ต้องขอบอกก่อนนะคะ ว่ายืมล็อกอินของแฟนมาใช้
เรื่องขอเรื่อง เมื่อประมาณต้นปี มีหมายศาลมาที่บ้านเพื่อเรียกดิชั้นเข้าไปเป็นจำเลยร่วมในคดี โดยเนื้อความในหมายศาลนั้น เริ่มจากไฟแนนซ์รายนึงเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าไม่ยอมชำระเงินค่างวดรถตามจำนวน ด้านจำเลยที่ 1 จึงให้การต่อศาลว่า รถที่ซื้อมานั้น(รถเบนซ์)ไม่สามารถนำไปต่อทะเบียนได้ จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องชำระ เพราะรถคคันดังกล่าวไม่สามารถนำมาขับใช้งานได้ ถ้าโจทก์จะฟ้องโจทก์ต้องไปฟ้องจำเลยร่วมที่ 2 ด้วย ซึ่งจำเลยร่วมที่ 2 คือ เต็นท์รถที่นำรถมาเสนอขายต่อจำเลยที่ 1
ต่อมาจำเลยร่วมที่ 2 ได้ให้การต่อศาลว่า "จำเลยร่วมที่ 2 นั้นเป็นเพียงตัวแทนเสนอขายรถคันดังกล่าวให้แก่จำเลยร่วมที่ 4 (ดิชั้น) เท่านั้น จำเลยร่วมที่ 2 ทราบตามรายการจดทะเบียนรถและตามคำบอกเล่าของจำเลยร่วมที่ 4 ว่า "รถคันดังกล่าวเดิมทีเป็นทะเบียน จ.อยุธยา และจำเลยร่วมที่ 4 ได้ซื้อรถคันดังกล่าวมาใช้งานที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วง มี.ค 2547 เมื่อนายทะเบียนเชียงใหม่ตรวจสอบทุกอย่างว่าตรงตามสมุดคู่มือจดทะเบียน นายทะเบียนจึงเปลี่ยนหมายเลขทะเบียนมาเป็นทะเบียน จ.เชียงใหม่" ดังนั้นจำเลยร่วมที่ 2 จึงยื่นให้ดิชั้นเป็นจำเลยร่วมที่ 4
เพื่อมาร่วมชดใช้ ในกรณีแพ้ความ
รถคันดังกล่าวที่ต่อทะเบียนไม่ได้ เนื่องจากรถคันนี้ได้สวมทะเบียนมา โดยได้รับคำยืนยันจากสำนักงานมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบกว่า เอกสารต่างๆที่ยื่นจดทะเบียนนั้นเป็นเอกสารปลอม จัดทำขึ้นเพื่อใช้สวมทะเบียนรถ ทางนายทะเบียน จ.อยุธยาจึงออกประกาศ ยกเลิกการจดทะเบียนรถ จ. อยุธยา ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2547 และเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2548 นายทะเบียนจ.เชียงใหม่มีคำสั่งยกเลิกการจดทะเบียนรถคันดังกล่าวด้วย
หลังจากได้อ่านเอกสารที่แนบมากับหมายศาลนั้น พี่ชายดิชั้นจึงหาทนายที่อยู่ จ. เชียงใหม่ แล้วให้ดิชั้นมอบอำนาจให้ทนายเข้าไปดำเนินการข้างต้นแทน พร้อมกันนั้นก็ให้ดิชั้นเขียนลายเซ็นแนบไปด้วย แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ทนายได้ติดต่อกับดิชั้นว่า ศาลจะนัดดิชั้นพร้อมพยานในวันที่ 20 ก.ย นี้ และทนายได้ส่งสำเนาเอกสาร สัญญาต่างๆซึ่งเป็นหลักฐานในคดีนี้ โดยมีสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมเซ็นรับรองสำเนา แต่เมื่อดิชั้นและหลายๆคนดูลายเซ็นบนดังกล่าวที่ปรากฎในเอกสารหลักฐาน ต่างบอกว่าไม่ใช่ลายมือของดิชั้น อาจจะมีบ้างบบางส่วนที่คล้าย อีกทั้งหลักฐานที่ใช้ในคดีนี้ยังมีหนังสือมอบอำนาจว่าดิชั้นมอบอำนาจให้อีกคนไปดำเนินการเรื่องซื้อขาย จดทะเบียนรถคันดังกล่าว โดยลายเซ็นในหนังสือมอบอำนาจนั้นๆก็ถูกปลอมขึ้นมาเช่นกัน
