ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณนันท์ turtle_cheesecake, คุณ Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณ สายป่านสีชมพู
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗
ไอรีนอยากแทรกตัวหายลงไปตามร่องไม้บนพื้นกระดานศาลาเสียเดี๋ยวนั้น เขาจะคิดอย่างไรถ้าจับสังเกตได้ว่าที่ไม่เข้าไปทักทายเพราะหลงผิดคิดว่าเขามากับภรรยา การกระทำนั้นช่างน่าอับอายเสียนี่กระไร ถึงแม้จะเป็นเพราะเห็นอกเห็นใจพี่สาวก็เถอะ ทั้งหมดก็เพราะคิดไปเองทั้งนั้น ที่ร้ายยิ่งกว่าคือไม่เพียงแค่คิด ยังแสดงออกให้เห็นอีกด้วย
"น้องสาวของคุณพระหรอกหรือคะ" เสียงถามแหบแห้ง แทบไม่ลอดพ้นริมฝีปาก
"ก็น้องสาวฉันน่ะสิ เธอคิดว่าเป็นใครกันล่ะ" รามลองหยั่งเชิงเมื่อพอจะมองเห็นอะไรรางๆ พยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ
คนถูกถามกระอึกกระอัก
“ก็…ดิฉัน…ไม่ทราบ...”
เพียงแค่นี้นายพันโทหนุ่มก็พอใจมากแล้ว ไม่อยากให้สาวน้อยต้องกระดากกระเดื่องไปยิ่งกว่านี้ จึงได้เปลี่ยนเรื่องเสีย
“ไปโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ลำบากไหม ที่นี่ไกลจากคอนแวนต์มากนะ”
สาวน้อยได้ที รีบตอบทันควัน ก่อนเขาจะกลับไปพูดถึงเรื่องนั้นอีก
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ นั่งรถรางไปได้”
รามคิดทบทวนว่าเห็นรถรางผ่านบริเวณนี้ที่ไหนบ้าง แต่นึกเท่าไร ก็นึกไม่ออก
"ขึ้นรถรางที่ไหน"
"ที่หัวมุมถนนอัษฎางค์มีผ่านค่ะ บางวันไปขึ้นที่ราชดำเนินนอก"
พอรู้ถึงระยะทางที่สาวน้อยต้องเดินเพื่อไปขึ้นรถ ก็ให้ตกใจ
“ไกลมากนะ ไปทันโรงเรียนเข้าหรือ”
“ออกจากบ้านเช้ามากก็ทันค่ะ”
อันที่จริงจากบ้านริมคลองหลังนี้ถ้านั่งเรือไปจะสะดวกกว่า พอมองเห็นว่าจากคลองวัดราชนัดดารามไปออกคูเมืองเดิม ล่องไปเรื่อยๆ ระยะทางอาจไกลหน่อย แต่พอเข้าคลองวัดราชบพิตรก็ถึงแล้ว แต่ในเมื่อบ้านนี้มีเรืออยู่ลำเดียว และคงต้องเอาไว้ใช้งาน คุณสร้อยคงไม่ให้คนแจวเรือประจำบ้านคอยรับส่งลูกเลี้ยงทุกวันเป็นแน่ รามพอมองออก จึงได้เป็นห่วง ไม่เพียงเรื่องการเดินทางไปโรงเรียนเท่านั้น แต่จากคำพูดของคุณสำรวยเรื่องหลานคุณสร้อยด้วย
“อีกไม่กี่เดือนก็เรียนจบแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
"อีกกี่เดือน"
"สามเดือนกว่าๆค่ะ"
“อยากกลับไปอยู่ประจำไหมเล่า ฉันคิดว่า…”
เห็นจากหางตาว่ามีใครเดินลิ่วมาจากตัวเรือน ก็เหลียวไปมอง
สร้อยกำลังก้าวฉับๆมาที่ศาลา
"...ฉันมาหาคุณสร้อยก็เรื่องนี้แหละ" เขาจบประโยคนั้นอย่างคลุมเครือ พลางลุกยืน
ไอรีนมองตามเมื่อได้ยินมารดาเลี้ยงร้องถามมาแต่ไกล
"คุณพระ…มานานแล้วหรือคะ"
ร่างอวบท้วมของภรรยาเอกพระพินิจก้าวขึ้นบนศาลา ชายตาดูลูกเลี้ยงซึ่งค่อยๆถอยห่างออกมาเสียจากผู้มาเยือน
