เช้าวันนี้อากาศดีจริงๆ บรรยากาศโดยรอบที่ดูมืดครึ้มจากพายุที่โหมพัดเข้ามาลูกแล้วลูกเล่าตลอดสองอาทิตย์ วันนี้เป็นวันแรกที่อากาศดูสดใส เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วคุยกันอย่างออกรส สลับกับเสียงหรีดเรไร ที่เริ่มออกหากิน การมองภาพกระถางดอกไม้ริมหน้าต่าง ตัดกับแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา จากที่นอนแสนนุ่มนั้นมันช่างสุนทรีจริงๆ เช้าวันนี้มันต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่
“ตู้ม!!!!” เสียงระเบิดดังสนั่นมาจากห้องข้างๆ ห้องของเด็กสาวคนนั้นนะหรือ อะไรกันเจ้าทินโท๊ดยังมาตามรังควานไม่เลิกหรือ เอาละวันนี้ต้องออกโรงไปร้องต่อตุลาการเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายแล้วละ เมื่อวานข้าอุตส่าห์ใจดีไม่ถือโทษเรียกเก็บค่าเสียหาย เจ้ารู้จักข้าน้อยไปแล้วทินโท๊ด ชายหนุ่มสวมแว่นตาหนาเตอะ แล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงแสนนุ่ม เพื่อออกมาเผชิญกับเจ้านักเลงโต
“สวัสดีสาวน้อย ไม่ได้เจอกันซะนาน เจ้ายังดูเหมือนเดิมนะ ถึงตอนนี้เจ้าพร้อมจะพลีชีพเพื่อคนที่ปกป้องเจ้าแล้วหรือยัง ตินนาส”
“เจ้าน่าจะซ่อนตัวและอยู่อย่างหวาดกลัวนะ รนหาที่ตายจริงๆ คงไม่อยากมีชีวิตสูดลมหายใจเข้าออกแล้วซินะ ก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาเศษสวะอย่างพวกเจ้า เวลามันมีค่าเจ้ารู้หรือไม่ ซาส”
“ตู้มมม!!!”เพลิงลูกใหญ่พุ่งมาทางตินนาส แต่ไม่ทันประชิดตัวลูกเพลิงขนาดใหญ่ก็สลายหายไป
“นี่เจ้ามี บราร่า ด้วยหรือ เมื่อห้าปีก่อน เจ้ายังเป็นเด็กน้อยที่วิ่งไม่ทันคนอื่นด้วยซ้ำ น่าสนใจจริงๆ”
“ข้ามีทุกอย่าง และเป็นได้ในแบบที่เจ้าคาดไม่ถึงเลยละ ปา กาน จา นา โก เม วิญญาณทั้งมวล โปรดมอบทุกสิ่งให้แก่ข้า แล้วข้าจะชดใช้ทุกพันธะให้แก่เจ้า” หมอกควันจากการต่อสู้ค่อยๆจางลง ภาพที่อยู่เบื้องหน้าซาสโจรผู้แสนโฉด กลับไม่ใช่เด็กสาวที่เค้าตามหาแต่เพียงผู้เดียว
“ซีทาน”ชายผู้ล่าอุทาน “นี่เจ้าใช้วิชานี้เป็นด้วยรึ น่าสนุกจริงๆ ก็ดี หากตอนนั้นเค้าไม่เอาตัวมาปกป้องเจ้า ข้าคงได้สนุกกว่านี้ จริงมั้ยตินนาส”
การต่อสู้ระหว่างซาสและซีทานผู้ล่วงลับก็ได้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด ทั้งสองพุ่งทะยานเข้าปะทะกันอย่างไม่เกรงกลัวอะไร ผลัดกันรุกผลัดกันรับ การต่อสู้แบบประชิดตัว ด้วยพลังเพลิง และพลังลม ใครมองก็รู้ว่าสูสี แต่ที่แปลกยิ่งกว่านั้น ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด เด็กสาวที่เคยแข็งกร้าว ทำไมถึงได้ยืนดูการต่อสู้อย่างเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านกับแรงปะทะที่อยู่เบื้องหน้านั้นเลย ความสัมพันธ์ของคนพวกนี้เป็นอย่างไรกันนะ หึหึ น่าสนุกจริงๆ คีย์ยืนมองเหล่านักสู้ต่อสู้กัน สายตาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน กระหายการต่อสู้ กระหายกลิ่นคาวเลือด เหมือนกับเด็กที่เจอของเล่นชิ้นใหม่ ของเล่นที่ไม่มีวันหาได้จากที่ไหน
