ขอบคุณทุกๆ คนที่มาอ่านนะคะ
ขอบคุณ คุณดาว Lady Star 919, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณโอ เขมปัณณ์, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, จารย์จี Psycho man
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐
http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑
http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒
http://ppantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓
http://ppantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔
http://ppantip.com/topic/35447627
บทที่ ๑๕
http://ppantip.com/topic/35454229
บทที่ ๑๖
พิธีส่งตัวเจ้าสาวใช้เวลาไม่นาน ในเมื่อฝ่ายเจ้าสาวไม่ได้มีผู้ใหญ่มาส่งตัวจริงๆ มีก็เพียงพี่ชาย พี่สาว และผู้ซึ่งเคยเป็นมารดาเลี้ยงซึ่งก็ยังคงอยู่ในวัยสาวอยู่มาก จึงไม่มีใครมาให้ศีลให้พรหรืออบรมสั่งสอนเรื่องการปฏิบัติตัวต่อสามีหรือการวางตัวในฐานะภรรยาที่ดีเช่นคู่อื่นๆ พิธีท้ายสุดของงานแต่งจึงมีเพียงสั้นๆ และรวบรัด
ไอรีนลุกนั่งทันทีที่ประตูห้องปิดตามหลังคุณกนกซึ่งก้าวล่วงออกไปเป็นคนสุดท้าย ตะขิดตะขวงใจที่จะนอนเคียงข้างผู้ชายแบบนี้ แม้เมื่อครู่ที่คุณสำรวยบอกให้ลงนอนทางฝั่งซ้ายของเตียง...เคียงข้าง ‘เขา’...จะเป็นไปตามประเพณีก็ตาม แต่ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน เคยเสียที่ไหนที่จะนอนข้างใครซึ่งไม่ใช่ผู้หญิงด้วยกัน
คนซึ่งถูกบอกให้นอนทางฝั่งขวายิ้มอยู่ในหน้า ขยับลุกแล้วคว้าร่างบอบบางไว้ได้ก่อนจะทันเลื่อนตัวลงจากเตียง
“จะรีบไปไหนล่ะ”
เสียงห้าวๆ ฟังดูเกือบเหมือนหัวเราะ ร่างใหญ่โตเบี่ยงตัวลงนั่งที่ขอบเตียงก่อน แล้วโอบร่างน้อยๆ ซึ่งทั้งแข็งทั้งขืนให้เลื่อนขึ้นมานั่งบนตัก
ไอรีนมีเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิดปานนี้หรือจะสู้ผู้ชายซึ่งยังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ ตัวก็ทั้งใหญ่ทั้งแข็งแรง เจ้าสาวซึ่งเพิ่งถูกส่งตัวเข้าหอสดๆ ร้อนๆจึงจำต้องยอม แม้จะเกร็งไปหมด ก็จำต้องปล่อยให้เขากอดไว้หลวมๆ ไม่กล้าเหลียวไปมอง รู้ว่าใบหน้าคมคายนั้นอยู่ใกล้เพียงไร จึงได้แต่หันข้างให้ พร้อมกับคิดหาข้ออ้างลงจากตักของเขาให้วุ่นวายไปหมด
“จะเปลี่ยนเสื้อค่ะ”
อ้อมๆ แอ้มๆตอบ ขณะกวาดตาไปรอบห้อง ทำเป็นมองหาหีบใส่เสื้อและของใช้ของตัวเองซึ่งเขาส่งคนไปขนมาให้จากบ้านเมื่อสามสี่วันก่อนหน้า แต่ก็ไม่เห็นว่าตั้งอยู่ที่ใดภายในห้อง ทั้งห้องมีก็เพียงเตียงขนาดใหญ่ที่นั่งอยู่นี้ ชั้นเตี้ยๆ ตัวหนึ่ง มีอ่างเคลือบสีขาวนวลวางอยู่ตอนบน ในอ่างมีเหยือกเคลือบสีเดียวกัน ด้านข้างวาดลวดลายสีน้ำเงิน มองแต่ไกลเห็นว่าเป็นทิวทัศน์ของทุ่งกว้างในเมืองหนาว ดูก็รู้ว่าคงมาจากประเทศแถบตะวันตกที่ไหนสักแห่ง ข้างหน้าต่างซึ่งมีม่านสีขาวบางเบาฉลุลายอ่อนพลิ้วเป็นโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้เข้าชุดกัน
