กลับมาเถอะ ‘จอน สโนว์’ Recap: Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา

Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 1 เปิดฉากมาให้ลุ้นกันหลายเรื่องราว มีเหตุการณ์ระทึกจิตกันพอสมควร โดยเฉพาะการก่อกบฏที่เกิดขึ้นในแคว้นดอร์นที่โค่นล้มขั้วอำนาจเก่าและเตรียมเปิดฉากสงครามล้างแค้นตระกูลแลนนิสเตอร์ ส่วนสถานการณ์ทางตอนเหนือก็น่าวิตกอยู่ไม่น้อย เนื่องจากกลุ่มเพื่อน
จอน สโนว์ กำลังตกที่นั่งลำบาก หลังจาก อัลลิเซอร์ ธอร์น ปลุกระดมหน่วยพิทักษ์ราตรีบุกห้องของเซอร์ดาวอส เพื่อทำลายศพจอน สโนว์


ตอนที่ 2 “Home”
ณ ดินแดนไกลโพ้นทางตอนเหนือ แบรนดอน สตาร์ค กำลังฝึกปรือวิชาญาณหยั่งรู้ "Greensight" กับ อีกา 3 ตา (Three-eyed raven) ย้อนอดีตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปราสาทวินเทอร์เฟล อันเป็นช่วงเวลาวัยเด็กของ เน็ด สตาร์ค ที่กำลังฝึกฟันดาบต่อสู้กับ เบนจิน สตาร์ค ที่ยังเด็กและตัวเล็กกว่า สักพักเด็กหญิงที่ชื่อว่า ลีอานนา สตาร์ค ก็โชว์ขี่ม้าเข้ามา ทำเอา เน็ด กับ เบนจิน อิจฉาที่เธอขี่ม้าได้คล่องแคล่วมาก จากนั้น ลีอานนา ก็ลงจากม้ามาพูดคุยกับทุกคน และถาม เบนจิน ว่าหาก เน็ด ต้องเดินทางไปอยู่ที่ปราสาทเอียรี แล้วใครจะฝึกดาบกับเบนจิน ทันใดนั้นเธอก็หันขวับไปที่ เด็กอ้วนตัวใหญ่ยักษ์ที่ชื่อ วิลลิส แท้จริงแล้วก็คือ โฮดอร์ นั่นเอง !!!

ช่วงเวลาแห่งความสุขต้องจบลง แม้ แบรน ต้องการอยู่ดูนานอีกหน่อย แต่ อีกา 3 ตา ยืนกรานให้กลับสู่โลกแห่งความจริง พอถอนจากนิมิตร แบรน ก็ทัก โฮดอร์ ถึงเรื่องในอดีตทันที จากนั้นก็ถามหา มีร่า ที่ออกไปนั่งอยู่ข้างนอกถ้ำ โฮดอร์ จึงพาอุ้มไปหา พอไปถึงหน้าถ้ำ แบรน ก็เล่าเรื่องความอัศจรรย์ของญาณหยั่งรู้ที่ทำให้เห็นนิมิตรในอดีต แต่ มีร่า ดูรุ่มร้อนใจเกินกว่าจะรู้สึกทึ่งในพลังความสามารถนี้ สักพัก แบรน ก็ให้ โฮดอร์ อุ้มเข้าไปในถ้ำ ขณะที่ เด็กแห่งพงไพร ก็มาเตือน มีร่า ว่าในภายหน้า แบรน จะต้องการความช่วยเหลือจากเธอ


