ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณแอนนี่ annie <harmonica>, จารย์จี GTW, คุณสายป่านสีชมพู, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ Lady Star 919, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณริมแม่โขง
(ขอตอบคุณริมแม่โขงที่คอมเม้นท์ไว้ในบทก่อนที่ตรงนี้นะคะ ใช่เลยค่ะ หลังไอรีนแต่งงานกับรามใหม่ๆ ไปโยงกับตอนบทนำ ชีวิตหลังแต่งงานของไอรีนไม่ได้สวยงามเลยค่ะ ดราม่าบังเกิดหลังจากนี้แหละค่ะ ที่จริงก็ส่อเค้าตั้งแต่บทต่อไปแล้วค่ะว่าชีวิตจริงไม่ได้โรแมนติกเหมือนนิยายเลย)
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐
http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑
http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒
http://ppantip.com/topic/35430211
บทที่ ๑๓
“เจ้าแจ้งมันไม่มีวาสนา มันมาช้าไปนะคุณนาย”
คนพูดนั่งพับเพียบอยู่กลางห้องโถง มีลูกชายนั่งหน้าแห้งอยู่ข้างๆ บนศีรษะของชายหนุ่มเพิ่งมีผมขึ้นเพียงหรอมแหรม
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แม่จวง" สร้อยชักไม่พอใจขึ้นมานิดๆ "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เขาคงเป็นเนื้อคู่กันน่ะ พ่อโชคว่าคุณพระพึงใจคนของเราตั้งแต่แรกเห็นเลยทีเดียว”
ไอรีนกลายเป็น ‘คนของเรา’ ไปเสียแล้วสำหรับคุณสร้อย
“ทางเราก็คงมีใจให้ด้วยกระมัง มันถึงได้เร็วยังงี้ ฉันก็ว่าดีนะ คุณพระเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไอรีนไปอยู่กับเขา เขาก็คงไม่ทิ้งไม่ขว้าง คงเอ็นดูอยู่บ้างหรอก" หล่อนตั้งใจปกป้องลูกเลี้ยงเต็มที่
"ฉันชอบคุณพระนะ แม่จวง อยากให้มาดองกับเรา ไอ้คราแรกฉันคิดไปถึงแม่สุรางค์ หวังจะให้คุณพระสนใจแม่สุรางค์ของฉันบ้าง แต่ก็ไม่มีเลย หางตายังไม่แลเลยกระมัง แต่ยังดีที่ไม่ถึงกับทำท่ารังเกียจอะไร แต่พอมาถึงแม่ไอรีน จัดการให้แม่กับแม่ได้พบกันเลยทีเดียว แสดงชัดเลยว่าชอบคนของเราจริงๆ ก็ในเมื่อเขาเข้าทางตรอกออกทางประตูอย่างนั้น แล้วฉันเองก็ไม่ใช่แม่แท้ๆของไอรีน ในเมื่อแม่เขาเต็มใจยกให้ จะให้ฉันว่ากระไรได้" สร้อยตั้งใจปิดทุกช่องทางที่นางจวงจะยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์การหมั้นของรามและไอรีนได้
เมียนายสินมาเยี่ยมหลังจากที่ลูกชายสึกได้ไม่นาน หล่อนหอบทุเรียนซึ่งเก็บจากสวนและยาหม้ออีกห่อใหญ่มาฝาก ทั้งยังหมายมั่นปั้นมือว่าจะมาพูดเรื่องแจ้งและไอรีนอีกครั้ง แต่พอรู้ว่าสาวน้อยหมั้นเสียแล้วก็ให้ใจหายด้วยความเสียดาย
“ฉันตั้งใจมาเยี่ยมคุณนายหลายวันแล้ว แต่ก็รอๆอยู่ รอให้เจ้าแจ้งมันสึกเสียก่อน พอสึกมันก็บอกให้รอให้ผมขึ้นเสียหน่อยก่อน จนไม่กี่วันมันเองแหละที่รอไม่ไหว เร่งวันเร่งคืนให้มานี่แหละ มาทั้งๆ ที่หัวยังเป็นนกตะกรุมอยู่อย่างนี้แหละ”