"เพิ่งมาถึงครับ คุณสร้อย..." หันกลับมายิ้มกับสาวน้อย "…กำลังคุยกับไอรีน"
รามยังไม่เคยไหว้คุณสร้อย แม้อายุจะน้อยกว่ามาก แต่ก็มีสถานภาพทางสังคมที่สูงกว่า จึงใช้วิธีทักทายด้วยคำพูดเสมอมา
"เชิญบนเรือนเถอะค่ะ"
"ที่นี่ดีกว่าครับ ไม่ร้อน"
"โชคไปไหนก็ไม่ทราบกับพ่อประพันธ์ ยังไม่กลับเลยค่ะ"
รามรับรู้ แล้วกลับลงนั่งที่เดิม
"ผมมาหาคุณสร้อยครับ มีเรื่องอยากคุยด้วย" เขาว่า
สร้อยทรุดตัวลงนั่งแทนที่ลูกเลี้ยง แล้วเอ่ยปากสั่ง
"ไปหาน้ำร้อนน้ำชามาเลี้ยงคุณพระไป ไอรีน" บอกแล้วหันกลับมาทาง ‘คุณพระ’ เอ่ยเชิญอย่างมีมารยาท "อยู่รับสำรับเย็นด้วยกันนะคะ"
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณสร้อย อย่าห่วงเลย”
ไอรีนฉวยโอกาสลงไปเสียจากศาลา กลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยชาจีนและขนมทองทัตซึ่งตัวเพิ่งทำไว้ได้ไม่นาน ทั้งหมดใส่มาในถาดใบเล็ก เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมารดาเลี้ยงก่อนอื่นใดหมด
วางถาดลงบนม้านั่ง ข้างร่างใหญ่ๆ มีสายตาของทั้งผู้มาเยือนและผู้เป็นเจ้าของบ้านเฝ้าดูทุกอิริยาบท...ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
สำหรับสร้อยนั้น คิดว่าหูของตัวฝาดไปแน่นอนเมื่อได้ยินข้อเสนอเมื่อครู่ของคุณพระหนุ่ม
“ก็อย่างที่ผมเคยบอกคุณสร้อยแหละครับ ผมสัญญากับคุณพระไว้ว่าจะช่วยดูแลครอบครัวของท่านเท่าที่จะช่วยได้ ผมเห็นว่าไอรีนรักเรียน รู้ว่ามีปัญหาเรื่องค่าเล่าเรียน ก็เลยจะขอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ อยากให้กลับไปอยู่ประจำด้วย บ้านหลังนี้อยู่ไกลจากคอนแวนต์มาก เห็นว่าเดินทางไปมาลำบาก"
สร้อยถึงกับสะอึก ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรในทันที จึงเลี่ยงไปเสียก่อนพอให้ไม่น่าเกลียด
"อิฉันเคยเตือนคุณพี่แล้วนะคะเรื่องโรงเรียนของแม่ไอรีน ว่ามันไกลบ้าน ให้เข้าเรียนตามโรงเรียนใกล้ๆแถวนี้ก็ไม่ยอม บอกแต่ว่าอยากให้เด็กได้ภาษาของแม่ด้วย อิฉันจะทำกระไรได้ เมื่อก่อนที่คุณพี่ยังอยู่ ก็พอให้อยู่ประจำไปได้ ตอนนี้ไม่มีท่านเสียแล้ว อิฉันอยากให้เลิกเรียน ความรู้แค่ที่มีอยู่ก็น่าจะพอแล้ว"
สร้อยบ่นเสียยาวเหยียด ราวกับเมื่อได้เริ่มระบายความคับข้องใจแล้ว ก็หยุดไม่ได้
"แต่เขาบอกพ่อโชคว่าจะหาเงินเป็นค่าเรียนเอง อิฉันก็จำต้องยอม"
รามได้แต่รับฟังไปตามแกน ในเมื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอันใดจะต้องพูดกันให้มากเรื่องอีก จึงตัดบทเสีย
"ถือเสียว่าผมขอผ่อนภาระไปจากคุณสร้อยก็แล้วกัน ก่อนมานี่ผมไปหาคุณแม่อธิการของคอนแวนต์แล้ว จ่ายเงินทั้งค่าเรียน ทั้งค่าอยู่ประจำของไอรีนทั้งหมดจนเรียนจบไปเรียบร้อยแล้วด้วยครับ"
สร้อยถึงกับอ้าปากค้าง
"คุณพระ!"
