สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิปทุกคน~
วันนี้เราจะมารีวิวขนมขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ที่วินาทีนี้ใครหลายๆ คนก็ต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน
เพราะร้านเบเกอรี่หรือร้านสะดวกซื้อที่มีชื่อเสียงในไทยก็ต่างมีการผลิต "ขนมชนิดนี้" มาวางขายพอผ่านตาพวกเราบ่อยๆ
ขนมชนิดนี้มีชื่อว่า "ไดฟุกุ (daifuku)" นั่นเองค่าาา!!~~

บางคนอาจเคยได้ลองลิ้มชิมรสเจ้าแป้งข้าวเหนียวห่อไส้โรยไอซิ่งกันมาหลายต่อหลายครั้ง
บางครั้งก็เจอเจ้าที่อร่อยถูกปาก แต่บางเจ้ากลับไม่อยากไปซื้ออีกเป็นครั้งที่สอง
หวานเกินไป? เละเกินไป? จืดสนิท? หรือมันแข็งจนกัดไม่ลงกันนะ?
แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเองที่จะไม่อยากกินไดฟุกุอีกเลย เมื่อซื้อมาลองชิมแล้วกลับพบรสชาติที่ไม่น่าประทับใจแบบนั้น

แต่มันจะไม่เกิดขึ้นกับไดฟุกุของร้านนี้อย่างแน่นอน!!!

ด้วยความที่เราเป็นนักศึกษาที่มาฝึกงานที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายาในช่วงปิดเทอมนี้
ก็มีบ้างที่จะต้องออกตะลอนหาของกินใหม่ๆ ที่แถวๆ มหา'ลัยตัวเองไม่มีให้กิน
แล้วหลังจากที่เลาะๆ ดูร้านอาหารบริเวณตรงข้ามมหาวิทยาลัย ก็ได้เจอกับร้านๆ หนึ่งเข้า

เป็นร้านขายไดฟุกุ เค้ก และเครื่องดื่มที่ชื่อว่า "อูมาอิ" นั่นเองค่ะ
วันเวลาเปิดร้าน : ทุกวัน ไม่เว้นเสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00น. - 21.00น. ค่าาาา

ขอบอกพิกัดก่อนเลยแล้วกันนะคะ ให้ข้ามสะพานลอยจากประตู 4 แล้วเดินลงไปบริเวณที่มีร้านขายของเยอะๆ โดยเดินทางซ้ายมาเรื่อยๆ ผ่านธนาคารกสิกรไทย ผ่านร้านหนังสือ Book Friend ที่จะอยู่ฝั่งขวา แล้วเดินต่ออีกสักพัก ให้มองซ้ายเอาไว้ จะเจอกับป้ายร้านเล็กๆ หน้าตาแบบนี้ค่ะ


แล้วก็จะมีลุงคนขายหน้าตาใจดียืนอยู่คู่ร้านเล็กๆ คนเดียวแบบนี้เลยค่ะ

ลุงไม่ใช่คนไทยนะคะ แต่พอฟังไทยรู้เรื่อง พูดไทยได้เป็นคำๆ ค่อยๆ เงี่ยหูฟังนะคะ
พอเรามีท่าทีสนใจ ลุงจะยื่นไม้เสียบไดฟุกุขนาดจิ๋วให้เราแล้วพูดว่า "อ้อยๆ" ซึ่งจากการสันนิษฐานน่าจะมาจากคำว่า "อร่อย" ค่ะ 555


ป้ายเมนูค่ะ~


ราคาชัดๆ ค่ะ ไม่ได้มีแค่ไดฟุกุนะคะ ยังมีเมนูอื่นๆ น่ากินเต็มไปหมดเลยยย > <
แถมยังมีบอกด้วยว่าเก็บไดฟุกุกับเค้กไว้ได้กี่วัน ที่อุณหภูมิเท่าไร ใส่ใจลูกค้ามากๆ เลยค่ะ : )

จุดสังเกตง่ายๆ ของสายชิมอย่างพวกเราก็คือ จะอยู่ตรงข้ามกับร้านเค้กที่มีตู้กระจกตั้งอยู่ด้านหน้า
และที่ร้านอูมาอิ คุณลุงคนนี้จะตัดไดฟุกุหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเสียบไม้จิ้มฟันเรียงรายบนจานรอให้เราลองเข้าไปลองลิ้มชิมรสเหมือนในรูปข้างบน

