มีข้อสงสัยเรื่อง การผ่าตัดเอ็นหัวเข่า กับ สิทธิประกันสังคม

น้องที่ทำงาน เค้าประสบอุบัติเหตุจากการออกกำลังกายเมื่อช่วงต้นเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา

หลังจากบาดเจ็บ ก็ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และ นำส่งโรงพยาบาล โดยน้องได้เลือกเข้า รพ. ที่ตัวเองมีสิทธิประกันสังคมก่อน

เนื่องจากเป็นช่วงเวลาหัวค่ำ ประมาณสองทุ่มเศษๆ ทาง รพ.นั้น จึงเปิดบริการรับผู้ป่วยนอกที่ห้องฉุกเฉิน โดยมี จนท. เข้ามาตรวจอาการเบื้องต้น (ไม่แน่ใจว่าเป็น แพทย์เวรหรือเปล่า) วินิจฉัยเบื้องต้นเพียงว่า เอ็นอักเสบ ให้ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาบรรเทาปวด และ ผ้ายืดเพื่อพันรัดข้อและกล้ามเนื้อ และให้กลับบ้านได้

แต่น้องเค้ารู้สึกว่า มันไม่ได้เป็นแค่นั้น จึงขอให้ผมช่วยพาไปยัง รพ.เอกชน อีกแห่งหนึ่งที่ห่างกันไม่มากนัก โดยที่ใช้สิทธิประกันกลุ่มของบริษัท และ ประกันอุบัติเหตุรายปีที่สมัครไว้ในการเคลมค่าใช้จ่าย

ทาง รพ.เอกชน แห่งที่สอง ณ เวลานั้น แผนกกระดูกและข้อยังไม่ปิดบริการ จึงมีแพทย์พร้อมวินิจฉัยอาการอยู่ เมื่อได้ทำการตรวจอย่างละเอียดจึงให้ความเห็นว่า น่าจะเกิด เอ็นไขว้หน้าฉีกขาด จึงได้ทำการนัดเพื่อตรวจอาการซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไป

เมื่อมาพบแพทย์ครั้งถัดมา จึงได้มีการตรวจอย่างละเอียดเพิ่มเติม และนัดทำการ MRI อีกครั้ง
แต่การ MRI นี้ มีค่าใช้จ่ายสูง และ ประกันกลุ่ม+ประกันอุบัติเหตุ วงเงินไม่ครอบคลุม ทาง รพ.เอกชน จึงแนะนำให้ส่งเรื่องไปยัง รพ.ประกันสังคม เพื่อทำเรื่องส่งตัวมาที่ รพ.เอกชน แห่งนี้ เพื่อใช้สิทธิประกันสังคม ในการทำ MRI
และเมื่อได้ทำการ MRI แล้ว ได้ผลออกมาคือ เอ็นไขว้หน้าฉีก (แต่ไม่แน่ชัดว่า ขาด 100% หรือแค่บางส่วน) และ แหวนรองข้อกระดูกร้าวเล็กน้อย
ทาง รพ.เอกชน จึงได้ทำการนัดเพื่อทำการผ่าตัด โดยมีการประเมินราคาผ่าตัดโดยประมาณที่ 130,000 บาท โดยทางน้องยืนยันใช้สิทธิประกันสังคมในการเข้ารับการรักษา
หลังจากนั้นจึงมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจความพร้อมก่อนการผ่าตัด แต่ทาง รพ. แจ้งว่าผลเลือดมีปัญหา จึงนัดทำการตรวจใหม่อีก 1 เดือน

ต่อมา เดือน มิถุนายน น้องได้มาเจาะเลือดตามนัดอีก ผลเลือดก็ยังมีปัญหาอีก ทาง รพ. แจ้งว่า มีผล 1 ใน 3 ตัวอย่างเป็น positive จึงขอนัดเจาะตรวจใหม่
ทางน้องเองก็รู้สึกไม่สบายใจ และมั่นใจตัวเองว่าไม่ได้มีความเสี่ยงใดๆ ที่จะไปรับเชื้อที่ทำให้ผลเลือดเป็น positive ทางน้องจึงลางานเพิ่มเพื่อไปตรวจเลือดแบบละเอียดที่ คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย โดยที่ผลเลือดโดยละเอียด ทาง คลินิกฯ ได้แจ้งกลับมาหลังจากวันเจาะประมาณ 3 วัน ยืนยันว่าเป็น negative พร้อมรับเอกสารผลตรวจอย่างละเอียดไว้เป็นหลักฐาน

