สุดยอดอภิมหาปรากฏการณ์ซีรีส์ขวัญใจมหาชน Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนจบ ที่ยืดเวลาออกอากาศเพิ่มเป็น 69 นาที ปิดฉากซีซั่นนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่ ทำสถิติยอดชมเฟิร์สรันสูงสุดตลอดกาลที่ตัวเลข 8.9 ล้านยอดชม ขณะเดียวกันเรื่องราวต่างๆก็ยังเข้มข้นขึ้นต่อเนื่อง สถานการณ์ในคิงส์แลนดิ้ง ในที่สุดก็ถึงวันตัดสินโทษของ เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ กับ ลอรัส ไทเรล ขณะที่ทางด้านเหนือ หลังจากล้างบางตระกูลโบลตันสิ้นชื่อไปแล้ว ถึงเวลาที่ตระกูลต่างๆจะต้องเลือกราชันแห่งแดนเหนืออันชอบธรรม ติดตามเรื่องทั้งหมดใน TV Recap Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 10 “The Winds of Winter”
ตอนที่ 10 “The Winds of Winter”
เริ่มเรื่องที่สถานการณ์ในคิงส์แลนดิ้ง และแล้วก็ถึงวันตัดสินโทษ เสียงระฆังดังก้องกังวานแจ้งเตือนให้ทุกคนรับทราบถึงพิธีการอันสำคัญ ไฮ สแปร์โรว์ พร้อมด้วยเซพตันอีก 6 คน ร่วมกันเป็นประธานในการไต่สวนความผิดของ ลอรัส ไทเรล และ เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ที่วิหารเบเลอร์ ขณะเดียวกัน ราชินีมาเจอรี ไทเรล พร้อมด้วยพ่อของเธอ เมซ ไทเรล กับ เคแวน แลนนิสเตอร์ และขุนนางสูงศักดิ์จำนวนมากต่างมาเป็นสักขีพยาน แต่ทว่ากลับมีความผิดปกติบางอย่าง เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ไม่ปรากฏตัวที่งาน แถมยังส่งองครักษ์ยักษ์ เกรกอร์ คลิเกน ไปกักบริเวณ พระราชาทอมเมน บาราเทียน ไม่ให้ออกไปที่วิหาร ส่วน แกรนด์เมสเตอร์ไพเซลล์ ก็ได้รับแจ้งจากเด็กน้อยว่าให้ลงไปที่ห้องใต้ดินตามพระบัญชาของกษัตริย์ แต่สุดท้ายโดนหลอกลงไปโดนเหล่าเด็กๆฆ่าตาย
พิธีตัดสินโทษเริ่มต้นขึ้น ลอรัส ไทเรล ถูกนำตัวมาอยู่กลางวิหารเบเลอร์ต่อหน้าเซพตันทั้ง 7 คน ไฮ สแปร์โรว์ เปิดฉากถามความพร้อมที่จะรับฟังการไต่สวนพิจารณาความผิด แต่ ลอรัส ตัดสินใจสารภาพผิดยอมรับทุกข้อกล่าวหา ได้แก่ ความผิดฐานหลับนอนกับเพศเดียวกัน รวมทั้งกับ เรนลี บาราเทียน, ความผิดฐานโกหกต่อทวยเทพ และตัดสินใจยอมรับการลงโทษของทวยเทพ ไฮ สแปร์โรว์ ได้ยินเช่นนี้จึงชี้แจงว่าโทษของทวยเทพนั้นรุนแรง แต่พระแม่ทรงมีเมตตาต่อผู้ที่ยอมรับสำนึกผิดและคุกเข่ารับการอภัยต่อหน้าพระองค์ พอพูดจบ ลอรัส ก็คุกเข่ากล่าวยอมรับผิดและขออุทิศชีวิตต่อเทพทั้ง 7
