เรื่องเหล้า ตอน .... นักล่าปิศาจ

ขอร่วมแจมซีรีส์เรื่องเหล้าของพี่อ้น(psycho_factory)ด้วยคนค่ะ ขอบคุณพี่อ้นที่เปิดการ์ดเชิญชวนให้เขียนซีรีส์เรื่องเหล้า
มีนักเขียนรุ่นพี่ พี่เอิน(Darasawan) และอาจารย์จี(Psycho GTW)ร่วมปล่อยเรื่องสั้น เรื่องเหล้าไปแล้ว
จึงถึงคิวเลดี้สตาร์ปล่อยบ้าง แฮ่ๆ มือใหม่หัดเขียน ฝีมืออ่อนด้อยนัก จึงมิอาจเทียบชั้นพี่ๆทั้งสามท่านข้างบน
เห็นเป็นอย่างไร เชิญทุกท่านแนะนำชี้แนะได้นะคะ …
และเขียนไปเริ่มไม่แน่ใจว่าตรงประเด็น เรื่องเหล้าหรือเปล่า ฮ่าๆ โดดไปแฟนตาซีเฉยเลย


====================


เรื่องเหล้า ตอน นักล่าปิศาจ


องค์กรนักล่าปิศาจก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อศตวรรษที่ 19 ช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วใครเล่าจะรู้ยิ่งความก้าวหน้ามีมากขึ้นพวกปิศาจก็ยิ่งสามารถขยายวงกว้างออกไปไกลทั่วโลกได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

เป็นผลให้นักล่าปิศาจต้องทำงานหนักยิ่งกว่าเดิม นักล่าปิศาจหลายคนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก พวกที่เหลือจำต้องแอบซ่อนแฝงกายอยู่ในกลุ่มฝูงชนเยี่ยงคนปกติธรรมดา เพื่อคอยปกป้องคุ้มครองเหล่ามนุษย์ผู้ไม่เคยรับรู้ถึงภัยอันตรายซึ่งพร้อมจะกระโจนเข้ามากระชากวิญญาณของพวกเขาให้หลุดลอยออกจากร่างไปตลอดกาล

นักล่าปิศาจจะไม่เปิดเผยตัวตน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร และทำอะไรได้บ้าง พวกเขาทำงานกันอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย ไม่มีค่าตอบแทนไม่มีคำชื่นชมใดๆจากการช่วยเหลือมนุษย์โลก

หากจะเปรียบนักล่าปิศาจเป็นดังเทพผู้พิทักษ์ปกป้องมนุษย์ ก็อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะที่สุดแล้วนักล่าปิศาจมิใช่เทพ มิได้อ่อนโยนและมีเมตตาดังเช่นพวกเทพ พวกเขาเป็นเพียงอาวุธร้ายที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อกรกับปิศาจ

และ .. ผมคือนักล่าปิศาจรุ่นที่สี่ มีเหรียญตราแปดเหรียญ เหรียญตราหนึ่งเหรียญมอบให้แก่นักล่าปิศาจที่สังหารปิศาจได้สิบตัว สองเหรียญสำหรับห้าสิบตัว สามเหรียญสำหรับสังหารปิศาจไปหนึ่งร้อยตัว

ผมต้องการเหรียญตราอีกสองเหรียญเพื่อให้ครบสิบเหรียญ นั่นหมายถึงผมจะมีอำนาจอภิสิทธิ์เหนือนักล่าปิศาจคนอื่นที่มีเหรียญตราน้อยกว่าผม และผมรู้ดีกว่านักล่าปิศาจที่ว่านั้นมีจำนวนมากเพียงใด ก็มากพอที่ผมจะสามารถตั้งกองทัพย่อยๆได้เลยทีเดียว ผมจำต้องสังหารปิศาจสามร้อยตัวเพื่อให้ได้เหรียญอีกสองเหรียญมาครอบครอง แต่ผมมีทางลัดที่ง่ายกว่าไล่ล่าปิศาจสามร้อยตัว นั้นคือตามหาอสูรร้ายคิเมียราและฆ่ามันซะ แล้วผมจะได้เหรียญตราครบสิบเหรียญทันที และตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอสูรร้ายคิเมียราอยู่ที่ใด เมื่อมันเปิดเผยตัวตนผมก็จะส่งมันไปลงนรกจบเกมตามล่าได้อย่างงดงาม

บุรุษชุดดำปิดสมุดปกแข็งสีเทาแล้ววางปากกาไว้ข้างสมุดเมื่อเขาเขียนบันทึกเรื่องราวของตนเองเอาไว้ในสุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
    
………………..