“ไม่ต้องรีบก็ได้นี่ เพิ่งจะหัวค่ำเท่านั้น ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย พูดกันให้รู้เรื่องเสียก่อน…จะได้ไหม” เสียงห้าวๆ นุ่มนวล อ่อนโยน ทิ้งคำถามท้ายประโยคตามความเคยชิน
พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มดูมือของตัวเองอยู่เงียบๆ จึงเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดด้วยอยู่นาน…นานจนแทบจะคอยให้ 'ผู้ใหญ่' ออกไปจากห้องให้หมดไม่ไหว
“ฉันเสียใจที่เมื่อครู่…เขาจะไม่มาวุ่นวายบริเวณนี้หรอกนะ ฉันสั่งห้ามไว้แล้ว ที่อยู่ของเขาอยู่ฝั่งโน้น ฝั่งนี้เป็นของเธอ...เป็นของเรา...เขาก็จะอยู่ส่วนเขา เขาอยู่กับวิไล วิไลไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก”
ลักษณะการพูดเป็นช่วงๆ ไม่ค่อยจะปะติดปะต่อกัน สะท้อนความวุ่นวายใจของคนพูด ออกจะเสียใจอยู่ไม่น้อยเมื่อสิ่งแรกๆ ที่สาวน้อยซึ่งตัวห่วงหาอาทรอยู่เสมอมาเห็นในบ้านหลังนี้คือคนซึ่งเธอคงไม่อยากเห็นสักเท่าไรนัก
“หรือเธออยากให้เขาไปเสีย ฉันจะพูดกับวิไล เขามีญาติพี่น้องอยู่ทางเหนือ” ยังอดไม่ได้ที่จะย้ำถามอีกครั้ง ปฏิกริยาเมื่อครู่บอกชัดแจ้งอยู่แล้วว่าเธอรู้สึกเช่นไร
สองแขนล่ำสันเลื่อนลงมาโอบรอบเอวบางของภรรยา
แต่อีกฝ่ายยังคงเอาแต่เงียบ ว่าไปตามจริงแล้วไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำ
"เคืองหรืออายกันละนี่"
เมื่อนั่งอยู่บนตักของเขาแบบนี้ ใบหน้าของเธอและของเขาจึงอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เมื่อเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมหันมามอง รามจึงแสร้งเอียงหน้าเพื่อให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลใสคู่นั้น หัวเราะหึหึในลำคออย่างล้อเลียนเมื่ออีกฝ่ายก้มหน้างุดต่ำลงอีก
ร่างน้อยๆ ในอ้อมแขนนี้นุ่มละมุนไปเสียทุกส่วน นุ่มนวล เปราะบาง ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของทั้งหมดนี้มาพร้อมกับความหวงแหนอย่างรุนแรง อยากทะนุถนอม อยากปกป้องคุ้มครอง
ริมฝีปากบางอบอุ่นแนบลงกับลำแขนกลมกลึง เมื่อชายตาขึ้นมองก็ทันได้เห็นแก้มเนียนซ่านซับสีเลือด มือสากๆ ไล้ไปตามแผ่นหลัง นั่นเองที่ความกังวลเข้าจู่โจม ร่างน้อยๆ นี้บอบบางเสียเหลือเกิน บางขนาดนี้จะทนทานอะไรได้มากมายกัน คงหักทำลายเสียง่ายดายถ้าจับต้องรุนแรง เมื่อครั้งที่เห็นในคืนแรกนั้นพึงใจอย่างไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน อยากได้มาเป็นของตัวเสียจนไม่คิดถึงเรื่องอื่นใด คิดอยู่แต่ว่าทำอย่างไรจึงจะได้มา แต่พอมาตอนนี้...เมื่อได้มาแล้ว…จะทำอย่างไรเล่าจึงจะไม่ทำให้แตกสลายคามือไปเสีย