หนุ่มหัวนกตะกรุมเหลียวมาค้อนขวับให้แม่ของตัวเอง
สร้อยปรายตาดูสองคนแม่ลูกแล้วให้นึกขำอยู่ในใจ สังเกตเห็นด้วยว่ามาคราวนี้หลานชายสงบเสงี่ยมขึ้นมากนับแต่ได้บวชเรียนแล้ว การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น ไม่นิยมเสื้อลายพร้อยหรือกางเกงแพรดำเหมือนนักเลงโตเช่นคราวที่มางานศพครั้งก่อนอีก
“ก็คิดเสียว่าเป็นพี่เป็นน้องกันก็แล้วกันนะพ่อแจ้ง" หล่อนพยายามปลอบใจ อย่างไรเสียนั่นก็หลาน ถึงจะขาดๆ เกินๆ อยู่บ้างก็ช่างเถอะ
"อีกหน่อยแม่ไอรีนก็คงเป็นที่พึ่งของพี่ๆ ได้ เห็นว่าคุณพระจะได้เป็นพระยาเร็วๆ นี้ คงได้พึ่งพาอาศัยอยู่บ้างดอก นี่กับพ่อโชคคุณพระก็ไม่ทอดทิ้ง ยิ่งจะมาเป็นพี่เมียแล้วอย่างนี้ ฉันก็หวังว่าจะได้เป็นนายทหารติดตามท่าน”
สร้อยคิดวางแผนไปไกล ใช้คำว่า 'ท่าน' เรียกแทนชื่อชายหนุ่มซึ่งกำลังจะมาเกี่ยวดองกับครอบครัวตนอย่างสนิทใจ
นางจวงนั้นแม้จะพลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหน็บเสียหน่อย
"มันก็จริงนะ คุณนาย แต่ฉันก็ว่าแปลกดี พี่ชายเป็นลูกน้องเขา แต่เขากลับจะมาเป็นน้องเขยเรา"
ได้ถากถางไปบ้างพอเป็นกระสายแล้วก็หัวเราะให้เป็นเรื่องขบขันเสีย คิดว่าจะต่ออีกหน่อย แต่มีอันต้องรีบหุบปากเมื่อเห็นสาวน้อยผู้มีศักดิ์เป็นหลานถือถาดใบไม่เล็กนักก้าวเข้ามาในห้อง
สร้อยหันไปเห็นเข้าก็โวยวายเสียงลั่นไปหมด
"นั่น...ทำไมต้องเอาขึ้นมาเองล่ะ แม่ไอรีน นังอ่อนไปไหนเสีย"
"อ่อนถูพื้นอยู่ข้างล่างค่ะ คุณแม่ใหญ่"
สาวน้อยบอกแล้วคุกเข่า วางถาดซึ่งมีน้ำดื่มและมะปรางริ้วใส่มาในจานใบเล็กลงกับพื้น
"ไม่ต้องถึงกับเลี้ยงดูปูเสื่ออะไรกันดอก เกรงใจคุณนาย" ประโยคหลังนางจวงบอกผู้เป็นเจ้าของบ้าน
หล่อนไม่คุ้นเคยกับวิธีการรับแขกแบบคนกรุงสักเท่าไรนัก บ้านสวนที่หล่อนอยู่ ใครไปเยี่ยมใคร จะไม่มีการเลี้ยงของว่างกันให้เอิกเกริกเหมือนบ้านนี้ อย่างดีก็ตักน้ำจากตุ่มน้ำฝนหลังบ้านมาให้ขันหนึ่งในกรณีที่คนมาเยี่ยมต้องเดินมาร้อนๆ หรือนั่งเรือมาไกล
"มีมะปรางอยู่แล้วค่ะคุณป้า ก็เลยทำมะปรางริ้วราดน้ำเชื่อมมาให้" ไอรีนบอกแล้วเลื่อนจานใส่มะปรางมาให้ตรงหน้า อีกใบลงวางให้แจ้งซึ่งยังไม่ยอมละสายตาจากใบหน้างามแอร่มที่ก้มต่ำ
"คราวหน้าคราวหลังบอกให้ไวหรือไม่ก็อ่อนเป็นคนทำ อย่าต้องทำเองแบบนี้"
สร้อยยังคาใจเรื่องที่ลูกเลี้ยงต้องเป็นคนลงมือทำของว่างเลี้ยงแขกด้วยตัวเองเหมือนที่เคยทำก่อนจะรับหมั้นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ไม่หาย แทบจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวหล่อนเองนั่นแหละที่เป็นคนกำหนดให้ลูกเลี้ยงสาวรับหน้าที่ในเรื่องนั้น