วิทยาปิดล็อคประตูร้านเช่าหนังสือตอนเวลาสองทุ่มตรงหลังจากที่รอให้ลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้านไปแล้ว ปกติวิทยาจะปิดร้านตอนสามทุ่มครึ่งแต่ว่าวันนี้เขามีนัดกับเพื่อนๆที่ร้านเหล้าหน้าปากซอย วิทยาเดินจากร้านของตนมาหน้าปากซอยอย่างไม่รีบร้อน  เขาเดินทอดน่องชมวิวและทักทายคนที่รู้จักไปตลอดทาง

ร้านเหล้าหน้าปากซอยที่ว่าเพิ่งเปิดมาได้สามวัน เป็นร้านเล็กๆมีโต๊ะไม้ห้าโต๊ะแต่ละโต๊ะนั่งได้ไปไม่เกินสี่ถึงห้าคน หลังคามุงใบจาก มีไหใส่ยาดองสี่ไหตั้งเรียงรายบนหน้าเคาน์เตอร์หน้าร้าน ร้านเหล้านี้ไม่ได้หรูหราอะไรแต่ก็มีกับแกล้มเหล้ายาปลาปิ้งไว้ให้เลือกสรรอย่างมากมาย นับว่าเป็นร้านเหล้าที่ถูกใจเหล่าบรรดาสามัญชนคนรากหญ้าเลยทีดี

วิทยาเดินมาหยุดอยู่หน้าร้าน โบกมือให้เพื่อนคนสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว กำลังจะเดินไปสมทบกับเพื่อน ทว่าสายตาเหลือบไปมองเห็นสาวน้อยหุ่นบางผิวขาวนวลผุดผ่องซึ่งกำลังบริการลูกค้าอยู่ที่โต๊ะถัดไปสองโต๊ะ วิทยาชะงักนิ่งเพ่งมองราวกับคนต้องมนตร์สะกด เธอสวยงามน่ารักแบบที่เขาไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน เขากระซิบบอกตัวเองในใจว่าต้องทำความรู้จักกับสาวน้อยคนนี้ให้ได้

“ไอ้วิท มองสาวเสียจนไม่สนใจเพื่อนเลยนะ” ธนา เพื่อนที่นั่งรอตะโกนพูดกับเพื่อนชายที่เพิ่งมาถึง ทำให้วิทยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์หันไปยิ้มแห้งๆให้เพื่อนและวินาทีนั้นสาวน้อยหุ่นบางก็หันมามองเขาพอดี

“ก็สวยขนาดนั้นจะไม่ให้มองได้ยังไงวะ” วิทยากระซิบบอกเพื่อนทันทีที่เดินมานั่ง เรียกเสียงเฮฮาและเสียงแซวจากเพื่อนทั้งสองได้ไม่น้อย

“เอ้าๆ ดื่มย้อมใจหน่อย” กร เพื่อนอีกคนยื่นแก้วใสที่มีเหล้าสีเหลืองอำพันอยู่ครึ่งแก้วให้เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้า วิทยารับแก้วจากเพื่อนก็กระดกรวดเดียวหมด ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะแล้วขอเพิ่มอีก

“ใจเย็นๆเพื่อน รอกับแกล้มมาก่อน” ธนาห้ามปรามเพื่อนไว้ เดี๋ยวจะเมาก่อนได้กินอาหาร

“ก็ข้าคอแห้งนี่หว่า” วิทยาพูดจบก็กระดกเหล้าอีกแก้วลงคอ เหล้าแก้วที่สองทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สายตาเริ่มสาดส่องหาสาวเสิร์ฟแสนสวยนางนั้นแต่ก็ไม่พบ

“ข้าจะสละโสดแล้วนะเว้ย” ธนาพูดขึ้นใบหน้าเปื้อนยิ้มนิดๆ

“เอ้ย จริงเหรอ ยินดีด้วยวะเพื่อน” กรใช้มือตบโต๊ะเสียงดังด้วยความพออกพอใจ ใบหน้ายิ้มแย้มแก้มสองข้างเริ่มแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์สุรา

วิทยาไม่พูดอะไรได้แต่ใช้มือโอบไหล่เพื่อนแล้วเขย่าแสดงความยินดีไปกับเพื่อนด้วยคน เขารู้ดีว่าธนากับคนรักต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเพียงใดกว่าจะได้ครองรักกัน ธนาเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็ก และด้วยความเป็นเด็กดี ขยันและตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ทำให้ธนาเรียนได้เกรดดีมาตลอดจนได้รับทุนศึกษาต่อปริญญาตรีและโท ปัจจุบันธนาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาแห่งหนึ่ง

