หลังจากผ่านไป 2 ตอน ก็มีเรื่องราวให้ลุ้นกันไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านการฝึก
วิชาญาณหยั่งรู้ของ แบรนดอน สตาร์ค และ
อีกา 3 ตา ขณะที่สถานการณ์ใน
คิงส์แลนดิ้ง ก็เริ่มส่อเค้าลางความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ทางฝั่งขุ่นแม่มังกร
แดเนริส ทาร์แกเรียน ที่รอให้ลุ้นกันอยู่ด้วย ส่วน
จอน สโนว์ หลังจากฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะเป็นเช่นไร? เชิญติดตามใน TV
Recap Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 3 “Oathbreaker”
ตอนที่ 3 “Oathbreaker”
ปาฏิหาริย์บังเกิด ณ
ปราสาททมิฬ (Castle Black) หลังจากแม่มดแดง
เมลิซานเดร ทำพิธีปลุกชีพ แม้ตอนแรกดูเหมือนจะไม่สำเร็จ แต่ในที่สุด
จอน สโนว์ ก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังจำได้ทุกเรื่องราวโดยเฉพาะเหตุการณ์ฝังใจที่ถูกพี่น้องหน่วยพิทักษ์ราตรี นำโดย
อัลลิเซอร์ ธอร์น และ
เด็กออลลี่ เอามีดแทงตนหลายแผลจนตายไป
แม่มดแดงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง กระนั้นเธอก็รีบถามทันทีว่า
จอน สโนว์ ตายแล้วไปไหน? ได้เห็นอะไรบ้างมั้ย? แต่
จอน สโนว์ กลับตอบเพียงว่า
ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างว่างเปล่า แม่มดแดง จึงบอกว่า
"พระเจ้าส่งเจ้ากลับมาด้วยเหตุผลบางประการ แสตนนิส ไม่ใช่เจ้าชายแห่งคำมั่นสัญญา แต่เป็นคนอื่น"
จากนั้น
เซอร์ดาวอส ก็ขอคุยกับ
จอน สโนว์ เพียงลำพังพร้อมกับพูดโน้มน้าวให้
จอน สโนว์ ลุกขึ้นสู้อีกครั้งและจัดการสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ให้จบไป พอจบการสนทนา ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากห้อง
จอน สโนว์ เดินไปท่ามกลางหน่วยพิทักษ์ราตรีกับคนเถื่อนที่มารวมตัวกัน และก็ทักทายกับสหายสนิท
ทอร์มุนด์ กับ
เอ็ด
ท่ามกลางพายุกระหน่ำ เรือลำหนึ่งกลางทะเลกำลังมุ่งหน้าไปทางใต้
เจ้าอ้วนแซม เมาเรือนั่งอ้วกแตก ส่วนสาวคนรัก
กิลลี่ ดีใจที่จะได้ไปยัง
เมืองเก่าซิทาเดล ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดใน
เวสเทอรอส พอได้ฟังเช่นนี้
เจ้าอ้วนแซม จึงขัดขึ้นมาทันทีโดยบอกว่า ผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปในซิทาเดลได้ แต่จะขาพากิลลี่ไปอยู่อาศัยใช้ชีวิตในบ้านเกิดที่
ปราสาทฮอร์นฮิลล์ (Horn Hill) ฐานที่มั่นประจำ
ตระกูลทาร์ลี ในอาณาจักรรีช (The Reach)
แบรนดอน สตาร์ค ยังคง
ฝึกวิชาญาณหยั่งรู้อยู่กับ
อีกา 3 ตา แต่คราวนี้พาย้อนอดีตไปดูตำนานศึก
หอคอยเริงรมย์ (Tower of Joy) ทำให้
แบรน สตาร์ค ได้เห็นพ่อของตัวเองในวัยหนุ่ม
เน็ด สตาร์ค นำอัศวินอีก 5 คน มาปะทะกับ
