ความคิดในใจ
น้ำตาร่วงลงที่หัวเข่าของหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างกายผมในเวลานี้ แต่ละหยดมันช่างเหมือนกับมีใครสักคนเอาเหล็กแหลมมาทิ่มเข้าไปยังหัวใจของผมซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดพัก
ปลายสายธารเพิ่งโดนแฟนหนุ่มบอกเลิก ความผิดหวังและเสียใจทำให้เธอมานั่งร้องไห้ที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวสีขาว ในสวนสาธารณะของหมู่บ้านเราแห่งนี้...คนเดียว...
ผมตามมาที่นี่ถูก...ไม่ใช่เพราะปลายบอกพิกัด...แต่ผมรู้เพราะทุกครั้งที่เจอเธอตรงนี้ เจ้าหล่อนจะมีเรื่องไม่สบายใจเสมอ
“พี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง” ประโยคแรกที่ผมเอ่ยขึ้นไม่ต้องการคำตอบใดๆ จากอีกฝ่าย ผมมาเพื่อทำให้เธอสบายใจขึ้น
“เมื่อเช้าเจ้าหยกมันพาแฟนเข้าบ้านด้วย พากันมานั่งร้องหง่าวๆ อยู่หน้าห้องนอนพี่จนพี่ต้องตื่นออกมาดู” ผมเล่าเรื่องเจ้าแมวตัวกลมสามสีที่เลี้ยงไว้ให้ปลายฟัง
“...” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากคู่สนทนาของผม แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยเธอก็หยุดสะอื้นแล้วหลังจากที่ผมเริ่มเล่าเรื่อง
“แล้วแฟนมันก็เชื่องมากเลยนะ ไม่กลัวคนเลย ตัวสีเทาขนสวยมากคงเคยมีเจ้าของมาก่อน ไม่รู้เป็นไงมาไงถึงมาอยู่นี่” เมื่อเล่าถึงตรงนี้ ผมก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ปลาย เธอสะอื้นไห้หนักกว่าเดิมหลังจากรับสิ่งที่ผมให้ไปซับน้ำตา...บางทีคนเราเมื่อถึงจุดที่อ่อนแอมากๆ เมื่อรู้ว่ามีใครห่วงใยอยู่สิ่งที่อยู่ข้างในก็ยิ่งแสดงชัดเจนมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว...ผมคิดว่าหญิงสาวคนนี้กำลังเกิดอาการนั้น
“ตอนเรียน ม. ห้า พี่จำได้ว่าปลายรถล้มขาหัก” ผมเปลี่ยนไปเล่าเรื่องเก่าๆ ระหว่างเรา เพื่อย้ำความชัดเจน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างเธอ “คืนนั้นบ้านปลายไม่มีใครอยู่ พี่ไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาลทั้งคืนเลย ทีแรกพี่ตกใจมากนึกว่าปลายจะเป็นหนักเพราะเข้าเอกซเรย์ตั้งสองสามรอบ ครั้งนั้นน่ากลัวกว่าเยอะ...น่ากลัวกว่าตอนนี้...”
ปลายก้มหน้านิ่งไปสักพักเมื่อผมเล่าเรื่องในอดีตจบ หลังจากนั้นน้ำตาเธอก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้งก่อนจะหันมาซบที่ไหล่ผม
ไม่รู้ว่าควรจะโทษอะไรดีที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ สวรรค์ เทวดา โชคชะตา พรหมลิขิต หรือฟ้าดิน ก็...ช่างเถอะ สำหรับคนนอกสายตาเธออย่างผม ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนผมก็รอได้...