หลังวันหมั้นชีวิตของไอรีนเปลี่ยนแปลงเสียจนตามแทบไม่ทัน ทุกคนภายในบ้านปฏิบัติต่อเธอราวกับเธอไม่ใช่ลูกสาวคนเล็กของพระพินิจอีกต่อไป คุณสร้อยแทบจะไม่ยอมให้แตะต้องอะไรอีก จากที่เคยรับหน้าที่ทำครัว บางครั้งช่วยอ่อนและนางไวทำความสะอาดเรือนด้วย กลับกลายเป็นว่าพอจับอะไรเข้านิด มารดาเลี้ยงจะร้องห้ามเสียงคับบ้าน พี่ชายหรือก็เกรงอกเกรงใจเวลาจะพูดอะไรด้วย
เมื่อสองวันก่อน สุรางค์ออกจากวังมาบ้าน ก็เอาแต่หลบหน้าหลบตา ไม่ยอมพูดคุยด้วยท่าเดียว แม้ว่าปกติพี่สาวต่างมารดาผู้นั้นจะไม่ค่อยพูดค่อยจาด้วยอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านๆ มาก็เป็นเพราะหล่อนถือว่าเป็นพี่ใหญ่ เป็นลูกสาวเมียเอก ในขณะที่ไอรีนเป็นน้อง เป็นลูกสาวเมียรอง หากแต่คราวนี้หล่อนเอ่ยทักทายก่อนเพียงสองสามคำ ซึ่งแรกๆ ก็ให้ประหลาดใจ เพราะสุรางค์ไม่เคยเอ่ยทักใครก่อน ต่อจากนั้นหล่อนก็เลี่ยงจะพูดอะไรด้วยอีก
ใครๆ ก็ทำราวกับว่าการเป็นคู่หมั้นของผู้ชายคนหนึ่งทำให้ไอรีนไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมอีกต่อไปแล้ว บารมีพระรามรณรงค์แผ่มาถึงเธอตั้งแต่เป็นเพียงคู่หมั้นของเขาเลยทีเดียว
หาใช่ว่าไอรีนจะชอบชีวิตในลักษณะนี้ไม่ ไม่ชอบเลยที่ผู้คนซึ่งเคยเป็นครอบครัวเดียวกันต่างพากันทำตัวห่างเหินแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เป็นพี่ชาย อย่างไรเสียก็ยังให้ความเคารพสบโชคเช่นเดิมไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีวันลืมเวลาที่เธอเป็นเหมือนส่วนเกินของบ้านเมื่อสิ้นพ่อใหม่ๆ ช่วงเวลานั้นมีก็แต่พี่ชายเท่านั้นที่ยังปฏิบัติต่อเธออย่างเช่นพี่ชายพึงปฏิบัติต่อน้องสาว
สบโชคเคยเป็นพี่ซึ่งเธอเคยเอาเป็นหลักยึดมาก่อนอย่างไร เธอไม่เคยลืมเรื่องนั้น แม้จะรู้ว่าตอนนี้มีหลักยึดใหม่ที่มั่นคงกว่ามากแล้วก็ตาม แต่ในเวลานี้ ความผูกพันใกล้ชิดก็ยังไม่มีให้ 'เขา' คนนั้นเหมือนเช่นที่มีให้พี่แท้ๆ...พี่ซึ่งจะพูดอะไรก็พูดด้วยได้อย่างสบายใจทุกครั้ง ไม่ขัดเขินเหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยในเวลาอีกไม่ช้าไม่นาน
"ตัดผมสั้นแล้วดูหน้าแปลกไปนะ" นางจวงเอ่ยทักทายด้วยเรื่องส่วนตัวอีกตามนิสัย
ไอรีนแตะเรือนผมตามความเคยชินแล้วยิ้ม จริงๆ แล้วก็ยังไม่คุ้นเคยกับผมสั้นเพียงต้นคอแบบนี้สักเท่าไรนักหรอก
"แม่อนงค์ว่าควรตัด ก็เลยตัดค่ะ"
นางจวงเหลียวขวับไปทางน้องสะใภ้ทันควันเมื่อได้ยินชื่อนั้น พอรู้เรื่องที่เมียรองของพระพินิจ 'หนีตามผู้ชาย' อยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นเอาแต่นั่งฟังอย่างสงบ ก็ไม่ติดใจจะยกเอาเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูดถึงอีก
