เกริ่นก่อนนะครับ (กระทู้นี้ยาวนะครับ)
ที่ผ่านมาซื้อน้ำใบบัวบกจากตลาดติดแอร์บ้าง ตลาดริมถนนบ้าง ตามแหล่งต่างๆบ้าง ติดใจในรสชาติ/กลิ่นใบบัวบกที่ปะแล่มๆดี
แต่จะไม่ชอบอยู่อย่างเดียวที่จะค่อนข้างหวาน จึงเป็นที่มาของการคั้นน้ำใบบัวบกทานเอง (ย่างเข้าเดือนหก น้ำใบบัวบก ดีจัง)
ประโยชน์ของใบบัวบก อ่านแล้ว อู้หู อย่างเยอะ (ดูใน Spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://frynn.com/%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81/
ประโยชน์ของใบบัวบก
-บัวบกบัวบก เป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่มีระดับสารออกซาเลตที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในปริมาณต่ำ
-ใบบัวบก ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและวัย
-สรรพคุณใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
-ช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
-มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆในร่างกาย
-ประโยชน์ของใบบัวบก ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะบัวบกมีวิตามินเอสูง
-ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำนำมาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
-ช่วยบำรุงประสาทและสมองเหมือน ใบแปะก๊วย
-ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น และทำให้มีปฏิภาณไหวพริบเพิ่มมากขึ้น
-ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ
-เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด และความสามารถในการเรียนรู้
-ใบบัวบก สรรพคุณช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง หรือโรคอัลไซเมอร์ หรืออาการหลงลืมระยะสั้นได้
-ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
-ช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดสินใจเฉพาะหน้า
-ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ปวดศีรษะข้างเดียว
-ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
-ช่วยผ่อนคลายความเครียด
-ช่วยเสริมการทำงานของ กาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ จึงช่วยผ่อนคลายและทำให้หลับง่ายขึ้น
-ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
-ประโยชน์ของใบบัวบกช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
-ประโยชน์ใบบัวบก ใช้เป็นบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
-ช่วยบำรุงโลหิตในร่างกาย
-ช่วยบำรุงหัวใจ
-ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
-ช่วยทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
-ช่วยทำให้หน้าตาสดใส เหมือนเป็นวัยรุ่น
-ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
-ช่วยบำรุงเสียง
-ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดประมาณ 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อย ๆ
-ช่วยแก้กระหายน้ำ
-สรรพคุณใบบัวบก ช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
-ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง
-ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดี
-ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวะร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม
-ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
-ช่วยรักษาอาหารหืด
-ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสด ๆทั้งต้นประมาณ 30 กรัมนำมาค้นเอาน้ำ เติมน้ำตาลเล็กน้อยแล้วดื่มกินประมาณ 5-7 วัน
-ช่วยรักษาโรคลมชัก
-ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
-ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะแรก ด้วยการใช้บัวบกและเปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับเหล้าดื่ม
-ช่วยแก้คนเป็นบ้า
-ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
-สรรพคุณของบัวบก ช่วยลดความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้หลอดเลือด และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
-ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
-ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า
-ช่วยแก้ไข้
-ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะทำให้เลือดเดินแต่เลือดจะไม่ออกจากเส้นเลือดและยังทำให้เลือดเย็นอีกด้วย
-ช่วยแก้อาการช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบกระแทก
-เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
-ช่วยทำให้เจริญอาหาร รับประทานอาหารได้มากขึ้น
-บัวบกสรรพคุณ ช่วยแก้อาการท้องเสีย
-สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์ป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
-ประโยชน์ของใบบัวบกช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
-ช่วยรักษาโรคบิด หรือมีมูกเลือดปนเมื่อขับถ่าย