แต่ ไฮ สแปร์โรว์ ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ลอรัส ยืนยันตนรู้ดีถึงความหมายของการตัดสินใจครั้งนี้ว่า "ข้าจะสละนามตระกูลไทเรล และลาภยศทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าขอสละอำนาจและสิทธิ์การครองไฮ การ์เด้น ข้าจะไม่แต่งงาน และข้าจะไม่มีบุตร" จากนั้น ไฮ สแปร์โรว์ ก็ถามความสมัครใจอีกครั้ง ลอรัส ก็ยืนยันเช่นเดิม ไฮ สแปร์โรว์ จึงส่งสัญญาณให้นักบวชเข้ามากรีดหน้าผากทำสัญลักษณ์รูปดาวบนหน้าลอรัส ระหว่างนี้ เมซ ไทเรล ทนไม่ไหวจะเข้าไปช่วยลูกชาย แต่ ราชินีมาเจอรี ห้ามเอาไว้
หลังจากเสร็จสิ้นการตัดสินโทษของลอรัสเรียบร้อย ไฮ สแปร์โรว์ ก็สั่งให้ นักบวชแลนเซล แลนนิสเตอร์ พาสหายนักบวชไปตามตัว เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ที่ไม่ยอมมาร่วมพิธี แต่พอออกมาจากวิหาร นักบวชแลนเซล เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีลงไปชั้นใต้ดิน จึงให้สหายนักบวชคนอื่นไปตามพวกพ้องแล้วล่วงหน้าไปตามตัว เซอร์ซี ส่วนทางนักบวชแลนเซล วิ่งตามเด็กน้อยลงไป แต่แล้วเขาก็ถูกดักแทงล้มในอุโมงใต้ดิน จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นถังไม้ข้างทางยาวไปจนถึงด้านใน แต่ด้วยร่างที่บาดเจ็บทำให้ต้องค่อยๆคลานคืบเข้าไป พอเข้ามาใกล้นักบวชแลนเซลถึงกับตกใจเมื่อเห็นเปลวเทียนค่อยๆหลอมละลายอยู่บนของเหลวสีเขียว นั่นก็คือ เพลิงโลกันตร์ (Wildfire)
ระหว่างนี้ในวิหารเบเลอร์ ราชินีมาเจอรี สังเกตได้ถึงความผิดปกติและพยายามจะบอกให้ยกเลิกการตัดสินแล้วตะโกนให้ทุกคนรีบออกไปจากวิหาร แต่ ไฮ สแปร์โรว์ ยังไม่เชื่อ เหล่านักบวชมาปิดขวางประตูไว้ทุกด้าน ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดอย่างรุนแรงในอุโมงใต้ดิน นักบวชแลนเซล ร่างแหลก แรงระเบิดทะยานพุ่งขึ้นมาทำให้วิหารระเบิดพังยับ ไฮ สแปร์โรว์ ร่างไหม้เป็นจุณ ทุกชีวิตที่อยู่ในวิหารกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ยืนมองเหตุการณ์อยู่บนหอคอยเร้ดคีปด้วยสีหน้าพึงพอใจ จิบไวน์ชิวๆ ยิ้มเบาๆที่มุมปาก แล้วก็เดินกลับไปเข้าไปข้างในแล้วก็ลงไปห้องใต้ดิน ภายในห้องนี้ แม่ชีอุเนลลา โดนจับมัดนอนอยู่กลางแท่นหิน เซอร์ซี มาถึงก็ราดไวน์ลงบนหน้าพร้อมกับบอกให้แม่ชีสารภาพ เธอทำทุกอย่างเหมือนที่เธอเคยโดนกระทำตอนถูกจับขัง ขณะเดียวกันเธอก็สารภาพเพื่อเยาะเย้ยแม่ชีว่า ตัวเธอรู้สึกดีที่ได้ฆ่าสามี (อดีตพระราชาโรเบิร์ต) เธอรู้สึกดีที่ได้สมสู่กับน้องชาย (เจมี) เธอโกหกเรื่องสมสู่กับน้องชาย เพราะรู้สึกดีที่ทำให้ลูกๆของเธอปลอดภัยจากความเกลียดชัง และปิดท้ายว่า เธอฆ่าไฮ สแปร์โรว์ กับเหล่าทหารนักบวชทุกคน เพราะรู้สึกดีที่ได้เห็นพวกมันทุกคนถูกเผา จากนั้นก็บอกว่า แม่ชีจะยังไม่ตายวันนี้ และจะยังไม่ตายไปอีกพักใหญ่ แล้วเธอก็เรียก เซอร์เกรกอร์ เข้ามาจัดการต่อ ส่วนตัวเธอก็เดินออกจากห้องไป พร้อมกับตะโกนคำว่า "Shame Shame Shame(น่าละอาย)" ส่วน แม่ชี ได้แต่กรีดร้องโหยหวนด้วยความทรมาน
