เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ 23/07/2559 ที่ผ่านมา มีหมายศาลมาที่บ้าน โดยระบุว่าภรรยาผม ผู้เป็นจำเลยที่ 3 ถูกฟ้องให้ไปชดใช้หนี้จากการเป็นผู้ค้ำประกันจากผู้เช่าซื้อรถยนต์ ก็คือเพื่อนเค้าซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คือสามีของเพื่อนเค้า โดยทั้งจำเลยที่ 1 และ 2 นั้นไม่สามารถตามตัวได้เลย รถก็ไม่รู้อยู่ไหน
แต่การค้ำประกันครั้งนี้ ภรรยาผมได้ไปเซ็นต์ค้ำไว้จริง ตั้งแต่ช่วงประมาณต้น ปี 2556 โดยเพื่อนมาขอมาเกลี้ยกล่อม โดยการค้ำประกันต้องใช้เอกสารหลายอย่าง ทางภรรยาผมก็ได้ให้ไปเท่าที่มี ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสลิปเงินเดือน โดยยังขาดสำเนาบุ๊คแบ๊งค์ สเตทเม้นท์ โดยภรรยาผมกลับมาบอกที่บ้าน ผมจึงได้ห้ามว่าไม่ให้ค้ำ ไปค้ำได้ไง ภรรยาผมอีกวันนึงจึงได้ไปขอเอกสารคืนจากเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็ต่อว่า และยอมคืนเอกสารให้ โดยเมื่อได้เอกสารมาแล้วก็เข้าใจว่าจบ ก็เอากลับมาแล้วทิ้งไป ทางผมเข้าใจว่าภรรยาแก้ไขปัญหาแล้ว ก็ไม่ได้ติดตามอะไร และภรรยาผมกับเพื่อนคนนั้น ก็เลยไม่ได้คุยกันอีกเพราะกลายเป็นผิดใจกัน
แต่ปรากฎว่าเวลาผ่านไปหลายปีมีหมายศาลมาที่บ้าน บอกให้ภรรยาผมไปชดใช้ โดยในเอกสารแนบกลับมีเอกสารสำเนาตัวที่ขอคืนมาแล้ว และตีวันที่ว่าเป็นวันที่ 16 เดือน 7 ปี 2556 ซึ่งตอนนั้นมันเลยมานานมากพอสมควรแล้วจากวันที่ได้ขอเอกสารคืนจากเพื่อนมา พอพยายามติดต่อเพื่อนคนนี้ก็หาไม่เจอ ก็ไม่รู้จะหาความจริงจากไหน ปรึกษาหลายคน มีคนบอกให้ไปคุยกับลิซซิ่ง คือ บริษัท คลังเศรษฐการ จำกัด ติดต่อไปก็บอกลิซซิ่งว่าเราไม่เกี่ยวข้องกะเพื่อนคนนี้แล้ว และเราขอเอกสารคืนมาแล้ว กลายเป็นเราค้ำได้ยังไง บริษัท ก็ตอบกลับมาแต่ว่า เค้ามีหลักฐาน และเค้าฟ้องแล้ว ผมขอให้เค้าช่วยตรวจสอบดูใหม่ได้มั้ย เค้าก็แจ้งแต่เค้าฟ้องแล้ว เอกสารเค้าคือสำเร็จแล้ว ผมเลยขอว่า ถ้าผมไปตามหาคนที่โกงนี้แล้วให้บริษัทมาช่วยจัดการได้มั้ย บริษัทก็ตอบในทำนองที่ว่าเค้าไม่จำเป็นต้องติดตามอะไรแล้ว เพราะเค้าฟ้องแล้ว นอกเสียจากว่าเราจะเจอแบบในกรุงเทพ เดินทางสะดวก เค้าถึงจะมาเอารถ โดยขึ้นอยู่ว่าเค้ามีเวลามาเอารึเปล่าด้วย และต้องเป็นเวลาทำการเท่านั้น คือผมฟังแล้วเหมือนมืดแปดด้าน ผมไม่รู้จะทำยังไง
