ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ จารย์จี GTW, คุณนันท์ turtle_cheesecake, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ พาราพัฒน์, คุณ Lady Star 919, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณ กลูตาเมท, คุณซอง SONG982, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐
http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๒
http://ppantip.com/topic/35422278
บทที่ ๑๒
ร่างสูงๆ เอนพิงต้นมะพร้าว สองแขนประสานกันบนแผ่นอก ทอดตามองไปทางชายหาดซึ่งเห็นอยู่ไม่ไกล
“สบโชคบอกว่าเถ้าแก่หลีกำลังสร้างเรือนหอให้ เห็นว่าพอสร้างเสร็จก็อาจจะต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น คงจะต้องเอาคุณสร้อยไปด้วย” เสียงพูดเหมือนเปรยขึ้นลอยๆ
“คงอย่างนั้นกระมังคะ พี่โชคยังไม่ได้บอกอะไรดิฉันเลย”
“เธอจะไปอยู่ด้วยหรือ”
คำตอบมีแต่ความไม่มั่นใจ เพราะจริงๆ แล้วก็ยังไม่คิดไปไกลถึงเวลานั้น
“ดิฉันยังไม่ทราบเลยค่ะ”
คำถามต่อมากลายเป็นอีกเรื่อง ในเมื่อจิตใจคนพูดกำลังกระวนกระวายเมื่อคิดว่าต้องเข้าเรื่องที่ตั้งใจไว้ว่าจะพูดด้วยเสียที มองเห็นแล้วว่าอนาคตของสาวน้อยต้องมีการเปลี่ยนแปลงในอีกมิช้ามินาน เธออาจเลือกไปอยู่กับแม่ นั่นก็หมายถึงว่าจะไปอยู่เสียไกลห่าง โอกาสที่จะได้พบกันคงน้อยลง…หรือแทบไม่มีเลย ถ้าไปอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ แม้จะยังคงอยู่ในพระนคร หากก็รู้ว่าคงไปหาได้ยากยิ่ง บ้านนั้นเป็นบ้านบิดามารดาของประพันธ์ แน่ใจว่าทุกคนที่นั่นรู้ว่านายร้อยตรีหนุ่มคิดอย่างไรกับหญิงสาวผู้นี้ คงพยายามกีดกันผู้ชายทุกคนไม่ให้เข้าใกล้เธอได้
ที่สำคัญคือเธอจะมีปัญหาหรือไม่ถ้าต้องไปอยู่ในที่ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม และถ้ามีปัญหาจะทำอย่างไร ในเมื่อจะว่าไปแล้ว ไอรีนแทบไม่มีใครเป็นหลักยึดได้อีก ทุกคนในครอบครัวของคุณสร้อยดูจะมีทางไปของตัว มีก็เพียงหญิงสาวไร้พ่อคนนี้ ซึ่งว่าไปแล้ว ก็แทบจะพูดได้ว่าไม่มีแม่เช่นกัน ในเมื่อแม่ก็มีครอบครัวใหม่ไปนานแล้ว
เมื่อคิดต่อไปว่าแหม่มมาร์กาเร็ตและสามีจะพักอยู่หัวหินเพียงสี่วัน วันมะรืนนี้ก็จะขึ้นไปเชียงใหม่แล้ว ตัวเขาเองก็ต้องกลับไปทำงานในวันรุ่งขึ้นเช่นกัน
“ฉันเป็นห่วงเธอนะ ไอรีน เป็นห่วงเธอมาก”
ความอาทรในน้ำเสียงทำให้คนฟังตื้นตันอยู่ในส่วนลึก
บอกให้รู้ถึงความรู้สึกของตัวแล้วเขาเอี้ยวตัวมามองเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ ทันได้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลต้องเงาแดดส่งประกายใส
“คุณราม…” เสียงเรียกขานชื่อเบาหวิว
รามหันมาทั้งตัว แล้วก้มลงหา