เซอร์อาเธอร์ เดย์น กับองครักษ์อีก 1 คน ที่ปักหลักเฝ้าหอคอยแห่งนี้ ทันทีที่ เน็ด และกลุ่มทหารมาถึง
อีกา 3 ตา ก็แนะนำว่านักสู้ข้างกายของ เน็ด มีชื่อว่า
ฮาวแลนด์ รีด พ่อของมีรา รีด (และโจเจ็น ด้วย)
แม้ว่าสงครามจะจบลง
กษัตริย์คลั่งแอริส ทาร์แกเรียน โดนสังหารไปแล้ว
เจ้าชายเรการ์ ก็พ่ายแพ้โดนฆ่าตายในสงคราม แต่
เซอร์อาเธอร์ เดย์น กับองครักษ์ ก็ยังคงจงรักภักดีทำตามคำสั่งขัดขวาง
เน็ด สตาร์ค ทำให้ต้องฟาดฟันกัน แม้จำนวนคนจะเหนือกว่า ทว่าก็ไม่มีใครต่อกร
เซอร์อาเธอร์ เดย์น ได้เลย จนกระทั่ง
ฮาวแลนด์ รีด ฉวยจังหวะแทงข้างหลัง ทำให้
เน็ด สังหาร เซอร์อาเธอร์ เดย์น ได้สำเร็จ
สักพักก็มีเสียงร้องจากข้างบนหอคอย
เน็ด จึงรีบวิ่งขึ้นไป
แบรน พยายามเรียกพ่อ
เน็ด เหมือนจะได้ยินเสียงจึงหันกลับมา แต่ก็ไม่เห็นอะไรจากนั้นก็วิ่งขึ้นหอคอยไป
แบรน พยายามวิ่งตาม แต่
อีกา 3 ตา มาขวางไว้และพากลับมาซะก่อน พร้อมกับบอกว่า
"อดีตถูกบันทึกไว้แล้ว หยดหมึกแห้งเหือดไปแล้ว หากอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่นานเกินไป เจ้าจะไม่ได้กลับมาอีก" แต่
แบรน ก็ยังโกรธ และบอกไปว่าตนไม่อยากอยู่เป็นตาแก่ในต้นไม้แบบนี้ อีกา 3 ตา จึงบอกว่า
"เจ้าไม่ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปหรอก แต่ก่อนจะไป เจ้าต้องเรียนรู้ ทุกสิ่งทุกอย่าง"
ในที่สุด
คณะคาลาซาของคาร์ลโมโร ก็เดินทางมาถึง
เมืองศักดิ์สิทธิ์ วาส โดรธาก ทันที่มาถึง พวกเขาก็พาตัว
คาลิซี ไปพบกับเหล่าแม่หม้าย และก็ต้องพบกับข่าวร้าย เนื่องจากว่ากฎดั้งเดิมของ
เผ่าโดธรากี ระบุไว้ว่า หาก คาร์ล เสียชีวิต ภรรยาของเขาจะต้องเป็น
โดชคาลีน มาอยู่ร่วมกับเหล่าแม่หม้ายที่เมืองนี้ทันที แต่
คาลิซี กลับเดินทางไปที่อื่น ซึ่งถือเป็นเรื่องต้องห้าม และตอนนี้ทุกๆเผ่าจะกลับมาที่
คาลาร์ เวซเวน ปกติพวกเขาจะร่วมตัดสินว่าเผ่าไหนจะถูกฆ่า ? เมืองไหนจะถูกปล้น ? และตอนนี้พวกเขาต้องตัดสินว่าจะทำอย่างไรกับ
คาลิซี แม่หม้ายของ
คาร์ล โดรโก
ณ
เมืองมิรีน ในที่สุด
วาริส ก็สืบจนพบกับ
สาวสายลับ วาล่า ที่แอบทำงานอยู่เบื้องหลัง
กลุ่มกบฏบุตรแห่งฮาร์ปี้ (Sons of Harpy) ในระหว่างการสนทนาในครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่
วาริส ใช้ทักษะทางการฑูตพูดเจรจาไล่ต้อนจน
วาล่า ต้องจำยอมขายความลับให้
วาริส ใช้วิธีพูดถึงลูกชายของวาล่า เพื่อจี้จุดให้ วาล่า รู้สึกหวั่นเกรงว่าลูกของตนจะเป็นอันตราย แต่ วาริส ก็ยืนยันว่าตนไม่คิดทำร้ายเด็ก เพียงแต่ต้องการชี้แจงว่า วาล่า มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดลอบปลงพระชนม์ราชินีคาลิซีถือว่าโทษถึงตาย หากเป็นเช่นนั้น ลูกชายตัวน้อยของเธอจะอยู่ได้อย่างไร ? ดังนั้น วาริส จึงเสนอตั๋วเรือไปเมืองเพนโทสพร้อมเงินถุงใหญ่ให้เธอ แลกกับความลับทั้งหมด