เมื่อพระอาทิตย์ตกดินที่ปราสาททมิฬ (Castle Black) ถึงกำหนดเวลาข้อตกลงตามนัด อัลลิเซอร์ ธอร์น มาทวงคำตอบจาก เซอร์ ดาวอส แต่พอไม่มีทีท่าจะเจรจาอันใด อัลลิเซอร์ ธอร์น ก็ให้คนทุบประตูห้อง ส่วนด้านใน เซอร์ดาวอส กับกลุ่มเพื่อนจอน สโนว์ และหมาป่าโกสต์ เตรียมพร้อมประจัญบานเต็มที่ ขณะที่ทุบจนประตูใกล้จะพัง ทันใดนั้น เอ็ด กับ ทอร์มุนด์ และผองเพื่อนคนเถื่อน พร้อมด้วยเจ้ายักษ์วันวัน ก็บุกพังประตูปราสาทเข้ามาจับกุม อัลลิเซอร์ ธอร์น และพวกกบฏไปขังคุกทันที จากนั้น เอ็ด กับ ทอร์มุนด์ ก็เข้ามาดูศพจอน สโนว์ พอเห็นสภาพ ทอร์มุนด์ ก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้พวกพ้องไปเตรียมฟืนเผาศพได้เลย


สถานการณ์ในคิงส์แลนดิ้งยังคงเจือด้วยบรรยากาศอันโศกเศร้า พระราชาทอมเมน บาราเทียน สั่งห้าม เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ออกจากที่พำนัก แม้แต่จะมาร่วมพิธีศพลูกสาวเมอร์เซลลา บาราเทียน ก็ยังทำไม่ได้ ขณะเดียวกันในวิหารเบเลอร์ พระราชาทอมเมน กับ เจมี แลนนิสเตอร์ ร่วมไว้อาลัยเจ้าหญิงเมอร์เซลลาเป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างนี้ พระราชาทอมเมน ก็เปิดเผยว่า ศาสนจักรสั่งห้ามไม่ให้ เซอร์ซี มาร่วมพิธีศพเนื่องจากยังอยู่ในช่วงรอพิจารณาบาปที่เหลือ เจมี พยายามพูดปลอบและบอกให้ พระราชาทอมเมน ไปหาและขอโทษ เซอร์ซี พร้อมกับให้คำมั่นว่าตราบใดที่ตนอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครแตะต้อง เซอร์ซี กับ พระราชาทอมเมน ได้อีกแน่นอน


พูดไม่ทันขาดคำ ไฮ สแปร์โรว์ พระสังฆราชแห่งศาสนาศรัทธาธรรมก็เข้ามา ไม่จำเป็นต้องอารัมภบทมากมาย เจมี เปิดสงครามน้ำลายด้วยวาจาขึงขังต่อการกระทำที่สั่งขัง เซอร์ซี ซ้ำยังให้เดินเปลือยกายไปตามถนน ไฮ สแปร์โรว์ ก็อธิบายว่าเป็นการชดใช้ไถ่บาป ฟังเช่นนี้ เจมี จึงพูดประชดว่าตนก็มีบาปเหมือนกัน ไล่ตั้งแต่ ผิดคำสาบานฆ่าอดีตพระราชาแอริส, ฆ่าญาติตัวเอง, ปล่อยญาติตัวเองที่เป็นนักโทษ (ทีเรียน) ให้หลบหนี บาปเหล่านี้ควรได้รับการตัดสินเช่นใด? พร้อมกับทำท่าเตรียมชักดาบ แต่ ไฮ สแปร์โรว์ ไม่มีท่าทีประหวั่นใดๆ แถมยังเชื้อเชิญให้ลงมือเสียด้วยซ้ำ โดยบอกเพียงว่าเราทุกคนสมควรได้รับโทษ


จากนั้นเหล่านักบวชก็ปรากฏตัวออกมาจากทุกสารทิศ ทำเอา เจมี ชะงักงันเล็กน้อย แม้ เจมี จะมั่นใจว่าตนสามารถลงมือปลิดชีพ ไฮ สแปร์โรว์ ได้ก่อนที่พวกนักบวชจะรุมเข้ามา แต่ทว่า ไฮ สแปร์โรว์ กลับไม่แสดงท่าทีกลัวเกรง แถมยังบอกด้วยว่า "ไม่สงสัยเลยว่า พวกเราหลายคนจะตาย แต่เราเป็นใครกันละ เราไม่มีชื่อ ไม่มีครอบครัว พวกเราทุกคนต่างยากจน ไร้อำนาจ แต่เมื่อพวกเราอยู่ร่วมกัน เราสามารถโค่นล้มอาณาจักรได้" พอพูดจบพระสังฆราชก็เดินจากไป