ธนาไปหลงรักลูกสาวเถ้าแก่ร้านทอง แต่ด้วยความเป็นคนไม่มีชาติกระกูลและไม่ได้ร่ำรวยมากมายจึงถูกพ่อแม่ฝ่ายหญิงกีดกันทุกวิถีทาง และในวันนี้ธนาคงพิสูจน์ให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงยอมรับได้แล้ว

“ได้ฤกษ์แต่งวันไหน” วิทยาเอ่ยถาม

“เดือนหน้า ช่วงนี้ข้ากำลังติดต่อทำการ์ดแต่งงานอยู่ ทำเสร็จเมื่อไหร่ข้าจะเอามาให้พวกแกสองคนเป็นคนแรกเลย” ธนาตอบอย่างอารมณ์ดี บทสนทนาได้หยุดชะงักเมื่อสาวเสิร์ฟแสนสวยเดินถือถาดอาหารมาหยุดที่โต๊ะ

“เอาอาหารมาเสิร์ฟค่ะ” เธอพูดขึ้นเสียงใสแจ๋วราวกับระฆังแก้วสะกดสามหนุ่มให้นิ่งมองด้วยความเคลิบเคลิ้ม เธอค่อยๆบรรจงวางจานอาหารด้วยความอ่อนช้อย จนสามหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่เหมาะจะเป็นสาวเสิร์ฟในร้านเหล้าบ้านๆแบบนี้ หากจะเป็นก็คงเป็นสาวเสิร์ฟในภัตตาคารสุดหรูที่ต้องถูกฝึกถูกอบรมมาเป็นอย่างดีเพื่อบริการลูกค้า อาหารสี่จานถูกวางลงตรงหน้าพวกเขาอันประกอบตัว ปากเป็ดทอด น้ำตกสุดแซ่บ ยำปลาดุกฟู และต้มแซ่บกระดูกอ่อน (ใครอ่านแล้วเกิดหิวขึ้นมาอย่ามาว่าคนเขียนนะคะ ฮ่าๆ เพราะคนเขียนเองก็เกิดน้ำยายไหลย้อย เล่นกับคนอ่านเสียเลย แฮ่ๆ)

“พวกพี่ต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมคะ”

“ขอเหล้าเพิ่มอีกขวดครับ” วิทยาเอ่ยขึ้นทำลายความนิ่งเงียบของเพื่อนสองคนที่เอาแต่จ้องสาวน้อยแบบไม่วางตา ดูจะเป็นการเสียมารยาทเกินไปหน่อย

“โซดาสามด้วยครับ” กรสั่งเพิ่มอย่างรู้งาน หญิงสาวยิ้มแย้มผงกศีรษะเป็นการตอบรับ

“เดี๋ยวครับ ไม่ทราบน้องชื่ออะไรครับ” กรเอ่ยถามอย่างทันทีเมื่อหญิงสาวกำลังจะเดินผละออกจากโต๊ะ

“ไพลินค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงหวาน

“ชื่อเพราะจังเลยนะครับ คนก็สวยเหมือนชื่อเลย” กรหยอดคำหวานให้หญิงสาว เธอเพียงยิ้มให้แล้วเดินหายเข้าไปหลังร้านทันที

“ไอ้วิทแกจีบน้องเค้าเลยนะโว้ย”  กรหันมาเผชิญหน้ากับเพื่อน และออกคำสั่งเพื่อนทันที

“เรื่องนี้แกไม่ต้องมาบอกข้าหรอก ข้าจีบแน่ จีบจริงๆจังๆเลยละ” วิทยาพูดขึ้นเสียงเข้มแฝงความหมายลึกซึ้งบางอย่างแต่เพื่อนทั้งสองคนไม่มีใครจับความผิดปกติของคำพูดเพื่อน เพราะง่วนอยู่กับอาหารตรงหน้า

“ข้าก็สนใจวะ แต่ตอนนี้ โอ๊ย เจ็บกระดองใจ โอ๊ยเจ็บกระดองใจ เพิ่งโดนบอกเลิกมาหมาดๆใครจะมีอารมณ์ไปจีบหญิง แกเอาน้องไพลินแสนสวยไปเลย ข้ายอมให้แกไอ้เพื่อนรัก”  กรเริ่มพูดเสียงดังด้วยระดับการดื่มที่อาจเรียกได้ว่าเมาได้ที่แล้ว

“อกหักครั้งนี้ยังไม่ตายวะเพื่อน” ธนาตบไหล่ปลอบเพื่อนรัก ก่อนจะยกแก้วเหล้าชนกับแก้วของกร

