมีคู่เต้นรำหรือยัง” แม็คเอ่ยชักชวนขณะทำคิ้วหลิ่วตาใส่เธอ นิโคลชักสีหน้าแต่ก็เปลี่ยนเป็นกลบเกลื่อน
“โทษทีนะ คือว่าฉันมีธุระน่ะ คงไปไม่ได้หรอก เธอไปชวนสาวอื่นเถอะนะ โอ้ บาย” นิโคลพูดรัวก่อนจะรีบไปให้พ้นจากผู้ชายที่อันตรายที่สุดในโรงเรียน เธอไม่อยากเสี่ยงกับไอ้พวกเจ้าชู้พวกนี้หรอก หนักใจเปล่าๆ

หลักเลิกเรียนในวัยสุดสัปดาห์ถือว่าเป็นวันแห่งความสุขที่นักเรียนทุกคนจะได้กลับมารังสรรค์กับงานเต้นรำที่จัดขึ้นเป็นทุกๆปีเพื่อผูกสัมพันธไมตรีระหว่างนักเรียนด้วยกัน ใบหน้าชื่นมื่นของแต่ะละคนทำให้ครูที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าอาคารเรียนต้องส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“เธอ อย่าลืมนะว่านี่เป็นโรงเรียน หยุดไถลสเก็ตบอร์ดงี่เง่านั่นซะที” ครูสูงวัยแหกปากตะโกนใส่กลุ่มเด็กนักเรียนดังกล่าวที่ต่างพากันสลายตัวกันไป ไม่ว่ากี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็บอกสอนยากกันไปหมดครูคนดังกล่าวคิดพลางชี้นิ้วสั่งนักเรียนหญิงอีกคนที่เดินผ่านโทษฐานใส่กระโปรงที่แทบจะเห็นเนื้อผ้าอีกชั้นข้างใน
นิโคลเดินกอดหนังสือพลางคิดบางอย่างอยู่ในหัว ผมสีน้ำตาลที่แซมไปกับสีบลอนด์ธรรมชาติของเธอปล่อยสยายกลางหลัง ใบหน้าหวานเม้มริมฝีปากสีแดงทับทิมอย่างครุ่นคิด เมื่อมีใบหน้าของใครคนหนึ่งกำลังรบกวนประสาทเธออยู่ตอนนี้นัยน์ตาสีนิลเข้มดวงนั้นทำให้เธอต้องพยายามระงับบางอย่างภายในตัว

เธอส่ายหน้าสลัดความคิดเหล่านั้นออกไป แอรอน เขาเป็นใครกันแน่นะ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขารบกวนความคิดของเธอตลอดเวลา
กรุงกริง เปลือกหอยที่ห้อยไว้หน้าประตูส่งเสียงเมื่อเปิดประตูร้าน นิโคลเดินเข้ามายังร้านขายหนังสือที่ไกลจากโรงเรียนมากพอสมควร ผู้คนต่างคิดว่าซอยนี้เป็นซอยของผีสิงทาสของแม่มด แต่เธอแค่เพียงจะมาซื้อหนังสือเก่าๆสักเล่มสองเล่มกลับบ้าน เธอสำรวจมองการตกแต่งของที่นี่ที่เน้นออกเป็นแนวดับมืดไปหมดบรรยากาศราวกับมีมนต์ขลังอยู่โดยรอบ

นิโคลนำมือเรียวไล้สันหนังสือไปเรื่อยๆทุกย่างก้าวที่เดินเหมือนกับว่าเธอกำลังจะเข้าสู่โลกที่หน้ากลัว เมื่อแหงนหน้ามองบนเพดานปรากฏภาพแกะสลักซึ่งดูแล้วมีลักษณะเหมือนเป็นประติมากรรมที่สวยแต่ลึกลับเพราะมีสัญลักษณ์แปลกๆเต็มไปหมดมันดูน่าหลงไหล ท่าทางร้านนี้จะมีความเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร์

ตึก ร่างบางเผลอไปชนของบางอย่างทำให้เธอเสียหลัก แต่ทว่า
หมับ ใบหน้าของหนุ่มหล่อแนบชิดเข้ามาสบสายตากับเธอ นัยน์ตาเขาราวกับมีมนต์แรงดึงดูดมหาศาลทำให้นิโคลเผลอจ้องไปโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้ นิโคล” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก ทำให้สติของหญิงสาวที่เตลิดเปิดเปิงไปชั่วขณะต้องไหลย้อนกลับโดยพลัน จากท่วงท่าที่คล้ายการเต้นรำตอนจบที่มีคู่เต้นรำต้องโน้มตัวเข้าหากันเพื่อแสดงความรักต้องกลับคืนมา แอแอลดึงหญิงสาวยืนให้ถนัดก่อนจะมองใบหน้าหวานที่มีสีแดงระเรื่อ

“เอ่อ……ขอบคุณ”
นิโคลเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก พร้อมกับก้มหน้างุด เมื่อเธอรู้สึกเหมือนบรรยากาศที่เงียบเกินไปเพราะเธอไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากเขาเลย ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นโดยทันที พบว่าจุดที่เขายืนอยู่นั้นไม่มีเขาแล้ว

เธอสอดสายตาหาเขาแต่ก็ไม่พบพลางหักเลี้ยวมายังเคาน์เตอร์ มีหญิงชราคนหนึ่งกำลังนั่งถูอะไรบางอย่างลักษณะเหมือนสร้อยคออย่างขะมักเขม้น เพราะสายตาของหญิงชราดันไปเห็นลูกค้าวัยรุ่นที่ไม่คาดว่าเด็กสมัยนี้จะรู้จักอ่านหนังสือต้องทำให้วางสร้อยเส้นนั้นลง การแต่งตัวของหญิงชราคนนี้ค่อนไปทางโบราณแต่ดูมีเอกลักษณ์แววตามีประกายแปลกเมื่อเห็นหญิงสาวสวยตรงหน้า คงจะเป็นพวกชอบของเก่าสินะนิโคลคิดภายในหัวพลางเดินส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้หญิงชราคนนั้น
“ไง แม่หนู หาหนังสือไม่เจอเหรอ” หญิงชรามีรอยยิ้มน่ากลัวและเสียงแหบแห้งนั่น ชักจะทำให้นิโคลขนลุกซะแล้ว!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  นิยายออนไลน์ แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่