[CR] Autumn in Kyushu - Ep.3 - ตามหาหัวใจที่ Nagasaki


Ep.1 - Huis Ten Bosch บินไปคิวชู แต่ไปโผล่ฮอลแลนด์: http://ppantip.com/topic/35236051
Ep.2 - ตามหาใบไม้แดงที่ Yutoku Inari: http://ppantip.com/topic/35263498
Ep.3 - ตามหาหัวใจที่ Nagasaki: http://ppantip.com/topic/35294708
Ep.4 - ตามหาคุมะมงที่ Kumamoto: http://ppantip.com/topic/35340828
Ep.5 - พาแฟนไปทัวร์นรก ที่ Beppu: http://ppantip.com/topic/35416017
Ep. 6 - ใครว่า Yufuin แค่ครึ่งวันก็พอ: http://ppantip.com/topic/35894794
Ep. 7 - แช่ออนเซ็นท่ามกลางใบไม้แดงที่ Kurokawa: http://ppantip.com/topic/35951771
Ep.8 - กินเพลินๆ ที่ Fukuoka: https://ppantip.com/topic/36053342/
Ep 9 - ล่องเรือในชุดกิโมโน ที่ Dazaifu & Yanagawa: https://ppantip.com/topic/36289772

           ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากเราเที่ยวศาลเจ้า Yutoku Inari ในช่วงเช้าเสร็จแล้ว  เราก็ใช้เวลาที่เหลือของวันนี้ ไปกับการเที่ยวในตัวเมืองนางาซากิ

          การเดินทางในเมืองนี้ ใช้รถรางเป็นหลัก โดยเขาจะมี One-Day Pass ขายในราคา 500 เยน ซึ่งถือว่าไม่แพงและคุ้มค่ามาก สำหรับคนที่จะไปเที่ยวหลายๆที่ ในเมืองนางาซากิ เม่าบัลเล่ต์
Credit: http://visit-nagasaki.com/

          รถรางทำให้เมืองนี้ดูมีสเน่ห์ดีทีเดียว  พูดถึงเมืองนางาซากิ  สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของเราคือ เมืองท่า ที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่ง  จึงทำให้เราเผลอคิดเปรียบเทียบกับเมืองโกเบในแถบคันไซอยู่ตลอด เพราะมีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน  และเราก็ชอบโกเบมาก เราจึงมีความรู้สึกว่านางาซากิ ก็คงเป็นอีกเมืองหนึ่งในญี่ปุ่นที่จะสร้างความประทับใจให้กับเราในทริปนี้ (ใครมีแพลนเที่ยวโกเบ ลองอ่านลิ้งนี้ได้เลยจ้า Kobe มีอะไรมากกว่าแค่สเต็ค - http://www.2roamwithlove.com/2015/09/day3-kobe-review-kitano-nunobiki-kachoen-harborland.html )

          จากสถานีรถไฟนางาซากิ  จุดหมายแรกของเราคือ หาของกินในย่านไชน่าทาวน์นั่นเอง เรานั่งรถรางสาย1 ไปยังสถานี Tsukimachi
Credit: http://www.talonjapan.com/nangazaki-tram/

          จากนั้นเดินอีกนิดหน่อยก็จะถึง สังเกตูง่ายๆ  ประตูสีแดงๆนั่นเอง  ทางเข้าของไชน่าทาวน์

          เข้าไปด้านใน  สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหาร ยั่วยวนมาก โดยเฉพาะร้านขาย จัมปง ของขึ้นชื่อของที่นี่

จัมปง (Champon) เป็นราเมนชนิดหนึ่งที่จะใส่ผักและอาหารทะเลเป็นหลัก  น้ำซุปจะมีรสหวานอร่อยที่ได้จากผักและซุปกระดูกหมู

          ของขึ้นชื่ออีกอย่างที่สะกดสายตาของเรา คือ หมั่นโถวหมูสามชั้น  ที่เราอยากกินสุดๆ แต่ก็ต้องอดทน อดกลั้น เพราะเดี๋ยวจะกินข้าวเที่ยงแล้ว ไม่อยากโดนตัดกำลังซะก่อน อมยิ้ม06

          หลังจากหักห้ามใจ ต่อความเย้ายวนของหมูสามชั้นได้สำเร็จ เราก็เดินมาถึงจุดหมายสำหรับมื้อเที่ยงในวันนี้ นั่นก็คือ ร้านเนื้อย่างร้านนี้นั่นเอง ชื่อร้านอ่านว่า มะซึโช (Matsusyo) เราจะมาลิ้มลองเนื้อนางาซากิกัน