“ตู้ม”เสียงคลื่นพลังของซาส ซัดกระแทก ซีทานจนกระเด็น ทำให้กระแทกกำแพงร้านค้าถล่มเป็นแถบ ส่งผลให้ตินนาสผู้เชิดวิญญาณ ถูกซัดกระเด็นและได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เมื่อผู้เชิดพลังอ่อนแอ วิญญาณที่ถูกเชิดก็จะอ่อนแอและสลายหายไปด้วย
“เจ้ามันอ่อนหัดตินนาส เด็กเอ๋ยเด็กน้อย เจ้ามันยังเก่งไปได้ครึ่งของพ่อเจ้าเลยด้วยซ้ำ”
“เจ้ารู้จักพ่อข้า”
“ใช่ซิรู้จักดีเลยละ เพราะพวกข้าเป็นคนส่งมันไปลงนรกเองยังไงละ ก่อนที่เจ้าจะไปกราบขอโทษทุกคนในปรโลก เจ้าควรจะทำตัวให้มีประโยชน์นะ บอกข้ามาว่าหนังสือแห่งชีวิตนั่นอยู่ที่ไหน”
“ดูจากหน้าของเจ้าไม่น่าจะเป็นคนที่ใฝ่หาความรู้นะซาส” ตินนาสถูกกระชากตัวให้ลอยเหนือพื้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผิดกับเมื่อห้าปีที่แล้ว ไม่มีความกลัว ไม่มีน้ำตา มีแต่ความโกรธแค้นเกรี้ยวกราด ต่อชายที่อยู่เบื้องหน้า อสูรกายโฉดที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างจากข้าไป
“อืมมม ข้าอาจจะไม่ใช่คนเทือกนั้น แต่เจ้ารู้ไหมคนที่ชอบอ่านนะ จะเป็นคนที่เจ้าคาดไม่ถึงเลยละ อ้อแล้วข้าก็ลืมบอกไปอีกอย่าง ถ้าเจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมบอก เจ้าจะได้เห็นภาพเดิมซ้ำอีก ที่นี่หมู่บ้านนี้ และเวลานี้ด้วย”
“อ้ากกก” เสียงร้องของเด็กสาวดังกึกก้อง ร่างกายสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว ภาพเก่าย้อนกลับมาอีกครั้ง ผู้คนล้มตายเกลื่อนกลาด บ้านพัก ลานฝึก ที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ทำไม ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ เด็กสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เด็กสาวที่อยู่ตรงนี้ได้กลับมาอ่อนแออีกครั้ง วันเวลาที่เคี่ยวเข็ญให้เข้มแข็งได้สูญสลายไปหมดแล้ว
“ข้าขอขัดบทสนทนาของพวกท่านซักเล็กน้อยจะได้หรือไม่” เสียงชายวัยกลางคนเล็ดลอดออกมาจากร้านค้าที่พังยังเยิน
“ข้าเป็นเจ้าของร้านที่อยู่ตรงนี้ และเจ้าเป็นคนทำมันพัง ฉะนั้นเจ้าจงชดใช้มา”
ชายผู้นี้เป็นใครกัน ช่วยข้าทำไม ตินนาสจำได้เพียงเท่านี้ก่อนจะสิ้นสติ พอฟื้นขึ้นทุกอย่างก็ราวกับความฝัน แต่ทั้งตัวยังเจ็บอยู่ บาดแผลเป็นของจริง ห้องนี้ก็ไม่ใช่ห้องพักของข้า ที่นี่ที่ไหนกัน ข้าไม่ได้ฝันไปแน่ๆอยู่กับที่นานเกินไปแล้ว ป่านนี้ซาสคงควานหาตัวข้าอยู่ ต้องรีบออกไปให้พ้นหมู่บ้านนี้ ก่อนที่พวกเค้าจะเป็นอันตราย
“ตื่นมาก็รีบร้อนเลยหรือ พักซะก่อนซิ เจ้านะเจ็บหนักนะ ลมหายใจรวยรินข้านึกว่าเจ้าจะตายแล้วซะอีก” ต้นเสียงมาจากมุมโต๊ะริมหน้าต่าง น้ำเสียงดูคุ้นเคย เหมือนเคยได้ยินมาก่อน
