เกาท์คือโรคที่เกิดจากกรดยูริคที่มากเกินไป ไปสะสมตามจุดต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อ เส้นเอ็น กระดูก ทำให้เกิดการอักเสบและปวดเรื้อรัง เกิดความทุกข์ทรมานกับเราอย่างมาก
และที่สำคัญคือหากปล่อยไว้นานไม่รักษา ข้อที่อักเสบเรื้อรังจะกลายเป็นข้อเสื่อม อาจทำให้ใช้งานได้ไม่ปกติ และมีอาการปวดเรื้อรังไปตลอดได้ครับ
นอกจากนี้ระดับยูริคที่สูง นอกจากจะทำให้ข้ออักเสบแล้ว ยังทำให้ไตเสื่อมได้ด้วย
ฟังดูเกาท์จะเป็นโรคที่อันตราย แต่การรักษาในปัจจุบันก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ถ้าเราดูแลตัวเองได้อย่างดี ร่วมกับทานยาลดยูริคสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นอย่างมากเลยครับ
อาการของเกาท์มี 2 รูปแบบ
1.อาการเฉียบพลัน ทีเราคุ้นเคยกันดีคือปวดข้อ บวมแดง ที่พบบ่อยของเกาท์มักเป็นบริเวณข้อนิ้วโป้งเท้า แต่ก็สามารถอักเสบตามข้ออื่นๆได้ครับ
2.อาการเรื้อรัง ยูริคที่ตกตะกอนตามร่างกายจะกลายเป็นก้อนออกมาให้เห็น เรียกว่า โทฟัส (Tophus)
แนวทางรักษา
การรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือการดูแลตัวเอง ควบคู่ ไปกับการใช้ยาลดระดับยูริคครับ
การดูแลตัวเอง
-อาหาร
อาหารหลักที่ควรลดปริมาณลง คือ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ปีก เครื่องใน ยอดผักอ่อน และสุราครับ เพราะกลุ่มนี้จะทำให้ยูริคในเลือดสูงขึ้น
นอกจากนี้บางคนที่สังเกตพบว่าตัวเองมีอาการกำเริบเมื่อทานอาหารบางชนิดนอกจากนี้ ก็แนะนำให้งดเช่นกันครับ
-การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายระดับปานกลาง เช่น แอโรบิค วิ่งจ็อกกิ้ง ว่ายน้ำ ก็จะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของการอักเสบได้ แต่ควรระวังการออกกำลังกาย
หักโหม เช่น ยกน้ำหนัก ที่อาจทำให้ข้ออักเสบมากขึ้นแทนครับ
การใช้ยา
ในระยะที่ข้ออักเสบมาก ยาหลักคือ Colchicine และ ยาแก้อักเสบ (NSAIDs) ร่วมกับการประคบเย็น พักการใช้งาน และยกข้อสูงเพื่อลดการบวม ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน
-Colchicine
เป็นยาที่ดีและนิยมมากในวงการแพทย์ปัจจุบันในการรักษาเกาท์อักเสบ และสามารถช่วยป้องกันการอักเสบในครั้งต่อไปด้วย
มีผลข้างเคียงแบบเบา : ท้องเสีย ปวดท้อง
ผลข้างเคียงที่รุนแรง : ในคนที่ทานร่วมกับยาลดไขมัน Simvastatin อาจเกิดภาวะกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรงได้ ฉะนั้นหากมีอาการเมื่อยแขนขาผิดปกติ หรือปัสสาวะเป็นสีโค้ก ให้หยุดยาทันทีแล้วมาพบแพทย์ครับ
-ยาแก้อักเสบ
เป็นยาอีกตัวที่นิยมและใช้คู่กับ Colchicine เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Naproxen มีผลข้างเคียงทำให้ กระเพาะอักเสบ บางคนจึงทานยาลดกรดในกระเพาะควบคู่ไปด้วยครับ
การรักษาระยะยาว