          ราคาของการกินเนื้อดีๆที่ญี่ปุ่นนั้นไม่ถูกเอาซะเลย  แต่ที่นี่เขามี Lunch Set ที่ราคาน่าคบหา  พอแตะต้องได้  เราเลยสั่งชุดเนื้อนางาซากิวากิว มา 1 ชุด ในราคา 3,000 เยน ส่วนคุณสามีเราสั่ง Sirloin นางาซากิ วากิว มาอีก 1 ชุด ราคา 3,900 เยน

เมื่อตกลงปลงใจได้แล้วว่าจะกินเซ็ทไหน เราก็ไปนั่งตรงโต๊ะที่เป็นลักษณะเหมือนบาร์ และมีกระทะเหล็กอยู่ด้านหน้า  ไม่นานเชฟ ก็เดินมาทักทาย เชฟคนนี้จะเป็นคนย่างเนื้อทั้งหมดที่เราสั่งไปให้นั่นเอง

           ก่อนอื่นเขาก็จะหยิบเนื้อที่เราสั่งไปออกมาโชว์ ให้เห็นถึงความอลังการ เส้นลายหินอ่อนที่แทรกอยู่ในเนื้อแดง มันช่างงดงามเหลือเกิน เม่าโศก
เนื้อเสต็ค นางาซากิ วากิว 3,000 เยน
เนื้อ Sirloin นางาซากิวากิว 3,900 เยน

          ตามด้วยการเสิร์ฟสลัด ให้รองท้องระหว่างรอเชฟย่างเนื้อ

เชฟเริ่มลงมือย่าง อย่างช้าๆ พิถีพิถัน

          ณ จุดๆนี้ ภาพ เสียง (เสียงเนื้อถูกย่าง) และกลิ่น  มันช่างเรียกน้ำย่อยของเราสองคนซะเหลือเกิน เม่าเริงร่า

          มีการราดเหล้าลงไปบนเนื้อ  ทำให้เกิดไฟลุกโชดช่วง  เราก็นั่ง ทำเสียง "วู้  ว้าว" ตื่นเต้นกันไป

          ในที่สุด ก็เสร็จออกมาเป็นเนื้อรสชาติหวาน นุ่ม ละลายในปาก  เรียบง่ายไม่ต้องปรุงรสเยอะ  เพื่อให้ได้ลิ้มรสของเนื้อแบบเน้นๆ

          ซูมชัดๆ อีกหนึ่งรูป

          ตบท้ายด้วยของหวานที่ร่วมอยู่ในเซ็ท เป็นไอติม กับเค้กชิ้นเล็กๆ  แค่นี้ก็อิ่มสุดๆแล้ว

          หลังจากฟินกับเนื่อนางาซากิเสร็จ  เราก็ได้เวลาไปเที่ยวเมืองกันจริงๆซักที  มุ่งหน้าสู่สวน Glover Garden โดยนั่งรถรางสาย5จากสถานี Tsukimachiไปลงที่สถานี O-Uratenshudoshita จากนั้นเดินขึ้นเนินไปประมาณ 6 นาที

          ระหว่างทางไป Glover Garden จะเต็มไปด้วยร้านขายของ  ที่คอยล่อลวงเราให้เสียตังค์ไปตลอดทาง  แต่เราต้องรีบไปเที่ยวก่อนที่ฟ้าจะมืด เลยต้องเดินดุ่มๆ พยายามไม่มอง กะว่าเดี๋ยวเที่ยวเสร็จแล้ว ค่อยกลับลงมา shopping ทีหลัง

          เดินไปสุดเนินจะเจอกับโบสถ์ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในบริเวณนี้ชื่อว่า โบสถ์ Oura โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์โรมันคาธอลิคที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นสิ่งก่อสร้างสไตล์ตะวันตกที่แรกที่ถูกขึ้นเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่น

          เดินผ่านโบสถ์ไปทางด้านขวา ก็จะเจอกับทางขึ้นสวนโกลฟเวอร์ ทางขึ้นช่วงแรกจะเป็นบันได  แต่อย่าพึ่งท้อใจไปนะ  ข้างบนมีบันไดเลื่อน  แต่ก่อนจะเข้าไปในส่วนนั้น  ต้องซื้อตั๋วค่าเข้าชม คนละ 610 เยน