“บาร์เทนเดอร์ เจ้ายังไม่ตายรึ แล้วพวกมันทำร้ายชาวเมืองรึเปล่า ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“เจ้านี่ก็เป็นคนพูดเก่งเอาการนะ พอได้สติก็จ้อไม่หยุดเลย แล้วข้าจะตอบคำถามไหนก่อนดีละ”
เป็นครั้งแรกที่ข้ามองบาร์เทนเดอร์อย่างเต็มตา ชายสูงโปร่ง คิ้วหนา ผมสีดำขลับ ผิวขาวเนียนราวกับไม่เคยต้องแสงแดด นัยน์ตาคมกริบที่ถูกบดบังด้วยแว่นหนา ดูไม่เข้ากับร้านที่ทำอยู่ ผู้ชายคนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับการชงเหล้า เคล้านารีซักนิด ดูภายนอกแล้วน่าจะเหมาะกับการค้นหาข้อมูลบางอย่างอยู่ในห้องสมุดมากกว่า
“เจ้าวิเคราะห์ข้าเสร็จหรือยัง เจ้าคงมีคำถามหลายอย่างที่อยากรู้ ไม่ต้องห่วงเพราะข้าจะตอบเจ้าแน่”พอสิ้นเสียงของคีย์ ข้าก็เผลอหลับไปอีกครั้ง ทั้งๆที่ข้าไม่ได้อ่อนเพลียถึงขนาดนั้น แต่ทำไม ข้าถึงได้รู้สึกง่วงเพียงนี้ “ใช่ ข่มตานอนซะเถอะ เพราะพรุ่งนี้และวันต่อๆไป เจ้าอาจจะไม่ได้แวะพักที่ไหนเลยก็ได้”
“เจอนางหรือไม่” เสียงเยือกเย็น ถามผ่านม่านบางๆ ออกมาจากบัลลังด้านบนเหนือชายที่กล่าวทูล
“ข้าเกือบจะได้ตัวนางแล้ว แต่มีคนมาช่วยไว้” ซาส กล่าวด้วยน้ำเสียงอึกอัก ตัวสั่นกลัวความผิดที่ตนทำงานไม่สำเร็จ
“นี่เจ้าพลาดเป็นครั้งที่สองแล้วกระมัง ข้าคงใจดีเกินไปซินะ ที่ปล่อยให้เจ้าหลงระเริงอยู่กับความล้มเหลวมาได้ตั้งห้าปีโดยไม่ได้ตำหนิอะไร”
“ข้าเสียใจจริงๆ” ซาสรับรู้ได้ถึงรังสีอัมหิตที่ปกคลุมรอบๆตัว
“คราวหน้าจับได้แน่ขอรับ ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหน”
“เจ้ามันไร้ประโยชน์”ไม่ทันสิ้นเสียง ร่างกายของซาสก็ค่อยๆ สลายไป ทิ้งไว้เพียง เสียงกรี้ดร้องโหยหวน
“หวังว่าต่อไปข้าคงได้รับข่าวดีนะจายา”
“แน่นอนขอรับ”
ตินนาส บทที่2 การพบกัน ตอนที่2/2
“ตู้ม!!!!” เสียงระเบิดดังสนั่นมาจากห้องข้างๆ ห้องของเด็กสาวคนนั้นนะหรือ อะไรกันเจ้าทินโท๊ดยังมาตามรังควานไม่เลิกหรือ เอาละวันนี้ต้องออกโรงไปร้องต่อตุลาการเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายแล้วละ เมื่อวานข้าอุตส่าห์ใจดีไม่ถือโทษเรียกเก็บค่าเสียหาย เจ้ารู้จักข้าน้อยไปแล้วทินโท๊ด ชายหนุ่มสวมแว่นตาหนาเตอะ แล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงแสนนุ่ม เพื่อออกมาเผชิญกับเจ้านักเลงโต
“สวัสดีสาวน้อย ไม่ได้เจอกันซะนาน เจ้ายังดูเหมือนเดิมนะ ถึงตอนนี้เจ้าพร้อมจะพลีชีพเพื่อคนที่ปกป้องเจ้าแล้วหรือยัง ตินนาส”
“เจ้าน่าจะซ่อนตัวและอยู่อย่างหวาดกลัวนะ รนหาที่ตายจริงๆ คงไม่อยากมีชีวิตสูดลมหายใจเข้าออกแล้วซินะ ก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาเศษสวะอย่างพวกเจ้า เวลามันมีค่าเจ้ารู้หรือไม่ ซาส”
“ตู้มมม!!!”เพลิงลูกใหญ่พุ่งมาทางตินนาส แต่ไม่ทันประชิดตัวลูกเพลิงขนาดใหญ่ก็สลายหายไป
“นี่เจ้ามี บราร่า ด้วยหรือ เมื่อห้าปีก่อน เจ้ายังเป็นเด็กน้อยที่วิ่งไม่ทันคนอื่นด้วยซ้ำ น่าสนใจจริงๆ”