กลายเป็นว่าได้ผล วาริส นำข้อมูลไปแจ้งกับ ทีเรียน แลนนิสเตอร์ ที่กำลังนั่งชวนคุยฆ่าเวลากับแม่ทัพหนอนเทา และมิสซันเดย์ ให้รับทราบโดยทั่วกันว่า ผู้ปกครองเมืองยุนไค, เมืองแอสทาพอร์ และ เมืองโวแลนติส ระดมทุนหนุนหลังกลุ่มกบฏบุตรแห่งฮาร์ปี้ พอรู้ตัวการแล้ว มิสซันเดย์ จึงบอกว่าไม่มีทางสู้รบกับคนพวกนี้ได้ มีทางเดียวต้องส่งสารตอบกลับไปถึงพวกมัน
ชั้นใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองคิงส์แลนดิ้ง ไคเบิร์น เจ้ากรมข่าวกรองและสมุนผู้ซื่อสัตย์ของเซอร์ซี แลนนิสเตอร์ กำลังหว่านล้อมกลุ่มเด็กน้อยด้วยลูกอมพลัมจากดอร์น พร้อมกับบอกให้เด็กๆไปสืบข่าวมาแลกกับขนมหวาน เพียงไม่ทันไร เซอร์เกรกอร์ คลิเกน ก็เดินลงมาพร้อมด้วย เซอร์ซี แลนนิสเตอร์, เจมี แลนนิสเตอร์ ส่วนทางด้าน ไคเบิร์น ก็บอกพวกเด็กๆให้ออกไป เจมี ถามว่าทำไมไม่ส่ง เซอร์เกรกอร์ ไปฆ่าสังฆราชไฮสแปร์โรว์ ให้จบไปเลย เซอร์ซี จึงบอกว่า ไฮ สแปร์โรว์ มีเหล่านักบวชรายล้อมอยู่มากเกินไป รอท้าสู้ในศึกตัดสินความผิดดีกว่า
จากนั้น ไคเบิร์น ก็แจ้งว่าตอนนี้ "เหล่านกน้อย" ของวาริส ได้กลายเป็นของเซอร์ซีแล้ว แต่เท่านี้ยังไม่พอ เซอร์ซี สั่งให้ ไคเบิร์น แพร่กระจายนกน้อยสายข่าวไปให้ทั่วดินแดนเวสเทอรอส จากนั้น เซอร์ซี, เจมี และเซอร์เกรกรอร์ ก็ออกไปยังที่ประชุมสภาคณะเล็ก (Small Council) แต่พอไปถึง เคแวน แลนนิสเตอร์ ที่เป็นองค์ประธานก็ไม่คิดจะร่วมเสวนาด้วย โอเลนน่า ไทเรล รวมถึง เมซ ไทเรล และ เมสเตอร์ไพเซลล์ ก็ต่างพร้อมใจกันเดินหนีออกไป
อีกด้านหนึ่ง พระราชาทอมเมน บาราเทียน นำทหารเข้าไปกดดัน ไฮ สแปร์โรว์ ให้ยอมอนุญาตให้ เซอร์ซี สามารถไปเยี่ยมศพเจ้าหญิงเมอร์เซลลา แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ไฮ สแปร์โรว์ ก็ไม่ยอม บอกแต่เพียงว่า เซอร์ซี ต้องรอขึ้นศาลตัดสินความผิดต่อเซพตันทั้ง 7 เสียก่อน ในตอนแรกบรรยากาศการพูดคุยค่อนข้างตึงเครียด แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า ไฮ สแปร์โรว์ จัดการเทศนาพระราชาทอมเมน จนอารมณ์เกรี้ยวกราดสงบลงไปได้
วิหารเทพแห่งความตาย แห่งสมาคมนักฆ่าไร้หน้า (House of Black and White) หลังจากโดนหวดจนช้ำไปทั้งตัว ในที่สุด อาร์ยา สตาร์ค ก็เรียนรู้จนจบหลักสูตร ฝึกวิชาการต่อสู้จนสามารถสู้ได้แม้กระทั่งตาบอด ทั้งยังดมกลิ่นจนสามารถแยกแยะสิ่งต่างๆ แถมยังจับนู่นใส่นี้ได้ถูกต้อง ในที่สุด จาเค็น ฮาการ์ ขอทดสอบครั้งสุดท้าย โดยถามว่า "หากเด็กสาวยอมบอกชื่อ บุรุษจะคืนดวงตาให้" แต่ อาร์ยา ก็ตอบเพียงว่า "เด็กสาวไม่มีชื่อ" จากนั้น จาเค็น ก็ตักน้ำในบ่อให้ดื่ม ตอนแรก อาร์ยา กลัว เพราะเคยเห็นคนดื่มน้ำในบ่อนี้แล้วต้องจบชีวิต แต่ จาเค็น บอกว่า "ถ้าเด็กสาวไร้ตัวตนจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว" ในที่สุด อาร์ยา ก็ดื่มน้ำลงไป ทันใดนั้น ดวงตาก็กลับมาเป็นปกติ