พระราชาทอมเมน ที่ยืนดูเหตุการณ์จากบนหอคอย หน้าซีด ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น จิตตกสุดขีด ทำสีหน้าเหมือนกับหมดอาลัยตายอยาก สักพักก็ตัดสินใจถอดมงกุฏออกแล้วก็เดินไปปีนหน้าต่างทิ้งตัวลงมาจากหอคอยจบชีวิตด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ต่อมา เซอร์ซี ก็มายืนดูศพลูกชายพร้อมกับเจ้ากรมข่าวกรองไคเบิร์น แต่สีหน้าของเธอดูไม่ทุกข์ร้อนเศร้าโศกเสียใจอันใด เธอกลับยืนมองศพลูกชิวๆโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใดทั้งสิ้น แล้วก็เธอสั่งให้ ไคเบิร์น นำศพพระราชาทอมเมน ไปเผาแล้วโปรยเถ้าไปรวมกับพวกที่ตายในวิหาร
หลังจากยึดปราสาทริเวอร์รันกลับมาอีกครั้งได้สำเร็จ วัลเดอร์ เฟรย์ ก็เชิญ เจมี แลนนิสเตอร์ พร้อมกองทัพมาเลี้ยงฉลองกันที่ปราสาททวินส์ สักพัก วัลเดอร์ เฟรย์ ก็มานั่งข้าง เจมี ชวนคุยกันถึงการร่วมมือกันในศึกครั้งนี้ พร้อมกับบอกว่าจับตัว เอ็ดมัวร์ ทัลลี ขังคุกตามเดิมเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเหตุผลที่ว่า เอ็ดมัวร์ แต่งงานกับคนตระกูลเฟรย์ จึงถือเป็นลูกคนนึงของตน ทำให้ไม่สามารถฆ่าลูกตัวเองได้ จากนั้นก็พูดเย้ยเจ้าปลาดำ บรินเดน ทัลลี นักรบผู้เกรียงไกรโดนทหารรุมฆ่าตาย เจมี จึงเย้ยกลับถามถึง วัลเดอร์ เฟรย์ ว่าพูดแบบนี้แสดงว่าเคยรบสู้ศึกมาอย่างโชกโชนสินะ วัลเดอร์ เฟรย์ ไม่สนใจบอกว่าเชิญเย้ยไปเถอะ สิ่งสำคัญของการรบคือผลแห่งชัยชนะเท่านั้น แล้วก็บอกว่าความกลัวเป็นสิ่งที่มีความหมาย พูดถึงตรงนี้ เจมี จึงแย้งทันทีว่า ทหารตระกูลอื่นๆกลัวกองทัพแลนนิสเตอร์ ไม่ได้กลัวตระกูลเฟรย์ ถ้าหากต้องคอยมาช่วยตระกูลเฟรย์ยึดปราสาทคืนแบบนี้ทุกครั้ง ตระกูลแลนนิสเตอร์จะต้องการตระกูลเฟรย์ไปทำไม พูดจบก็ลุกเดินหนีออกไป วัลเดอร์ เฟรย์ ได้แต่นั่งอึ้งเพราะโดน เจมี ถอนหงอกตอนแก่
เสร็จสิ้นภารกิจ เจมี แลนนิสเตอร์ นำกองทัพกลับคิงส์แลนดิ้ง แต่ต้องผงะตกใจกับซากวิหารเบเลอร์ เมื่อเป็นเช่นนี้ เจมี จึงรีบควบม้ากลับเข้าไป และพบว่าที่ท้องพระโรงกำลังมีพิธีสำคัญ ทันใดนั้นก็เห็นว่า เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ เดินมาเข้าพิธีสถาปนาขึ้นครองราชย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีผู้ปกครอง 7 อาณาจักรแห่งเวสเทอรอส และแล้ว เจ้ากรมข่าวกรอง ไคเบิร์น ก็เป็นผู้สวมมงกุฏให้ จากนั้น เซอร์ซี ก็ขึ้นนั่งบัลลังก์เหล็ก แต่สายตามองไปเห็น เจมี กำลังยืนมองด้วยท่าทีเหมือนรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป ระหว่างนั้นทุกคนในท้องพระโรงก็พร้อมใจกันพูดคำว่า ทรงพระเจริญ