ความคับข้องใจถึงปัญหาที่เพิ่งตระหนักทำให้ยอมปล่อยมือแต่โดยดี
"ยังไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร วันหลังจะถามอีก" จึงแสร้งให้เห็นเป็นเรื่องขบขันไปเสีย
ไอรีนขยับลุกยืนทันควัน เขาลุกตาม ยังไม่วายคว้าเอาร่างน้อยมาโอบไว้ ยังไม่อยากปล่อยให้ห่างตัวไปง่ายๆ แม้จะอยู่ด้วยกันตามลำพังแล้วอย่างนี้ก็เถอะ
“เสื้อผ้าข้าวของของเธอคงรวมอยู่กับของฉัน อยู่ในห้องข้างๆ นี่ แต่เขาไม่ให้ออกจากห้องหอหลังส่งตัวแล้วไม่ใช่หรือ” เสียงห้าวๆ วนเวียนอยู่ข้างแก้มที่กลับเรื่อสีโลหิตเข้มจัดขึ้นอีกครั้ง
“แล้วจะเปลี่ยนเสื้ออย่างไรละคะ” เสียงใสพึมๆ พำๆ ถาม
คราวนี้คุณพระหนุ่มหัวเราะออกมาได้ ความกังวลพอจะเลือนไปบ้างเมื่อได้ยินเสียงพูดที่เกือบเป็นปกติแล้ว
“ห้องแต่งตัวอยู่ติดกับห้องนอน คงไม่เป็นไรกระมัง คงยังถือว่าเป็นห้องเดียวกันได้" เขาสรุปเอาเองในเมื่อตัวก็ไม่รู้แน่เช่นกัน
"ถ้ายังแต่งตัวกันเต็มยศอย่างนี้ จะนอนได้อย่างไร จริงไหม” เขาชี้ไปที่ประตูไม้สองบานซึ่งเปิดให้เห็นอยู่ครึ่งๆ แล้วเดินนำไปทางนั้น
“ห้องนี้”
ผลักบานประตูบานหนึ่งให้กว้างขึ้น แล้วก้าวออกไปก่อน
'ห้องแต่งตัว' มีขนาดไม่ใหญ่นัก หน้าต่างบานเดียวมีม่านสีขาวเช่นเดียวกับห้องนอน ข้างหน้าต่างเป็นตู้ไม้สองหลัง ลับแลผ้าขึงตึงวาดลวดลายทิวทัศน์ตามแบบญี่ปุ่นตั้งอยู่ข้างโต๊ะเครื่องแป้งแบบฝรั่ง โต๊ะตัวนั้นเข้าชุดกับตู้หนึ่งในสองหลัง และดูใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งเอามาวางไว้ไม่นาน กระจกรูปกลม กรอบสลักลายละเอียด บนโต๊ะว่างเปล่า บนพื้นชิดผนังห้องฝั่งตรงข้ามมีหีบใส่เสื้อผ้าใบใหญ่ซึ่งเขาส่งคนไปขนมาจากบ้านเมื่อวันก่อน
“สมบุญไม่กล้าจัดเสื้อเข้าตู้ให้เธอ ก็เลยยกเอาหีบมาวางไว้ให้เฉยๆ"
รามบอกขณะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าใบใหม่ให้ดู ภายในว่างเปล่า
"ตู้ใส่เสื้อผ้าของเธอ ถ้าเล็กเกินไป ฉันจะหามาให้อีกหลัง" เหลียวมองรอบห้องราวประเมินว่ายังขาดอะไรอีกบ้าง
"ไม่มีใครมาวุ่นวายบริเวณนี้หรอกนะ นอกจากสมบุญกับช้อง ช้องเป็นคนทำความสะอาดห้องทางฝั่งนี้ ส่วนสมบุญเป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครหลายๆ คนมาวุ่นวายกับเสื้อผ้าของใช้ของฉัน ก็เลยยกให้สมบุญเป็นคนจัดการคนเดียว"
ร่างสูงๆ หมุนตัวกลับมาหา
"ต่อไปนี้เธอจะช่วยดูๆ ให้แทนได้ไหม สมบุญขี้หลงขี้ลืม แต่ก็ทำงานคล่อง" เขาเริ่มมอบหมายหน้าที่ให้
