เชื่อว่าหลายท่านคงเคยผ่านการใช้บริการร้านค้า ร้านบริการต่างๆ และหากพบเจอสิ่งไม่ดี หรือได้รับการบริการที่ไม่เหมาะสม ก็คงจะเกิดการ Complain กันเป็นเรื่องปกติ และจากที่ผ่านมา การที่ลูกค้าดำเนินการ Complain โดยเฉพาะประเทศไทย นั้นต้องเป็นขั้นที่มากพอสมควร เพราะนิสัยส่วนใหญ่คนไทยจะยอดปล่อยผ่าน หรือหายโกรธเร็ว
โดยในหลายธุรกิจ มีความพยายามชดเชยความเสียหายที่ลูกค้าได้รับ ผ่านการมอบสิ่งชดเชย การขอโทษ ทั้งที่เป็นรูปแบบของเงินหรือสิ่งของ เพื่อให้ลูกค้าได้รับการชดเชยในความเสียหาย
ซึ่งพนักงานที่ก่อความผิดพลาด ย่อมต้องมีบทลงโทษติดตามมา มีทั้งตักเตือน ปรับเงิน ให้จ่ายค่าชดเชย พักงาน ไล่ออก และที่หนักสุด คือ Blacklist ทุกกิจการ
ขอบอกก่อนว่า ที่จะเขียนต่อจากนี้ ไม่ได้หมายความว่า ให้ปล่อยผ่านเวลาเจอสิ่งไม่ดี หากเจอจริง ให้แจ้งตามลำดับได้เลย เพราะจะได้แก้ไขได้
แต่... ในยุคปัจจุบัน การ Complain ไม่จำเป็นต้องผ่านหน้าร้านแต่เพียงอย่างเดียว การใช้สื่อต่างๆ ก็เป็นอีกช่องทางในการส่งเรื่องได้ เช่น Facebook Fanpage, E-mail หรือที่เราพบเจอก็ คือ Pantip
และการที่ Complain ลงสื่อย่อมมีการกระพือข่าวที่เร็วและแรงกว่า ทำให้หลายครั้งได้รับการชดเชยที่มากกว่าปกติ
จึงเกิดการพยายามของ "คนบางกลุ่ม" ที่อาศัยช่องตรงนี้ เพื่อเรียกร้องสิ่งที่ไม่ควรได้
การพยายามกดดัน หาเรื่องติ แม้ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังหาเรื่องมา Complain ได้
ยกตัวอย่าง
- ซื้อสินค้ามูลค่า 100 บาท นำไปเทียบกับสินค้าที่มูลค่า 10,000 บาท และตำหนิว่า สินค้าถูกคุณภาพห่วย (ต้องการคุณภาพในระดับที่เหนือเกินจริง)
- ใช้ภาษาอื่นในการใช้บริการ ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ไม่สามารถโต้ตอบได้ และใช้เป็นประเด็นพนักงานไม่เข้าใจความต้องการของลูกค้า
- อาศัยความรุนแรงเข้าขู่พนักงาน ชี้หน้า ตะโกนด่า เดินตะโกนด้านหน้าร้าน ด้วยคำที่ไม่เป็นจริง เพื่อเรียกร้องให้คนมุงเพื่อเป็นการกดดัน
- ใช้ช่วงเวลาที่มีข้อผิดพลาดได้ง่าย เช่น รอเวลาพนักงานไปห้องน้ำ มีลูกค้าอื่น เข้ามาใช้บริการและโวยวายว่าไม่ได้รับการบริการ
จากประสบการณ์ มีหลายเคสที่เรามีหลักฐานว่า พนักงานไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวอ้าง แต่เนื่องจากเป็นกระแสในโลกออนไลน์ไปแล้ว ร้านค้ายากที่จะนำหลักฐานมาแสดงได้ เพราะจะเป็นการผิดหลักบริการไป จึงต้องจำยอมชดเชยตามที่เรียกร้อง
และมีบทลงโทษตามมา (พนักงานร้อยละ 90 ไม่ใช่เจ้าของกิจการเอง) ซึ่งโทษก็มีตามที่บอกตักเตือน หักเงิน ตัดคะแนน พักงาน ไล่ออก เป็นต้น
เลยอยากขอร้อง คนที่ต้องการได้ของแบบไม่ควรได้ โดยอาศัยช่องทางนี้ โปรดสงสารพนักงานเถอะครับ
เราก็คนเหมือนกัน มีครอบครัวต้องดูแล มีความอยากอาหารที่ต้องใช้เงินซื้อ โปรดอย่าทำร้ายเราเพราะต้องการของฟรีเลย