“ฉันอยากให้เธอไปอยู่กับฉัน”
คราวนี้นัยน์ตาคู่ที่ชายหนุ่มกำลังจ้องมองเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ร่างน้อยๆ ถอยออกห่างราวด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัวเอง
คนพูดคิดได้ ละล่ำละลักแก้แทบไม่ทัน
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หมายความอย่างที่เธอคิดหรอก ไม่ได้คิดจะเอาเธอไป…เก็บไว้ที่บ้าน” แววในดวงตาคมลึกเต้นระยิบ ร่างใหญ่โตขยับเข้าหาจนใกล้
“ฉันพูดอะไรหวานๆ ไม่เป็นหรอกนะ ไอรีน จะบอกตรงๆ เลยก็แล้วกัน พรุ่งนี้สายๆ ฉันต้องกลับไปทำงาน ก็เลยคิดไว้ว่าคืนนี้กินข้าวเย็นแล้วจะไปที่โฮเต็ลหัวหินอีกครั้ง จะไปพูดกับแม่ของเธอ แต่ฉันคิดว่าควรต้องพูดกับเธอให้เข้าใจกันเสียก่อน เพราะถ้าเธอรู้จากแม่ เธออาจตกใจ”
“คุณ…คุณรามจะไปพูดกับแม่เรื่องอะไรคะ” นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลที่เงยขึ้นสบตาเขาเบิกกว้างยิ่งขึ้น คำพูดท้ายๆ ประโยคแผ่วหายไปในลำคอ
“ฉันอยากให้เธอไปอยู่กับฉัน…หมายถึง…แต่งงานกับฉัน”
พรายยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากคนพูด เสียงห้าวๆ ที่พูดประโยคหลังอ่อนโยนเสียเหลือเกิน อ่อนโยนจนคนฟังวูบไหว หัวใจเหมือนจะเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ ทั้งยังคงจ้องเขาอย่างงุนงง ยังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดเหล่านั้นในทันที ใครจะคิดไปถึงกันเล่า เด็กสาวอายุเพียงสิบเจ็ดปี จู่ๆ ก็มีคุณพระหนุ่มอนาคตไกลมาขอแต่งงาน บอกที่ไหนก็คงไม่มีใครเชื่อ
“ตะ…แต่ง…แต่ง…งาน” ทวนคำสำคัญนั้นราวกับเป็นภาษาที่ตัวเองฟังไม่รู้เรื่อง
รามไขว้สองมือไปไพล่หลังเสีย เกรงว่าจะอดใจไว้ไม่อยู่ ร่างเล็กๆ ตรงหน้า…บอบบางน่าทะนุถนอมไปเสียทุกส่วน ใบหน้านวลละมุนที่แหงนเงยขึ้นหา แววทั้งตื่นทั้งฉงนในดวงตา…ดูราวนางกวางระแวดระวังภัย
ช่างน่าพิสมัยเสียนี่กระไร ใจอยากรวบเอาทั้งหมดที่เห็นมาไว้แนบอก แล้วจะไม่ปล่อยให้พ้นตัวไปไหนอีก
“ฉันรู้ดีว่าอายุของเราห่างกันมาก ฉันคงอายุใกล้เคียงกับแม่ของเธอมากกว่าตัวเธอเองด้วยซ้ำกระมัง แต่ก็ยังหวังว่าเธอจะไม่รังเกียจฉัน”
คำใหม่แทรกเข้ามาในจิตรับรู้ของสาวน้อย
“ระ…รังเกียจ…รังเกียจอะไรคะ มะ…ไม่ค่ะ…ไม่เลย”
คราวนี้ใบหน้าคมคายระบายรอยยิ้มกว้างขวาง
“ถ้าเธอไม่รังเกียจฉัน เธอจะแต่งงานกับฉันได้ไหมเล่า”
เหมือนการเจรจาขอซื้อสินค้าไม่มีผิดเพี้ยน ไอรีนเคยคิดว่าเวลาที่ผู้ชายคนหนึ่งขอผู้หญิงแต่งงานควรมีอะไรมากกว่านี้ ควรมีการสารภาพรักด้วยภาษาที่ไพเราะจับจิตจับใจ ภายใต้แสงสีเงินจากจันทร์เต็มดวง ไม่ใช่ยืนตากแดดร้อนๆ ริมชายหาดรกเรื้อ ใต้เงามะพร้าวต้นผอมๆ แบบนี้