เมื่อคล้ายกับว่าเธอพอใจกับการร้องไห้บนไหล่ผมแล้ว ปลายก็เอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้พี่ต้นไปส่งปลายที่มหา’ลัยได้ไหมคะ”
บรรยากาศรอบตัวของผมคล้ายถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ผมมองอะไรฝ้าฟางไปเสียหมด ผู้หญิงที่ผมหมายปองมาตลอด...เมื่อกี้พูดว่าอะไร... “ขออีกทีได้ไหมปลาย พี่ไม่ทันได้ฟัง”
ใบหน้าหวานที่รอยน้ำตายังไม่จางไปออกอาการนิ่งไปพักหนึ่ง “ปลายถามพี่ต้นว่าพรุ่งนี้ไปส่งปลายที่มหา’ลัยได้ไหม”
“ดะ...ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ครั้งแรกผมนึกว่าฝันไปที่ได้ยินแบบนั้น แต่ตอนนี้ประโยคคำถามของปลายมันดังชัดกว่าทุกคำพูดซึ่งผมเคยได้ยินมาทั้งชีวิต
“ปลายขอตัวกลับไปนอนนะคะ” แม้ว่านี่จะแค่หกโมงเย็น...เธอคงจะเหนื่อยกับการร้องไห้มาร่วมชั่วโมง
“พี่ไปส่งนะ” ...
...
“เราไปกันไม่ได้หรอกปลาย เรา...เลิกกันเถอะ” ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในใจฉันตลอดทั้งวัน พี่วิน...คนรักของ...ไม่ใช่อีกแล้ว คนรักเก่าของ...ฉัน เขาพูดมันออกมาด้วยแววตาเย็นชาที่เหมือนไม่มีความผูกพันใดๆ อีกแล้วระหว่างเรา
ฉันขอเวลาทำใจก่อนที่เราสองคนจะกลายเป็นคนอื่น เขาก็ให้...แต่ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอยากจะขอบคุณผู้ชายคนนั้นเลย หรือฉันอยากให้เราตัดขาดจากกันในวินาทีนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป
ฉันต้องการอะไรจากคนหมดใจคนนั้น
น้ำตาของฉันต้องการอะไรกันแน่ ทำไมมันไม่ยอมหยุดไหล ฉันร้องไห้เพื่อใคร...เพื่อตัวเองหรือเพื่อเขา
ทำไมความรักมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้ หัวใจฉันเหมือนมันกำลังแตกสลายจนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
พี่ต้น...พี่ชายในหมู่บ้านเดียวกับฉัน เขามานั่งข้างๆ ฉัน ผู้ชายคนนี้กำลังสงสารฉันอย่างนั้นหรือ
เห็นผู้หญิงนั่งร้องไห้คนเดียวเป็นใครก็ต้องเห็นใจสินะ
ในตอนนี้หูฉันอื้ออึงไปหมด ไม่รู้ว่าพี่ต้นกำลังพูดอะไร
ฉันได้ยินแต่เสียงพี่วินและใบหน้าเย็นชาของเขา
นี่ฉันเผลอร้องไห้ซบไหล่พี่ต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่รู้...ฉันไม่รู้ ฉันแค่อยากร้องไห้
“พรุ่งนี้พี่ต้นไปส่งปลายที่มหา’ลัยได้ไหมคะ” ถึงยังไงชีวิตฉันก็ต้องเดินไปข้างหน้า ฉันต้องไปเรียนแต่ตอนนี้มันอ่อนแอเกินกว่าจะไปเอง
“ขออีกทีได้ไหมปลาย พี่ไม่ทันได้ฟัง” น้ำเสียงฉันคงสั่นเครือจนพี่ต้นฟังไม่รู้เรื่อง
“ปลายถามพี่ต้นว่าพรุ่งนี้ไปส่งปลายที่มหา’ลัยได้ไหม” ...