ถ้าเป็นญาติสนิทช่วยเหลือกันแบบนี้ ก็คงไม่น่าแปลกใจนัก แต่คุณพระผู้นี้มิได้มีสายสัมพันธ์อันใดกับครอบครัวหล่อน ข้ออ้างที่ว่าทำเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับสามีนั้นฟังดูก็ดีอยู่หรอก แต่ยังไม่น่าจะถึงขั้นนี้ ค่าเล่าเรียนในคอนแวนต์จะว่าไปก็สูงมากอยู่แล้ว ค่ากินค่าอยู่ประจำยิ่งสูงกว่านั้นอีกเท่าตัว มีใครที่ไหนจะทุ่มเทเงินทองให้คนแปลกหน้าถึงขนาดนี้โดยไม่หวังผลตอบแทน
แน่ล่ะ สำหรับหล่อน นายทหารหนุ่มยังคงเป็นคนแปลกหน้า เพิ่งจะไปมาหาสู่กันก็เมื่อไม่นานมานี่เอง แม้เขาจะช่วยให้ลูกชายได้กลับเข้าพระนคร แต่นั่นก็ต่างจากการเสนอตัวรับเป็นผู้ปกครองลูกเลี้ยงซึ่งนับวันก็เต็มสาวขึ้นทุกที ไม่ว่าจะพิจารณาอย่างไร มันก็ผิดปกติไปเสียทั้งนั้น ชายหนุ่มผู้นี้หวังอะไรในตัวไอรีนอย่างนั้นหรือ
นับเดือนที่ผ่านมา สร้อยมอง 'คุณพระราม' ในฐานะผู้บังคับบัญชาของลูกชาย และตั้งความหวังไว้สำหรับลูกสาว เฝ้าฝันอยู่แต่ว่าเขาจะให้ความสนใจสุรางค์บ้าง สบโชคบอกว่าบรรดาศักดิ์พระยาและตำแหน่งนายพันเอกคอยเขาอยู่ จะน่าปลื้มอกปลื้มใจเพียงไรถ้าวันหนึ่งหล่อนจะมีลูกเขยเป็นเจ้าคุณ และมีลูกสาวเป็นคุณหญิง
แต่ในขณะนี้ สร้อยมองเห็นอีกอย่าง เห็นคนซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าใช่เป็นเพียงคุณพระ หรือนายทหารยศพันโทเท่านั้น แต่เป็นผู้ชายซึ่งยังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์อีกด้วย ส่วนลูกเลี้ยงหล่อนหรือก็เข้าวัยสาว เพิ่งจะเห็นความจริงเหล่านั้นเอาก็ตอนนี้เอง
พอไอรีนกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยของว่างและชาจีนเลี้ยงแขก สร้อยก็เฝ้าจับตามองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เผลอไปหน่อยเดียว ไอรีนเป็นสาวเต็มตัวทีเดียว อายุสิบหกสิบเจ็ดแล้วซีปีนี้ ไม่ใช่เด็กเล็กๆอย่างเมื่อก่อนอีก เมื่อครั้งที่หล่อนเข้ารุ่นสาว ผู้หญิงในวัยขนาดนี้แต่งงานออกเรือนกันแล้ว
ว่าไปแล้วนางจวงเป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นในวันทำบุญครบเจ็ดวันของคุณพระผู้สามี