"ค่ะ"
เสียงตอบรับดังพอได้ยิน สงสัยอยู่ว่าจะต้องลงไปข้างล่างละหรือถ้าต้องการจะอาบน้ำ ถ้าลงไปก็หมายถึงต้องออกจากห้องหอ แต่ถ้าไม่อาบน้ำเสียเลยก็คงนอนไม่หลับเป็นแน่ ก็ในเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าร้อนๆ อึดอัดชุดนี้มาทั้งวันแล้ว
รามเปิดประตูอีกด้านของห้องให้ดูราวรู้ใจ
"ห้องน้ำอยู่นี่ ฉันเตรียมทุกอย่างไว้ให้เท่าที่นึกได้ จะขาดเหลืออะไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ไม่รู้นี่นะว่าผู้หญิงเวลาอาบน้ำแต่งตัวเขาใช้อะไรกันบ้าง"
น้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อเอ็นดู และเอาใจใส่ ช่วยลดความประหม่าของไอรีนลงได้มากทีเดียว แม้การรับรู้ที่ว่าในเวลานี้ตัวมีเจ้าของ และชีวิตกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชายคนหนึ่งแล้วนั้นจะแจ่มชัดขึ้นทุกชั่วเวลานาที แต่พอเขาแสดงความเป็นผู้ใหญ่ที่คอยเฝ้าเอาใจใส่ คอยเป็นห่วงเป็นใย ช่วยให้ความหวาดผวาเมื่อเห็นผู้หญิงคนเมื่อครู่ลดน้อยลง นี่เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าได้พยายามเพียงไรที่จะไม่ทำร้ายจิตใจเธอ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็สมควรต้องปรับตัวให้ยอมรับเรื่องนั้นให้ได้ด้วย เขาได้ให้ความเป็นธรรมแล้ว จะเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้อีกก็ใช่ที่
"ขาดเหลืออะไรก็บอก" บอกแล้วมองเข้าไปภายในแวบหนึ่งเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ
"บ้านนี้เป็นบ้านของเธอแล้ว เธอไม่ใช่แค่ผู้อยู่อาศัยเท่านั้นนะ ไอรีน ตึกหลังนี้เป็นของฉัน ตอนนี้เป็นของเธอด้วยเช่นกัน"
ไอรีนไม่เคยมีห้องน้ำอยู่ติดกับห้องนอนและใช้ได้เป็นส่วนตัวแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตึกหลังนี้สร้างแบบฝรั่งไปเสียทุกกระเบียดนิ้ว รวมไปถึงห้องน้ำด้วย เท่าที่จำได้ไม่เคยเห็นบ้านใครมีห้องน้ำเป็นส่วนตัวอยู่ชั้นบนของบ้านแบบนี้มาก่อน ตอนที่พ่อต่อชั้นล่างของเรือนออกไปเป็นห้องอาบน้ำ ก็รู้สึกว่านั่นเป็นห้องน้ำที่ทันสมัยมากแล้ว นี่ไม่เพียงจะมีห้องน้ำมาอยู่ติดกับห้องนอนและห้องแต่งตัวเท่านั้น แม้เครื่องสุขภัณฑ์ภายในก็เป็นแบบฝรั่งทั้งหมด มีตั้งแต่อ่างอาบน้ำ ฝักบัวสำหรับอาบน้ำ โถส้วมแบบมีถังชักโครก มีแม้แต่อ่างล้างหน้าเป็นกระเบื้องเคลือบ พื้นห้องปูกระเบื้อง น้ำก็คงต่อท่อมาจากท่อประปาซึ่งสำหรับไอรีนแล้วยังถือว่าเป็นของใหม่ น้ำประปาที่ชาวบ้านทั่วไปยังใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะได้มาจากท่อรวม ซึ่งมักจะจ้างเจ๊กหาบมาให้ถึงบ้านกันทั้งนั้น บ้านซึ่งอยู่ริมคลองหลายๆ แห่งยังคงตักน้ำคลองขึ้นมาแกว่งสารส้มให้ตกตะกอน เพื่อเป็นน้ำใช้และน้ำอาบเสียด้วยซ้ำ