-ช่วยรักษากระเพาะอาหารเป็นแผล
-ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
-ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
-แก้อาการปัสสาวะติดขัด ด้วยการใช้ใบบัวบกประมาณ 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อถ่ายปัสสาวะคล่องดีแล้วค่อยเอาออก
-บัวบกสรรพคุณทางยา ช่วยขับความร้อนชื้นทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว
-ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำชาข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
-ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากปัสสาวะ
-ช่วยแก้อาการน้ำดีในร่างกายมากเกินไป
-ช่วยรักษาโรคม้ามโต
-ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบ
-แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
-ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
-ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ
-ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ด้วยการใช้ใบบัวบกมาทุบให้แหลกแล้วนำมาโปะบริเวณที่ฟกช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงประมาณ 250 cc. ประมาณ 1 ชั่วโมงล้วนำมาดื่ม
-ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกนำมาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกบริเวณที่เป็น
-ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
-ใบบัวบกสรรพคุณทางยา ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ เช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด เป็นต้น
-ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดหนอง
-สรรพคุณใบบัวบกช่วยลดอาการอักเสบของแผลเป็นอย่างดี และใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้ว
-ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
-ใช้เป็นยาถอนพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อน จากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งต้นสดของบัวบกประมาณ 3 ต้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วนำมาพอกแผลไฟไหม้
-บัวบกมีการนำมาผลิตเป็นแคปซูลวางจำหน่าย มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
-ปัจจุบันมีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในรูปแบบผงใช้โรยแผล และในรูปแบบเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสดไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และยังช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นอีกด้วย
-ช่วยแก้อาการ ก้างปลาติดคอ ด้วยการน้ำบัวบกไปต้มน้ำ แล้วค่อย ๆ กลืนน้ำลงคอ
-ใบและเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุบหน่อไม้ เป็นต้น
-น้ำคั้นจากใบบัวบกนำมาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมศีรษะ มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ แก้ปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย
-น้ำใบบัวบก เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนเป็นอย่างมาก เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
-สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิว และปลอดภัยกับร่างกาย
-สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง
-มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นวัสดุปิดแผล
-ลบรอยตีนกาตื้น ๆ ด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วบริเวณหางตาหรือทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรทาทุกวันก่อนนอน
-มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็น สบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้
จากนั้นก็ลองหาข้อมูลในพันทิป และ Youtube เกี่ยวกับการคั้นน้ำใบบัวบก ใน Spoil ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://ppantip.com/topic/32144573
http://ppantip.com/topic/30372199
https://www.youtube.com/watch?v=Rro1AuUqfO4
สรุป :
1.ล้างใบบัวบกให้สะอาด แช่น้ำส้มสายชูแช่สักพัก 10-15 นาที แล้วล้างน้ำอีกให้สะอาด ให้สะอาดอย่างมั่นใจ
2.ใช้น้ำต้มสุกทิ้งให้เย็น หรือ น้ำขวด แล้วจึงนำมาปั่นกับใบบัวบก
3.กรองใส่ขวด แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ
4.ทานสด/แช่ตู้เย็น ดื่มภายใน 3 วัน
ทำจริง + ข้อสังเกตและข้อสงสัยสอบถามผู้เชี่ยวชาญ/ชื่นชอบ/เคยคั้น/เคยดื่ม/ชาวพันทิป จ้า
1.ซื้อใบบัวบกจากตลาด มีทั้งกำละ 5 บ้าง กำละ 10 บ้าง หรือ 3 กำ 10 บ้าง แล้วแต่ร้าน
มาดูที่ใบดังรูป เด็ดใบติดก้านคอใบมาเล็กน้อย สังเกตจะพบว่า ใบไม่ได้เขียวสวยสดทุกใบ จะมีจุดบ้าง ลายดำบ้าง ตะไคร่น้ำติดบ้าง
ดินติดบ้าง โคลนติดบ้าง ใยแมงมุมติดบ้าง
จขกท.จะคัดใบลักษณะนี้ทิ้งไปเลยครับ เพราะกลัว 555 >>> เลยอยากสอบถามว่า จริงๆใบลักษณะดังรูปบน ทานได้ไหม ต้องคัดทิ้งไหม???