‘เจ้าแจ้งมันติดอกติดใจลูกเลี้ยงของคุณนาย มันรบเร้าฉันว่าคราวนี้มันเอาจริง มันพึงใจของมันจริงๆ คุณนายจะว่ากระไร’
แม้จะคุ้นเคยกับความเป็นคนตรงของนางจวง แต่นั่นก็เรียกว่าตรงจนน่าตกใจ
‘อะไรมันจะเร็วได้ขนาดนั้นล่ะคุณ’ หล่อนตอบไปว่าอย่างนั้น ‘เด็กมันเพิ่งจะมาใกล้ชิดกันแค่ไม่กี่วันนี่เอง’
‘เจ้าแจ้งมันใจร้อน คนเราจะรักกัน ฉันว่าไม่ต้องใช้เวลารู้จักกันนานหรอกนะคุณนาย บางคู่เห็นกันปุ๊บ มันก็รักกันปั๊บเลย พอแต่งกันก็มีลูกกันได้เต็มบ้านเต็มเมือง บางคนไม่เคยเห็นกันก่อนด้วยซ้ำ พอแต่งกันก็รักกันได้ อยู่กันได้ดี ฉันว่านางหนูก็น่าเอ็นดู ฉันเองเห็นแล้วยังรัก เจ้าแจ้งมันกำลังหนุ่มกระทง จะไม่ให้ถูกใจก็ผิดไปล่ะ’ นางจวงชักแม่น้ำทั้งห้า
‘ฉันรู้ว่าครานี้เจ้าแจ้งมันรักของมันจริง ไม่งั้นมันไม่เร่งร้อนขนาดนี้ดอกคุณนาย ไอ้ฉันก็ดีใจนะ มีลูกชายกะเขาคนก็เอาแต่ร่อนไปเร่มา ครานี้พอมันบอกว่าจะมีเมีย แล้วจะตั้งหน้าตั้งตาทำสวนจริงๆเสียที ไอ้ฉันก็ดีใจ มันเร่งให้พ่อแม่รีบมาสู่ขอลูกเลี้ยงคุณนายให้ พี่สินก็เลยยกให้ฉันมาทาบทามดูก่อน’
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๗)
ขอบคุณ คุณนันท์ turtle_cheesecake, คุณ Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณ สายป่านสีชมพู
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/35389519
ไอรีนอยากแทรกตัวหายลงไปตามร่องไม้บนพื้นกระดานศาลาเสียเดี๋ยวนั้น เขาจะคิดอย่างไรถ้าจับสังเกตได้ว่าที่ไม่เข้าไปทักทายเพราะหลงผิดคิดว่าเขามากับภรรยา การกระทำนั้นช่างน่าอับอายเสียนี่กระไร ถึงแม้จะเป็นเพราะเห็นอกเห็นใจพี่สาวก็เถอะ ทั้งหมดก็เพราะคิดไปเองทั้งนั้น ที่ร้ายยิ่งกว่าคือไม่เพียงแค่คิด ยังแสดงออกให้เห็นอีกด้วย
"น้องสาวของคุณพระหรอกหรือคะ" เสียงถามแหบแห้ง แทบไม่ลอดพ้นริมฝีปาก
"ก็น้องสาวฉันน่ะสิ เธอคิดว่าเป็นใครกันล่ะ" รามลองหยั่งเชิงเมื่อพอจะมองเห็นอะไรรางๆ พยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ
คนถูกถามกระอึกกระอัก
“ก็…ดิฉัน…ไม่ทราบ...”