“คุณรามหมายความว่า…” เสียงใสๆ ยังคงบอกชัดว่าไม่อยากเชื่อ
รามรีบอธิบาย
“หมายความว่าฉันขอให้เธอไปอยู่บ้านกับฉัน…กับฉันนะ…ไม่ใช่กับคนอื่นด้วย แล้วจะได้ทำขนมให้ฉันกินทุกวันอย่างไรเล่า ฉันจะได้ไม่ต้องหาเหตุเพื่อให้ได้ไปบ้านคุณสร้อยบ่อยๆ อย่างทุกวันนี้ด้วย”
บทขยายความปนเสียงหัวเราะขัดเขินนั้นทำให้คนฟังสบายใจเสียยิ่งกว่าคำพูดไพเราะอื่นใดทั้งสิ้น
“คุณรามหมายความว่าที่คุณรามไปบ้าน ก็เพื่อไปหาดิฉันหรือคะ”
“ก็จะใครเสียอีกเล่า ทุกครั้งที่ไปบ้านเธอ ฉันตั้งใจไปก็เพราะรู้ว่าเธออยู่บ้านนะซี เรื่องไปดูความเป็นอยู่ของใครๆ ที่นั่นเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นหรอก” นายพันโทหนุ่มสารภาพตามตรง
แก้มบางซ่านสีโลหิตระเรื่อขึ้นทันตาเห็นเมื่อเข้าใจความหมาย
“คุณราม…พูดจริงหรือคะ”
รามหัวเราะเต็มเสียง
“อ้าว! พูดจริงสิ เรื่องแบบนี้พูดเล่นกันได้เสียที่ไหน มันอาจจะเร็วเกินไป เธออาจตั้งตัวไม่ทัน แต่ฉันจำเป็นต้องรีบบอกให้รู้ เพราะอีกวันสองวันแม่ของเธอก็จะขึ้นเหนือแล้ว หรือไม่เธอก็อาจตกลงใจไปอยู่กับแม่ที่สิงคโปร์ ฉันไม่อยากให้เธอไปไหน บอกตรงๆ ว่าฉันอยากเก็บเธอไว้กับตัวคนเดียว”
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๑๒)
ขอบคุณ จารย์จี GTW, คุณนันท์ turtle_cheesecake, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, คุณ พาราพัฒน์, คุณ Lady Star 919, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ สายป่านสีชมพู, คุณ กลูตาเมท, คุณซอง SONG982, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/35389519
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/35392675
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35400069
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35407698
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35411784
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35422278
ร่างสูงๆ เอนพิงต้นมะพร้าว สองแขนประสานกันบนแผ่นอก ทอดตามองไปทางชายหาดซึ่งเห็นอยู่ไม่ไกล
“สบโชคบอกว่าเถ้าแก่หลีกำลังสร้างเรือนหอให้ เห็นว่าพอสร้างเสร็จก็อาจจะต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น คงจะต้องเอาคุณสร้อยไปด้วย” เสียงพูดเหมือนเปรยขึ้นลอยๆ
“คงอย่างนั้นกระมังคะ พี่โชคยังไม่ได้บอกอะไรดิฉันเลย”
“เธอจะไปอยู่ด้วยหรือ”
คำตอบมีแต่ความไม่มั่นใจ เพราะจริงๆ แล้วก็ยังไม่คิดไปไกลถึงเวลานั้น
“ดิฉันยังไม่ทราบเลยค่ะ”