*********************
ลองอะไรไปเรื่อยๆ นะครับผม สำหรับเรื่องนี้ผมได้ลองเขียนอะไรที่มันสั้นกว่าหนึ่งพันคำดู และมีพิเศษอีกหน่อยตรงใช้สองมุมมองของตัวละครมาเขียน คือ...การใช้เทคนิคสองมุมมองนี้ผมยังไม่เห็นในเรื่องสั้นเรื่องไหน คิดว่ามันน่าจะเขียนได้ก็เลยเขียน...^^
ความคิดในใจ(เรื่องสั้นหนึ่งพันคำของสายป่านสีชมพู)
น้ำตาร่วงลงที่หัวเข่าของหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างกายผมในเวลานี้ แต่ละหยดมันช่างเหมือนกับมีใครสักคนเอาเหล็กแหลมมาทิ่มเข้าไปยังหัวใจของผมซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดพัก
ปลายสายธารเพิ่งโดนแฟนหนุ่มบอกเลิก ความผิดหวังและเสียใจทำให้เธอมานั่งร้องไห้ที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวสีขาว ในสวนสาธารณะของหมู่บ้านเราแห่งนี้...คนเดียว...
ผมตามมาที่นี่ถูก...ไม่ใช่เพราะปลายบอกพิกัด...แต่ผมรู้เพราะทุกครั้งที่เจอเธอตรงนี้ เจ้าหล่อนจะมีเรื่องไม่สบายใจเสมอ
“พี่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง” ประโยคแรกที่ผมเอ่ยขึ้นไม่ต้องการคำตอบใดๆ จากอีกฝ่าย ผมมาเพื่อทำให้เธอสบายใจขึ้น
“เมื่อเช้าเจ้าหยกมันพาแฟนเข้าบ้านด้วย พากันมานั่งร้องหง่าวๆ อยู่หน้าห้องนอนพี่จนพี่ต้องตื่นออกมาดู” ผมเล่าเรื่องเจ้าแมวตัวกลมสามสีที่เลี้ยงไว้ให้ปลายฟัง
“...” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากคู่สนทนาของผม แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยเธอก็หยุดสะอื้นแล้วหลังจากที่ผมเริ่มเล่าเรื่อง
“แล้วแฟนมันก็เชื่องมากเลยนะ ไม่กลัวคนเลย ตัวสีเทาขนสวยมากคงเคยมีเจ้าของมาก่อน ไม่รู้เป็นไงมาไงถึงมาอยู่นี่” เมื่อเล่าถึงตรงนี้ ผมก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ปลาย เธอสะอื้นไห้หนักกว่าเดิมหลังจากรับสิ่งที่ผมให้ไปซับน้ำตา...บางทีคนเราเมื่อถึงจุดที่อ่อนแอมากๆ เมื่อรู้ว่ามีใครห่วงใยอยู่สิ่งที่อยู่ข้างในก็ยิ่งแสดงชัดเจนมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว...ผมคิดว่าหญิงสาวคนนี้กำลังเกิดอาการนั้น
“ตอนเรียน ม. ห้า พี่จำได้ว่าปลายรถล้มขาหัก” ผมเปลี่ยนไปเล่าเรื่องเก่าๆ ระหว่างเรา เพื่อย้ำความชัดเจน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างเธอ “คืนนั้นบ้านปลายไม่มีใครอยู่ พี่ไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาลทั้งคืนเลย ทีแรกพี่ตกใจมากนึกว่าปลายจะเป็นหนักเพราะเข้าเอกซเรย์ตั้งสองสามรอบ ครั้งนั้นน่ากลัวกว่าเยอะ...น่ากลัวกว่าตอนนี้...”
ปลายก้มหน้านิ่งไปสักพักเมื่อผมเล่าเรื่องในอดีตจบ หลังจากนั้นน้ำตาเธอก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้งก่อนจะหันมาซบที่ไหล่ผม
ไม่รู้ว่าควรจะโทษอะไรดีที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ สวรรค์ เทวดา โชคชะตา พรหมลิขิต หรือฟ้าดิน ก็...ช่างเถอะ สำหรับคนนอกสายตาเธออย่างผม ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนผมก็รอได้...