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๑๖)
ขอบคุณ คุณดาว Lady Star 919, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณโอ เขมปัณณ์, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, จารย์จี Psycho man
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/35437896
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/35447627
บทที่ ๑๕ http://ppantip.com/topic/35454229
พิธีส่งตัวเจ้าสาวใช้เวลาไม่นาน ในเมื่อฝ่ายเจ้าสาวไม่ได้มีผู้ใหญ่มาส่งตัวจริงๆ มีก็เพียงพี่ชาย พี่สาว และผู้ซึ่งเคยเป็นมารดาเลี้ยงซึ่งก็ยังคงอยู่ในวัยสาวอยู่มาก จึงไม่มีใครมาให้ศีลให้พรหรืออบรมสั่งสอนเรื่องการปฏิบัติตัวต่อสามีหรือการวางตัวในฐานะภรรยาที่ดีเช่นคู่อื่นๆ พิธีท้ายสุดของงานแต่งจึงมีเพียงสั้นๆ และรวบรัด
ไอรีนลุกนั่งทันทีที่ประตูห้องปิดตามหลังคุณกนกซึ่งก้าวล่วงออกไปเป็นคนสุดท้าย ตะขิดตะขวงใจที่จะนอนเคียงข้างผู้ชายแบบนี้ แม้เมื่อครู่ที่คุณสำรวยบอกให้ลงนอนทางฝั่งซ้ายของเตียง...เคียงข้าง ‘เขา’...จะเป็นไปตามประเพณีก็ตาม แต่ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน เคยเสียที่ไหนที่จะนอนข้างใครซึ่งไม่ใช่ผู้หญิงด้วยกัน
คนซึ่งถูกบอกให้นอนทางฝั่งขวายิ้มอยู่ในหน้า ขยับลุกแล้วคว้าร่างบอบบางไว้ได้ก่อนจะทันเลื่อนตัวลงจากเตียง
“จะรีบไปไหนล่ะ”
เสียงห้าวๆ ฟังดูเกือบเหมือนหัวเราะ ร่างใหญ่โตเบี่ยงตัวลงนั่งที่ขอบเตียงก่อน แล้วโอบร่างน้อยๆ ซึ่งทั้งแข็งทั้งขืนให้เลื่อนขึ้นมานั่งบนตัก
ไอรีนมีเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิดปานนี้หรือจะสู้ผู้ชายซึ่งยังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ ตัวก็ทั้งใหญ่ทั้งแข็งแรง เจ้าสาวซึ่งเพิ่งถูกส่งตัวเข้าหอสดๆ ร้อนๆจึงจำต้องยอม แม้จะเกร็งไปหมด ก็จำต้องปล่อยให้เขากอดไว้หลวมๆ ไม่กล้าเหลียวไปมอง รู้ว่าใบหน้าคมคายนั้นอยู่ใกล้เพียงไร จึงได้แต่หันข้างให้ พร้อมกับคิดหาข้ออ้างลงจากตักของเขาให้วุ่นวายไปหมด
“จะเปลี่ยนเสื้อค่ะ”
อ้อมๆ แอ้มๆตอบ ขณะกวาดตาไปรอบห้อง ทำเป็นมองหาหีบใส่เสื้อและของใช้ของตัวเองซึ่งเขาส่งคนไปขนมาให้จากบ้านเมื่อสามสี่วันก่อนหน้า แต่ก็ไม่เห็นว่าตั้งอยู่ที่ใดภายในห้อง ทั้งห้องมีก็เพียงเตียงขนาดใหญ่ที่นั่งอยู่นี้ ชั้นเตี้ยๆ ตัวหนึ่ง มีอ่างเคลือบสีขาวนวลวางอยู่ตอนบน ในอ่างมีเหยือกเคลือบสีเดียวกัน ด้านข้างวาดลวดลายสีน้ำเงิน มองแต่ไกลเห็นว่าเป็นทิวทัศน์ของทุ่งกว้างในเมืองหนาว ดูก็รู้ว่าคงมาจากประเทศแถบตะวันตกที่ไหนสักแห่ง ข้างหน้าต่างซึ่งมีม่านสีขาวบางเบาฉลุลายอ่อนพลิ้วเป็นโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้เข้าชุดกัน