น้องได้สอบถามกับทาง คลินิกฯ ว่า ทำไมผลเลือดที่ รพ.เอกชน นั้น จึงมีตัวอย่างเป็น positive
ทาง คลินิกฯ ให้คำตอบว่า อาจเกิดจากความไวของน้ำยาตรวจ ที่มีผลกับโปรตีนบางชนิด ทำให้ขึ้นผลมาเป็น positive ได้

ด้านทาง รพ.ประกันสังคม เองก็มีนัดตรวจของน้องด้วยเช่นกัน และมีการเจาะตรวจเลือดด้วย โดยผลเลือดออกมาเป็น negative เช่นกัน

ต่อมาเมื่อถึงนัดของ รพ.เอกชน นั้น ทางน้องก็ไปเจาะเลือดตามนัด และผลก็ยังคงเช่นเดิมคือ มี positive จากตัวอย่าง 1 ใน 3
ทาง รพ.เอกชน อ้างว่าไม่สามารถทำการผ่าตัดให้ได้ เนื่องจากผลเลือดไม่ปลอดภัยต่อบุคลากรที่จะทำการผ่าตัด โดยที่ไม่สามารถใช้ผลตรวจเลือดจาก คลินิกนิรนาม และ รพ.ประกันสังคม ได้ โดยอ้างว่า จะต้องใช้ผลเลือดจาก Lab ของ รพ.ตน เท่านั้น

เนื่องจากเวลาที่ผ่านมาถึงสองเดือนเศษ ทำให้อาการบาดเจ็บของน้องเริ่มส่งผล มีอาการปวดเข่าตลอดเวลา (แต่ยังสามารถเดินได้) ข้อเข่าไม่มั่นคง ยังคลอนจากกันได้ง่ายอยู่ น้องจึงยังต้องการรักษาอาการนี้ให้หายขาด โดยที่ทาง รพ.เอกชน ได้แนะนำให้โอนเรื่องกลับไป รพ.ประกันสังคม ให้หา รพ.อื่นเพื่อส่งต่อแทน

ปัจจุบันนี้ น้องเพิ่งถูกส่งตัวไปที่ รพ.รัฐ แห่งหนึ่ง โดยที่มีขั้นตอนการตรวจที่ยุ่งยาก และการเดินทางที่ลำบากมาก (ไกลกว่าเดิมมาก) และ ผลการวินิจฉัยของแพทย์ที่ รพ.รัฐ นั้นก็ไม่ผ่าเอ็นไขว้หน้าให้ แต่จะ ผ่ารักษาแหวนรองกระดูก ที่ร้าวก่อน ด้วยเหตุผลว่า ถ้าผ่าตัดเอ็นเลย เดี๋ยวจะยาว???

นี่เป็นข้อสงสัย และ คลางแคลงใจของน้องที่ทำงานของผมอย่างมากว่า ทำไมการรักษาเอ็นข้อเข่า มันถึงได้วุ่นวาย ยุ่งยาก มากมายขนาดนี้

เพราะผลเลือดที่ไม่ชัดเจน? หรือ เพราะสิทธิประกันสังคม ที่พากันเกี่ยงไม่อยากรับ? หรือเพราะอะไร?

ถ้าน้องเค้ามีฐานะดี ก็คงมีความสามารถจ่ายค่ารักษาเต็มจำนวน หลักแสนบาท ได้ง่ายๆ สบายๆ

แต่เค้าก็เป็นเพียงมนุษย์เงินเดือน เดือนละไม่ถึงหมื่นห้า ที่จ่ายประกันสังคมไม่เคยขาดสักงวด แต่เงินที่หักเค้าไปทุกเดือนๆ กลับไม่สามารถช่วยดูแลสุขภาพเค้าได้

ใครมีข้อแนะนำ หรือ ขั้นตอนที่สามารถพาไปสู่การรักษาที่สมบูรณ์ได้ ช่วยแนะนำให้ด้วยนะครับ

ขอบคุณมากๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่