กลับมาที่ปราสาททวินส์ วัลเดอร์ เฟรย์ กำลังกินอาหารอยู่ในห้องคนเดียว สักพักก็มีสาวเสิร์ฟอาหารมาให้ที่โต๊ะเพิ่ม ไอ้เฒ่าวัลเดอร์หัวงู ก็แอบแต๊ะอั๋งฟาดก้นไปทีนึงแล้วก็ตะโกนถามขึ้นว่า พวกลูกชายมัวไปอยู่ไหน แบล็ค วัลเดอร์ กับ โลทาร์ บอกว่าจะมาตอนกลางวัน เด็กสาวเสิร์ฟ จึงบอกว่าพวกเขามาที่นี่แล้ว วัลเดอร์ เฟรย์ จึงสั่งให้ไปบอกพวกลูกๆว่าให้เข้ามาที่นี่ แต่ สาวเสิร์ฟ ก็ยืนยันอีกครั้งว่าพวกเขามาแล้ว พร้อมกับชี้ไปให้ดูว่าพวกเขาอยู่ที่ขนมปังก้อนที่ยกมาให้นี้ วัลเดอร์ เฟรย์ ค่อยๆเปิดออกดู จากนั้น เด็กสาวเสิร์ฟ ก็ถอดใบหน้าออกมา ที่แท้เธอคือ อาร์ยา สตาร์ค แล้วเธอก็บอกว่า "ข้าอยากให้เจ้าได้รู้ สิ่งสุดท้ายที่เจ้าจะได้เห็น คือรอยยิ้มของสตาร์คตอนที่เจ้ากำลังตาย" พูดจบ วัลเดอร์ เฟรย์ พยายามหนี แต่ อาร์ยา ก็คว้าตัวมาแล้วเอามีดปาดคอค่อยๆตายอย่างทรมาน
TV Recap Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 10 “The Winds of Winter”
สุดยอดอภิมหาปรากฏการณ์ซีรีส์ขวัญใจมหาชน Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนจบ ที่ยืดเวลาออกอากาศเพิ่มเป็น 69 นาที ปิดฉากซีซั่นนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่ ทำสถิติยอดชมเฟิร์สรันสูงสุดตลอดกาลที่ตัวเลข 8.9 ล้านยอดชม ขณะเดียวกันเรื่องราวต่างๆก็ยังเข้มข้นขึ้นต่อเนื่อง สถานการณ์ในคิงส์แลนดิ้ง ในที่สุดก็ถึงวันตัดสินโทษของ เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ กับ ลอรัส ไทเรล ขณะที่ทางด้านเหนือ หลังจากล้างบางตระกูลโบลตันสิ้นชื่อไปแล้ว ถึงเวลาที่ตระกูลต่างๆจะต้องเลือกราชันแห่งแดนเหนืออันชอบธรรม ติดตามเรื่องทั้งหมดใน TV Recap Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 10 “The Winds of Winter”
ตอนที่ 10 “The Winds of Winter”
เริ่มเรื่องที่สถานการณ์ในคิงส์แลนดิ้ง และแล้วก็ถึงวันตัดสินโทษ เสียงระฆังดังก้องกังวานแจ้งเตือนให้ทุกคนรับทราบถึงพิธีการอันสำคัญ ไฮ สแปร์โรว์ พร้อมด้วยเซพตันอีก 6 คน ร่วมกันเป็นประธานในการไต่สวนความผิดของ ลอรัส ไทเรล และ เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ที่วิหารเบเลอร์ ขณะเดียวกัน ราชินีมาเจอรี ไทเรล