“ไม่ต้องรีบก็ได้นี่ เพิ่งจะหัวค่ำเท่านั้น ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย พูดกันให้รู้เรื่องเสียก่อน…จะได้ไหม” เสียงห้าวๆ นุ่มนวล อ่อนโยน ทิ้งคำถามท้ายประโยคตามความเคยชิน
พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มดูมือของตัวเองอยู่เงียบๆ จึงเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดด้วยอยู่นาน…นานจนแทบจะคอยให้ 'ผู้ใหญ่' ออกไปจากห้องให้หมดไม่ไหว
“ฉันเสียใจที่เมื่อครู่…เขาจะไม่มาวุ่นวายบริเวณนี้หรอกนะ ฉันสั่งห้ามไว้แล้ว ที่อยู่ของเขาอยู่ฝั่งโน้น ฝั่งนี้เป็นของเธอ...เป็นของเรา...เขาก็จะอยู่ส่วนเขา เขาอยู่กับวิไล วิไลไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก”
ลักษณะการพูดเป็นช่วงๆ ไม่ค่อยจะปะติดปะต่อกัน สะท้อนความวุ่นวายใจของคนพูด ออกจะเสียใจอยู่ไม่น้อยเมื่อสิ่งแรกๆ ที่สาวน้อยซึ่งตัวห่วงหาอาทรอยู่เสมอมาเห็นในบ้านหลังนี้คือคนซึ่งเธอคงไม่อยากเห็นสักเท่าไรนัก
“หรือเธออยากให้เขาไปเสีย ฉันจะพูดกับวิไล เขามีญาติพี่น้องอยู่ทางเหนือ” ยังอดไม่ได้ที่จะย้ำถามอีกครั้ง ปฏิกริยาเมื่อครู่บอกชัดแจ้งอยู่แล้วว่าเธอรู้สึกเช่นไร
สองแขนล่ำสันเลื่อนลงมาโอบรอบเอวบางของภรรยา
แต่อีกฝ่ายยังคงเอาแต่เงียบ ว่าไปตามจริงแล้วไม่อยากได้ยิน ไม่อยากรับรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำ
"เคืองหรืออายกันละนี่"
เมื่อนั่งอยู่บนตักของเขาแบบนี้ ใบหน้าของเธอและของเขาจึงอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เมื่อเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมหันมามอง รามจึงแสร้งเอียงหน้าเพื่อให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลใสคู่นั้น หัวเราะหึหึในลำคออย่างล้อเลียนเมื่ออีกฝ่ายก้มหน้างุดต่ำลงอีก
ร่างน้อยๆ ในอ้อมแขนนี้นุ่มละมุนไปเสียทุกส่วน นุ่มนวล เปราะบาง ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของทั้งหมดนี้มาพร้อมกับความหวงแหนอย่างรุนแรง อยากทะนุถนอม อยากปกป้องคุ้มครอง
ริมฝีปากบางอบอุ่นแนบลงกับลำแขนกลมกลึง เมื่อชายตาขึ้นมองก็ทันได้เห็นแก้มเนียนซ่านซับสีเลือด มือสากๆ ไล้ไปตามแผ่นหลัง นั่นเองที่ความกังวลเข้าจู่โจม ร่างน้อยๆ นี้บอบบางเสียเหลือเกิน บางขนาดนี้จะทนทานอะไรได้มากมายกัน คงหักทำลายเสียง่ายดายถ้าจับต้องรุนแรง เมื่อครั้งที่เห็นในคืนแรกนั้นพึงใจอย่างไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน อยากได้มาเป็นของตัวเสียจนไม่คิดถึงเรื่องอื่นใด คิดอยู่แต่ว่าทำอย่างไรจึงจะได้มา แต่พอมาตอนนี้...เมื่อได้มาแล้ว…จะทำอย่างไรเล่าจึงจะไม่ทำให้แตกสลายคามือไปเสีย