และหลังจากชิมแล้วก็แทบตะโกนออกมาเป็นคำเดียวกับชื่อร้านนี้กันเลยทีเดียววว


"อุไม่!!!" (ร้านนี้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "อูมาอิ" ซึ่งแปลว่า อร่อย!!! นั่นเองค่ะ )

พูดได้เลยว่าเคยลองชิมไดฟุกุในประเทศไทยมาหลายต่อหลายเจ้าด้วยกัน และมันทำให้เรารู้สึกไม่ชอบเอามากๆ แป้งเละเกินไปบ้าง รสชาติแปลกๆ บ้าง
แต่เมื่อเจอไดฟุกุเจ้าใหม่ทีไรก็เป็นต้องลองชิมตลอด เพราะเห็นเพื่อนหลายๆ คนก็เคยพูดเป็นเสียงเดียวกันหลังจากกลับมาจากทริปญี่ปุ่น
"แกกกก ไดฟุกุของจริงมันอร่อยมากนะเว้ย" "แกอย่ากินที่ไทยเลย เสียรสชาติหมด ไปรอกินที่ญี่ปุ่นดีกว่า"
แต่เราก็ยังมีความเชื่อว่า ไหนๆ รสปากของคนเราก็ต่างกัน ลองสักหน่อยจะเสียหายอะไร?

แต่ปรากฏว่าไดฟุกุที่นี่มันเหนือชั้นกว่าที่เราคิดไว้มากค่ะ! แป้งเหนียวนุ่มกำลังพอดี ไส้ไม่หวานแสบคอ แถมยังไม่เยอะจนแป้งดูบาง หรือน้อยจนแทบไม่ได้รสไส้เลย ทุกอย่างมันลงตัวมากจริงๆ นะคะ โดยที่ไดฟุกุร้านนี้ก็มีทั้งไส้ถั่วแดง ชาเขียว งาดำ ถั่วเหลือง ช็อคโกแลต
และมีแป้ง 3 สีด้วยกัน ได้แก่สีชมพู สีขาว และสีเขียว (รสชาติของแป้งเหมือนจะไม่ต่างกันนะคะ น่าจะใส่สีให้ดูน่ากินขึ้นเฉยๆ)

จากนี้ เรามาดูหน้าตาของไดฟุกุแบบชัดๆ กันเลยดีกว่า~


ตอนแรกจะใส่กล่องละ 2 ชิ้นแบบนี้มาให้ เห็นแบบนี้แค่ 20 บาทเองนะคะ! (ซื้อ 2 กล่องขึ้นไปลดกระจายเลยค่ะ ดูราคาได้ที่หน้าร้าน ติดไว้หราไม่มีโกงแน่นอน)


ทีนี้มาดูเนื้อแป้งเจ้าไดฟุกุใกล้ๆ นี่สิ~


งั่ม! แป้งนุ่มๆ กับรสช็อคโกแลตที่ไม่หวานเกินไป โรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งเพิ่มรสสัมผัสแห่งไดฟุกุของจริง~


รสชาเขียวก็อร่อยไม่แพ้กัน กินแล้วฟินมากกกกกก~

สำหรับร้านนี้ นอกจากไดฟุกุที่แสนอร่อยแล้ว บังเอิญว่าเรากับเพื่อนคอแห้งหิวน้ำพอดี แล้วเจอกับป้ายข้างบนที่เขียนไว้ว่า "ชาเขียวมะลิ"
ขอออกตัวก่อนเลยว่าเราไม่ค่อยชอบกินชาเท่าไรนัก โดยเฉพาะชาที่ทำจากดอกไม้หรือผลไม้เราจะขอปฏิเสธตลอด
เพราะส่วนใหญ่จะชอบกินกาแฟมากกว่า แต่เพื่อนเราที่ไปด้วยกันวันนั้นดันชอบกินชามะลิมากๆ นางเลยจัดชามะลิแก้วใหญ่ราคา 20 บาทมาเลยค่ะ
เราชอบตรงที่ลุงตักน้ำแข็งให้ไม่เยอะเท่าร้านบางร้านที่ชอบตักให้น้ำแข็งพูนๆ เพื่อเติมน้ำให้เต็มไวๆ
เพราะฉะนั้นปริมาณของชามะลิที่ได้มานี่ก็ถึงใจจริงๆ ค่ะ~ (เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะกว่าจะรู้ตัวว่าต้องถ่ายรูปก็ล่อไปเกือบครึ่งแก้วกันแล้ว 555)