"ต้องดัดกันใช่ไหม ถึงจะเป็นยังงี้"
ไอรีนลงนั่งพับเพียบ บารมีของรามอีกเช่นกันที่ทำให้พูดคุยกับเมียพี่ชายคุณสร้อยได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมองลูกชายของนางได้เต็มตาขึ้นด้วย ไม่ต้องคอยหลบคอยเลี่ยงอย่างแต่ก่อนอีก
และดูเหมือนแจ้งก็ออกจะยำเกรงเธออยู่ไม่น้อย เพราะพอเธอหันไปมอง ก็รีบหลบสายตาลงพิจารณามะปรางริ้วในจานเสียแทน
"ก็ต้องดัดค่ะคุณป้า แรกๆ ไม่ค่อยจะถนัดเท่าไร พอลองทำเองสองสามครั้งก็ไม่ยากแล้วค่ะ"
"แล้วคุณพระเขาชอบไหม" นางจวงยังสนใจใคร่รู้ต่อไปอีก
'คู่หมั้น' ของ 'คุณพระ' ยิ้ม
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ" ขวยเขินเกินกว่าจะตอบตามตรง
รามไม่มีโอกาสได้เห็นไอรีนหลังตัดผมสั้นแล้วจนวันหมั้น วันนั้นพอได้โอกาสอยู่กันตามลำพัง แม้เพียงช่วงสั้นๆ แต่เขาก็ยังมีเวลาถาม
‘ตัดผมตั้งแต่เมื่อไหร่’
‘สามวันก่อนค่ะ แม่อนงค์พาไปตัด’ ไม่กล้าถามว่าเขาคิดอย่างไรกับผมทรงใหม่ของเธอ
แต่เขาก็เป็นคนบอกเอง
‘ก็ดีเหมือนกันนะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น’
‘แม่อนงค์ว่าอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ’
‘ฉันชอบ’
คำพูดเพียงสองคำนั้นเป็นเครื่องยืนยันเพียงพอแล้วว่าที่ตัดสินใจตัดผมนั้นถูกต้อง เช่นเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำมาก่อนหน้าจะหมั้นกันไม่นาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหมั้นกันแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ไอรีนจะคอยสังเกตปฏิกริยาและฟังความคิดเห็นจากเขาเสมอ ถ้าเขาพอใจ เธอจะโล่งใจได้ทุกครั้ง
จริงๆ ว่าไปแล้ว ก็ยังไม่มีสิ่งใดที่เธอทำแล้วเขาจะไม่พอใจเลยแม้แต่อย่างเดียว อย่างผ้าซิ่นหน้านางและเสื้อแพรตัวยาวคลุมสะโพกซึ่งได้ช่วยกันเย็บกับอนงค์ เขาก็มองดูอย่างพึงพอใจ หารู้ไม่ว่าเธอไม่ได้เอาไปจ้างห้างหรูๆ ให้ตัดเย็บให้อย่างที่เขาต้องการ เพียงสายตาที่บอกความชื่นชมของเขาในวันนั้นก็ทำให้พอใจมากแล้ว
"แล้วนี่วันแต่งวันไหนล่ะ ฉันกับพี่สินจะได้มาช่วยงานบ้าง" นางจวงเปลี่ยนเรื่องอีก
"คุณพระบอกว่าได้ฤกษ์เดือนสิบเอ็ดค่ะ" คนกำลังจะแต่งงานตอบ
"เดือนสิบเบ็ด ก็ดีนะ มีเวลาเตรียมตัวนานหน่อย"
งานแต่งไม่เร่งรีบเหมือนงานหมั้น เมื่อได้ฤกษ์เป็นเดือนสิบเอ็ด แม้จะไม่ใช่เดือนคู่ตามความนิยม แต่เดือนสิบเอ็ดซึ่งมีเลขหนึ่งสองตัวคู่กันก็ถือเป็นเดือนดีสำหรับการแต่งงาน จึงมีเวลาเตรียมตัวกันนานขึ้นนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอรีน…มีเวลาทำใจให้รับสภาพความเป็นอยู่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้อีกระยะหนึ่ง