(แต่ถ้าเจอการบริการที่ไม่ดีจริง สินค้าไม่ได้คุณภาพจริง ดำเนินการได้เต็มที่ครับ)
ปลายสุดของการ Complain คือ บทลงโทษพนักงาน ขอเถอะ! อย่า Complain เล่น โกหก เอาสนุกเลย
โดยในหลายธุรกิจ มีความพยายามชดเชยความเสียหายที่ลูกค้าได้รับ ผ่านการมอบสิ่งชดเชย การขอโทษ ทั้งที่เป็นรูปแบบของเงินหรือสิ่งของ เพื่อให้ลูกค้าได้รับการชดเชยในความเสียหาย
ซึ่งพนักงานที่ก่อความผิดพลาด ย่อมต้องมีบทลงโทษติดตามมา มีทั้งตักเตือน ปรับเงิน ให้จ่ายค่าชดเชย พักงาน ไล่ออก และที่หนักสุด คือ Blacklist ทุกกิจการ
ขอบอกก่อนว่า ที่จะเขียนต่อจากนี้ ไม่ได้หมายความว่า ให้ปล่อยผ่านเวลาเจอสิ่งไม่ดี หากเจอจริง ให้แจ้งตามลำดับได้เลย เพราะจะได้แก้ไขได้
แต่... ในยุคปัจจุบัน การ Complain ไม่จำเป็นต้องผ่านหน้าร้านแต่เพียงอย่างเดียว การใช้สื่อต่างๆ ก็เป็นอีกช่องทางในการส่งเรื่องได้ เช่น Facebook Fanpage, E-mail หรือที่เราพบเจอก็ คือ Pantip
และการที่ Complain ลงสื่อย่อมมีการกระพือข่าวที่เร็วและแรงกว่า ทำให้หลายครั้งได้รับการชดเชยที่มากกว่าปกติ
จึงเกิดการพยายามของ "คนบางกลุ่ม" ที่อาศัยช่องตรงนี้ เพื่อเรียกร้องสิ่งที่ไม่ควรได้
การพยายามกดดัน หาเรื่องติ แม้ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังหาเรื่องมา Complain ได้
ยกตัวอย่าง
- ซื้อสินค้ามูลค่า 100 บาท นำไปเทียบกับสินค้าที่มูลค่า 10,000 บาท และตำหนิว่า สินค้าถูกคุณภาพห่วย (ต้องการคุณภาพในระดับที่เหนือเกินจริง)
- ใช้ภาษาอื่นในการใช้บริการ ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ไม่สามารถโต้ตอบได้ และใช้เป็นประเด็นพนักงานไม่เข้าใจความต้องการของลูกค้า
- อาศัยความรุนแรงเข้าขู่พนักงาน ชี้หน้า ตะโกนด่า เดินตะโกนด้านหน้าร้าน ด้วยคำที่ไม่เป็นจริง เพื่อเรียกร้องให้คนมุงเพื่อเป็นการกดดัน
- ใช้ช่วงเวลาที่มีข้อผิดพลาดได้ง่าย เช่น รอเวลาพนักงานไปห้องน้ำ มีลูกค้าอื่น เข้ามาใช้บริการและโวยวายว่าไม่ได้รับการบริการ
จากประสบการณ์ มีหลายเคสที่เรามีหลักฐานว่า พนักงานไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวอ้าง แต่เนื่องจากเป็นกระแสในโลกออนไลน์ไปแล้ว ร้านค้ายากที่จะนำหลักฐานมาแสดงได้ เพราะจะเป็นการผิดหลักบริการไป จึงต้องจำยอมชดเชยตามที่เรียกร้อง
และมีบทลงโทษตามมา (พนักงานร้อยละ 90 ไม่ใช่เจ้าของกิจการเอง) ซึ่งโทษก็มีตามที่บอกตักเตือน หักเงิน ตัดคะแนน พักงาน ไล่ออก เป็นต้น
เลยอยากขอร้อง คนที่ต้องการได้ของแบบไม่ควรได้ โดยอาศัยช่องทางนี้ โปรดสงสารพนักงานเถอะครับ
เราก็คนเหมือนกัน มีครอบครัวต้องดูแล มีความอยากอาหารที่ต้องใช้เงินซื้อ โปรดอย่าทำร้ายเราเพราะต้องการของฟรีเลย
(แต่ถ้าเจอการบริการที่ไม่ดีจริง สินค้าไม่ได้คุณภาพจริง ดำเนินการได้เต็มที่ครับ)