ผมจึงถามต่อว่า แล้วคนนี้หนีหนี้ เอารถหนีไปตั้งนานแล้ว เพราะเท่าที่ดูหมายศาลบอกว่าเค้าผ่อนได้ 16 งวด และหนีการชำระไปตั้งแต่เดือน 12 ปี 2557 แล้วเวลาผ่านมานานแล้ว ทำไมถ้าภรรยาผมเป็นผู้ค้ำจริง ทำไมถึงไม่มีการแจ้งอะไรมาเลย ดูที่เอกสารแนบเห็นฉบับนึง ส่งไปให้บ้านเก่าภรรยา ในเดือน 1 ปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งนั่นหมายถึงหนีมาตั้ง 1 ปีเศษแล้ว และบ้านนั้นไม่มีใครได้รับเอกสาร ไม่มีใครแจ้งมาเลย โดยภรรยาผมเพิ่งย้ายเข้าทะเบียนบ้านผมได้ไม่นานมานี้เอง และมีหมายศาลมาดังกล่าว บริษัทก็ได้แต่ตอบว่า ส่งแล้ว คือจบ
จากนั้นผมจึงถามว่าทำไมศาลถึงต้องไปฟ้องที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เค้าได้แจ้งว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 แล้วผมกับภรรยาจะไปขึ้นศาลยังไง แบบไหน บริษัทก็แจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาล เพราะมีค่าเท่ากัน ให้รอคำสั่งศาลอยู่ที่บ้าน และก็ยังบอกเชิงแนะผมด้วยว่าผมต้องนำเงินมาชำระให้เค้าเป็นก้อน ผมก็ตอบเค้าว่าแล้วผมจะเอาเงินมาจากไหน เค้าก็บอกว่าให้ผมไปคุยกับทนายเค้าถ้าจะพูดเรื่องนี้
ยิ่งคุยผมก็เหมือนคนโง่มากขึ้นเรื่อยๆ มีคนแนะนำผมว่าให้เล่าความจริงให้ลิซซิ่งฟัง ผมก็เล่าแล้ว แต่เหมือนไม่ได้รับอะไรเลย ครอบครัวผม ภรรยาผม ก็ได้แต่ร้องไห้ แม่ผมก็ได้แต่นั่งร้องไห้ ว่าทำไมบ้านเราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าเรามีเงินเราคงเข้าใจว่าเราต้องยอมเสียเงิน แต่นี่เงินเราก็ไม่มี หนี้สินเดิมเราก็มี ทำไมยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก ถ้าเราทำชั่วทำผิด เราจะต้องชดใช้นั้นถูกต้อง แต่นี่เราไม่รู้เรื่อง เราเหมือนถูกทำร้ายแบบไม่มีสาเหตุ ผมวิ่งหาคนปรึกษาหลายคน แต่ก็ไม่มีใครช่วยได้ จะไปจ้างทนาย ผมก็ไม่รู้เรื่องกลัวไปหมด เงินก็ไม่มี ต้องไปหายืมเงินคนมาจ้างทนาย จะไปยืมใครก็ยังไม่รู้เลย ค่าทนายกี่บาทก็ไม่รู้เลย
ผมขอความเมตตาจากท่านผู้อ่าน หรือใครก็ได้ครับ ใครที่รู้ว่าผมต้องทำยังไง มีใครช่วยครอบครัวผมได้บ้าง แม่ผมเอาแต่กินยานอนหลับบอกว่าเป็นทุกข์เหลือเกิน ภรรยาผมก็คนไม่รู้เรื่องอะไร เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว มีผมคนเดียวแล้วที่จะหาวิธีแก้ปัญหา ผมก็โง่เหลือเกิน ยอดค่ารถจริงๆประมาณสองแสนกว่าบาท แต่ฟ้องมาสามแสนหกหมื่นบาท และค่าดอกเบี้ยกับค่าเสียประโยชน์อีกปีละเก้าหมื่นห้าพันบาท ถ้าต้องยอมจ่ายให้เค้า ผมจ่ายทั้งชีวิตก็ไม่หมด ผมขอความกรุณาจากทุกท่านด้วยครับ ได้โปรดช่วยด้วยครับ