ข้ามไปทางแดนเหนือ ณ ปราสาทวินเทอร์เฟล มีแขกพิเศษมาเยือน แรมซีย์ โบลตัน นั่นก็คือ จอน อัมเบอร์ หรือ จอน ตัวเล็ก ลูกชายของ จอน ตัวใหญ่ แห่งตระกูลอัมเบอร์ ซึ่งเป็นตระกูลที่จงรักถักดีต่อตระกูลสตาร์ค เช่นเดียวกับตระกูลคาร์สตาร์ค แต่ตอนนี้กลับแปรพักตร์มาสยบให้ตระกูลโบลตัน เมื่อเป็นเช่นนี้ แรมซีย์ จึงเอ่ยถามว่าในช่วงแรกที่พ่อของตนสถาปนาตนเองเป็นเจ้าแห่งแดนเหนือ ตระกูลอัมเบอร์ เหตใดไม่ยอมมาสวามิภักดิ์? จอน อัมเบอร์ สวนกลับจนทำให้ แรมซีย์ ต้องอึ้งไปเบาๆว่า "พ่อของเจ้ามันขี้ขลาด นั่นจึงทำให้เจ้าจัดการฆ่าพ่อตัวเอง และหากพ่อของข้ายังไม่ตายไปก่อน ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน" (พูดแบบนี้มีเงื่อนงำ)
จากนั้นก็อัพเดทข้อมูลให้ฟังว่า จอน สโนว์ เป็นหัวหน้ากองทัพคนเถื่อน หากพวกมันลงมา ในฐานะที่พวกเราเป็นชาวเหนือก็ต้องสู้กับพวกมัน แต่พวกมันมีกำลังพลมากเกินกว่าที่เราจะสู้โดยลำพัง เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฟังเช่นนี้ แรมซีย์ จึงเสนอให้ตระกูลอัมเบอร์ยอมคุกเข่าสวามิภักดิ์ต่อตระกูลโบลตัน แต่ จอน อัมเบอร์ ไม่ยอมทำและไม่สนใจด้วยซ้ำ ทว่ากลับมอบของขวัญเป็น ริคคอน สตาร์ค กับ โอชา ให้กับ แรมซีย์ โบลตัน เพื่อแสดงถึงเจตนาสานพันธไมตรีแทน
กลับไปที่ปราสาททมิฬ ระหว่างนั่งรออยู่ในห้อง จอน สโนว์ นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์สุดช็อกที่โดนคนของตัวเองหักหลัง จากนั้น เอ็ด ก็เข้ามาตามให้ออกไปยังลานประหาร ท่ามกลางสายตาของเหล่าคนเถื่อน และหน่วยพิทักษราตรี ที่จับจ้องไปที่นักโทษ 4 คน นำโดย อัลลิเซอร์ กับ ออลลี่ และผู้อาวุโสของหน่วยอีก 2 คน โดนเชือกคล้องคออยู่
จอน สโนว์ เดินถือดาบกรงเล็บไปยืนต่อหน้าและให้ทุกคนสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบตัดเชือกจบชีวิตนักโทษด้วยการแขวนคอตาย แล้วก็ถอดเสื้อคลุมผู้บัญชาการหน่วยพิทักษ์ราตรีมอบให้ เอ็ด พร้อมกับบอกว่า "ตอนนี้เจ้าจะทำยังไงกับมันก็ได้ ปราสาททมิฬเป็นของเจ้าแล้ว" จอน สโนว์ เดินกลับไปพร้อมกับบอกว่า "หน้าที่ของข้าจบลงแล้ว"
ติดตามชมซีรีส์ Game of Thrones ซีซั่น 6 ออกอากาศทุกวันจันทร์ เฟิร์สรัน 8.00 น. รีรัน 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ทางช่อง HBO HD (ทรูว
กำเนิดเจ้าชายแห่งคำมั่นสัญญา Recap: Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 3