ทางด้าน พระราชาทอมเมน แวะไปเยี่ยมแม่บังเกิดเกล้า เซอร์ซี พร้อมกับกล่าวขอโทษและอธิบายว่าที่สั่งกักบริเวณเป็นเพราะศาสนจักรห้ามไว้ และตนก็ไม่อยากเห็นแม่ต้องโดนลงโทษอีก เมื่อปรับความเข้าใจกันได้ เซอร์ซี ก็เข้าใจลูก จากนั้น พระราชาทอมเมน ก็ระบายความอัดอั้นตันใจว่าปรารถนาเหลือเกินที่จะล้างบางกำจัด ไฮ สแปร์โรว์ ให้ตายตกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ จากนั้นก็ขอให้ เซอร์ซี ช่วยทำให้ตนมีความกล้าที่จะเผชิญหน้าและแข็งแกร่งมากกว่านี้

ข้ามฝั่งไปที่ นครรัฐมิรีน แห่งทวีปเอสสอส หลังจากเกิดเหตุกองเรือถูกเผา หนอนเทา (Greyworm) แม่ทัพกองทหารขันที(ผู้ไร้มลทิน) ก็รายงานว่าส่งคนไปสืบหาตัวผู้ก่อเหตุแล้วแต่ยังไม่ได้รับข่าวดี วาริส สืบข่าวได้ความว่า ตอนนี้พวกนายทาสกลับมายึดเมืองแอสทาพอร์ กับ ยุนไค ไว้ได้เหมือนเดิมเรียบร้อย ขณะที่ อ่าวทาสก็กลับมาค้าทาสอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ คาลิซี แดเนริส ปลดแอกทาสไปแล้ว
เมื่อมีแต่ข่าวไม่สู้ดี ทีเรียน แลนนิสเตอร์ จึงเปลี่ยนเรื่องมาถามเกี่ยวกับมังกร 2 ตัว ที่ถูกขังอยู่ใต้พีรามิด มิสซันเดย์ ก็บอกข่าวร้ายอีกว่า หลังจากที่ คาลิซี แดเนริส ได้จากไปไกล มังกรไม่กินหรือแตะต้องอาหารใดๆเลย ฟังเช่นนี้ ทีเรียน จึงเสนอว่า มังกรถูกล่ามขังไว้แบบนั้นจะทำให้มันห่อเหี่ยว แล้วก็เล่าว่า เหล่ามังกรที่เอกอนผู้พิชิตใช้ยึดอาณาจักรบนแผ่นดินเวสเทอรอส ได้สู้รบบนแผ่นดินไกลโพ้น แต่บรรพบุรุษของแดเนริส ก็เริ่มล่ามพวกมันไว้ในคอก ทำให้มังกรรุ่นต่อมาตัวเล็กไม่ต่างจากแมว มังกรต้องได้รับการปลดปล่อยอย่างอิสระถึงจะถูก จากนั้นก็เสนอตัวลงไปปลดโซ่ตรวนให้มังกร


ทีเรียน แลนนิสเตอร์ กับ วาริส เดินถือคบไฟมาที่ใต้พีรามิด วาริส ยืนดูอยู่ที่ประตูทางออกประหนึ่งพร้อมโกยตีนหมาหนี ส่วนทางด้านน้องจิ๋วหลิวทีเรียน ตอนนี้ถือว่าขี่หลังเสือหนีไม่ได้เสียแล้ว จำใจต้องใจดีสู้มังกร และแล้วก็ค่อยๆถือคบเพลิงก้าวเท้าเข้าไปใกล้ทีละนิด มีหันกลับไปมอง วาริส อยู่แว่บหนึ่ง แล้วก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับมังกร 2 ตัว เรกัล (Rhaegal) และ วิเซเรียน (Viserion) จังหวะแรกที่สบตา ทีเรียน เกือบโดนพ่นไฟใส่ แต่ด้วยไหวพริบฉับไว รีบทำท่าทางอ่อนน้อมก้มหัวถอยห่างแสดงทีท่าว่าไม่ได้มาร้าย มังกรก็ดูสงบลงทันที