(โดยการทำความสะอาดใบบัวบก จขกท.จะเด็ดทีละใบมาล้างน้ำ เอาเศษออกให้หมด โดยเฉพาะหลังใบ บางทีจะมีเศษดินติดแน่น ถ้าล้างไม่ดียังไงก็ไม่ออกแน่ๆครับ >>> ทำให้ฉุกคิดว่า แล้วพวกร้านขายน้ำริมทางล่ะ จะใส่ใจแบบนี้ไหมหนอ??? >>> แต่ที่ผ่านมาซื้อดื่มก็ไม่เคยท้องเสียนะ ก็งงดี
(อยากบอกว่ามีครั้งนึง ซื้อน้ำใบบัวบกริมทาง แล้วพบปีเตอร์ซุกอยู่ในบัวบกบกบนรถเข็นครับ แทบช็อค แต่ จขกท.ก็ดื่มน้ำใบบัวบกหมดนะครับเพราะเสียตังค์ซื้อแล้ว โดยคิดว่าปีเตอร์คงไม่ได้อยู่ในน้ำใบบัวบกล็อตที่ทานนี้หรอกน่า
555 ประมาณหลับตาดื่มว่างั้นครับ สุดท้ายท้องก็ไม่เสียนะ
2.หลังจากล้างทีละใบจนหมด จะล้างน้ำสะอาด 2 รอบ จากนั้นแช่น้ำใบบัวบกในน้ำส้มสายชู 10-15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีก 1 รอบ ดังภาพ
ได้ประมาณ 3 กำมือครับ
3.ใบบัวบก มีหลายขนาด ไม่แน่ใจว่า ใบขนาดไหนดีกว่าครับ ไม่รู้ว่าใบขนาดไหนส่งผลต่อกลิ่นน้ำใบบัวบกมากกว่า
จขกท.ก็ใส่ทุกขนาดที่มีนั่นแหละครับ เพราะคัดใบไม่สวยดังข้างต้นออกไป จะคัดใบใหญ่ใบเล็กอีกก็คงไม่ต้องทานละ 555 เพราะเหลือใบน้อยแน่ๆ
4.นำไปปั่นในเครื่องปั่นเลยครับ ใช้น้ำขวด 600 CC เติมหมด + ใบบัวบก 3 กำมือ ดังภาพ (มีใส่ใบย่านางไปด้วย 10 กว่าใบครับ)
กดปั่นจนละเอียด พยายามกดปั่นแช่แต่ละรอบไม่นานเกิน 5 วินาทีครับ เพราะเคยอ่านเจอว่า ความร้อนจากเครื่องปั่นจะทำลายคุณค่าคลอโรฟิลล์
5.รอบแรกกรองผ่านตะแกรงละเอียดใส่ขวดน้ำเลย ดังภาพ
แล้วเติมน้ำผึ้ง ประมาณ 1 ช้อนกาแฟ (เพราะไม่ชอบหวานมากครับ) แล้วเขย่าขวด นำไปเทลงขวดแก้วเล็กได้ 3 ขวดนั่นเองครับ
6.รอบสอง คือหลังจากรอบแรก จะเหลือกากใบบัวบก ที่ดูแล้วยังเข้มข้นมาก ก็เลยเติมน้ำเปล่าอีกประมาณ 300 CC
จากนั้นก็ใช้มือคั้นครับ คราวนี้ได้กินขี้มือตัวเอง 555 คั้นจนเมื่อยหรือน้ำออกสีเขียวตามที่พอใจครับ
คราวนี้ไม่ได้เติมน้ำผึ้งละ กรอกใส่ขวดแก้วเลยละกัน
7.นำไปแช่ตู้เย็น เพื่อให้ทานง่ายขึ้นครับ คือทานเลยทันที มันทานยากกว่าแช่เย็นครับ แช่เย็นแล้วทานง่ายกว่านั่นเอง
และก่อนที่จะให้ผู้อื่นลองดื่ม จขกท.จะแบ่งมาใส่แก้ว Shot เล็กๆดื่มก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการท้องเสียนั่นเองครับ
ที่ผ่านมาทุกครั้งก็ยังไม่มีการท้องเสียนะ อิอิ ทั้ง จขกท.เอง และหนูทดลอง (มากกว่า 10 ครั้งละ)
8.ภาพกากใบบัวบก กับ ก้านใบบัวบก
กากใบบัวบกเล็กน้อย จขกท.จะเอามาพอกหน้า แล้วก็ทิ้งครับ
ส่วนก้านนี่ทิ้งหมดเลย บางทีก็เสียดายนะ
มีคำแนะนำไหมครับ ว่าเอาไปทำอะไรดี
9.เมื่อได้ดื่มแล้ว มีข้อสังเกตดังนี้
- น้ำรอบแรกจะมีกลิ่นใบบัวบกแรงกว่าน้ำรอบสอง
- แต่น้ำใบบัวบกที่คั้นทั้งสองรอบ ยังมีกลิ่นใบบัวบก น้อยกว่าที่ซื้อมาทาน >>> ตรงจุดนี้มีคำแนะนำอย่างไรไหมครับ หรือควรเพิ่มปริมาณใบบักบกอีกสักกำมือ หรือ เพราะแช่ในน้ำส้มสายชู กลิ่นเลยจางไป หรือเพราะใส่ใบย่านางไปด้วย กลิ่นเลยตีกัน ???