“ข้ามีทุกอย่าง และเป็นได้ในแบบที่เจ้าคาดไม่ถึงเลยละ ปา กาน จา นา โก เม วิญญาณทั้งมวล โปรดมอบทุกสิ่งให้แก่ข้า แล้วข้าจะชดใช้ทุกพันธะให้แก่เจ้า” หมอกควันจากการต่อสู้ค่อยๆจางลง ภาพที่อยู่เบื้องหน้าซาสโจรผู้แสนโฉด กลับไม่ใช่เด็กสาวที่เค้าตามหาแต่เพียงผู้เดียว
“ซีทาน”ชายผู้ล่าอุทาน “นี่เจ้าใช้วิชานี้เป็นด้วยรึ น่าสนุกจริงๆ ก็ดี หากตอนนั้นเค้าไม่เอาตัวมาปกป้องเจ้า ข้าคงได้สนุกกว่านี้ จริงมั้ยตินนาส”
การต่อสู้ระหว่างซาสและซีทานผู้ล่วงลับก็ได้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด ทั้งสองพุ่งทะยานเข้าปะทะกันอย่างไม่เกรงกลัวอะไร ผลัดกันรุกผลัดกันรับ การต่อสู้แบบประชิดตัว ด้วยพลังเพลิง และพลังลม ใครมองก็รู้ว่าสูสี แต่ที่แปลกยิ่งกว่านั้น ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด เด็กสาวที่เคยแข็งกร้าว ทำไมถึงได้ยืนดูการต่อสู้อย่างเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านกับแรงปะทะที่อยู่เบื้องหน้านั้นเลย ความสัมพันธ์ของคนพวกนี้เป็นอย่างไรกันนะ หึหึ น่าสนุกจริงๆ คีย์ยืนมองเหล่านักสู้ต่อสู้กัน สายตาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน กระหายการต่อสู้ กระหายกลิ่นคาวเลือด เหมือนกับเด็กที่เจอของเล่นชิ้นใหม่ ของเล่นที่ไม่มีวันหาได้จากที่ไหน
“ตู้ม”เสียงคลื่นพลังของซาส ซัดกระแทก ซีทานจนกระเด็น ทำให้กระแทกกำแพงร้านค้าถล่มเป็นแถบ ส่งผลให้ตินนาสผู้เชิดวิญญาณ ถูกซัดกระเด็นและได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เมื่อผู้เชิดพลังอ่อนแอ วิญญาณที่ถูกเชิดก็จะอ่อนแอและสลายหายไปด้วย
“เจ้ามันอ่อนหัดตินนาส เด็กเอ๋ยเด็กน้อย เจ้ามันยังเก่งไปได้ครึ่งของพ่อเจ้าเลยด้วยซ้ำ”
“เจ้ารู้จักพ่อข้า”
“ใช่ซิรู้จักดีเลยละ เพราะพวกข้าเป็นคนส่งมันไปลงนรกเองยังไงละ ก่อนที่เจ้าจะไปกราบขอโทษทุกคนในปรโลก เจ้าควรจะทำตัวให้มีประโยชน์นะ บอกข้ามาว่าหนังสือแห่งชีวิตนั่นอยู่ที่ไหน”
“ดูจากหน้าของเจ้าไม่น่าจะเป็นคนที่ใฝ่หาความรู้นะซาส” ตินนาสถูกกระชากตัวให้ลอยเหนือพื้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผิดกับเมื่อห้าปีที่แล้ว ไม่มีความกลัว ไม่มีน้ำตา มีแต่ความโกรธแค้นเกรี้ยวกราด ต่อชายที่อยู่เบื้องหน้า อสูรกายโฉดที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างจากข้าไป
“อืมมม ข้าอาจจะไม่ใช่คนเทือกนั้น แต่เจ้ารู้ไหมคนที่ชอบอ่านนะ จะเป็นคนที่เจ้าคาดไม่ถึงเลยละ อ้อแล้วข้าก็ลืมบอกไปอีกอย่าง ถ้าเจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมบอก เจ้าจะได้เห็นภาพเดิมซ้ำอีก ที่นี่หมู่บ้านนี้ และเวลานี้ด้วย”