"แล้วจะไปอยู่กับเขาทางโน้นละเรอะ" นางจวงยังไม่หมดเรื่องสงสัย
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๑๓)
ขอบคุณ คุณแอนนี่ annie <harmonica>, จารย์จี GTW, คุณสายป่านสีชมพู, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ Lady Star 919, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณริมแม่โขง
(ขอตอบคุณริมแม่โขงที่คอมเม้นท์ไว้ในบทก่อนที่ตรงนี้นะคะ ใช่เลยค่ะ หลังไอรีนแต่งงานกับรามใหม่ๆ ไปโยงกับตอนบทนำ ชีวิตหลังแต่งงานของไอรีนไม่ได้สวยงามเลยค่ะ ดราม่าบังเกิดหลังจากนี้แหละค่ะ ที่จริงก็ส่อเค้าตั้งแต่บทต่อไปแล้วค่ะว่าชีวิตจริงไม่ได้โรแมนติกเหมือนนิยายเลย)
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35430211
“เจ้าแจ้งมันไม่มีวาสนา มันมาช้าไปนะคุณนาย”
คนพูดนั่งพับเพียบอยู่กลางห้องโถง มีลูกชายนั่งหน้าแห้งอยู่ข้างๆ บนศีรษะของชายหนุ่มเพิ่งมีผมขึ้นเพียงหรอมแหรม
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก แม่จวง" สร้อยชักไม่พอใจขึ้นมานิดๆ "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เขาคงเป็นเนื้อคู่กันน่ะ พ่อโชคว่าคุณพระพึงใจคนของเราตั้งแต่แรกเห็นเลยทีเดียว”
ไอรีนกลายเป็น ‘คนของเรา’ ไปเสียแล้วสำหรับคุณสร้อย
“ทางเราก็คงมีใจให้ด้วยกระมัง มันถึงได้เร็วยังงี้ ฉันก็ว่าดีนะ คุณพระเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไอรีนไปอยู่กับเขา เขาก็คงไม่ทิ้งไม่ขว้าง คงเอ็นดูอยู่บ้างหรอก" หล่อนตั้งใจปกป้องลูกเลี้ยงเต็มที่
"ฉันชอบคุณพระนะ แม่จวง อยากให้มาดองกับเรา ไอ้คราแรกฉันคิดไปถึงแม่สุรางค์ หวังจะให้คุณพระสนใจแม่สุรางค์ของฉันบ้าง แต่ก็ไม่มีเลย หางตายังไม่แลเลยกระมัง แต่ยังดีที่ไม่ถึงกับทำท่ารังเกียจอะไร แต่พอมาถึงแม่ไอรีน จัดการให้แม่กับแม่ได้พบกันเลยทีเดียว แสดงชัดเลยว่าชอบคนของเราจริงๆ ก็ในเมื่อเขาเข้าทางตรอกออกทางประตูอย่างนั้น แล้วฉันเองก็ไม่ใช่แม่แท้ๆของไอรีน ในเมื่อแม่เขาเต็มใจยกให้ จะให้ฉันว่ากระไรได้" สร้อยตั้งใจปิดทุกช่องทางที่นางจวงจะยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์การหมั้นของรามและไอรีนได้
เมียนายสินมาเยี่ยมหลังจากที่ลูกชายสึกได้ไม่นาน หล่อนหอบทุเรียนซึ่งเก็บจากสวนและยาหม้ออีกห่อใหญ่มาฝาก ทั้งยังหมายมั่นปั้นมือว่าจะมาพูดเรื่องแจ้งและไอรีนอีกครั้ง แต่พอรู้ว่าสาวน้อยหมั้นเสียแล้วก็ให้ใจหายด้วยความเสียดาย
“ฉันตั้งใจมาเยี่ยมคุณนายหลายวันแล้ว แต่ก็รอๆอยู่ รอให้เจ้าแจ้งมันสึกเสียก่อน พอสึกมันก็บอกให้รอให้ผมขึ้นเสียหน่อยก่อน จนไม่กี่วันมันเองแหละที่รอไม่ไหว เร่งวันเร่งคืนให้มานี่แหละ มาทั้งๆ ที่หัวยังเป็นนกตะกรุมอยู่อย่างนี้แหละ”