จากนั้น ทีเรียน ใช้วาทศิลป์พูดจาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรบอกว่า "ข้าเป็นเพื่อนกับแม่เจ้า ข้ามาช่วย อย่ากินคนที่มาช่วยนะ" และก็เริ่มเล่าเรื่องสมัยยังเด็กเพื่อปลอบใจตัวเอง ว่า "เมื่อตอนยังเด็ก ลุงถามข้าว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันตั้งชื่อ ข้าขอมังกรอย่างพวกเจ้า ไม่จำเป็นต้องตัวใหญ่ก็ได้ ตัวเล็กๆแบบข้าก็ได้ ทุกคนหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก จากนั้นพ่อข้าก็บอกว่า มังกรตัวสุดท้ายตายไปเมื่อศตวรรษก่อนแล้ว คืนนั้นข้าร้องไห้จนหลับเลยล่ะ แต่พวกเจ้าก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่" แล้วก็ค่อยๆเอามือไปสัมผัสบริเวณคอมังกร พร้อมกับปลดปลอกคอเหล็กออกได้สำเร็จ มังกรทั้ง 2 ตัว ก็เดินหันกลับไป ส่วนทางด้าน ทีเรียน ก็รีบเดินหนีออกมา พร้อมกับบอก วาริส ว่าถ้าตนมีความคิดแบบนี้อีกให้ชกหน้าสักทีนึง


ณ เมืองบราวอส ในตรอกแห่งหนึ่ง อาร์ยา สตาร์ค ยังคงนั่งเป็นขอทานตาบอดเนื้อตัวมอมแมมแถมมีแผลฟกช้ำไปทั่วร่าง สักพัก เวฟ เพื่อนสาวแห่งสมาคมนักฆ่าไร้หน้า (The House of Black and White) ก็ปรากฏกายมาพร้อมไม้พลองแล้วถามว่า "เจ้าชื่ออะไร" แม้ อาร์ยา จะตอบว่า "ไม่ใช่ใครทั้งนั้น" แต่ เวฟ ก็ยังไม่เชื่อ หวดไม้ใส่ อาร์ยา ต่อเนื่องไป แต่ไม่ทันไรก็หายตัวไป อาร์ยา ที่โดนหวดจนโกรธจัด เธอก็ไล่หวดมั่วตีอากาศรอบทิศ จนกระทั่ง จาเค็น ฮาการ์ โผล่มาจับไม้ไว้ แล้วถามว่า "เจ้าเป็นใคร" เมื่อได้ฟังเสียงนี้ อาร์ยา ก็ตอบทันทีว่า "ไม่ใช่ใคร" แต่ทว่า จาเค็น ก็ยังพยายามหลอกล่อให้ อาร์ยา ตอบชื่อของตัวเองออกมา โดยลวงว่า "หากเด็กผู้หญิงเอ่ยชื่อ บุรุษจะให้นอนใต้หลังคา บุรุษจะให้อิสระ บุรุษจะให้ดวงตาคืน" แต่ อาร์ยา ไม่หลงกล จนในที่สุด จาเค็น ก็ยอมให้ อาร์ยา ตามกลับไป

