ในยุคปัจจุบัน คน โง่+ขยัน ควรทำอะไรดีที่สุดครับ
เพื่อนมาปรึกษาครับ
บ้านเพื่อนค่อนข้างมีฐานะกลางๆ ค่อนไปทางสบาย
เพื่อนมีน้อง 30+ ที่ไม่เคยทำงานประจำ แต่อยากทำธุรกิจโดยการขอเงินลงทุนจากที่บ้าน ขอเรียกว่า A ละกันครับ
เป็นคนค่อนข้างขยัน ชอบอ่านหนังสือ หาข้อมูลในเรื่องที่สนใจ ชอบไปหาคอร์สเรียน
พอเรียนจบคอร์สก็ขอให้ที่บ้านลงทุนให้แต่ก็เจ๊ง (งบที่ใช้แต่ละครั้ง แล้วแต่โครงการ ประมาณ 5 หลัก ถึง 6 หลัก)
ทุกโครงการเจ๊งทุกครั้ง แต่ A ก็บอกว่าแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าเจ๊ง มันเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ ทางแก้ไขปัญหามี คือต้องซื้อเครื่องจักรมาเพิ่ม ต้องมีคนงานเพิ่ม ต้องมีรถขนส่งเป็นของตัวเอง เพื่อไปแข่งกับเจ้าใหญ่ๆ
แต่ที่บ้านเห็นว่า แบบนี้เรียกว่าเจ๊ง เพราะที่บ้านบอกแล้วให้ทำแบบเล็กๆ ให้รอดก่อน ซึ่งการมาขอเพิ่มแบบนี้การใช้เงินเกินงบประมาณ การของบประมาณเพิ่มเป็นความเสี่ยง เพราะ A ตอนนี้เหมือนผีพนัน จะเอาทุนคืนให้ได้
ปัจจุบัน มีโครงการมาเสนอใหม่อีกครั้ง
แต่ด้วยลักษณะเด่นในเชิงลบ ที่บ้านเพื่อนจึงไม่อยากเสี่ยงอีก
ลักษณะเด่นที่ว่า
- บริหารไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรสำคัญน้อย สำคัญปานกลาง สำคัญมาก อะไรควรทำก่อน-หลัง
- ตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
- ไม่เข้าใจ ต้นทุน ขาดทุน กำไร (ไม่เคยเอาต้นทุนจริงมาคำนวน)
- มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ใครแนะนำไม่เคยเชื่อ
- ให้ช่วยงานที่บ้าน ก็ทำให้ธุรกิจที่บ้านรวน (ปัจจุบันให้อยู่บ้านเฉยๆ และไปเรียนอบรมคอร์สที่สนใจ และให้เงินใช้จ่ายตามพอสมควร)
ปล...เคยไปอบรมสั้นๆ ด้านบริหารมา ด้านบัญชี ฯลฯ มาแล้ว
วลีไม้ตายของ A : ไม่ลองลงทุนแล้วจะรู้ได้ไงว่า จะรอดหรือเจ๊ง, ทำให้ตัวเองดีกว่าไปเป็นลูกน้องคนอื่น
ในความคิดผม ผมว่าเหมาะกับการเป็นลูกน้อง โดยต้องมีคนบอกว่าให้ทำอะไร ก็ทำตามนั้น แต่จะยอมทำหรือเปล่านี่ก็อีกเรื่อง (เพื่อนบอก A ไม่ยอมไปทำงานประจำ)
ขอบคุณครับ
ยุคปัจจุบัน คน โง่+ขยัน ควรทำอะไรดีที่สุดครับ
เพื่อนมาปรึกษาครับ
บ้านเพื่อนค่อนข้างมีฐานะกลางๆ ค่อนไปทางสบาย
เพื่อนมีน้อง 30+ ที่ไม่เคยทำงานประจำ แต่อยากทำธุรกิจโดยการขอเงินลงทุนจากที่บ้าน ขอเรียกว่า A ละกันครับ
เป็นคนค่อนข้างขยัน ชอบอ่านหนังสือ หาข้อมูลในเรื่องที่สนใจ ชอบไปหาคอร์สเรียน
พอเรียนจบคอร์สก็ขอให้ที่บ้านลงทุนให้แต่ก็เจ๊ง (งบที่ใช้แต่ละครั้ง แล้วแต่โครงการ ประมาณ 5 หลัก ถึง 6 หลัก)
ทุกโครงการเจ๊งทุกครั้ง แต่ A ก็บอกว่าแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าเจ๊ง มันเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ ทางแก้ไขปัญหามี คือต้องซื้อเครื่องจักรมาเพิ่ม ต้องมีคนงานเพิ่ม ต้องมีรถขนส่งเป็นของตัวเอง เพื่อไปแข่งกับเจ้าใหญ่ๆ
แต่ที่บ้านเห็นว่า แบบนี้เรียกว่าเจ๊ง เพราะที่บ้านบอกแล้วให้ทำแบบเล็กๆ ให้รอดก่อน ซึ่งการมาขอเพิ่มแบบนี้การใช้เงินเกินงบประมาณ การของบประมาณเพิ่มเป็นความเสี่ยง เพราะ A ตอนนี้เหมือนผีพนัน จะเอาทุนคืนให้ได้
ปัจจุบัน มีโครงการมาเสนอใหม่อีกครั้ง
แต่ด้วยลักษณะเด่นในเชิงลบ ที่บ้านเพื่อนจึงไม่อยากเสี่ยงอีก
ลักษณะเด่นที่ว่า
- บริหารไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรสำคัญน้อย สำคัญปานกลาง สำคัญมาก อะไรควรทำก่อน-หลัง
- ตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
- ไม่เข้าใจ ต้นทุน ขาดทุน กำไร (ไม่เคยเอาต้นทุนจริงมาคำนวน)
- มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ใครแนะนำไม่เคยเชื่อ
- ให้ช่วยงานที่บ้าน ก็ทำให้ธุรกิจที่บ้านรวน (ปัจจุบันให้อยู่บ้านเฉยๆ และไปเรียนอบรมคอร์สที่สนใจ และให้เงินใช้จ่ายตามพอสมควร)
ปล...เคยไปอบรมสั้นๆ ด้านบริหารมา ด้านบัญชี ฯลฯ มาแล้ว
วลีไม้ตายของ A : ไม่ลองลงทุนแล้วจะรู้ได้ไงว่า จะรอดหรือเจ๊ง, ทำให้ตัวเองดีกว่าไปเป็นลูกน้องคนอื่น
ในความคิดผม ผมว่าเหมาะกับการเป็นลูกน้อง โดยต้องมีคนบอกว่าให้ทำอะไร ก็ทำตามนั้น แต่จะยอมทำหรือเปล่านี่ก็อีกเรื่อง (เพื่อนบอก A ไม่ยอมไปทำงานประจำ)
ขอบคุณครับ