หลังจากผ่านไป 2 ตอน ก็มีเรื่องราวให้ลุ้นกันไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านการฝึกวิชาญาณหยั่งรู้ของ แบรนดอน สตาร์ค และ อีกา 3 ตา ขณะที่สถานการณ์ในคิงส์แลนดิ้ง ก็เริ่มส่อเค้าลางความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ทางฝั่งขุ่นแม่มังกรแดเนริส ทาร์แกเรียน ที่รอให้ลุ้นกันอยู่ด้วย ส่วน จอน สโนว์ หลังจากฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง เขาจะเป็นเช่นไร? เชิญติดตามใน TV Recap Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 3 “Oathbreaker”
ตอนที่ 3 “Oathbreaker”
ปาฏิหาริย์บังเกิด ณ ปราสาททมิฬ (Castle Black) หลังจากแม่มดแดงเมลิซานเดร ทำพิธีปลุกชีพ แม้ตอนแรกดูเหมือนจะไม่สำเร็จ แต่ในที่สุด จอน สโนว์ ก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังจำได้ทุกเรื่องราวโดยเฉพาะเหตุการณ์ฝังใจที่ถูกพี่น้องหน่วยพิทักษ์ราตรี นำโดย อัลลิเซอร์ ธอร์น และ เด็กออลลี่ เอามีดแทงตนหลายแผลจนตายไป แม่มดแดงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง กระนั้นเธอก็รีบถามทันทีว่า จอน สโนว์ ตายแล้วไปไหน? ได้เห็นอะไรบ้างมั้ย? แต่ จอน สโนว์ กลับตอบเพียงว่า ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างว่างเปล่า แม่มดแดง จึงบอกว่า "พระเจ้าส่งเจ้ากลับมาด้วยเหตุผลบางประการ แสตนนิส ไม่ใช่เจ้าชายแห่งคำมั่นสัญญา แต่เป็นคนอื่น"
จากนั้น เซอร์ดาวอส ก็ขอคุยกับ จอน สโนว์ เพียงลำพังพร้อมกับพูดโน้มน้าวให้ จอน สโนว์ ลุกขึ้นสู้อีกครั้งและจัดการสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ให้จบไป พอจบการสนทนา ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากห้อง จอน สโนว์ เดินไปท่ามกลางหน่วยพิทักษ์ราตรีกับคนเถื่อนที่มารวมตัวกัน และก็ทักทายกับสหายสนิท ทอร์มุนด์ กับ เอ็ด
ท่ามกลางพายุกระหน่ำ เรือลำหนึ่งกลางทะเลกำลังมุ่งหน้าไปทางใต้ เจ้าอ้วนแซม เมาเรือนั่งอ้วกแตก ส่วนสาวคนรัก กิลลี่ ดีใจที่จะได้ไปยัง เมืองเก่าซิทาเดล ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในเวสเทอรอส พอได้ฟังเช่นนี้ เจ้าอ้วนแซม จึงขัดขึ้นมาทันทีโดยบอกว่า ผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปในซิทาเดลได้ แต่จะขาพากิลลี่ไปอยู่อาศัยใช้ชีวิตในบ้านเกิดที่ปราสาทฮอร์นฮิลล์ (Horn Hill) ฐานที่มั่นประจำตระกูลทาร์ลี ในอาณาจักรรีช (The Reach)