ความคับข้องใจถึงปัญหาที่เพิ่งตระหนักทำให้ยอมปล่อยมือแต่โดยดี
"ยังไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร วันหลังจะถามอีก" จึงแสร้งให้เห็นเป็นเรื่องขบขันไปเสีย
ไอรีนขยับลุกยืนทันควัน เขาลุกตาม ยังไม่วายคว้าเอาร่างน้อยมาโอบไว้ ยังไม่อยากปล่อยให้ห่างตัวไปง่ายๆ แม้จะอยู่ด้วยกันตามลำพังแล้วอย่างนี้ก็เถอะ
“เสื้อผ้าข้าวของของเธอคงรวมอยู่กับของฉัน อยู่ในห้องข้างๆ นี่ แต่เขาไม่ให้ออกจากห้องหอหลังส่งตัวแล้วไม่ใช่หรือ” เสียงห้าวๆ วนเวียนอยู่ข้างแก้มที่กลับเรื่อสีโลหิตเข้มจัดขึ้นอีกครั้ง
“แล้วจะเปลี่ยนเสื้ออย่างไรละคะ” เสียงใสพึมๆ พำๆ ถาม
คราวนี้คุณพระหนุ่มหัวเราะออกมาได้ ความกังวลพอจะเลือนไปบ้างเมื่อได้ยินเสียงพูดที่เกือบเป็นปกติแล้ว
“ห้องแต่งตัวอยู่ติดกับห้องนอน คงไม่เป็นไรกระมัง คงยังถือว่าเป็นห้องเดียวกันได้" เขาสรุปเอาเองในเมื่อตัวก็ไม่รู้แน่เช่นกัน
"ถ้ายังแต่งตัวกันเต็มยศอย่างนี้ จะนอนได้อย่างไร จริงไหม” เขาชี้ไปที่ประตูไม้สองบานซึ่งเปิดให้เห็นอยู่ครึ่งๆ แล้วเดินนำไปทางนั้น
“ห้องนี้”
ผลักบานประตูบานหนึ่งให้กว้างขึ้น แล้วก้าวออกไปก่อน
'ห้องแต่งตัว' มีขนาดไม่ใหญ่นัก หน้าต่างบานเดียวมีม่านสีขาวเช่นเดียวกับห้องนอน ข้างหน้าต่างเป็นตู้ไม้สองหลัง ลับแลผ้าขึงตึงวาดลวดลายทิวทัศน์ตามแบบญี่ปุ่นตั้งอยู่ข้างโต๊ะเครื่องแป้งแบบฝรั่ง โต๊ะตัวนั้นเข้าชุดกับตู้หนึ่งในสองหลัง และดูใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งเอามาวางไว้ไม่นาน กระจกรูปกลม กรอบสลักลายละเอียด บนโต๊ะว่างเปล่า บนพื้นชิดผนังห้องฝั่งตรงข้ามมีหีบใส่เสื้อผ้าใบใหญ่ซึ่งเขาส่งคนไปขนมาจากบ้านเมื่อวันก่อน
“สมบุญไม่กล้าจัดเสื้อเข้าตู้ให้เธอ ก็เลยยกเอาหีบมาวางไว้ให้เฉยๆ"
รามบอกขณะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าใบใหม่ให้ดู ภายในว่างเปล่า
"ตู้ใส่เสื้อผ้าของเธอ ถ้าเล็กเกินไป ฉันจะหามาให้อีกหลัง" เหลียวมองรอบห้องราวประเมินว่ายังขาดอะไรอีกบ้าง
"ไม่มีใครมาวุ่นวายบริเวณนี้หรอกนะ นอกจากสมบุญกับช้อง ช้องเป็นคนทำความสะอาดห้องทางฝั่งนี้ ส่วนสมบุญเป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครหลายๆ คนมาวุ่นวายกับเสื้อผ้าของใช้ของฉัน ก็เลยยกให้สมบุญเป็นคนจัดการคนเดียว"
ร่างสูงๆ หมุนตัวกลับมาหา
"ต่อไปนี้เธอจะช่วยดูๆ ให้แทนได้ไหม สมบุญขี้หลงขี้ลืม แต่ก็ทำงานคล่อง" เขาเริ่มมอบหมายหน้าที่ให้
"ค่ะ"