คำถามต่อมากลายเป็นอีกเรื่อง ในเมื่อจิตใจคนพูดกำลังกระวนกระวายเมื่อคิดว่าต้องเข้าเรื่องที่ตั้งใจไว้ว่าจะพูดด้วยเสียที มองเห็นแล้วว่าอนาคตของสาวน้อยต้องมีการเปลี่ยนแปลงในอีกมิช้ามินาน เธออาจเลือกไปอยู่กับแม่ นั่นก็หมายถึงว่าจะไปอยู่เสียไกลห่าง โอกาสที่จะได้พบกันคงน้อยลง…หรือแทบไม่มีเลย ถ้าไปอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ แม้จะยังคงอยู่ในพระนคร หากก็รู้ว่าคงไปหาได้ยากยิ่ง บ้านนั้นเป็นบ้านบิดามารดาของประพันธ์ แน่ใจว่าทุกคนที่นั่นรู้ว่านายร้อยตรีหนุ่มคิดอย่างไรกับหญิงสาวผู้นี้ คงพยายามกีดกันผู้ชายทุกคนไม่ให้เข้าใกล้เธอได้
ที่สำคัญคือเธอจะมีปัญหาหรือไม่ถ้าต้องไปอยู่ในที่ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม และถ้ามีปัญหาจะทำอย่างไร ในเมื่อจะว่าไปแล้ว ไอรีนแทบไม่มีใครเป็นหลักยึดได้อีก ทุกคนในครอบครัวของคุณสร้อยดูจะมีทางไปของตัว มีก็เพียงหญิงสาวไร้พ่อคนนี้ ซึ่งว่าไปแล้ว ก็แทบจะพูดได้ว่าไม่มีแม่เช่นกัน ในเมื่อแม่ก็มีครอบครัวใหม่ไปนานแล้ว
เมื่อคิดต่อไปว่าแหม่มมาร์กาเร็ตและสามีจะพักอยู่หัวหินเพียงสี่วัน วันมะรืนนี้ก็จะขึ้นไปเชียงใหม่แล้ว ตัวเขาเองก็ต้องกลับไปทำงานในวันรุ่งขึ้นเช่นกัน
“ฉันเป็นห่วงเธอนะ ไอรีน เป็นห่วงเธอมาก”
ความอาทรในน้ำเสียงทำให้คนฟังตื้นตันอยู่ในส่วนลึก
บอกให้รู้ถึงความรู้สึกของตัวแล้วเขาเอี้ยวตัวมามองเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ ทันได้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลต้องเงาแดดส่งประกายใส
“คุณราม…” เสียงเรียกขานชื่อเบาหวิว
รามหันมาทั้งตัว แล้วก้มลงหา
“ฉันอยากให้เธอไปอยู่กับฉัน”
คราวนี้นัยน์ตาคู่ที่ชายหนุ่มกำลังจ้องมองเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ร่างน้อยๆ ถอยออกห่างราวด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัวเอง
คนพูดคิดได้ ละล่ำละลักแก้แทบไม่ทัน
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หมายความอย่างที่เธอคิดหรอก ไม่ได้คิดจะเอาเธอไป…เก็บไว้ที่บ้าน” แววในดวงตาคมลึกเต้นระยิบ ร่างใหญ่โตขยับเข้าหาจนใกล้
“ฉันพูดอะไรหวานๆ ไม่เป็นหรอกนะ ไอรีน จะบอกตรงๆ เลยก็แล้วกัน พรุ่งนี้สายๆ ฉันต้องกลับไปทำงาน ก็เลยคิดไว้ว่าคืนนี้กินข้าวเย็นแล้วจะไปที่โฮเต็ลหัวหินอีกครั้ง จะไปพูดกับแม่ของเธอ แต่ฉันคิดว่าควรต้องพูดกับเธอให้เข้าใจกันเสียก่อน เพราะถ้าเธอรู้จากแม่ เธออาจตกใจ”
“คุณ…คุณรามจะไปพูดกับแม่เรื่องอะไรคะ” นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลที่เงยขึ้นสบตาเขาเบิกกว้างยิ่งขึ้น คำพูดท้ายๆ ประโยคแผ่วหายไปในลำคอ
“ฉันอยากให้เธอไปอยู่กับฉัน…หมายถึง…แต่งงานกับฉัน”
พรายยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากคนพูด เสียงห้าวๆ ที่พูดประโยคหลังอ่อนโยนเสียเหลือเกิน อ่อนโยนจนคนฟังวูบไหว หัวใจเหมือนจะเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ ทั้งยังคงจ้องเขาอย่างงุนงง ยังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดเหล่านั้นในทันที ใครจะคิดไปถึงกันเล่า เด็กสาวอายุเพียงสิบเจ็ดปี จู่ๆ ก็มีคุณพระหนุ่มอนาคตไกลมาขอแต่งงาน บอกที่ไหนก็คงไม่มีใครเชื่อ
“ตะ…แต่ง…แต่ง…งาน” ทวนคำสำคัญนั้นราวกับเป็นภาษาที่ตัวเองฟังไม่รู้เรื่อง
รามไขว้สองมือไปไพล่หลังเสีย เกรงว่าจะอดใจไว้ไม่อยู่ ร่างเล็กๆ ตรงหน้า…บอบบางน่าทะนุถนอมไปเสียทุกส่วน ใบหน้านวลละมุนที่แหงนเงยขึ้นหา แววทั้งตื่นทั้งฉงนในดวงตา…ดูราวนางกวางระแวดระวังภัย
ช่างน่าพิสมัยเสียนี่กระไร ใจอยากรวบเอาทั้งหมดที่เห็นมาไว้แนบอก แล้วจะไม่ปล่อยให้พ้นตัวไปไหนอีก
“ฉันรู้ดีว่าอายุของเราห่างกันมาก ฉันคงอายุใกล้เคียงกับแม่ของเธอมากกว่าตัวเธอเองด้วยซ้ำกระมัง แต่ก็ยังหวังว่าเธอจะไม่รังเกียจฉัน”
คำใหม่แทรกเข้ามาในจิตรับรู้ของสาวน้อย
“ระ…รังเกียจ…รังเกียจอะไรคะ มะ…ไม่ค่ะ…ไม่เลย”
คราวนี้ใบหน้าคมคายระบายรอยยิ้มกว้างขวาง
“ถ้าเธอไม่รังเกียจฉัน เธอจะแต่งงานกับฉันได้ไหมเล่า”
เหมือนการเจรจาขอซื้อสินค้าไม่มีผิดเพี้ยน ไอรีนเคยคิดว่าเวลาที่ผู้ชายคนหนึ่งขอผู้หญิงแต่งงานควรมีอะไรมากกว่านี้ ควรมีการสารภาพรักด้วยภาษาที่ไพเราะจับจิตจับใจ ภายใต้แสงสีเงินจากจันทร์เต็มดวง ไม่ใช่ยืนตากแดดร้อนๆ ริมชายหาดรกเรื้อ ใต้เงามะพร้าวต้นผอมๆ แบบนี้
“คุณรามหมายความว่า…” เสียงใสๆ ยังคงบอกชัดว่าไม่อยากเชื่อ
รามรีบอธิบาย
“หมายความว่าฉันขอให้เธอไปอยู่บ้านกับฉัน…กับฉันนะ…ไม่ใช่กับคนอื่นด้วย แล้วจะได้ทำขนมให้ฉันกินทุกวันอย่างไรเล่า ฉันจะได้ไม่ต้องหาเหตุเพื่อให้ได้ไปบ้านคุณสร้อยบ่อยๆ อย่างทุกวันนี้ด้วย”
บทขยายความปนเสียงหัวเราะขัดเขินนั้นทำให้คนฟังสบายใจเสียยิ่งกว่าคำพูดไพเราะอื่นใดทั้งสิ้น
“คุณรามหมายความว่าที่คุณรามไปบ้าน ก็เพื่อไปหาดิฉันหรือคะ”
“ก็จะใครเสียอีกเล่า ทุกครั้งที่ไปบ้านเธอ ฉันตั้งใจไปก็เพราะรู้ว่าเธออยู่บ้านนะซี เรื่องไปดูความเป็นอยู่ของใครๆ ที่นั่นเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นหรอก” นายพันโทหนุ่มสารภาพตามตรง
แก้มบางซ่านสีโลหิตระเรื่อขึ้นทันตาเห็นเมื่อเข้าใจความหมาย
“คุณราม…พูดจริงหรือคะ”
รามหัวเราะเต็มเสียง
“อ้าว! พูดจริงสิ เรื่องแบบนี้พูดเล่นกันได้เสียที่ไหน มันอาจจะเร็วเกินไป เธออาจตั้งตัวไม่ทัน แต่ฉันจำเป็นต้องรีบบอกให้รู้ เพราะอีกวันสองวันแม่ของเธอก็จะขึ้นเหนือแล้ว หรือไม่เธอก็อาจตกลงใจไปอยู่กับแม่ที่สิงคโปร์ ฉันไม่อยากให้เธอไปไหน บอกตรงๆ ว่าฉันอยากเก็บเธอไว้กับตัวคนเดียว”