แบรนดอน สตาร์ค ยังคงฝึกวิชาญาณหยั่งรู้อยู่กับ อีกา 3 ตา แต่คราวนี้พาย้อนอดีตไปดูตำนานศึกหอคอยเริงรมย์ (Tower of Joy) ทำให้ แบรน สตาร์ค ได้เห็นพ่อของตัวเองในวัยหนุ่ม เน็ด สตาร์ค นำอัศวินอีก 5 คน มาปะทะกับ เซอร์อาเธอร์ เดย์น กับองครักษ์อีก 1 คน ที่ปักหลักเฝ้าหอคอยแห่งนี้ ทันทีที่ เน็ด และกลุ่มทหารมาถึง อีกา 3 ตา ก็แนะนำว่านักสู้ข้างกายของ เน็ด มีชื่อว่า ฮาวแลนด์ รีด พ่อของมีรา รีด (และโจเจ็น ด้วย)
แม้ว่าสงครามจะจบลง กษัตริย์คลั่งแอริส ทาร์แกเรียน โดนสังหารไปแล้ว เจ้าชายเรการ์ ก็พ่ายแพ้โดนฆ่าตายในสงคราม แต่ เซอร์อาเธอร์ เดย์น กับองครักษ์ ก็ยังคงจงรักภักดีทำตามคำสั่งขัดขวาง เน็ด สตาร์ค ทำให้ต้องฟาดฟันกัน แม้จำนวนคนจะเหนือกว่า ทว่าก็ไม่มีใครต่อกร เซอร์อาเธอร์ เดย์น ได้เลย จนกระทั่ง ฮาวแลนด์ รีด ฉวยจังหวะแทงข้างหลัง ทำให้ เน็ด สังหาร เซอร์อาเธอร์ เดย์น ได้สำเร็จ
สักพักก็มีเสียงร้องจากข้างบนหอคอย เน็ด จึงรีบวิ่งขึ้นไป แบรน พยายามเรียกพ่อ เน็ด เหมือนจะได้ยินเสียงจึงหันกลับมา แต่ก็ไม่เห็นอะไรจากนั้นก็วิ่งขึ้นหอคอยไป แบรน พยายามวิ่งตาม แต่ อีกา 3 ตา มาขวางไว้และพากลับมาซะก่อน พร้อมกับบอกว่า "อดีตถูกบันทึกไว้แล้ว หยดหมึกแห้งเหือดไปแล้ว หากอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่นานเกินไป เจ้าจะไม่ได้กลับมาอีก" แต่ แบรน ก็ยังโกรธ และบอกไปว่าตนไม่อยากอยู่เป็นตาแก่ในต้นไม้แบบนี้ อีกา 3 ตา จึงบอกว่า "เจ้าไม่ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปหรอก แต่ก่อนจะไป เจ้าต้องเรียนรู้ ทุกสิ่งทุกอย่าง"
ในที่สุดคณะคาลาซาของคาร์ลโมโร ก็เดินทางมาถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ วาส โดรธาก ทันที่มาถึง พวกเขาก็พาตัว คาลิซี ไปพบกับเหล่าแม่หม้าย และก็ต้องพบกับข่าวร้าย เนื่องจากว่ากฎดั้งเดิมของเผ่าโดธรากี ระบุไว้ว่า หาก คาร์ล เสียชีวิต ภรรยาของเขาจะต้องเป็น โดชคาลีน มาอยู่ร่วมกับเหล่าแม่หม้ายที่เมืองนี้ทันที แต่ คาลิซี กลับเดินทางไปที่อื่น ซึ่งถือเป็นเรื่องต้องห้าม และตอนนี้ทุกๆเผ่าจะกลับมาที่คาลาร์ เวซเวน ปกติพวกเขาจะร่วมตัดสินว่าเผ่าไหนจะถูกฆ่า ? เมืองไหนจะถูกปล้น ? และตอนนี้พวกเขาต้องตัดสินว่าจะทำอย่างไรกับ คาลิซี แม่หม้ายของคาร์ล โดรโก
ณ เมืองมิรีน ในที่สุด วาริส ก็สืบจนพบกับสาวสายลับ วาล่า ที่แอบทำงานอยู่เบื้องหลังกลุ่มกบฏบุตรแห่งฮาร์ปี้ (Sons of Harpy) ในระหว่างการสนทนาในครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ วาริส ใช้ทักษะทางการฑูตพูดเจรจาไล่ต้อนจน วาล่า ต้องจำยอมขายความลับให้ วาริส ใช้วิธีพูดถึงลูกชายของวาล่า เพื่อจี้จุดให้ วาล่า รู้สึกหวั่นเกรงว่าลูกของตนจะเป็นอันตราย แต่ วาริส ก็ยืนยันว่าตนไม่คิดทำร้ายเด็ก เพียงแต่ต้องการชี้แจงว่า วาล่า มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดลอบปลงพระชนม์ราชินีคาลิซีถือว่าโทษถึงตาย หากเป็นเช่นนั้น ลูกชายตัวน้อยของเธอจะอยู่ได้อย่างไร ? ดังนั้น วาริส จึงเสนอตั๋วเรือไปเมืองเพนโทสพร้อมเงินถุงใหญ่ให้เธอ แลกกับความลับทั้งหมด
