หวัดดีจ้า นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย หุหุ ก็เลยน้ำความรู้ดีๆ มาแบ่งปันกันสักหน่อย
วันนี้เราเอาความรู้เล็กๆน้อยๆ มาฝาก ไม่อยากให้ซีเรียสกันมาก แต่ก็อยากให้รู้กันเอาไว้สักนิด
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า เราไม่มีความรู้มากมายในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ (ไขมันในน้ำมันแต่ละชนิด)
แต่พยายามหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดมาบอกต่อ เริ่มเลยแล้วกัน
ทุกวันนี้น้ำมันที่เราใช้ทำอาหารกัน จะมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆคือ
- น้ำมันจากพืช สกัดจากพืชหลากหลายด้วยกัน เช่น ปาล์ม, มะพร้าว, รำข้าว, ถั่วเหลือง และมะกอก เป็นต้น
- น้ำมันจากสัตว์ คือ มันหมู
จริงๆ แล้วเนี่ย ร่างกายของมนุษย์นั้น ต้องการไขมันประมาณ 15-30% ของพลังงานทั้งหมด
เพื่อช่วยในการดูดซึมวิตามินเอ, อี, ดี, เค หากเรางดกินไขมันแล้วล่ะก็ ร่างกายก็จะขาดวิตามินพวกนี้
(อย่างด แต่ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ)
เรามาดูการเปรียบเทียบของน้ำมันแต่ละชนิดกันดีกว่า
ซึ่งไขมันนั้น ก็จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทอีก ดังนี้
-
ไขมันอิ่มตัว การวิจัยบอกว่า หากทานไขมันชนิดนี้มาก อาจทำให้ไขมันในเลือดสูง
เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และ โรคความดันโลหิตสูงได้
-
ไขมันไม่อิ่มตัว จากการวิจัยบอกเป็นไขมันที่ดี มีส่วนช่วยลดคอเรสเตอรอลได้ และช่วยเพิ่มไขมันดี ลดไขมันร้ายในเลือดได้ด้วย
-
ไขมันทรานส์ เป็นไขมันชนิดอันตราย ทำลายสุขภาพสุดพลัง
มันคือไขมันไม่อิ่มตัว ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เป็นไขมันอิ่มตัวโดยความตั้งใจของมนุษย์ - - งงกันไปเลยทีเดียว
เปลี่ยนของดีให้เป็นของแย่ซะงั้น
ต่อไป ลองมาดูน้ำมันแต่ละชนิดว่าเป็นไขมันชนิดไหนกัน
1.
น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ได้แก่ น้ำมันหมู, น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว กลุ่มนี้ไม่ได้มีแต่กรดไขมันอิ่มตัว
มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวด้วย แต่สัดส่วนน้อยกว่า
2.
น้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง ได้แก่ น้ำมันมะกอก, น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันรำข้าว
(น้ำมันพืชชนิดอื่นๆส่วนมากก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้) แน่นอนว่าก็มีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่บ้าง แต่ว่าสัดส่วนน้อยกว่า
3.
ไขมันทรานส์ เจ้านี่ คือ Shortening หรือ เนยขาว สร้างขึ้นจากการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในไขมันพืชแบบไม่อิ่มตัวสูง
แปลงร่างมันให้กลายเป็นไขมันที่คงรูปเช่นนี้ (ใช้ในการทำขนม จำพวกเบเกอรี่) สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากกรรมวิธีนี้ก็คือการเกิดไขมันทรานส์นั่นเอง
ด้านล่าง คือ ตารางเปรียบเทียบของน้ำมันแต่ละชนิด
(บอกตรงนี้เลยว่า น้ำมันแต่ละชนิด มีข้อดีข้อเสียอยู่ในตัว เราควรศึกษาและเข้าใจการใช้งานน้ำมันให้เหมาะสมและถูกต้อง)
และสุดท้าย 3 วิธีง่ายๆ ใช้น้ำมันแต่ละชนิดให้ถูกต้อง
1.
ไม่ใช่ไฟแรงเกินไป หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าเวลาทอดควรใช้น้ำมันปาล์ม
เพราะทนความร้อนดีที่สุด แต่จริงๆแล้วน้ำมันที่นำมาทดสอบในคราวนี้นั้นเกือบทุกตัวมี
จุดเกิดควันอยู่ที่ประมาณ 230-250 องศาเซลเซียส (ยกเว้นน้ำมันมะกอกกับน้ำมันมะพร้าวที่จุดเกิดควันจะต่ำกว่า)
มาดูตาราง อุณหภูมิจุดเกิดควันของน้ำมันแต่ละชนิด
2.
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันซ้ำๆ เพราะจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้น ส่งผลให้น้ำมันมีสีดำขึ้น มีกลิ่นเหม็นหืน
มีฟองและเหนียวหนืดขึ้น ทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลงและก่อให้เกิดสารพิษ ที่เรียกว่า “สารโพล่าร์”
ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคมะเร็งอีกด้วย
3.