- แต่รสชาติก็ถือว่ากลมกล่อมครับ ละมุนละมไม ไม่หวาน ตรงใจ จขกท.แม้กลิ่นใบบัวบจะน้อยไปหน่อยจ้า
เรียบร้อยโรงเรียนใบบัวบกจ้า หากมีข้อแนะนำรบกวนช่วยชี้แนะด้วยจ้า
ขอบคุณจ้า
คั้นน้ำใบบัวแล้วมีข้อสังเกต สอบถามผู้เชี่ยวชาญ/ชื่นชอบ/เคยคั้น/เคยดื่ม/ชาวพันทิป จ้า
ที่ผ่านมาซื้อน้ำใบบัวบกจากตลาดติดแอร์บ้าง ตลาดริมถนนบ้าง ตามแหล่งต่างๆบ้าง ติดใจในรสชาติ/กลิ่นใบบัวบกที่ปะแล่มๆดี
แต่จะไม่ชอบอยู่อย่างเดียวที่จะค่อนข้างหวาน จึงเป็นที่มาของการคั้นน้ำใบบัวบกทานเอง (ย่างเข้าเดือนหก น้ำใบบัวบก ดีจัง)
ประโยชน์ของใบบัวบก อ่านแล้ว อู้หู อย่างเยอะ (ดูใน Spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นก็ลองหาข้อมูลในพันทิป และ Youtube เกี่ยวกับการคั้นน้ำใบบัวบก ใน Spoil ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป :
1.ล้างใบบัวบกให้สะอาด แช่น้ำส้มสายชูแช่สักพัก 10-15 นาที แล้วล้างน้ำอีกให้สะอาด ให้สะอาดอย่างมั่นใจ
2.ใช้น้ำต้มสุกทิ้งให้เย็น หรือ น้ำขวด แล้วจึงนำมาปั่นกับใบบัวบก
3.กรองใส่ขวด แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ
4.ทานสด/แช่ตู้เย็น ดื่มภายใน 3 วัน
ทำจริง + ข้อสังเกตและข้อสงสัยสอบถามผู้เชี่ยวชาญ/ชื่นชอบ/เคยคั้น/เคยดื่ม/ชาวพันทิป จ้า
1.ซื้อใบบัวบกจากตลาด มีทั้งกำละ 5 บ้าง กำละ 10 บ้าง หรือ 3 กำ 10 บ้าง แล้วแต่ร้าน
มาดูที่ใบดังรูป เด็ดใบติดก้านคอใบมาเล็กน้อย สังเกตจะพบว่า ใบไม่ได้เขียวสวยสดทุกใบ จะมีจุดบ้าง ลายดำบ้าง ตะไคร่น้ำติดบ้าง
ดินติดบ้าง โคลนติดบ้าง ใยแมงมุมติดบ้าง
จขกท.จะคัดใบลักษณะนี้ทิ้งไปเลยครับ เพราะกลัว 555 >>> เลยอยากสอบถามว่า จริงๆใบลักษณะดังรูปบน ทานได้ไหม ต้องคัดทิ้งไหม???
(โดยการทำความสะอาดใบบัวบก จขกท.จะเด็ดทีละใบมาล้างน้ำ เอาเศษออกให้หมด โดยเฉพาะหลังใบ บางทีจะมีเศษดินติดแน่น ถ้าล้างไม่ดียังไงก็ไม่ออกแน่ๆครับ >>> ทำให้ฉุกคิดว่า แล้วพวกร้านขายน้ำริมทางล่ะ จะใส่ใจแบบนี้ไหมหนอ??? >>> แต่ที่ผ่านมาซื้อดื่มก็ไม่เคยท้องเสียนะ ก็งงดี
(อยากบอกว่ามีครั้งนึง ซื้อน้ำใบบัวบกริมทาง แล้วพบปีเตอร์ซุกอยู่ในบัวบกบกบนรถเข็นครับ แทบช็อค แต่ จขกท.ก็ดื่มน้ำใบบัวบกหมดนะครับเพราะเสียตังค์ซื้อแล้ว โดยคิดว่าปีเตอร์คงไม่ได้อยู่ในน้ำใบบัวบกล็อตที่ทานนี้หรอกน่า 555 ประมาณหลับตาดื่มว่างั้นครับ สุดท้ายท้องก็ไม่เสียนะ