เสียงตอบรับดังพอได้ยิน สงสัยอยู่ว่าจะต้องลงไปข้างล่างละหรือถ้าต้องการจะอาบน้ำ ถ้าลงไปก็หมายถึงต้องออกจากห้องหอ แต่ถ้าไม่อาบน้ำเสียเลยก็คงนอนไม่หลับเป็นแน่ ก็ในเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าร้อนๆ อึดอัดชุดนี้มาทั้งวันแล้ว
รามเปิดประตูอีกด้านของห้องให้ดูราวรู้ใจ
"ห้องน้ำอยู่นี่ ฉันเตรียมทุกอย่างไว้ให้เท่าที่นึกได้ จะขาดเหลืออะไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ไม่รู้นี่นะว่าผู้หญิงเวลาอาบน้ำแต่งตัวเขาใช้อะไรกันบ้าง"
น้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อเอ็นดู และเอาใจใส่ ช่วยลดความประหม่าของไอรีนลงได้มากทีเดียว แม้การรับรู้ที่ว่าในเวลานี้ตัวมีเจ้าของ และชีวิตกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชายคนหนึ่งแล้วนั้นจะแจ่มชัดขึ้นทุกชั่วเวลานาที แต่พอเขาแสดงความเป็นผู้ใหญ่ที่คอยเฝ้าเอาใจใส่ คอยเป็นห่วงเป็นใย ช่วยให้ความหวาดผวาเมื่อเห็นผู้หญิงคนเมื่อครู่ลดน้อยลง นี่เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าได้พยายามเพียงไรที่จะไม่ทำร้ายจิตใจเธอ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็สมควรต้องปรับตัวให้ยอมรับเรื่องนั้นให้ได้ด้วย เขาได้ให้ความเป็นธรรมแล้ว จะเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้อีกก็ใช่ที่
"ขาดเหลืออะไรก็บอก" บอกแล้วมองเข้าไปภายในแวบหนึ่งเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ
"บ้านนี้เป็นบ้านของเธอแล้ว เธอไม่ใช่แค่ผู้อยู่อาศัยเท่านั้นนะ ไอรีน ตึกหลังนี้เป็นของฉัน ตอนนี้เป็นของเธอด้วยเช่นกัน"
ไอรีนไม่เคยมีห้องน้ำอยู่ติดกับห้องนอนและใช้ได้เป็นส่วนตัวแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตึกหลังนี้สร้างแบบฝรั่งไปเสียทุกกระเบียดนิ้ว รวมไปถึงห้องน้ำด้วย เท่าที่จำได้ไม่เคยเห็นบ้านใครมีห้องน้ำเป็นส่วนตัวอยู่ชั้นบนของบ้านแบบนี้มาก่อน ตอนที่พ่อต่อชั้นล่างของเรือนออกไปเป็นห้องอาบน้ำ ก็รู้สึกว่านั่นเป็นห้องน้ำที่ทันสมัยมากแล้ว นี่ไม่เพียงจะมีห้องน้ำมาอยู่ติดกับห้องนอนและห้องแต่งตัวเท่านั้น แม้เครื่องสุขภัณฑ์ภายในก็เป็นแบบฝรั่งทั้งหมด มีตั้งแต่อ่างอาบน้ำ ฝักบัวสำหรับอาบน้ำ โถส้วมแบบมีถังชักโครก มีแม้แต่อ่างล้างหน้าเป็นกระเบื้องเคลือบ พื้นห้องปูกระเบื้อง น้ำก็คงต่อท่อมาจากท่อประปาซึ่งสำหรับไอรีนแล้วยังถือว่าเป็นของใหม่ น้ำประปาที่ชาวบ้านทั่วไปยังใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะได้มาจากท่อรวม ซึ่งมักจะจ้างเจ๊กหาบมาให้ถึงบ้านกันทั้งนั้น บ้านซึ่งอยู่ริมคลองหลายๆ แห่งยังคงตักน้ำคลองขึ้นมาแกว่งสารส้มให้ตกตะกอน เพื่อเป็นน้ำใช้และน้ำอาบเสียด้วยซ้ำ