...ธรรมะจากพระผู้รู้... โดย พระ ปราโมทย์ ปา โมชฺโช ค่ะ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 150 ค่ะ

ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้   ธรรมะจากพระผู้รู้ โดย พระ ปราโมทย์ ปา โมชฺโช ค่ะ   ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้

จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 150 ค่ะ
พระจันทร์


ถ้าเมื่อไหร่รู้อริยสัจนะ จะปล่อยวางตัวจิตได้
งั้นการที่จะเข้ามาทำลายผู้รู้ ปล่อยวางตัวจิตได้ ต้องรู้แจ้งอริยสัจ
อันนี้แถมไว้ให้นะ พวกเรายังไม่ถึงตรงนี้หรอก แต่บอกไว้ก่อน
นานๆเจอกันที เกิดหลวงพ่อไม่อยู่แล้ว เกิดถึงตัวผู้รู้แล้วจะได้ทำลายผู้รู้ได้

ทำลายผู้รู้ไม่ได้ทำด้วยวิธีอื่น ไม่ได้ทำด้วยการกำหนดจิตไปเพ่งใส่มัน
ไม่ได้แกล้งทำเป็นเอ๋อๆไม่รู้เรื่อง ทำสติแตก ไม่ใช่
แต่มันคือการรู้แจ้งอริยสัจแห่งจิต
ถ้าวันใดเราเห็นความจริง ว่าจิตนี้ไม่ใช่ของดีของวิเศษ จิตนี้เป็นทุกข์ล้วนๆ
บางท่านเห็นว่าจิตเป็นทุกข์ เพราะมันไม่เที่ยง
บางท่านเห็นว่าจิตเป็นทุกข์ เพราะมันถูกบีบคั้น
บางท่านเห็นว่าจิตเป็นทุกข์ เพราะมันบังคับไม่ได้
มันบังคับไม่ได้นะ มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตานั่นเอง
การที่เห็นแจ้งว่าจิตเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เพียงมุมใดมุมหนึ่งนะ จิตจะปล่อยวางจิต เค้าจะปล่อยของเค้าเอง

ทำไมต้องเห็นแจ้งตรงนี้แล้วเป็นการรู้อริยสัจ
ในบรรดาขันธ์ ๕ ทั้งหลายเนี่ย สิ่งที่เรายึดถือเหนียวแน่นที่สุดนะก็คือจิต
สิ่งที่เราสำคัญมั่นหมายว่าเป็นตัวเรามากที่สุด ก็คือจิต
สิ่งที่เรายึดถือเหนียวแน่นที่สุด ก็คือจิต
งั้นวันใดที่เห็นความจริงว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา จะเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวเรา
วันใดไม่ยึดถือจิต ก็จะไม่ยึดถือสิ่งใดในโลกอีกแล้ว
เพราะจิตเป็นศูนย์กลางของโลก เป็นศูนย์กลางของจักรวาล

งั้นให้เราคอยมาสังเกตความจริงของจิตไปเรื่อยๆ
จิตนี้ไม่เที่ยง จิตนี้ถูกบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา
จิตนี้ไม่อยู่ในอำนาจ สั่งให้ดีก็ไม่ดี ห้ามชั่วมันก็จะชั่ว
สั่งให้สุขมันก็ไม่สุข ห้ามทุกข์มันก็จะทุกข์ มันไม่อยู่ในอำนาจจริง
เนี่ยเฝ้าดูลงไป เห็นแต่ของที่ไม่อยู่ในอำนาจ ไม่ใช่ฝึกจนมันอยู่ในอำนาจนะ
ถ้าฝึกจนอยู่ในอำนาจก็คือเข้าไปควบคุมมันสำเร็จ
นั่นแหละไม่ปล่อยตัวผู้รู้หรอก แต่ว่าเข้าไปยึดถือผู้รู้ไว้อย่างเหนียวแน่นเลย

แต่ก่อนที่พวกเราจะมาถึงจุดที่ทำลายผู้รู้นี้อย่าเพิ่งรีบร้อนนะ
ดูจิตมันเกิดดับ ดูจิตมันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เรื่อยๆไป ถึงเวลามันทำลายของมันเอง
เหมือนลูกไก่ที่โตเต็มที่แล้วจะเจาะทำลายเปลือกเอง
อยู่ๆเราไปรีบตอกไข่นะ แม่ไก่ออกมาปุ๊บ
แล้วเราอยากได้ลูกไก่เร็วๆ ตอกไข่ออกมาไม่เจอลูกไก่ ยังไม่เป็นตัว
เหมือนจิตของพวกเราตอนนี้นะ อย่าเพิ่งไปทำลายจิตนะ อย่าเพิ่งไปทำลายผู้รู้นะ
ทำลายออกมาจะไม่เหลืออะไรเลย เหลือแต่ไข่เจียว เหลือแต่ไข่ดาว ไม่ได้เรื่องหรอก

งั้นพอมีจิตแล้วนะ ก็คอยรู้คอยดูของเราไป เฝ้ารู้เฝ้าดูเรื่อยไป
ถึงจุดหนึ่งเมื่อสติปัญญามันบ่มเต็มที่แล้วมันจะปล่อยวางจิตด้วยตัวของมันเอง

นี่สอนให้แบบละเอียดแล้วนะ ไม่มีใครเค้าสอนกันหรอกนะอย่างนี้ สอนแล้วมันเปลืองตัว
นี้หลวงพ่อเรียนมาจากครูบาอาจารย์ ท่านสอนมาอีกที เรามาบอกต่อให้ ธรรมะจะได้ไม่หายไป
ถ้าตราบใดที่ปล่อยวางจิตไม่ได้ ยังเวียนว่ายตายเกิดอีก
จิตเหมือนเมล็ดของต้นไม้ เหมือนเมล็ดของต้นมะม่วง เหมือนเมล็ดทุเรียน ขนุน อะไรอย่างนี้
มีเมล็ดอยู่เมล็ดเดียวนะ เอาไปเพาะ งอกต้นไม้ขึ้นมาอีก ออกลูกออกหลานมาได้อีกเยอะแยะเลย
จิตดวงเดียวที่ยังไม่สิ้นเชื้อเกิด ยังมีอวิชชา ยังมีความไม่รู้แจ้งถึงอริยสัจซ่อนอยู่ภายใน
จิตดวงเดียวนี้แหละ พาเราเวียนว่ายตายเกิดไปสู่ภพภูมิใหม่ๆ สร้างขันธ์ ๕ ใหม่ขึ้นมาได้อีก
เหมือนเมล็ดมะม่วง สร้างต้นมะม่วง ออกลูกมะม่วงมาได้อีกเยอะแยะเลย
จิตดวงเดียวที่ยังมีเชื้อเกิดคือไม่รู้อริยสัจอยู่เนี่ย
มันพาให้เราได้ขันธ์ ๕ ขึ้นมาอีกในภพภูมิต่างๆเวียนว่ายไปเรื่อย

นานาของขวัญนานาแต่งตัวนานามาลัยนานาก่อทรายนานาเล่นน้ำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่