กลายเป็นว่าได้ผล วาริส นำข้อมูลไปแจ้งกับ ทีเรียน แลนนิสเตอร์ ที่กำลังนั่งชวนคุยฆ่าเวลากับแม่ทัพหนอนเทา และมิสซันเดย์ ให้รับทราบโดยทั่วกันว่า ผู้ปกครองเมืองยุนไค, เมืองแอสทาพอร์ และ เมืองโวแลนติส ระดมทุนหนุนหลังกลุ่มกบฏบุตรแห่งฮาร์ปี้ พอรู้ตัวการแล้ว มิสซันเดย์ จึงบอกว่าไม่มีทางสู้รบกับคนพวกนี้ได้ มีทางเดียวต้องส่งสารตอบกลับไปถึงพวกมัน
ชั้นใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองคิงส์แลนดิ้ง ไคเบิร์น เจ้ากรมข่าวกรองและสมุนผู้ซื่อสัตย์ของเซอร์ซี แลนนิสเตอร์ กำลังหว่านล้อมกลุ่มเด็กน้อยด้วยลูกอมพลัมจากดอร์น พร้อมกับบอกให้เด็กๆไปสืบข่าวมาแลกกับขนมหวาน เพียงไม่ทันไร เซอร์เกรกอร์ คลิเกน ก็เดินลงมาพร้อมด้วย เซอร์ซี แลนนิสเตอร์, เจมี แลนนิสเตอร์ ส่วนทางด้าน ไคเบิร์น ก็บอกพวกเด็กๆให้ออกไป เจมี ถามว่าทำไมไม่ส่ง เซอร์เกรกอร์ ไปฆ่าสังฆราชไฮสแปร์โรว์ ให้จบไปเลย เซอร์ซี จึงบอกว่า ไฮ สแปร์โรว์ มีเหล่านักบวชรายล้อมอยู่มากเกินไป รอท้าสู้ในศึกตัดสินความผิดดีกว่า
จากนั้น ไคเบิร์น ก็แจ้งว่าตอนนี้ "เหล่านกน้อย" ของวาริส ได้กลายเป็นของเซอร์ซีแล้ว แต่เท่านี้ยังไม่พอ เซอร์ซี สั่งให้ ไคเบิร์น แพร่กระจายนกน้อยสายข่าวไปให้ทั่วดินแดนเวสเทอรอส จากนั้น เซอร์ซี, เจมี และเซอร์เกรกรอร์ ก็ออกไปยังที่ประชุมสภาคณะเล็ก (Small Council) แต่พอไปถึง เคแวน แลนนิสเตอร์ ที่เป็นองค์ประธานก็ไม่คิดจะร่วมเสวนาด้วย โอเลนน่า ไทเรล รวมถึง เมซ ไทเรล และ เมสเตอร์ไพเซลล์ ก็ต่างพร้อมใจกันเดินหนีออกไป
อีกด้านหนึ่ง พระราชาทอมเมน บาราเทียน นำทหารเข้าไปกดดัน ไฮ สแปร์โรว์ ให้ยอมอนุญาตให้ เซอร์ซี สามารถไปเยี่ยมศพเจ้าหญิงเมอร์เซลลา แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ไฮ สแปร์โรว์ ก็ไม่ยอม บอกแต่เพียงว่า เซอร์ซี ต้องรอขึ้นศาลตัดสินความผิดต่อเซพตันทั้ง 7 เสียก่อน ในตอนแรกบรรยากาศการพูดคุยค่อนข้างตึงเครียด แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า ไฮ สแปร์โรว์ จัดการเทศนาพระราชาทอมเมน จนอารมณ์เกรี้ยวกราดสงบลงไปได้
วิหารเทพแห่งความตาย แห่งสมาคมนักฆ่าไร้หน้า (House of Black and White) หลังจากโดนหวดจนช้ำไปทั้งตัว ในที่สุด อาร์ยา สตาร์ค ก็เรียนรู้จนจบหลักสูตร ฝึกวิชาการต่อสู้จนสามารถสู้ได้แม้กระทั่งตาบอด ทั้งยังดมกลิ่นจนสามารถแยกแยะสิ่งต่างๆ แถมยังจับนู่นใส่นี้ได้ถูกต้อง ในที่สุด จาเค็น ฮาการ์ ขอทดสอบครั้งสุดท้าย โดยถามว่า "หากเด็กสาวยอมบอกชื่อ บุรุษจะคืนดวงตาให้" แต่ อาร์ยา ก็ตอบเพียงว่า "เด็กสาวไม่มีชื่อ" จากนั้น จาเค็น ก็ตักน้ำในบ่อให้ดื่ม ตอนแรก อาร์ยา กลัว เพราะเคยเห็นคนดื่มน้ำในบ่อนี้แล้วต้องจบชีวิต แต่ จาเค็น บอกว่า "ถ้าเด็กสาวไร้ตัวตนจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว" ในที่สุด อาร์ยา ก็ดื่มน้ำลงไป ทันใดนั้น ดวงตาก็กลับมาเป็นปกติ