หากต้องทานน้ำมันแบบเพรียวๆ เช่น ราดสลัดหรือนำไปทำน้ำสลัดนั้น แนะนำให้ใช้เป็น น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันมะพร้าว
ที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงแทน
อย่างไรก็ตามแต่การบริโภคไขมันนั้น ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
และหวังว่าข้อมูลที่นำมาแชร์ในวันนี้ คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้าครับผม ^^
ขอบคุณข้อมูลที่มีประโยชน์จาก boxza.com
CR : http://pr.boxza.com/news/58004
[บอกต่อ] ไขมันในน้ำมันแต่ละชนิด เลือกกินให้ถูกและเหมาะสม
วันนี้เราเอาความรู้เล็กๆน้อยๆ มาฝาก ไม่อยากให้ซีเรียสกันมาก แต่ก็อยากให้รู้กันเอาไว้สักนิด
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า เราไม่มีความรู้มากมายในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ (ไขมันในน้ำมันแต่ละชนิด)
แต่พยายามหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดมาบอกต่อ เริ่มเลยแล้วกัน
ทุกวันนี้น้ำมันที่เราใช้ทำอาหารกัน จะมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆคือ
- น้ำมันจากพืช สกัดจากพืชหลากหลายด้วยกัน เช่น ปาล์ม, มะพร้าว, รำข้าว, ถั่วเหลือง และมะกอก เป็นต้น
- น้ำมันจากสัตว์ คือ มันหมู
จริงๆ แล้วเนี่ย ร่างกายของมนุษย์นั้น ต้องการไขมันประมาณ 15-30% ของพลังงานทั้งหมด
เพื่อช่วยในการดูดซึมวิตามินเอ, อี, ดี, เค หากเรางดกินไขมันแล้วล่ะก็ ร่างกายก็จะขาดวิตามินพวกนี้
(อย่างด แต่ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ)
เรามาดูการเปรียบเทียบของน้ำมันแต่ละชนิดกันดีกว่า
ซึ่งไขมันนั้น ก็จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทอีก ดังนี้
- ไขมันอิ่มตัว การวิจัยบอกว่า หากทานไขมันชนิดนี้มาก อาจทำให้ไขมันในเลือดสูง
เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และ โรคความดันโลหิตสูงได้
- ไขมันไม่อิ่มตัว จากการวิจัยบอกเป็นไขมันที่ดี มีส่วนช่วยลดคอเรสเตอรอลได้ และช่วยเพิ่มไขมันดี ลดไขมันร้ายในเลือดได้ด้วย
- ไขมันทรานส์ เป็นไขมันชนิดอันตราย ทำลายสุขภาพสุดพลัง
มันคือไขมันไม่อิ่มตัว ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เป็นไขมันอิ่มตัวโดยความตั้งใจของมนุษย์ - - งงกันไปเลยทีเดียว
เปลี่ยนของดีให้เป็นของแย่ซะงั้น
ต่อไป ลองมาดูน้ำมันแต่ละชนิดว่าเป็นไขมันชนิดไหนกัน
1. น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ได้แก่ น้ำมันหมู, น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว กลุ่มนี้ไม่ได้มีแต่กรดไขมันอิ่มตัว
มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวด้วย แต่สัดส่วนน้อยกว่า
2. น้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง ได้แก่ น้ำมันมะกอก, น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันรำข้าว
(น้ำมันพืชชนิดอื่นๆส่วนมากก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้) แน่นอนว่าก็มีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่บ้าง แต่ว่าสัดส่วนน้อยกว่า
3. ไขมันทรานส์ เจ้านี่ คือ Shortening หรือ เนยขาว สร้างขึ้นจากการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในไขมันพืชแบบไม่อิ่มตัวสูง
แปลงร่างมันให้กลายเป็นไขมันที่คงรูปเช่นนี้ (ใช้ในการทำขนม จำพวกเบเกอรี่) สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากกรรมวิธีนี้ก็คือการเกิดไขมันทรานส์นั่นเอง
ด้านล่าง คือ ตารางเปรียบเทียบของน้ำมันแต่ละชนิด
(บอกตรงนี้เลยว่า น้ำมันแต่ละชนิด มีข้อดีข้อเสียอยู่ในตัว เราควรศึกษาและเข้าใจการใช้งานน้ำมันให้เหมาะสมและถูกต้อง)
และสุดท้าย 3 วิธีง่ายๆ ใช้น้ำมันแต่ละชนิดให้ถูกต้อง
1. ไม่ใช่ไฟแรงเกินไป หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าเวลาทอดควรใช้น้ำมันปาล์ม
เพราะทนความร้อนดีที่สุด แต่จริงๆแล้วน้ำมันที่นำมาทดสอบในคราวนี้นั้นเกือบทุกตัวมี
จุดเกิดควันอยู่ที่ประมาณ 230-250 องศาเซลเซียส (ยกเว้นน้ำมันมะกอกกับน้ำมันมะพร้าวที่จุดเกิดควันจะต่ำกว่า)
มาดูตาราง อุณหภูมิจุดเกิดควันของน้ำมันแต่ละชนิด
2. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันซ้ำๆ เพราะจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้น ส่งผลให้น้ำมันมีสีดำขึ้น มีกลิ่นเหม็นหืน
มีฟองและเหนียวหนืดขึ้น ทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลงและก่อให้เกิดสารพิษ ที่เรียกว่า “สารโพล่าร์”
ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคมะเร็งอีกด้วย
3. หากต้องทานน้ำมันแบบเพรียวๆ เช่น ราดสลัดหรือนำไปทำน้ำสลัดนั้น แนะนำให้ใช้เป็น น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันมะพร้าว
ที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงแทน
อย่างไรก็ตามแต่การบริโภคไขมันนั้น ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
และหวังว่าข้อมูลที่นำมาแชร์ในวันนี้ คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้าครับผม ^^
ขอบคุณข้อมูลที่มีประโยชน์จาก boxza.com
CR : http://pr.boxza.com/news/58004