เพียงแค่นี้นายพันโทหนุ่มก็พอใจมากแล้ว ไม่อยากให้สาวน้อยต้องกระดากกระเดื่องไปยิ่งกว่านี้ จึงได้เปลี่ยนเรื่องเสีย
“ไปโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ลำบากไหม ที่นี่ไกลจากคอนแวนต์มากนะ”
สาวน้อยได้ที รีบตอบทันควัน ก่อนเขาจะกลับไปพูดถึงเรื่องนั้นอีก
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ นั่งรถรางไปได้”
รามคิดทบทวนว่าเห็นรถรางผ่านบริเวณนี้ที่ไหนบ้าง แต่นึกเท่าไร ก็นึกไม่ออก
"ขึ้นรถรางที่ไหน"
"ที่หัวมุมถนนอัษฎางค์มีผ่านค่ะ บางวันไปขึ้นที่ราชดำเนินนอก"
พอรู้ถึงระยะทางที่สาวน้อยต้องเดินเพื่อไปขึ้นรถ ก็ให้ตกใจ
“ไกลมากนะ ไปทันโรงเรียนเข้าหรือ”
“ออกจากบ้านเช้ามากก็ทันค่ะ”
อันที่จริงจากบ้านริมคลองหลังนี้ถ้านั่งเรือไปจะสะดวกกว่า พอมองเห็นว่าจากคลองวัดราชนัดดารามไปออกคูเมืองเดิม ล่องไปเรื่อยๆ ระยะทางอาจไกลหน่อย แต่พอเข้าคลองวัดราชบพิตรก็ถึงแล้ว แต่ในเมื่อบ้านนี้มีเรืออยู่ลำเดียว และคงต้องเอาไว้ใช้งาน คุณสร้อยคงไม่ให้คนแจวเรือประจำบ้านคอยรับส่งลูกเลี้ยงทุกวันเป็นแน่ รามพอมองออก จึงได้เป็นห่วง ไม่เพียงเรื่องการเดินทางไปโรงเรียนเท่านั้น แต่จากคำพูดของคุณสำรวยเรื่องหลานคุณสร้อยด้วย
“อีกไม่กี่เดือนก็เรียนจบแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
"อีกกี่เดือน"
"สามเดือนกว่าๆค่ะ"
“อยากกลับไปอยู่ประจำไหมเล่า ฉันคิดว่า…”
เห็นจากหางตาว่ามีใครเดินลิ่วมาจากตัวเรือน ก็เหลียวไปมอง
สร้อยกำลังก้าวฉับๆมาที่ศาลา
"...ฉันมาหาคุณสร้อยก็เรื่องนี้แหละ" เขาจบประโยคนั้นอย่างคลุมเครือ พลางลุกยืน
ไอรีนมองตามเมื่อได้ยินมารดาเลี้ยงร้องถามมาแต่ไกล
"คุณพระ…มานานแล้วหรือคะ"
ร่างอวบท้วมของภรรยาเอกพระพินิจก้าวขึ้นบนศาลา ชายตาดูลูกเลี้ยงซึ่งค่อยๆถอยห่างออกมาเสียจากผู้มาเยือน
"เพิ่งมาถึงครับ คุณสร้อย..." หันกลับมายิ้มกับสาวน้อย "…กำลังคุยกับไอรีน"
รามยังไม่เคยไหว้คุณสร้อย แม้อายุจะน้อยกว่ามาก แต่ก็มีสถานภาพทางสังคมที่สูงกว่า จึงใช้วิธีทักทายด้วยคำพูดเสมอมา
"เชิญบนเรือนเถอะค่ะ"
"ที่นี่ดีกว่าครับ ไม่ร้อน"
"โชคไปไหนก็ไม่ทราบกับพ่อประพันธ์ ยังไม่กลับเลยค่ะ"
รามรับรู้ แล้วกลับลงนั่งที่เดิม
"ผมมาหาคุณสร้อยครับ มีเรื่องอยากคุยด้วย" เขาว่า
สร้อยทรุดตัวลงนั่งแทนที่ลูกเลี้ยง แล้วเอ่ยปากสั่ง
"ไปหาน้ำร้อนน้ำชามาเลี้ยงคุณพระไป ไอรีน" บอกแล้วหันกลับมาทาง ‘คุณพระ’ เอ่ยเชิญอย่างมีมารยาท "อยู่รับสำรับเย็นด้วยกันนะคะ"
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณสร้อย อย่าห่วงเลย”