ถูกหลอกเรื่องการค้ำประกัน มีหมายศาลมาที่บ้าน ขอความช่วยเหลือ ขอความเป็นธรรมด้วยครับ
แต่การค้ำประกันครั้งนี้ ภรรยาผมได้ไปเซ็นต์ค้ำไว้จริง ตั้งแต่ช่วงประมาณต้น ปี 2556 โดยเพื่อนมาขอมาเกลี้ยกล่อม โดยการค้ำประกันต้องใช้เอกสารหลายอย่าง ทางภรรยาผมก็ได้ให้ไปเท่าที่มี ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสลิปเงินเดือน โดยยังขาดสำเนาบุ๊คแบ๊งค์ สเตทเม้นท์ โดยภรรยาผมกลับมาบอกที่บ้าน ผมจึงได้ห้ามว่าไม่ให้ค้ำ ไปค้ำได้ไง ภรรยาผมอีกวันนึงจึงได้ไปขอเอกสารคืนจากเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็ต่อว่า และยอมคืนเอกสารให้ โดยเมื่อได้เอกสารมาแล้วก็เข้าใจว่าจบ ก็เอากลับมาแล้วทิ้งไป ทางผมเข้าใจว่าภรรยาแก้ไขปัญหาแล้ว ก็ไม่ได้ติดตามอะไร และภรรยาผมกับเพื่อนคนนั้น ก็เลยไม่ได้คุยกันอีกเพราะกลายเป็นผิดใจกัน
แต่ปรากฎว่าเวลาผ่านไปหลายปีมีหมายศาลมาที่บ้าน บอกให้ภรรยาผมไปชดใช้ โดยในเอกสารแนบกลับมีเอกสารสำเนาตัวที่ขอคืนมาแล้ว และตีวันที่ว่าเป็นวันที่ 16 เดือน 7 ปี 2556 ซึ่งตอนนั้นมันเลยมานานมากพอสมควรแล้วจากวันที่ได้ขอเอกสารคืนจากเพื่อนมา พอพยายามติดต่อเพื่อนคนนี้ก็หาไม่เจอ ก็ไม่รู้จะหาความจริงจากไหน ปรึกษาหลายคน มีคนบอกให้ไปคุยกับลิซซิ่ง คือ บริษัท คลังเศรษฐการ จำกัด ติดต่อไปก็บอกลิซซิ่งว่าเราไม่เกี่ยวข้องกะเพื่อนคนนี้แล้ว และเราขอเอกสารคืนมาแล้ว กลายเป็นเราค้ำได้ยังไง บริษัท ก็ตอบกลับมาแต่ว่า เค้ามีหลักฐาน และเค้าฟ้องแล้ว ผมขอให้เค้าช่วยตรวจสอบดูใหม่ได้มั้ย เค้าก็แจ้งแต่เค้าฟ้องแล้ว เอกสารเค้าคือสำเร็จแล้ว ผมเลยขอว่า ถ้าผมไปตามหาคนที่โกงนี้แล้วให้บริษัทมาช่วยจัดการได้มั้ย บริษัทก็ตอบในทำนองที่ว่าเค้าไม่จำเป็นต้องติดตามอะไรแล้ว เพราะเค้าฟ้องแล้ว นอกเสียจากว่าเราจะเจอแบบในกรุงเทพ เดินทางสะดวก เค้าถึงจะมาเอารถ โดยขึ้นอยู่ว่าเค้ามีเวลามาเอารึเปล่าด้วย และต้องเป็นเวลาทำการเท่านั้น คือผมฟังแล้วเหมือนมืดแปดด้าน ผมไม่รู้จะทำยังไง