ส่วนข้อมูลส่วนตัวดิชั้นนั้น เมื่อ ม.ค 2547 ดิชั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อจริง และทะเบียนบ้านดิชั้นถูกย้ายเข้ามาในทะเบียนบ้านของมหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2544 เมื่อดำเนินการเปลี่ยนชื่อจึงต้องไปที่ อำเภอตามทะเบียนบ้านของมหาวิทยาลัย (สำเนาบัตรประชาชน+สำเนาทะเบียนบ้าน และลายเซ็นชื่อในหลักฐานล้วนเป็นชื่อใหม่) แต่ดิชั้นมีภูมิลำเนาอยู่ นนทบุรี และช่วง มี.ค-พ.ค 2547นั้น ดิชั้นอยู่ที่บ้าน(นนทบุรี) เพื่อไป-กลับ ฝึกงานที่ จ.นครปฐม หลังฝึกงานเสร็จดิชั้นจึงกลับขึ้นมาที่เชียงใหม่เพื่อเรียนปี 4 ในขณะที่เรียนพักอยู่หอร่วมกับเพื่อนๆ และดิชั้นได้นำรถที่บ้านไปใช้ตั้งแต่ปี 2 โดยส่วนตัวของดิชั้นนั้น ไม่มีความรู้ด้านศาลหรือด้านกฏหมายเลยค่ะ
คำถามนะคะ ดิชั้นจะสามารถหาหลักฐานอะไรได้บ้างคะ เพื่อใช้ไปแก้ต่างในคดีนี้ หรือ ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ขณะนี้ตัวดิชั้นยังทำงานอยู่แถวสมุทรปราการอยู่เลย คิดไม่ออกจริงๆค่ะ ว่าจะหาอะไรไปยืนยันให้ศาลเชื่อว่าดิชั้นไม่มีส่วนรู้เห็นกับการซื้อขาย รวมถึงว่าดิชั้นไม่เคยครอบครองรถคันดังกล่าวจริงๆ เพราะมันผ่านมานานพอสมควร คิดว่าเอกสารที่เคยเซ็นชื่อตอนเรียนเท่าที่สอบถามน่าจะโดนรีไซเคิลไปแล้วล่ะค่ะ
ส่วนทนายของดิชั้นก็เงียบๆ นิ่งๆ ดูไม่กระตือรือร้น หรือติดตามให้คำแนะนำใดๆเลย ดิชั้นจึงอยากขอคำแนะนำหรือแนวทางต่างๆ จากผู้รู้หรือผู้มีประสบการณ์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
รบกวนขอความช่วยเหลือ เรื่องโดนปลอมลายเซ็น
เรื่องขอเรื่อง เมื่อประมาณต้นปี มีหมายศาลมาที่บ้านเพื่อเรียกดิชั้นเข้าไปเป็นจำเลยร่วมในคดี โดยเนื้อความในหมายศาลนั้น เริ่มจากไฟแนนซ์รายนึงเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าไม่ยอมชำระเงินค่างวดรถตามจำนวน ด้านจำเลยที่ 1 จึงให้การต่อศาลว่า รถที่ซื้อมานั้น(รถเบนซ์)ไม่สามารถนำไปต่อทะเบียนได้ จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องชำระ เพราะรถคคันดังกล่าวไม่สามารถนำมาขับใช้งานได้ ถ้าโจทก์จะฟ้องโจทก์ต้องไปฟ้องจำเลยร่วมที่ 2 ด้วย ซึ่งจำเลยร่วมที่ 2 คือ เต็นท์รถที่นำรถมาเสนอขายต่อจำเลยที่ 1
ต่อมาจำเลยร่วมที่ 2 ได้ให้การต่อศาลว่า "จำเลยร่วมที่ 2 นั้นเป็นเพียงตัวแทนเสนอขายรถคันดังกล่าวให้แก่จำเลยร่วมที่ 4 (ดิชั้น) เท่านั้น จำเลยร่วมที่ 2 ทราบตามรายการจดทะเบียนรถและตามคำบอกเล่าของจำเลยร่วมที่ 4 ว่า "รถคันดังกล่าวเดิมทีเป็นทะเบียน จ.อยุธยา และจำเลยร่วมที่ 4 ได้ซื้อรถคันดังกล่าวมาใช้งานที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วง มี.ค 2547 เมื่อนายทะเบียนเชียงใหม่ตรวจสอบทุกอย่างว่าตรงตามสมุดคู่มือจดทะเบียน นายทะเบียนจึงเปลี่ยนหมายเลขทะเบียนมาเป็นทะเบียน จ.เชียงใหม่" ดังนั้นจำเลยร่วมที่ 2 จึงยื่นให้ดิชั้นเป็นจำเลยร่วมที่ 4
เพื่อมาร่วมชดใช้ ในกรณีแพ้ความ