หนุ่มหัวนกตะกรุมเหลียวมาค้อนขวับให้แม่ของตัวเอง
สร้อยปรายตาดูสองคนแม่ลูกแล้วให้นึกขำอยู่ในใจ สังเกตเห็นด้วยว่ามาคราวนี้หลานชายสงบเสงี่ยมขึ้นมากนับแต่ได้บวชเรียนแล้ว การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น ไม่นิยมเสื้อลายพร้อยหรือกางเกงแพรดำเหมือนนักเลงโตเช่นคราวที่มางานศพครั้งก่อนอีก
“ก็คิดเสียว่าเป็นพี่เป็นน้องกันก็แล้วกันนะพ่อแจ้ง" หล่อนพยายามปลอบใจ อย่างไรเสียนั่นก็หลาน ถึงจะขาดๆ เกินๆ อยู่บ้างก็ช่างเถอะ
"อีกหน่อยแม่ไอรีนก็คงเป็นที่พึ่งของพี่ๆ ได้ เห็นว่าคุณพระจะได้เป็นพระยาเร็วๆ นี้ คงได้พึ่งพาอาศัยอยู่บ้างดอก นี่กับพ่อโชคคุณพระก็ไม่ทอดทิ้ง ยิ่งจะมาเป็นพี่เมียแล้วอย่างนี้ ฉันก็หวังว่าจะได้เป็นนายทหารติดตามท่าน”
สร้อยคิดวางแผนไปไกล ใช้คำว่า 'ท่าน' เรียกแทนชื่อชายหนุ่มซึ่งกำลังจะมาเกี่ยวดองกับครอบครัวตนอย่างสนิทใจ
นางจวงนั้นแม้จะพลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วย แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหน็บเสียหน่อย
"มันก็จริงนะ คุณนาย แต่ฉันก็ว่าแปลกดี พี่ชายเป็นลูกน้องเขา แต่เขากลับจะมาเป็นน้องเขยเรา"
ได้ถากถางไปบ้างพอเป็นกระสายแล้วก็หัวเราะให้เป็นเรื่องขบขันเสีย คิดว่าจะต่ออีกหน่อย แต่มีอันต้องรีบหุบปากเมื่อเห็นสาวน้อยผู้มีศักดิ์เป็นหลานถือถาดใบไม่เล็กนักก้าวเข้ามาในห้อง
สร้อยหันไปเห็นเข้าก็โวยวายเสียงลั่นไปหมด
"นั่น...ทำไมต้องเอาขึ้นมาเองล่ะ แม่ไอรีน นังอ่อนไปไหนเสีย"
"อ่อนถูพื้นอยู่ข้างล่างค่ะ คุณแม่ใหญ่"
สาวน้อยบอกแล้วคุกเข่า วางถาดซึ่งมีน้ำดื่มและมะปรางริ้วใส่มาในจานใบเล็กลงกับพื้น
"ไม่ต้องถึงกับเลี้ยงดูปูเสื่ออะไรกันดอก เกรงใจคุณนาย" ประโยคหลังนางจวงบอกผู้เป็นเจ้าของบ้าน
หล่อนไม่คุ้นเคยกับวิธีการรับแขกแบบคนกรุงสักเท่าไรนัก บ้านสวนที่หล่อนอยู่ ใครไปเยี่ยมใคร จะไม่มีการเลี้ยงของว่างกันให้เอิกเกริกเหมือนบ้านนี้ อย่างดีก็ตักน้ำจากตุ่มน้ำฝนหลังบ้านมาให้ขันหนึ่งในกรณีที่คนมาเยี่ยมต้องเดินมาร้อนๆ หรือนั่งเรือมาไกล
"มีมะปรางอยู่แล้วค่ะคุณป้า ก็เลยทำมะปรางริ้วราดน้ำเชื่อมมาให้" ไอรีนบอกแล้วเลื่อนจานใส่มะปรางมาให้ตรงหน้า อีกใบลงวางให้แจ้งซึ่งยังไม่ยอมละสายตาจากใบหน้างามแอร่มที่ก้มต่ำ
"คราวหน้าคราวหลังบอกให้ไวหรือไม่ก็อ่อนเป็นคนทำ อย่าต้องทำเองแบบนี้"
สร้อยยังคาใจเรื่องที่ลูกเลี้ยงต้องเป็นคนลงมือทำของว่างเลี้ยงแขกด้วยตัวเองเหมือนที่เคยทำก่อนจะรับหมั้นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ไม่หาย แทบจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวหล่อนเองนั่นแหละที่เป็นคนกำหนดให้ลูกเลี้ยงสาวรับหน้าที่ในเรื่องนั้น