“กูจะตายเพราะไม่มีเงินกินซื้อข้าวเด้-กนี้ละ แม-ร่-งหลอกเงินกูไปหมดบัญชีเลย” คราวนี้น้ำเสียงกรเกรี้ยวกราด อารมณ์โกรธแค้นคนรักเก่าเริ่มปะทุขึ้น

“เงินหมดก็หาใหม่ได้ ทีนี้ก็จำไว้รักใครก็ควรดูให้ดี” วิทยาปลอบใจเพื่อนอีกคน

“ขอบใจพวกแกสองคนมาก เอ้าๆ ชนแก้วหน่อย” กรยกแก้วขึ้นเหนือศีรษะ วิทยาและธนายกแก้วมาชน

“คืนนี้ข้าเลี้ยงเอง” วิทยาเสนอตัวเป็นเจ้ามือเรียกเสียงโห่ยินดีจากเพื่อน จนโต๊ะข้างๆต้องเหลือบสายตามามองอย่างไม่พอใจกับการส่งเสียงดังเกินเหตุ
เสียงโห่ยินดียังไม่ทันขาดหายไพลินก็ยกเหล้ากับโซดามาเสิร์ฟที่โต๊ะ แต่ขณะวางของบนโต๊ะไพลินรีบไปหน่อยจึงเผลอปัดมือไปโดนแก้วของวิทยา แก้วเหล้าร่วงหล่นจากโต๊ะ แต่ด้วยสัญชาตญาณวิทยารีบยื่นมือออกไปรับแก้วไว้ทัน เหล้าที่เพิ่งเติมลงไปในแก้วไม่กระเด็นออกจากแก้วแม้แต่หยดเดียว

“ขอโทษค่ะ หนูรีบไปหน่อย” ไพลินรีบกล่าวขอโทษ สายตาจ้องมองวิทยาด้วยความแปลกประหลาดใจกับความไวของเขา

“พี่เก่งจังเลยค่ะ รับแก้วได้ไวมากๆ ราวกับพระเอกในหนังเจมส์ บอนด์เลยค่ะ” ไพลินเอ่ยปากชื่นชม เธอได้แต่ยืนฉีกยิ้มกว้างให้เขา

“น้องไม่เคยได้ยินหรือครับ เมียตายไม่เสียดายเท่าเหล้าหก” วิทยาหยอกล้อกลับ ก่อนจะค่อยๆกระดกเหล้าในแก้วแล้วลอบจ้องพินิจสาวน้อยตรงหน้าผ่านแก้วเหล้า รอยยิ้มจางๆพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อคมคาย

“แต่ไอ้นี้มันยังไม่มีเมียนะจ๊ะน้อง”  กรแซวเพื่อนกลับ นั่นยิ่งทำให้ไพลินเขินจนหน้าแดงจนต้องขอตัวไปทำงานทันที

……………

วิทยากับเพื่อนยังคงนัดกันมานั่งที่ร้านเหล้าอยู่หลายวัน และเริ่มรู้จักไพลินมากขึ้น ไพลินเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ เธอต้องการหาเงินใช้จ่ายเองเพื่อไม่ให้เดือดร้อนพ่อกับแม่ที่บ้านมากจนเกินไป ญาติห่างๆจึงแนะนำเธอให้เธอมาสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านเหล้าแห่งนี้ เธอทำงานทุกวันหลังเลิกเรียน และจะขอหยุดบ้างหากวันไหนมีเรียนหนักหรือมีรายงานที่ต้องทำ

เจ้าของร้านเป็นคู่สามีภรรยารักใคร่ไพลินเหมือนลูกสาวหากเธอต้องการหยุดวันไหนทั้งสองก็อนุญาตทันที เพราะใจจริงแล้วสองสามีภรรยาก็อยากให้เธอเรียนหนังสือให้จบตามที่ตั้งใจไว้

พักหลังวิทยาแวะมาร้านเหล้าคนเดียว เพราะเพื่อนทั้งสองต่างไม่ว่าง ธนายุ่งกับการจัดเตรียมงานแต่ง ส่วนกรก็เร่งทำงานให้ทันโครงการที่ตนได้รับมอบหมาย

วิทยาสนิทกับไพลินมากขึ้นสองสามวันมานี้เขาเดินไปส่งไพลินที่หอพัก วิทยาดูออกว่าไพลินเองก็แอบมีใจให้ตนแต่เขายังเว้นระยะห่าง ไม่รีบเร่งจะเป็นแฟนกับไพลิน ลึกๆภายในใจวิทยายังรู้สึกไม่อยากคบใคร ไม่อยากมีพันธะกับใคร เขาชอบการใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่