เมื่อเพื่อนเราดูดเข้าไปปื้ดแรก... มือนี่ตีแขนเรารัวๆ เลยค่ะ
"เฮ้ย! อันนี้ต้องลอง ต้องลอง!!!"
เราก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เพราะเคยชิมชามะลิที่อื่นมาแล้วมันขมๆ แปลกๆ เลยไม่ค่อยกล้าชิม แต่เพื่อนเราก็คะยั้นคะยอจนเราลองดูดสักปื้ดดูบ้าง
ไม่ได้เวอร์นะคะ แต่รู้สึกเหมือนอมดอกมะลิเอาไว้ในปากเลย... กลิ่นหอมของมะลิมันอบอวลอยู่บริเวณจมูกกับลำคอ จนเราต้องขอชิมอีกครั้ง
ชอบ!!!! กลายเป็นว่าเราต้องกลับไปซื้อกินเองเลย มันหวานกำลังพอดี เราไม่แน่ใจว่าหวานน้ำตาลหรือน้ำผึ้งนะคะ แต่มันโอเคมากๆ สำหรับคนไม่ดื่มชาอย่างเราเลยล่ะค่ะ

อ๊ะ!...ลืมเล่าไปเลย... ตอนที่เดินวกกลับไปขอถ่ายรูปหน้าร้าน ได้บอกลุงว่าจะนำรูปไปลงโปรโมตให้ในอินเทอร์เน็ต ลุงยิ้มแล้วพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะชูสองนิ้วให้
แล้วพอถ่ายรูปเสร็จแล้ว ลุงก็เอาไดฟุกุอีกสองกล่องแถมให้เราทันทีค่ะ แต่พวกเราเกรงใจกันมากเลยปฏิเสธไป... แต่ลุงก็ยังไม่ยอมแพ้
ยื่นพุดดิ้งรสสตรอเบอรี่กับกาแฟมาให้เรากับเพื่อนๆ เฉยเลย พวกเราปฏิเสธจนรู้สึกเกรงใจ เลยต้องรับไว้ เลยจะแอบมารีวิวเล็กๆ น้อยๆ ให้ด้วยค่ะ


เป็นแพคเกจธรรมดาๆ ที่รสชาติไม่ธรรมดาเลยล่ะค่ะ!


เนื้อพุดดิ้งดึ๋งๆ ไม่เหลวเกินไปไม่แข็งเกินไป ตามสไตล์ที่พุดดิ้งควรจะเป็น
รสมันๆ หอมๆ ของทั้งกาแฟและสตรอเบอรี่ทำให้รู้สึกติดใจอีกแล้ว... สงสัยจะต้องวนกลับไปซื้ออีกจนกว่าจะฝึกงานจบเลยล่ะค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ? รู้สึกอยากลองชิมสักคำดูเลยหรือเปล่า? ด้วยราคาที่ไม่แพง กับคุณภาพแบบนี้เราขอให้ 5 ดาวเลยค่ะ ไร้ที่ติจริงๆ บรรจุภัณฑ์อาจไม่สวยงามน่าดึงดูดใจแต่สะอาดปลอดภัยไร้สารตกค้างแน่นอนค่ะ ^ ^

สุดท้ายนี้
ถ้าใครมีโอกาสได้แวะแถวๆ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา บริเวณตลาดตรงข้ามประตู 4 อยากให้ลองแวะไปชิมไดฟุกุของลุงคนนี้ดูนะคะ
ลุงใจดีมาก และถ้าซื้อเยอะๆ นอกจากจะถูกแล้วลุงยังชอบแถมอีกด้วย อย่าลืมไปลองกันนะคะ : )

-------------
แก้ไข : แวะมาเพิ่มวัน-เวลาเปิดร้านค่า ^ ^