พร้อมด้วยพ่อของเธอ เมซ ไทเรล กับ เคแวน แลนนิสเตอร์ และขุนนางสูงศักดิ์จำนวนมากต่างมาเป็นสักขีพยาน แต่ทว่ากลับมีความผิดปกติบางอย่าง เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ไม่ปรากฏตัวที่งาน แถมยังส่งองครักษ์ยักษ์ เกรกอร์ คลิเกน ไปกักบริเวณ พระราชาทอมเมน บาราเทียน ไม่ให้ออกไปที่วิหาร ส่วน แกรนด์เมสเตอร์ไพเซลล์ ก็ได้รับแจ้งจากเด็กน้อยว่าให้ลงไปที่ห้องใต้ดินตามพระบัญชาของกษัตริย์ แต่สุดท้ายโดนหลอกลงไปโดนเหล่าเด็กๆฆ่าตาย
พิธีตัดสินโทษเริ่มต้นขึ้น ลอรัส ไทเรล ถูกนำตัวมาอยู่กลางวิหารเบเลอร์ต่อหน้าเซพตันทั้ง 7 คน ไฮ สแปร์โรว์ เปิดฉากถามความพร้อมที่จะรับฟังการไต่สวนพิจารณาความผิด แต่ ลอรัส ตัดสินใจสารภาพผิดยอมรับทุกข้อกล่าวหา ได้แก่ ความผิดฐานหลับนอนกับเพศเดียวกัน รวมทั้งกับ เรนลี บาราเทียน, ความผิดฐานโกหกต่อทวยเทพ และตัดสินใจยอมรับการลงโทษของทวยเทพ ไฮ สแปร์โรว์ ได้ยินเช่นนี้จึงชี้แจงว่าโทษของทวยเทพนั้นรุนแรง แต่พระแม่ทรงมีเมตตาต่อผู้ที่ยอมรับสำนึกผิดและคุกเข่ารับการอภัยต่อหน้าพระองค์ พอพูดจบ ลอรัส ก็คุกเข่ากล่าวยอมรับผิดและขออุทิศชีวิตต่อเทพทั้ง 7
แต่ ไฮ สแปร์โรว์ ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ลอรัส ยืนยันตนรู้ดีถึงความหมายของการตัดสินใจครั้งนี้ว่า "ข้าจะสละนามตระกูลไทเรล และลาภยศทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าขอสละอำนาจและสิทธิ์การครองไฮ การ์เด้น ข้าจะไม่แต่งงาน และข้าจะไม่มีบุตร" จากนั้น ไฮ สแปร์โรว์ ก็ถามความสมัครใจอีกครั้ง ลอรัส ก็ยืนยันเช่นเดิม ไฮ สแปร์โรว์ จึงส่งสัญญาณให้นักบวชเข้ามากรีดหน้าผากทำสัญลักษณ์รูปดาวบนหน้าลอรัส ระหว่างนี้ เมซ ไทเรล ทนไม่ไหวจะเข้าไปช่วยลูกชาย แต่ ราชินีมาเจอรี ห้ามเอาไว้
หลังจากเสร็จสิ้นการตัดสินโทษของลอรัสเรียบร้อย ไฮ สแปร์โรว์ ก็สั่งให้ นักบวชแลนเซล แลนนิสเตอร์ พาสหายนักบวชไปตามตัว เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ที่ไม่ยอมมาร่วมพิธี แต่พอออกมาจากวิหาร นักบวชแลนเซล เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีลงไปชั้นใต้ดิน จึงให้สหายนักบวชคนอื่นไปตามพวกพ้องแล้วล่วงหน้าไปตามตัว เซอร์ซี ส่วนทางนักบวชแลนเซล วิ่งตามเด็กน้อยลงไป แต่แล้วเขาก็ถูกดักแทงล้มในอุโมงใต้ดิน จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นถังไม้ข้างทางยาวไปจนถึงด้านใน แต่ด้วยร่างที่บาดเจ็บทำให้ต้องค่อยๆคลานคืบเข้าไป พอเข้ามาใกล้นักบวชแลนเซลถึงกับตกใจเมื่อเห็นเปลวเทียนค่อยๆหลอมละลายอยู่บนของเหลวสีเขียว นั่นก็คือ เพลิงโลกันตร์ (Wildfire)