ไอรีนฉวยโอกาสลงไปเสียจากศาลา กลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยชาจีนและขนมทองทัตซึ่งตัวเพิ่งทำไว้ได้ไม่นาน ทั้งหมดใส่มาในถาดใบเล็ก เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมารดาเลี้ยงก่อนอื่นใดหมด
วางถาดลงบนม้านั่ง ข้างร่างใหญ่ๆ มีสายตาของทั้งผู้มาเยือนและผู้เป็นเจ้าของบ้านเฝ้าดูทุกอิริยาบท...ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
สำหรับสร้อยนั้น คิดว่าหูของตัวฝาดไปแน่นอนเมื่อได้ยินข้อเสนอเมื่อครู่ของคุณพระหนุ่ม
“ก็อย่างที่ผมเคยบอกคุณสร้อยแหละครับ ผมสัญญากับคุณพระไว้ว่าจะช่วยดูแลครอบครัวของท่านเท่าที่จะช่วยได้ ผมเห็นว่าไอรีนรักเรียน รู้ว่ามีปัญหาเรื่องค่าเล่าเรียน ก็เลยจะขอเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ อยากให้กลับไปอยู่ประจำด้วย บ้านหลังนี้อยู่ไกลจากคอนแวนต์มาก เห็นว่าเดินทางไปมาลำบาก"
สร้อยถึงกับสะอึก ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรในทันที จึงเลี่ยงไปเสียก่อนพอให้ไม่น่าเกลียด
"อิฉันเคยเตือนคุณพี่แล้วนะคะเรื่องโรงเรียนของแม่ไอรีน ว่ามันไกลบ้าน ให้เข้าเรียนตามโรงเรียนใกล้ๆแถวนี้ก็ไม่ยอม บอกแต่ว่าอยากให้เด็กได้ภาษาของแม่ด้วย อิฉันจะทำกระไรได้ เมื่อก่อนที่คุณพี่ยังอยู่ ก็พอให้อยู่ประจำไปได้ ตอนนี้ไม่มีท่านเสียแล้ว อิฉันอยากให้เลิกเรียน ความรู้แค่ที่มีอยู่ก็น่าจะพอแล้ว"
สร้อยบ่นเสียยาวเหยียด ราวกับเมื่อได้เริ่มระบายความคับข้องใจแล้ว ก็หยุดไม่ได้
"แต่เขาบอกพ่อโชคว่าจะหาเงินเป็นค่าเรียนเอง อิฉันก็จำต้องยอม"
รามได้แต่รับฟังไปตามแกน ในเมื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอันใดจะต้องพูดกันให้มากเรื่องอีก จึงตัดบทเสีย
"ถือเสียว่าผมขอผ่อนภาระไปจากคุณสร้อยก็แล้วกัน ก่อนมานี่ผมไปหาคุณแม่อธิการของคอนแวนต์แล้ว จ่ายเงินทั้งค่าเรียน ทั้งค่าอยู่ประจำของไอรีนทั้งหมดจนเรียนจบไปเรียบร้อยแล้วด้วยครับ"
สร้อยถึงกับอ้าปากค้าง
"คุณพระ!"
ถ้าเป็นญาติสนิทช่วยเหลือกันแบบนี้ ก็คงไม่น่าแปลกใจนัก แต่คุณพระผู้นี้มิได้มีสายสัมพันธ์อันใดกับครอบครัวหล่อน ข้ออ้างที่ว่าทำเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับสามีนั้นฟังดูก็ดีอยู่หรอก แต่ยังไม่น่าจะถึงขั้นนี้ ค่าเล่าเรียนในคอนแวนต์จะว่าไปก็สูงมากอยู่แล้ว ค่ากินค่าอยู่ประจำยิ่งสูงกว่านั้นอีกเท่าตัว มีใครที่ไหนจะทุ่มเทเงินทองให้คนแปลกหน้าถึงขนาดนี้โดยไม่หวังผลตอบแทน