ผมจึงถามต่อว่า แล้วคนนี้หนีหนี้ เอารถหนีไปตั้งนานแล้ว เพราะเท่าที่ดูหมายศาลบอกว่าเค้าผ่อนได้ 16 งวด และหนีการชำระไปตั้งแต่เดือน 12 ปี 2557 แล้วเวลาผ่านมานานแล้ว ทำไมถ้าภรรยาผมเป็นผู้ค้ำจริง ทำไมถึงไม่มีการแจ้งอะไรมาเลย ดูที่เอกสารแนบเห็นฉบับนึง ส่งไปให้บ้านเก่าภรรยา ในเดือน 1 ปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งนั่นหมายถึงหนีมาตั้ง 1 ปีเศษแล้ว และบ้านนั้นไม่มีใครได้รับเอกสาร ไม่มีใครแจ้งมาเลย โดยภรรยาผมเพิ่งย้ายเข้าทะเบียนบ้านผมได้ไม่นานมานี้เอง และมีหมายศาลมาดังกล่าว บริษัทก็ได้แต่ตอบว่า ส่งแล้ว คือจบ
จากนั้นผมจึงถามว่าทำไมศาลถึงต้องไปฟ้องที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เค้าได้แจ้งว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 แล้วผมกับภรรยาจะไปขึ้นศาลยังไง แบบไหน บริษัทก็แจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาล เพราะมีค่าเท่ากัน ให้รอคำสั่งศาลอยู่ที่บ้าน และก็ยังบอกเชิงแนะผมด้วยว่าผมต้องนำเงินมาชำระให้เค้าเป็นก้อน ผมก็ตอบเค้าว่าแล้วผมจะเอาเงินมาจากไหน เค้าก็บอกว่าให้ผมไปคุยกับทนายเค้าถ้าจะพูดเรื่องนี้
ยิ่งคุยผมก็เหมือนคนโง่มากขึ้นเรื่อยๆ มีคนแนะนำผมว่าให้เล่าความจริงให้ลิซซิ่งฟัง ผมก็เล่าแล้ว แต่เหมือนไม่ได้รับอะไรเลย ครอบครัวผม ภรรยาผม ก็ได้แต่ร้องไห้ แม่ผมก็ได้แต่นั่งร้องไห้ ว่าทำไมบ้านเราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าเรามีเงินเราคงเข้าใจว่าเราต้องยอมเสียเงิน แต่นี่เงินเราก็ไม่มี หนี้สินเดิมเราก็มี ทำไมยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก ถ้าเราทำชั่วทำผิด เราจะต้องชดใช้นั้นถูกต้อง แต่นี่เราไม่รู้เรื่อง เราเหมือนถูกทำร้ายแบบไม่มีสาเหตุ ผมวิ่งหาคนปรึกษาหลายคน แต่ก็ไม่มีใครช่วยได้ จะไปจ้างทนาย ผมก็ไม่รู้เรื่องกลัวไปหมด เงินก็ไม่มี ต้องไปหายืมเงินคนมาจ้างทนาย จะไปยืมใครก็ยังไม่รู้เลย ค่าทนายกี่บาทก็ไม่รู้เลย
ผมขอความเมตตาจากท่านผู้อ่าน หรือใครก็ได้ครับ ใครที่รู้ว่าผมต้องทำยังไง มีใครช่วยครอบครัวผมได้บ้าง แม่ผมเอาแต่กินยานอนหลับบอกว่าเป็นทุกข์เหลือเกิน ภรรยาผมก็คนไม่รู้เรื่องอะไร เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว มีผมคนเดียวแล้วที่จะหาวิธีแก้ปัญหา ผมก็โง่เหลือเกิน ยอดค่ารถจริงๆประมาณสองแสนกว่าบาท แต่ฟ้องมาสามแสนหกหมื่นบาท และค่าดอกเบี้ยกับค่าเสียประโยชน์อีกปีละเก้าหมื่นห้าพันบาท ถ้าต้องยอมจ่ายให้เค้า ผมจ่ายทั้งชีวิตก็ไม่หมด ผมขอความกรุณาจากทุกท่านด้วยครับ ได้โปรดช่วยด้วยครับ