“อ้ากกก” เสียงร้องของเด็กสาวดังกึกก้อง ร่างกายสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว ภาพเก่าย้อนกลับมาอีกครั้ง ผู้คนล้มตายเกลื่อนกลาด บ้านพัก ลานฝึก ที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ทำไม ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ เด็กสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เด็กสาวที่อยู่ตรงนี้ได้กลับมาอ่อนแออีกครั้ง วันเวลาที่เคี่ยวเข็ญให้เข้มแข็งได้สูญสลายไปหมดแล้ว
“ข้าขอขัดบทสนทนาของพวกท่านซักเล็กน้อยจะได้หรือไม่” เสียงชายวัยกลางคนเล็ดลอดออกมาจากร้านค้าที่พังยังเยิน
“ข้าเป็นเจ้าของร้านที่อยู่ตรงนี้ และเจ้าเป็นคนทำมันพัง ฉะนั้นเจ้าจงชดใช้มา”
ชายผู้นี้เป็นใครกัน ช่วยข้าทำไม ตินนาสจำได้เพียงเท่านี้ก่อนจะสิ้นสติ พอฟื้นขึ้นทุกอย่างก็ราวกับความฝัน แต่ทั้งตัวยังเจ็บอยู่ บาดแผลเป็นของจริง ห้องนี้ก็ไม่ใช่ห้องพักของข้า ที่นี่ที่ไหนกัน ข้าไม่ได้ฝันไปแน่ๆอยู่กับที่นานเกินไปแล้ว ป่านนี้ซาสคงควานหาตัวข้าอยู่ ต้องรีบออกไปให้พ้นหมู่บ้านนี้ ก่อนที่พวกเค้าจะเป็นอันตราย
“ตื่นมาก็รีบร้อนเลยหรือ พักซะก่อนซิ เจ้านะเจ็บหนักนะ ลมหายใจรวยรินข้านึกว่าเจ้าจะตายแล้วซะอีก” ต้นเสียงมาจากมุมโต๊ะริมหน้าต่าง น้ำเสียงดูคุ้นเคย เหมือนเคยได้ยินมาก่อน
“บาร์เทนเดอร์ เจ้ายังไม่ตายรึ แล้วพวกมันทำร้ายชาวเมืองรึเปล่า ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“เจ้านี่ก็เป็นคนพูดเก่งเอาการนะ พอได้สติก็จ้อไม่หยุดเลย แล้วข้าจะตอบคำถามไหนก่อนดีละ”
เป็นครั้งแรกที่ข้ามองบาร์เทนเดอร์อย่างเต็มตา ชายสูงโปร่ง คิ้วหนา ผมสีดำขลับ ผิวขาวเนียนราวกับไม่เคยต้องแสงแดด นัยน์ตาคมกริบที่ถูกบดบังด้วยแว่นหนา ดูไม่เข้ากับร้านที่ทำอยู่ ผู้ชายคนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับการชงเหล้า เคล้านารีซักนิด ดูภายนอกแล้วน่าจะเหมาะกับการค้นหาข้อมูลบางอย่างอยู่ในห้องสมุดมากกว่า
“เจ้าวิเคราะห์ข้าเสร็จหรือยัง เจ้าคงมีคำถามหลายอย่างที่อยากรู้ ไม่ต้องห่วงเพราะข้าจะตอบเจ้าแน่”พอสิ้นเสียงของคีย์ ข้าก็เผลอหลับไปอีกครั้ง ทั้งๆที่ข้าไม่ได้อ่อนเพลียถึงขนาดนั้น แต่ทำไม ข้าถึงได้รู้สึกง่วงเพียงนี้ “ใช่ ข่มตานอนซะเถอะ เพราะพรุ่งนี้และวันต่อๆไป เจ้าอาจจะไม่ได้แวะพักที่ไหนเลยก็ได้”
“เจอนางหรือไม่” เสียงเยือกเย็น ถามผ่านม่านบางๆ ออกมาจากบัลลังด้านบนเหนือชายที่กล่าวทูล
“ข้าเกือบจะได้ตัวนางแล้ว แต่มีคนมาช่วยไว้” ซาส กล่าวด้วยน้ำเสียงอึกอัก ตัวสั่นกลัวความผิดที่ตนทำงานไม่สำเร็จ
“นี่เจ้าพลาดเป็นครั้งที่สองแล้วกระมัง ข้าคงใจดีเกินไปซินะ ที่ปล่อยให้เจ้าหลงระเริงอยู่กับความล้มเหลวมาได้ตั้งห้าปีโดยไม่ได้ตำหนิอะไร”
“ข้าเสียใจจริงๆ” ซาสรับรู้ได้ถึงรังสีอัมหิตที่ปกคลุมรอบๆตัว
“คราวหน้าจับได้แน่ขอรับ ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหน”
“เจ้ามันไร้ประโยชน์”ไม่ทันสิ้นเสียง ร่างกายของซาสก็ค่อยๆ สลายไป ทิ้งไว้เพียง เสียงกรี้ดร้องโหยหวน
“หวังว่าต่อไปข้าคงได้รับข่าวดีนะจายา”
“แน่นอนขอรับ”