รถคันดังกล่าวที่ต่อทะเบียนไม่ได้ เนื่องจากรถคันนี้ได้สวมทะเบียนมา โดยได้รับคำยืนยันจากสำนักงานมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบกว่า เอกสารต่างๆที่ยื่นจดทะเบียนนั้นเป็นเอกสารปลอม จัดทำขึ้นเพื่อใช้สวมทะเบียนรถ ทางนายทะเบียน จ.อยุธยาจึงออกประกาศ ยกเลิกการจดทะเบียนรถ จ. อยุธยา ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2547 และเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2548 นายทะเบียนจ.เชียงใหม่มีคำสั่งยกเลิกการจดทะเบียนรถคันดังกล่าวด้วย
หลังจากได้อ่านเอกสารที่แนบมากับหมายศาลนั้น พี่ชายดิชั้นจึงหาทนายที่อยู่ จ. เชียงใหม่ แล้วให้ดิชั้นมอบอำนาจให้ทนายเข้าไปดำเนินการข้างต้นแทน พร้อมกันนั้นก็ให้ดิชั้นเขียนลายเซ็นแนบไปด้วย แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ทนายได้ติดต่อกับดิชั้นว่า ศาลจะนัดดิชั้นพร้อมพยานในวันที่ 20 ก.ย นี้ และทนายได้ส่งสำเนาเอกสาร สัญญาต่างๆซึ่งเป็นหลักฐานในคดีนี้ โดยมีสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมเซ็นรับรองสำเนา แต่เมื่อดิชั้นและหลายๆคนดูลายเซ็นบนดังกล่าวที่ปรากฎในเอกสารหลักฐาน ต่างบอกว่าไม่ใช่ลายมือของดิชั้น อาจจะมีบ้างบบางส่วนที่คล้าย อีกทั้งหลักฐานที่ใช้ในคดีนี้ยังมีหนังสือมอบอำนาจว่าดิชั้นมอบอำนาจให้อีกคนไปดำเนินการเรื่องซื้อขาย จดทะเบียนรถคันดังกล่าว โดยลายเซ็นในหนังสือมอบอำนาจนั้นๆก็ถูกปลอมขึ้นมาเช่นกัน
ส่วนข้อมูลส่วนตัวดิชั้นนั้น เมื่อ ม.ค 2547 ดิชั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อจริง และทะเบียนบ้านดิชั้นถูกย้ายเข้ามาในทะเบียนบ้านของมหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2544 เมื่อดำเนินการเปลี่ยนชื่อจึงต้องไปที่ อำเภอตามทะเบียนบ้านของมหาวิทยาลัย (สำเนาบัตรประชาชน+สำเนาทะเบียนบ้าน และลายเซ็นชื่อในหลักฐานล้วนเป็นชื่อใหม่) แต่ดิชั้นมีภูมิลำเนาอยู่ นนทบุรี และช่วง มี.ค-พ.ค 2547นั้น ดิชั้นอยู่ที่บ้าน(นนทบุรี) เพื่อไป-กลับ ฝึกงานที่ จ.นครปฐม หลังฝึกงานเสร็จดิชั้นจึงกลับขึ้นมาที่เชียงใหม่เพื่อเรียนปี 4 ในขณะที่เรียนพักอยู่หอร่วมกับเพื่อนๆ และดิชั้นได้นำรถที่บ้านไปใช้ตั้งแต่ปี 2 โดยส่วนตัวของดิชั้นนั้น ไม่มีความรู้ด้านศาลหรือด้านกฏหมายเลยค่ะ
คำถามนะคะ ดิชั้นจะสามารถหาหลักฐานอะไรได้บ้างคะ เพื่อใช้ไปแก้ต่างในคดีนี้ หรือ ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ขณะนี้ตัวดิชั้นยังทำงานอยู่แถวสมุทรปราการอยู่เลย คิดไม่ออกจริงๆค่ะ ว่าจะหาอะไรไปยืนยันให้ศาลเชื่อว่าดิชั้นไม่มีส่วนรู้เห็นกับการซื้อขาย รวมถึงว่าดิชั้นไม่เคยครอบครองรถคันดังกล่าวจริงๆ เพราะมันผ่านมานานพอสมควร คิดว่าเอกสารที่เคยเซ็นชื่อตอนเรียนเท่าที่สอบถามน่าจะโดนรีไซเคิลไปแล้วล่ะค่ะ
ส่วนทนายของดิชั้นก็เงียบๆ นิ่งๆ ดูไม่กระตือรือร้น หรือติดตามให้คำแนะนำใดๆเลย ดิชั้นจึงอยากขอคำแนะนำหรือแนวทางต่างๆ จากผู้รู้หรือผู้มีประสบการณ์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