หลังวันหมั้นชีวิตของไอรีนเปลี่ยนแปลงเสียจนตามแทบไม่ทัน ทุกคนภายในบ้านปฏิบัติต่อเธอราวกับเธอไม่ใช่ลูกสาวคนเล็กของพระพินิจอีกต่อไป คุณสร้อยแทบจะไม่ยอมให้แตะต้องอะไรอีก จากที่เคยรับหน้าที่ทำครัว บางครั้งช่วยอ่อนและนางไวทำความสะอาดเรือนด้วย กลับกลายเป็นว่าพอจับอะไรเข้านิด มารดาเลี้ยงจะร้องห้ามเสียงคับบ้าน พี่ชายหรือก็เกรงอกเกรงใจเวลาจะพูดอะไรด้วย
เมื่อสองวันก่อน สุรางค์ออกจากวังมาบ้าน ก็เอาแต่หลบหน้าหลบตา ไม่ยอมพูดคุยด้วยท่าเดียว แม้ว่าปกติพี่สาวต่างมารดาผู้นั้นจะไม่ค่อยพูดค่อยจาด้วยอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านๆ มาก็เป็นเพราะหล่อนถือว่าเป็นพี่ใหญ่ เป็นลูกสาวเมียเอก ในขณะที่ไอรีนเป็นน้อง เป็นลูกสาวเมียรอง หากแต่คราวนี้หล่อนเอ่ยทักทายก่อนเพียงสองสามคำ ซึ่งแรกๆ ก็ให้ประหลาดใจ เพราะสุรางค์ไม่เคยเอ่ยทักใครก่อน ต่อจากนั้นหล่อนก็เลี่ยงจะพูดอะไรด้วยอีก
ใครๆ ก็ทำราวกับว่าการเป็นคู่หมั้นของผู้ชายคนหนึ่งทำให้ไอรีนไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมอีกต่อไปแล้ว บารมีพระรามรณรงค์แผ่มาถึงเธอตั้งแต่เป็นเพียงคู่หมั้นของเขาเลยทีเดียว
หาใช่ว่าไอรีนจะชอบชีวิตในลักษณะนี้ไม่ ไม่ชอบเลยที่ผู้คนซึ่งเคยเป็นครอบครัวเดียวกันต่างพากันทำตัวห่างเหินแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เป็นพี่ชาย อย่างไรเสียก็ยังให้ความเคารพสบโชคเช่นเดิมไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีวันลืมเวลาที่เธอเป็นเหมือนส่วนเกินของบ้านเมื่อสิ้นพ่อใหม่ๆ ช่วงเวลานั้นมีก็แต่พี่ชายเท่านั้นที่ยังปฏิบัติต่อเธออย่างเช่นพี่ชายพึงปฏิบัติต่อน้องสาว
สบโชคเคยเป็นพี่ซึ่งเธอเคยเอาเป็นหลักยึดมาก่อนอย่างไร เธอไม่เคยลืมเรื่องนั้น แม้จะรู้ว่าตอนนี้มีหลักยึดใหม่ที่มั่นคงกว่ามากแล้วก็ตาม แต่ในเวลานี้ ความผูกพันใกล้ชิดก็ยังไม่มีให้ 'เขา' คนนั้นเหมือนเช่นที่มีให้พี่แท้ๆ...พี่ซึ่งจะพูดอะไรก็พูดด้วยได้อย่างสบายใจทุกครั้ง ไม่ขัดเขินเหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยในเวลาอีกไม่ช้าไม่นาน
"ตัดผมสั้นแล้วดูหน้าแปลกไปนะ" นางจวงเอ่ยทักทายด้วยเรื่องส่วนตัวอีกตามนิสัย
ไอรีนแตะเรือนผมตามความเคยชินแล้วยิ้ม จริงๆ แล้วก็ยังไม่คุ้นเคยกับผมสั้นเพียงต้นคอแบบนี้สักเท่าไรนักหรอก
"แม่อนงค์ว่าควรตัด ก็เลยตัดค่ะ"
นางจวงเหลียวขวับไปทางน้องสะใภ้ทันควันเมื่อได้ยินชื่อนั้น พอรู้เรื่องที่เมียรองของพระพินิจ 'หนีตามผู้ชาย' อยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นเอาแต่นั่งฟังอย่างสงบ ก็ไม่ติดใจจะยกเอาเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาพูดถึงอีก
"ต้องดัดกันใช่ไหม ถึงจะเป็นยังงี้"