กลับมาที่ปราสาทวินเทอร์เฟล แดนเหนือแห่งเวสเทอรอส ลอร์ดคาร์สตาร์ค มาแจ้งข่าวแก่ รูส โบลตัน ว่ากลุ่มทหารที่ออกตามจับกุม ซานซา สตาร์ค ที่หลบหนีออกไปกับ ธีออน เกรย์จอย ถูกสังหารตายหมด แม้ว่า แรมซีย์ จะบอกว่ารู้เบาะแสว่า ซานซา จะหนีไปที่ปราสาททมิฬ เพื่อไปหา จอน สโนว์ พร้อมกับเสนอแผนการบุกลอบสังหาร จอน สโนว์ แต่ รูส โบลตัน ก็ไม่เห็นด้วย เพราะการฆ่าผู้บัญชาการหน่วยพิทักษ์ราตรี จะกลายเป็นจุดชนวนให้ทุกตระกูลในแดนเหนือหันมารุมตระกูลโบลตัน


เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ตอนนี้ตระกูลโบลตันไม่มีตัวประกันไว้อ้างสิทธิอันชอบธรรมในการปกครองแคว้นเหนือ รูส โบลตัน พ่อบังเกิดเกล้า จึงขู่ว่าถ้าตามหา ซานซา ไม่เจอ ก็จะไม่ให้ แรมซีย์ ได้เป็นทายาทสืบทอดบัลลังก์ราชาแดนเหนือ แต่จะมอบตำแหน่งทายาทให้ลูกชายของตนอีกคนที่เกิดจากครรภ์ วัลดา เฟรย์ แม่เลี้ยงของแรมซีย์ ได้สืบทอดแทน

สักพัก เมสเตอร์วัลเคน ก็มาแจ้งข่าวว่า วัลดา เฟรย์ ให้กำเนิดลูกชายตัวน้อยแก่ รูส โบลตัน ระหว่างการเข้ามาสวมกอดแสดงความยินดีกับคุณพ่อรูส โบลตัน ที่ได้ทายาทลูกชายคนใหม่ แรมซีย์ ก็จัดการใช้มีดแทงพ่อตัวเองลงไปนอนตายคาที่ (กรรมตามสนองแบบเดียวกับที่ รูส โบลตัน เคยหักหลัง ร็อบบ์ สตาร์ค) พร้อมกับสถาปนาตนเป็นเจ้าผู้ปกครองแคว้นเหนือ

จากนั้นก็สั่งให้คนไปตามตัว วัลดา เฟรย์ กับลูกน้อย ไปพบกับตนที่คอกหมาโดยหลอกว่า รูส โบลตัน นัดให้มาเจอเมื่อมาตามนัด แรมซีย์ ก็พาเดินเข้าไปในคอกหมา แล้วก็ปล่อยฝูงหมาล่าเนื้อออกมารุมฉีกร่าง วัลดา เฟรย์ และเด็กทารกน้อยตายอนาถ

อีกด้านหนึ่ง ใจกลางป่าหิมะทางเหนือ บริเอนน์ เล่าให้ ซานซา ได้รับรู้ว่า อาร์ยา สตาร์ค ยังปลอดภัยดีอยู่กับอัศวินคนหนึ่ง แต่แล้วเธอก็หายตัวไป ใช้เวลา 3วัน ออกตามหาแต่ก็ไม่พบเธอ จากนั้น บริเอนน์ ก็ถามกลับว่าเกิดอะไรขึ้นที่ปราสาทวินเทอร์เฟล ซานซา ก็เงียบไปแล้วก็พูดขึ้นว่า เธอน่าจะยอมไปกับบริเอนน์เสียตั้งแต่แรกที่ยังมีโอกาส

สักพัก ธีออน ได้ยินเสียงนกร้องจึงเดินออกมาดูรอบๆวิตกจริตไปเบาๆ ซานซา เดินตามมาและบอกว่าเราต้องรีบไปให้ถึงปราสาททมิฬ แต่ ธีออน บอกว่า จอน สโนว์ คงไม่ยอมละเว้นตนแน่ๆ....
Cr.:ที่มา http://script.today/script2/newsDetail?id=21646
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่