2.หลังจากล้างทีละใบจนหมด จะล้างน้ำสะอาด 2 รอบ จากนั้นแช่น้ำใบบัวบกในน้ำส้มสายชู 10-15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีก 1 รอบ ดังภาพ
ได้ประมาณ 3 กำมือครับ
3.ใบบัวบก มีหลายขนาด ไม่แน่ใจว่า ใบขนาดไหนดีกว่าครับ ไม่รู้ว่าใบขนาดไหนส่งผลต่อกลิ่นน้ำใบบัวบกมากกว่า
จขกท.ก็ใส่ทุกขนาดที่มีนั่นแหละครับ เพราะคัดใบไม่สวยดังข้างต้นออกไป จะคัดใบใหญ่ใบเล็กอีกก็คงไม่ต้องทานละ 555 เพราะเหลือใบน้อยแน่ๆ
4.นำไปปั่นในเครื่องปั่นเลยครับ ใช้น้ำขวด 600 CC เติมหมด + ใบบัวบก 3 กำมือ ดังภาพ (มีใส่ใบย่านางไปด้วย 10 กว่าใบครับ)
กดปั่นจนละเอียด พยายามกดปั่นแช่แต่ละรอบไม่นานเกิน 5 วินาทีครับ เพราะเคยอ่านเจอว่า ความร้อนจากเครื่องปั่นจะทำลายคุณค่าคลอโรฟิลล์
5.รอบแรกกรองผ่านตะแกรงละเอียดใส่ขวดน้ำเลย ดังภาพ
แล้วเติมน้ำผึ้ง ประมาณ 1 ช้อนกาแฟ (เพราะไม่ชอบหวานมากครับ) แล้วเขย่าขวด นำไปเทลงขวดแก้วเล็กได้ 3 ขวดนั่นเองครับ
6.รอบสอง คือหลังจากรอบแรก จะเหลือกากใบบัวบก ที่ดูแล้วยังเข้มข้นมาก ก็เลยเติมน้ำเปล่าอีกประมาณ 300 CC
จากนั้นก็ใช้มือคั้นครับ คราวนี้ได้กินขี้มือตัวเอง 555 คั้นจนเมื่อยหรือน้ำออกสีเขียวตามที่พอใจครับ
คราวนี้ไม่ได้เติมน้ำผึ้งละ กรอกใส่ขวดแก้วเลยละกัน
7.นำไปแช่ตู้เย็น เพื่อให้ทานง่ายขึ้นครับ คือทานเลยทันที มันทานยากกว่าแช่เย็นครับ แช่เย็นแล้วทานง่ายกว่านั่นเอง
และก่อนที่จะให้ผู้อื่นลองดื่ม จขกท.จะแบ่งมาใส่แก้ว Shot เล็กๆดื่มก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการท้องเสียนั่นเองครับ
ที่ผ่านมาทุกครั้งก็ยังไม่มีการท้องเสียนะ อิอิ ทั้ง จขกท.เอง และหนูทดลอง (มากกว่า 10 ครั้งละ)
8.ภาพกากใบบัวบก กับ ก้านใบบัวบก
กากใบบัวบกเล็กน้อย จขกท.จะเอามาพอกหน้า แล้วก็ทิ้งครับ
ส่วนก้านนี่ทิ้งหมดเลย บางทีก็เสียดายนะ
มีคำแนะนำไหมครับ ว่าเอาไปทำอะไรดี
9.เมื่อได้ดื่มแล้ว มีข้อสังเกตดังนี้
- น้ำรอบแรกจะมีกลิ่นใบบัวบกแรงกว่าน้ำรอบสอง
- แต่น้ำใบบัวบกที่คั้นทั้งสองรอบ ยังมีกลิ่นใบบัวบก น้อยกว่าที่ซื้อมาทาน >>> ตรงจุดนี้มีคำแนะนำอย่างไรไหมครับ หรือควรเพิ่มปริมาณใบบักบกอีกสักกำมือ หรือ เพราะแช่ในน้ำส้มสายชู กลิ่นเลยจางไป หรือเพราะใส่ใบย่านางไปด้วย กลิ่นเลยตีกัน ???
- แต่รสชาติก็ถือว่ากลมกล่อมครับ ละมุนละมไม ไม่หวาน ตรงใจ จขกท.แม้กลิ่นใบบัวบจะน้อยไปหน่อยจ้า
เรียบร้อยโรงเรียนใบบัวบกจ้า หากมีข้อแนะนำรบกวนช่วยชี้แนะด้วยจ้า
ขอบคุณจ้า