แน่ล่ะ สำหรับหล่อน นายทหารหนุ่มยังคงเป็นคนแปลกหน้า เพิ่งจะไปมาหาสู่กันก็เมื่อไม่นานมานี่เอง แม้เขาจะช่วยให้ลูกชายได้กลับเข้าพระนคร แต่นั่นก็ต่างจากการเสนอตัวรับเป็นผู้ปกครองลูกเลี้ยงซึ่งนับวันก็เต็มสาวขึ้นทุกที ไม่ว่าจะพิจารณาอย่างไร มันก็ผิดปกติไปเสียทั้งนั้น ชายหนุ่มผู้นี้หวังอะไรในตัวไอรีนอย่างนั้นหรือ
นับเดือนที่ผ่านมา สร้อยมอง 'คุณพระราม' ในฐานะผู้บังคับบัญชาของลูกชาย และตั้งความหวังไว้สำหรับลูกสาว เฝ้าฝันอยู่แต่ว่าเขาจะให้ความสนใจสุรางค์บ้าง สบโชคบอกว่าบรรดาศักดิ์พระยาและตำแหน่งนายพันเอกคอยเขาอยู่ จะน่าปลื้มอกปลื้มใจเพียงไรถ้าวันหนึ่งหล่อนจะมีลูกเขยเป็นเจ้าคุณ และมีลูกสาวเป็นคุณหญิง
แต่ในขณะนี้ สร้อยมองเห็นอีกอย่าง เห็นคนซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าใช่เป็นเพียงคุณพระ หรือนายทหารยศพันโทเท่านั้น แต่เป็นผู้ชายซึ่งยังอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์อีกด้วย ส่วนลูกเลี้ยงหล่อนหรือก็เข้าวัยสาว เพิ่งจะเห็นความจริงเหล่านั้นเอาก็ตอนนี้เอง
พอไอรีนกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยของว่างและชาจีนเลี้ยงแขก สร้อยก็เฝ้าจับตามองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เผลอไปหน่อยเดียว ไอรีนเป็นสาวเต็มตัวทีเดียว อายุสิบหกสิบเจ็ดแล้วซีปีนี้ ไม่ใช่เด็กเล็กๆอย่างเมื่อก่อนอีก เมื่อครั้งที่หล่อนเข้ารุ่นสาว ผู้หญิงในวัยขนาดนี้แต่งงานออกเรือนกันแล้ว
ว่าไปแล้วนางจวงเป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นในวันทำบุญครบเจ็ดวันของคุณพระผู้สามี
‘เจ้าแจ้งมันติดอกติดใจลูกเลี้ยงของคุณนาย มันรบเร้าฉันว่าคราวนี้มันเอาจริง มันพึงใจของมันจริงๆ คุณนายจะว่ากระไร’
แม้จะคุ้นเคยกับความเป็นคนตรงของนางจวง แต่นั่นก็เรียกว่าตรงจนน่าตกใจ
‘อะไรมันจะเร็วได้ขนาดนั้นล่ะคุณ’ หล่อนตอบไปว่าอย่างนั้น ‘เด็กมันเพิ่งจะมาใกล้ชิดกันแค่ไม่กี่วันนี่เอง’
‘เจ้าแจ้งมันใจร้อน คนเราจะรักกัน ฉันว่าไม่ต้องใช้เวลารู้จักกันนานหรอกนะคุณนาย บางคู่เห็นกันปุ๊บ มันก็รักกันปั๊บเลย พอแต่งกันก็มีลูกกันได้เต็มบ้านเต็มเมือง บางคนไม่เคยเห็นกันก่อนด้วยซ้ำ พอแต่งกันก็รักกันได้ อยู่กันได้ดี ฉันว่านางหนูก็น่าเอ็นดู ฉันเองเห็นแล้วยังรัก เจ้าแจ้งมันกำลังหนุ่มกระทง จะไม่ให้ถูกใจก็ผิดไปล่ะ’ นางจวงชักแม่น้ำทั้งห้า
‘ฉันรู้ว่าครานี้เจ้าแจ้งมันรักของมันจริง ไม่งั้นมันไม่เร่งร้อนขนาดนี้ดอกคุณนาย ไอ้ฉันก็ดีใจนะ มีลูกชายกะเขาคนก็เอาแต่ร่อนไปเร่มา ครานี้พอมันบอกว่าจะมีเมีย แล้วจะตั้งหน้าตั้งตาทำสวนจริงๆเสียที ไอ้ฉันก็ดีใจ มันเร่งให้พ่อแม่รีบมาสู่ขอลูกเลี้ยงคุณนายให้ พี่สินก็เลยยกให้ฉันมาทาบทามดูก่อน’