ข้ามไปทางแดนเหนือ ณ ปราสาทวินเทอร์เฟล มีแขกพิเศษมาเยือน แรมซีย์ โบลตัน นั่นก็คือ จอน อัมเบอร์ หรือ จอน ตัวเล็ก ลูกชายของ จอน ตัวใหญ่ แห่งตระกูลอัมเบอร์ ซึ่งเป็นตระกูลที่จงรักถักดีต่อตระกูลสตาร์ค เช่นเดียวกับตระกูลคาร์สตาร์ค แต่ตอนนี้กลับแปรพักตร์มาสยบให้ตระกูลโบลตัน เมื่อเป็นเช่นนี้ แรมซีย์ จึงเอ่ยถามว่าในช่วงแรกที่พ่อของตนสถาปนาตนเองเป็นเจ้าแห่งแดนเหนือ ตระกูลอัมเบอร์ เหตใดไม่ยอมมาสวามิภักดิ์? จอน อัมเบอร์ สวนกลับจนทำให้ แรมซีย์ ต้องอึ้งไปเบาๆว่า "พ่อของเจ้ามันขี้ขลาด นั่นจึงทำให้เจ้าจัดการฆ่าพ่อตัวเอง และหากพ่อของข้ายังไม่ตายไปก่อน ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน" (พูดแบบนี้มีเงื่อนงำ)
จากนั้นก็อัพเดทข้อมูลให้ฟังว่า จอน สโนว์ เป็นหัวหน้ากองทัพคนเถื่อน หากพวกมันลงมา ในฐานะที่พวกเราเป็นชาวเหนือก็ต้องสู้กับพวกมัน แต่พวกมันมีกำลังพลมากเกินกว่าที่เราจะสู้โดยลำพัง เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฟังเช่นนี้ แรมซีย์ จึงเสนอให้ตระกูลอัมเบอร์ยอมคุกเข่าสวามิภักดิ์ต่อตระกูลโบลตัน แต่ จอน อัมเบอร์ ไม่ยอมทำและไม่สนใจด้วยซ้ำ ทว่ากลับมอบของขวัญเป็น ริคคอน สตาร์ค กับ โอชา ให้กับ แรมซีย์ โบลตัน เพื่อแสดงถึงเจตนาสานพันธไมตรีแทน
กลับไปที่ปราสาททมิฬ ระหว่างนั่งรออยู่ในห้อง จอน สโนว์ นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์สุดช็อกที่โดนคนของตัวเองหักหลัง จากนั้น เอ็ด ก็เข้ามาตามให้ออกไปยังลานประหาร ท่ามกลางสายตาของเหล่าคนเถื่อน และหน่วยพิทักษราตรี ที่จับจ้องไปที่นักโทษ 4 คน นำโดย อัลลิเซอร์ กับ ออลลี่ และผู้อาวุโสของหน่วยอีก 2 คน โดนเชือกคล้องคออยู่
จอน สโนว์ เดินถือดาบกรงเล็บไปยืนต่อหน้าและให้ทุกคนสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบตัดเชือกจบชีวิตนักโทษด้วยการแขวนคอตาย แล้วก็ถอดเสื้อคลุมผู้บัญชาการหน่วยพิทักษ์ราตรีมอบให้ เอ็ด พร้อมกับบอกว่า "ตอนนี้เจ้าจะทำยังไงกับมันก็ได้ ปราสาททมิฬเป็นของเจ้าแล้ว" จอน สโนว์ เดินกลับไปพร้อมกับบอกว่า "หน้าที่ของข้าจบลงแล้ว"
ติดตามชมซีรีส์ Game of Thrones ซีซั่น 6 ออกอากาศทุกวันจันทร์ เฟิร์สรัน 8.00 น. รีรัน 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ทางช่อง HBO HD (ทรูว