ระหว่างนี้ในวิหารเบเลอร์ ราชินีมาเจอรี สังเกตได้ถึงความผิดปกติและพยายามจะบอกให้ยกเลิกการตัดสินแล้วตะโกนให้ทุกคนรีบออกไปจากวิหาร แต่ ไฮ สแปร์โรว์ ยังไม่เชื่อ เหล่านักบวชมาปิดขวางประตูไว้ทุกด้าน ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดอย่างรุนแรงในอุโมงใต้ดิน นักบวชแลนเซล ร่างแหลก แรงระเบิดทะยานพุ่งขึ้นมาทำให้วิหารระเบิดพังยับ ไฮ สแปร์โรว์ ร่างไหม้เป็นจุณ ทุกชีวิตที่อยู่ในวิหารกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ยืนมองเหตุการณ์อยู่บนหอคอยเร้ดคีปด้วยสีหน้าพึงพอใจ จิบไวน์ชิวๆ ยิ้มเบาๆที่มุมปาก แล้วก็เดินกลับไปเข้าไปข้างในแล้วก็ลงไปห้องใต้ดิน ภายในห้องนี้ แม่ชีอุเนลลา โดนจับมัดนอนอยู่กลางแท่นหิน เซอร์ซี มาถึงก็ราดไวน์ลงบนหน้าพร้อมกับบอกให้แม่ชีสารภาพ เธอทำทุกอย่างเหมือนที่เธอเคยโดนกระทำตอนถูกจับขัง ขณะเดียวกันเธอก็สารภาพเพื่อเยาะเย้ยแม่ชีว่า ตัวเธอรู้สึกดีที่ได้ฆ่าสามี (อดีตพระราชาโรเบิร์ต) เธอรู้สึกดีที่ได้สมสู่กับน้องชาย (เจมี) เธอโกหกเรื่องสมสู่กับน้องชาย เพราะรู้สึกดีที่ทำให้ลูกๆของเธอปลอดภัยจากความเกลียดชัง และปิดท้ายว่า เธอฆ่าไฮ สแปร์โรว์ กับเหล่าทหารนักบวชทุกคน เพราะรู้สึกดีที่ได้เห็นพวกมันทุกคนถูกเผา จากนั้นก็บอกว่า แม่ชีจะยังไม่ตายวันนี้ และจะยังไม่ตายไปอีกพักใหญ่ แล้วเธอก็เรียก เซอร์เกรกอร์ เข้ามาจัดการต่อ ส่วนตัวเธอก็เดินออกจากห้องไป พร้อมกับตะโกนคำว่า "Shame Shame Shame(น่าละอาย)" ส่วน แม่ชี ได้แต่กรีดร้องโหยหวนด้วยความทรมาน
พระราชาทอมเมน ที่ยืนดูเหตุการณ์จากบนหอคอย หน้าซีด ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น จิตตกสุดขีด ทำสีหน้าเหมือนกับหมดอาลัยตายอยาก สักพักก็ตัดสินใจถอดมงกุฏออกแล้วก็เดินไปปีนหน้าต่างทิ้งตัวลงมาจากหอคอยจบชีวิตด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ต่อมา เซอร์ซี ก็มายืนดูศพลูกชายพร้อมกับเจ้ากรมข่าวกรองไคเบิร์น แต่สีหน้าของเธอดูไม่ทุกข์ร้อนเศร้าโศกเสียใจอันใด เธอกลับยืนมองศพลูกชิวๆโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใดทั้งสิ้น แล้วก็เธอสั่งให้ ไคเบิร์น นำศพพระราชาทอมเมน ไปเผาแล้วโปรยเถ้าไปรวมกับพวกที่ตายในวิหาร