ไอรีนลงนั่งพับเพียบ บารมีของรามอีกเช่นกันที่ทำให้พูดคุยกับเมียพี่ชายคุณสร้อยได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมองลูกชายของนางได้เต็มตาขึ้นด้วย ไม่ต้องคอยหลบคอยเลี่ยงอย่างแต่ก่อนอีก
และดูเหมือนแจ้งก็ออกจะยำเกรงเธออยู่ไม่น้อย เพราะพอเธอหันไปมอง ก็รีบหลบสายตาลงพิจารณามะปรางริ้วในจานเสียแทน
"ก็ต้องดัดค่ะคุณป้า แรกๆ ไม่ค่อยจะถนัดเท่าไร พอลองทำเองสองสามครั้งก็ไม่ยากแล้วค่ะ"
"แล้วคุณพระเขาชอบไหม" นางจวงยังสนใจใคร่รู้ต่อไปอีก
'คู่หมั้น' ของ 'คุณพระ' ยิ้ม
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ" ขวยเขินเกินกว่าจะตอบตามตรง
รามไม่มีโอกาสได้เห็นไอรีนหลังตัดผมสั้นแล้วจนวันหมั้น วันนั้นพอได้โอกาสอยู่กันตามลำพัง แม้เพียงช่วงสั้นๆ แต่เขาก็ยังมีเวลาถาม
‘ตัดผมตั้งแต่เมื่อไหร่’
‘สามวันก่อนค่ะ แม่อนงค์พาไปตัด’ ไม่กล้าถามว่าเขาคิดอย่างไรกับผมทรงใหม่ของเธอ
แต่เขาก็เป็นคนบอกเอง
‘ก็ดีเหมือนกันนะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น’
‘แม่อนงค์ว่าอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ’
‘ฉันชอบ’
คำพูดเพียงสองคำนั้นเป็นเครื่องยืนยันเพียงพอแล้วว่าที่ตัดสินใจตัดผมนั้นถูกต้อง เช่นเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำมาก่อนหน้าจะหมั้นกันไม่นาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหมั้นกันแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ไอรีนจะคอยสังเกตปฏิกริยาและฟังความคิดเห็นจากเขาเสมอ ถ้าเขาพอใจ เธอจะโล่งใจได้ทุกครั้ง
จริงๆ ว่าไปแล้ว ก็ยังไม่มีสิ่งใดที่เธอทำแล้วเขาจะไม่พอใจเลยแม้แต่อย่างเดียว อย่างผ้าซิ่นหน้านางและเสื้อแพรตัวยาวคลุมสะโพกซึ่งได้ช่วยกันเย็บกับอนงค์ เขาก็มองดูอย่างพึงพอใจ หารู้ไม่ว่าเธอไม่ได้เอาไปจ้างห้างหรูๆ ให้ตัดเย็บให้อย่างที่เขาต้องการ เพียงสายตาที่บอกความชื่นชมของเขาในวันนั้นก็ทำให้พอใจมากแล้ว
"แล้วนี่วันแต่งวันไหนล่ะ ฉันกับพี่สินจะได้มาช่วยงานบ้าง" นางจวงเปลี่ยนเรื่องอีก
"คุณพระบอกว่าได้ฤกษ์เดือนสิบเอ็ดค่ะ" คนกำลังจะแต่งงานตอบ
"เดือนสิบเบ็ด ก็ดีนะ มีเวลาเตรียมตัวนานหน่อย"
งานแต่งไม่เร่งรีบเหมือนงานหมั้น เมื่อได้ฤกษ์เป็นเดือนสิบเอ็ด แม้จะไม่ใช่เดือนคู่ตามความนิยม แต่เดือนสิบเอ็ดซึ่งมีเลขหนึ่งสองตัวคู่กันก็ถือเป็นเดือนดีสำหรับการแต่งงาน จึงมีเวลาเตรียมตัวกันนานขึ้นนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอรีน…มีเวลาทำใจให้รับสภาพความเป็นอยู่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้อีกระยะหนึ่ง
"แล้วจะไปอยู่กับเขาทางโน้นละเรอะ" นางจวงยังไม่หมดเรื่องสงสัย