เมื่อคล้ายกับว่าเธอพอใจกับการร้องไห้บนไหล่ผมแล้ว ปลายก็เอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้พี่ต้นไปส่งปลายที่มหา’ลัยได้ไหมคะ”
บรรยากาศรอบตัวของผมคล้ายถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ผมมองอะไรฝ้าฟางไปเสียหมด ผู้หญิงที่ผมหมายปองมาตลอด...เมื่อกี้พูดว่าอะไร... “ขออีกทีได้ไหมปลาย พี่ไม่ทันได้ฟัง”
ใบหน้าหวานที่รอยน้ำตายังไม่จางไปออกอาการนิ่งไปพักหนึ่ง “ปลายถามพี่ต้นว่าพรุ่งนี้ไปส่งปลายที่มหา’ลัยได้ไหม”
“ดะ...ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ครั้งแรกผมนึกว่าฝันไปที่ได้ยินแบบนั้น แต่ตอนนี้ประโยคคำถามของปลายมันดังชัดกว่าทุกคำพูดซึ่งผมเคยได้ยินมาทั้งชีวิต
“ปลายขอตัวกลับไปนอนนะคะ” แม้ว่านี่จะแค่หกโมงเย็น...เธอคงจะเหนื่อยกับการร้องไห้มาร่วมชั่วโมง
“พี่ไปส่งนะ” ...
...
“เราไปกันไม่ได้หรอกปลาย เรา...เลิกกันเถอะ” ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในใจฉันตลอดทั้งวัน พี่วิน...คนรักของ...ไม่ใช่อีกแล้ว คนรักเก่าของ...ฉัน เขาพูดมันออกมาด้วยแววตาเย็นชาที่เหมือนไม่มีความผูกพันใดๆ อีกแล้วระหว่างเรา
ฉันขอเวลาทำใจก่อนที่เราสองคนจะกลายเป็นคนอื่น เขาก็ให้...แต่ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอยากจะขอบคุณผู้ชายคนนั้นเลย หรือฉันอยากให้เราตัดขาดจากกันในวินาทีนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป
ฉันต้องการอะไรจากคนหมดใจคนนั้น
น้ำตาของฉันต้องการอะไรกันแน่ ทำไมมันไม่ยอมหยุดไหล ฉันร้องไห้เพื่อใคร...เพื่อตัวเองหรือเพื่อเขา
ทำไมความรักมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้ หัวใจฉันเหมือนมันกำลังแตกสลายจนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
พี่ต้น...พี่ชายในหมู่บ้านเดียวกับฉัน เขามานั่งข้างๆ ฉัน ผู้ชายคนนี้กำลังสงสารฉันอย่างนั้นหรือ
เห็นผู้หญิงนั่งร้องไห้คนเดียวเป็นใครก็ต้องเห็นใจสินะ
ในตอนนี้หูฉันอื้ออึงไปหมด ไม่รู้ว่าพี่ต้นกำลังพูดอะไร
ฉันได้ยินแต่เสียงพี่วินและใบหน้าเย็นชาของเขา
นี่ฉันเผลอร้องไห้ซบไหล่พี่ต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่รู้...ฉันไม่รู้ ฉันแค่อยากร้องไห้
“พรุ่งนี้พี่ต้นไปส่งปลายที่มหา’ลัยได้ไหมคะ” ถึงยังไงชีวิตฉันก็ต้องเดินไปข้างหน้า ฉันต้องไปเรียนแต่ตอนนี้มันอ่อนแอเกินกว่าจะไปเอง
“ขออีกทีได้ไหมปลาย พี่ไม่ทันได้ฟัง” น้ำเสียงฉันคงสั่นเครือจนพี่ต้นฟังไม่รู้เรื่อง
“ปลายถามพี่ต้นว่าพรุ่งนี้ไปส่งปลายที่มหา’ลัยได้ไหม” ...
ลองอะไรไปเรื่อยๆ นะครับผม สำหรับเรื่องนี้ผมได้ลองเขียนอะไรที่มันสั้นกว่าหนึ่งพันคำดู และมีพิเศษอีกหน่อยตรงใช้สองมุมมองของตัวละครมาเขียน คือ...การใช้เทคนิคสองมุมมองนี้ผมยังไม่เห็นในเรื่องสั้นเรื่องไหน คิดว่ามันน่าจะเขียนได้ก็เลยเขียน...^^