หลังจากยึดปราสาทริเวอร์รันกลับมาอีกครั้งได้สำเร็จ วัลเดอร์ เฟรย์ ก็เชิญ เจมี แลนนิสเตอร์ พร้อมกองทัพมาเลี้ยงฉลองกันที่ปราสาททวินส์ สักพัก วัลเดอร์ เฟรย์ ก็มานั่งข้าง เจมี ชวนคุยกันถึงการร่วมมือกันในศึกครั้งนี้ พร้อมกับบอกว่าจับตัว เอ็ดมัวร์ ทัลลี ขังคุกตามเดิมเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเหตุผลที่ว่า เอ็ดมัวร์ แต่งงานกับคนตระกูลเฟรย์ จึงถือเป็นลูกคนนึงของตน ทำให้ไม่สามารถฆ่าลูกตัวเองได้ จากนั้นก็พูดเย้ยเจ้าปลาดำ บรินเดน ทัลลี นักรบผู้เกรียงไกรโดนทหารรุมฆ่าตาย เจมี จึงเย้ยกลับถามถึง วัลเดอร์ เฟรย์ ว่าพูดแบบนี้แสดงว่าเคยรบสู้ศึกมาอย่างโชกโชนสินะ วัลเดอร์ เฟรย์ ไม่สนใจบอกว่าเชิญเย้ยไปเถอะ สิ่งสำคัญของการรบคือผลแห่งชัยชนะเท่านั้น แล้วก็บอกว่าความกลัวเป็นสิ่งที่มีความหมาย พูดถึงตรงนี้ เจมี จึงแย้งทันทีว่า ทหารตระกูลอื่นๆกลัวกองทัพแลนนิสเตอร์ ไม่ได้กลัวตระกูลเฟรย์ ถ้าหากต้องคอยมาช่วยตระกูลเฟรย์ยึดปราสาทคืนแบบนี้ทุกครั้ง ตระกูลแลนนิสเตอร์จะต้องการตระกูลเฟรย์ไปทำไม พูดจบก็ลุกเดินหนีออกไป วัลเดอร์ เฟรย์ ได้แต่นั่งอึ้งเพราะโดน เจมี ถอนหงอกตอนแก่
เสร็จสิ้นภารกิจ เจมี แลนนิสเตอร์ นำกองทัพกลับคิงส์แลนดิ้ง แต่ต้องผงะตกใจกับซากวิหารเบเลอร์ เมื่อเป็นเช่นนี้ เจมี จึงรีบควบม้ากลับเข้าไป และพบว่าที่ท้องพระโรงกำลังมีพิธีสำคัญ ทันใดนั้นก็เห็นว่า เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ เดินมาเข้าพิธีสถาปนาขึ้นครองราชย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีผู้ปกครอง 7 อาณาจักรแห่งเวสเทอรอส และแล้ว เจ้ากรมข่าวกรอง ไคเบิร์น ก็เป็นผู้สวมมงกุฏให้ จากนั้น เซอร์ซี ก็ขึ้นนั่งบัลลังก์เหล็ก แต่สายตามองไปเห็น เจมี กำลังยืนมองด้วยท่าทีเหมือนรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป ระหว่างนั้นทุกคนในท้องพระโรงก็พร้อมใจกันพูดคำว่า ทรงพระเจริญ
กลับมาที่ปราสาททวินส์ วัลเดอร์ เฟรย์ กำลังกินอาหารอยู่ในห้องคนเดียว สักพักก็มีสาวเสิร์ฟอาหารมาให้ที่โต๊ะเพิ่ม ไอ้เฒ่าวัลเดอร์หัวงู ก็แอบแต๊ะอั๋งฟาดก้นไปทีนึงแล้วก็ตะโกนถามขึ้นว่า พวกลูกชายมัวไปอยู่ไหน แบล็ค วัลเดอร์ กับ โลทาร์ บอกว่าจะมาตอนกลางวัน เด็กสาวเสิร์ฟ จึงบอกว่าพวกเขามาที่นี่แล้ว วัลเดอร์ เฟรย์ จึงสั่งให้ไปบอกพวกลูกๆว่าให้เข้ามาที่นี่ แต่ สาวเสิร์ฟ ก็ยืนยันอีกครั้งว่าพวกเขามาแล้ว พร้อมกับชี้ไปให้ดูว่าพวกเขาอยู่ที่ขนมปังก้อนที่ยกมาให้นี้ วัลเดอร์ เฟรย์ ค่อยๆเปิดออกดู จากนั้น เด็กสาวเสิร์ฟ ก็ถอดใบหน้าออกมา ที่แท้เธอคือ อาร์ยา สตาร์ค แล้วเธอก็บอกว่า "ข้าอยากให้เจ้าได้รู้ สิ่งสุดท้ายที่เจ้าจะได้เห็น คือรอยยิ้มของสตาร์คตอนที่เจ้ากำลังตาย" พูดจบ วัลเดอร์ เฟรย์ พยายามหนี แต่ อาร์ยา ก็คว้าตัวมาแล้วเอามีดปาดคอค่อยๆตายอย่างทรมาน