          นี่ไง  บันไดเลื่อน  มีหลังคาคลุมให้ด้วย

          เราขึ้นบันไดเลื่อนมาจนสุดก่อน  แล้วค่อยเที่ยวจากจุดสูงสุด  ลงไปด้านล่าง

           ด้านบนสุดจะเป็นที่ตั้งของอาคารที่ชื่อ ว่า Mitsubishi No.2 Dock House ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1896 ที่นี่เคยใช้เป็นที่พักของเหล่าลูกเรือ ในช่วงที่เขามาเทียบท่าและอยู่ระหว่างการรอเรือซ่อมแซมในอู่

          แต่น่าเสียดาย  ช่วงที่เราไปเที่ยว อาคารหลังนี้อยู่ในระหว่างซ่อมบำรุง ไม่เปิดให้เข้าชม  เราจึงขอเอารูปจากเว็บไซต์มาให้ดูแทนก่อน
Credit Photo: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Nagasaki-Glover-Garden

          ถึงจะไม่ได้ชื่นชมตัวอาคาร แต่บริเวณสวนด้านหน้าอาคารหลังนี้ก็ขึ้นชื่อไม่แพ้ตัวอาคารทีเดียว โดยเฉพาะบริเวณบ่อปลาคาร์พขนาดใหญ่

           มีปลาคาร์พหลากสีเต็มไปหมด

           เจอน้องเหมียวหน้าเข้ม  นั่งโพสท่าให้ถ่ายรูปด้วย

       จากบริเวณนี้ เราเริ่มเดินลงไปยังบ้านหลังอื่นๆ ที่อยู่ในสวน Glover ตอนนี้ฝนโปรยเล็กน้อย  ทำให้อากาศค่อนข้างเย็น  และฟ้าทึม  ถึงจะถ่ายรูปมาไม่แจ่มมากนัก  แต่ข้อดีคือคนน้อย  ไม่ต้องคอยหลบคนไปมา

          ระหว่างทางเราได้ยินเสียงดังมาจากอาคารหลังหนึ่ง  จึงไปชโงกมอง เห็นเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่  เขาทำอะไรกันนะ ?  เราขอเข้าไปแจมด้วย พาพันชอบ

           เข้าไปใกล้ก็พบว่า  บ้านหลังนี้มีบริการให้แต่งตัวสไตล์ฝรั่งโบราณแบบชาวดัทช์  ในราคาคนละ 600 เยน  มีทั้งชุดผู้หญิงและผู้ชาย ..... เราหันไปสบตาคุณสามี 3 วินาที นางก็เข้าใจว่าเราต้องการอะไร เพี้ยนเงือก

           ทาด้า !!!!  แปลงร่าง  เรื่องแบบนี้เราไม่พลาดอยู่แล้ว พอแต่งตัวเสร็จ  รู้สึกอินกับบรรยากาศบ้านฝรั่งรอบๆขึ้นอีกเท่าตัวเลยทีเดียว

          และแน่นอน  คุณสามีเราก็ ... ขอแจมด้วย (สาบานว่าเราไม่ได้บังคับ ขืนใจ  นางยินยอมพร้อมใจ  แปลงร่างด้วยตัวเอง  แต่มีแอบบ่นว่าชุดผู้ชายมีให้เลือกน้อยมาก ชุดผู้หญิงมีเยอะเชียว)

          ปกติ หลังจากเปลี่ยนชุด ทางร้านอนุญาติให้เราออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปบริเวณสวนได้ตามอัธยาศัยเป็นเวลา 1 ชั่วโมง แต่เนื่องจากวันนี้ฝนตก เขาจึงขอร้องให้อยู่แต่ในบ้าน และบริเวณหน้าบ้านเท่านั้น เพราะกลัวชุดจะเปื้อน  เราจึงได้แต่ถ่ายรูปภายในบ้าน  แต่แค่นี้เราก็พอใจละ  ในบ้านมีมุมให้ถ่ายรูปอยู่หลายมุมทีเดียว

อยู่ในนี้นานจนได้เพื่อนใหม่ เป็นกลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มนี้  แต่ละคนจัดเต็มกันมาก  เราจึงไปชวนพวกนางมาถ่ายรูปด้วย  ถึงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็เข้าใจกัน  ถ่ายรูปกับพวกน้องๆ สนุกดี เหมือนมากับเพื่อนๆ เลย  ได้แอ๊บเด็กกันไป
ชื่อสินค้า:   Nagasaki,Kyushu,ประเทศญีปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่