JJNY : เศรษฐกิจดี๊ดี...หอค้าจ่อลดจีดีพีปีนี้เหลือแค่ 2.9 % ชี้เป็นผลกระทบอังกฤษตีจากอียู

กระทู้คำถาม
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในงานเสวนาเรื่อง “อนาคตประเทศไทย สร้างได้หรือโชคช่วย” ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสภาหอการค้าไทย ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ปี 2559 ใหม่ จากเดิมคาดว่าโต 3% จะปรับเป็น 2.9% เนื่องจากมีผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป(อียู) ซึ่งผลกระทบเฉพาะกรณีอังกฤษออกจากอียูคาดว่าจะทำให้จีดีพีไทยปี 2559 หายไป 0.16% ส่วนใหญ่มาจากผลกระทบด้านมูลค่าการส่งออกประมาณ 2-7 หมื่นล้านบาท ทำให้คาดว่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัวติดลบ 2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว0.8%

นายธนวรรธน์กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวจากกลุ่มอียูและอังกฤษที่มีสัดส่วนถึง 20% ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าไทยว่าในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นจะกลับมาอยู่ในระดับปกติหรือไม่ ดังนั้น หากภาครัฐต้องการให้เศรษฐกิจไทยโตในระดับ 3-3.5% จำเป็นต้องเพิ่มเม็ดเงินเข้าระบบประมาณ 2-5 หมื่นล้านบาท ส่วนเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังคาดว่าจะโต 3% จากเดิมคาดว่าจะโต 3.3%

“เหตุการณ์อังกฤษออกจากอียูถือเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่และยังต้องจับตาต่อเนื่องไปอีก 2 ปี เพราะโลกยังกังวลว่า กรีซ สเปน และโปรตุเกสจะออกตามหรือไม่ อีกทั้งเศรษฐกิจของอังกฤษยังพึ่งพาแรงงานและเชื่อมโยงกับอียูมากและยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองเข้ามาร่วมด้วยจึงคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจอังกฤษลดลงประมาณ 1%” นายธนวรรธน์กล่าว

นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อนาคตของประเทศไทยสามารถสร้างได้แต่จำเป็นต้องโฟกัสว่าหลังจากนี้จะชูอุตสาหกรรมใดให้โดดเด่น เพราะไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาพัฒนาแรงงาน ทรัพยากร ไปโดยใช่เหตุ นอกจากนี้ ยังควรพัฒนาการเชื่อมโยงกับกลุ่มซีแอลเอ็มวีให้ดีขึ้น จากปัจจุบันไทยมองซีแอลเอ็มวีเป็นเพียงคู่ค้าและคู่แข่ง แต่ไม่ได้มองเรื่องการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อ และไม่ได้ให้น้ำหนักเป็นระบบเศรษฐกิจเดียวกัน เห็นได้จากการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนเพื่อหวังดึงแรงงานมาทำงานที่ประเทศไทย ทั้งที่นักลงทุนต่างประเทศมองว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้โดยการย้ายข้ามไปตั้งฐานการผลิตเพื่อนบ้านแทน

น.ส.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด อีไอซี ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันเอเชียโดยเฉพาะกลุ่มซีแอลเอ็มวีเป็นที่สนใจจากต่างประเทศอยู่แล้วเพราะมีอัตราการเติบโตสูง แต่ขนาดเศรษฐกิจถือว่ายังเล็กเมื่อเทียบกับประเทศอื่น อีกทั้งหากเหตุการณ์ในอียูลุกลามจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนในประเทศสหรัฐอเมริการ่วมทั้งจีนด้วยถือเป็นผลลบต่อเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโต 2.8% เช่นเดิม

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การที่อียูอ่อนแอลงถือเป็นโอกาสของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์เช่นกัน แต่มีโจทย์ที่ต้องแก้คือต้องเร่งสร้างสเถียรภาพทางการเมืองโดยเฉพาะการลงประชามติที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพื่อให้นโยบายและการเมืองต่อเนื่อง สร้างระบบเศรษฐกิจที่แข่งขันได้ ลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ พัฒนาระบบผลิตโดยเฉพาะด้านเกษตรกรรมให้เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงโดยไม่ต้องซื้อนวัตกรรมจากประเทศพัฒนาแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่