ยาลดระดับยูริค : การลดระดับยูริค ไม่ให้ยูริคไปตกผลึกในข้อแล้วอักเสบเป็นเกาท์ การลดยูริคเลยเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุมากที่สุด โดยส่วนใหญ่จะเริ่มหลังจากที่การอักเสบหายดีแล้วครับ
-Allopurinol
ยาที่นิยมสูงสุดเพราะราคาถูกและมีประสิทธิภาพดี
ผลข้างเคียงที่เบา : ทำให้คลื่นไส้ ท้องเสีย
ผลข้างเคียงรุนแรง : ทำให้แพ้รุนแรงได้ ( Steven Johnson syndrome ) , ไตอักเสบ
ถ้ามีผื่นเป็นวงกลมมีจุดแดงเข้มตรงกลางคล้ายเป้าธนู แสดงว่าจะเริ่มมีแพ้รุนแรงเกิดขึ้นแล้ว ให้หยุดยาแล้วมาพบแพทย์โดยเร็วครับ
สรุป ปัจจุบันเกาท์เป็นโรคที่การดูแลตัวเองมีส่วนมาก ร่วมกับการทานยาลดยูริคร่วมกัน คนไข้ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นมากเลยครับ
ปล.อีกเรื่องนึงที่สำคัญ ที่ผมพบบ่อยมากคือ ปัจจุบันมียาตามท้องตลาดมากมายที่อ้างสรรพคุณในการรักษาเกาท์
ในทางการแพทย์เราพยายามอย่างมากในการพัฒนาการรักษา โดยเราจะคัดเพียงยาที่พิสูจน์ทางงานวิจัยแล้วว่าได้ผลจริงมาใช้
ยาอื่นยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน จึงยังไม่นำมาใช้ครับ
บางอย่างเป็นเพียงอาหารเสริมก็ไม่เป็นไร แต่บางอย่างมีสเตียรอยด์ปนเข้ามาด้วย การใช้สเตียรอยด์นานๆ จะทำให้เราเกิดโรคอื่นเพิ่มขึ้นมาแทนได้
แนะนำให้นำยาเข้าปรึกษาหมอ หรือเภสัชกรก่อนใช้ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมเป็นหมอครับ กำลังทำเพจเกี่ยวกับสุขภาพแบบง่ายๆ Facebook :
https://www.facebook.com/qiniccom/
Web :
www.qinic.com
หากเห็นว่ามีประโยชน์ แชร์ให้คนใกล้ตัวด้วยนะครับ : )
เกาท์ (Gout) | สรุปสาระสำคัญสั้นๆ สำหรับคนเป็นโรคนี้ครับ
และที่สำคัญคือหากปล่อยไว้นานไม่รักษา ข้อที่อักเสบเรื้อรังจะกลายเป็นข้อเสื่อม อาจทำให้ใช้งานได้ไม่ปกติ และมีอาการปวดเรื้อรังไปตลอดได้ครับ
นอกจากนี้ระดับยูริคที่สูง นอกจากจะทำให้ข้ออักเสบแล้ว ยังทำให้ไตเสื่อมได้ด้วย
ฟังดูเกาท์จะเป็นโรคที่อันตราย แต่การรักษาในปัจจุบันก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ถ้าเราดูแลตัวเองได้อย่างดี ร่วมกับทานยาลดยูริคสม่ำเสมอ ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นอย่างมากเลยครับ
อาการของเกาท์มี 2 รูปแบบ
1.อาการเฉียบพลัน ทีเราคุ้นเคยกันดีคือปวดข้อ บวมแดง ที่พบบ่อยของเกาท์มักเป็นบริเวณข้อนิ้วโป้งเท้า แต่ก็สามารถอักเสบตามข้ออื่นๆได้ครับ
2.อาการเรื้อรัง ยูริคที่ตกตะกอนตามร่างกายจะกลายเป็นก้อนออกมาให้เห็น เรียกว่า โทฟัส (Tophus)
แนวทางรักษา
การรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือการดูแลตัวเอง ควบคู่ ไปกับการใช้ยาลดระดับยูริคครับ
การดูแลตัวเอง
-อาหาร
อาหารหลักที่ควรลดปริมาณลง คือ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ปีก เครื่องใน ยอดผักอ่อน และสุราครับ เพราะกลุ่มนี้จะทำให้ยูริคในเลือดสูงขึ้น
นอกจากนี้บางคนที่สังเกตพบว่าตัวเองมีอาการกำเริบเมื่อทานอาหารบางชนิดนอกจากนี้ ก็แนะนำให้งดเช่นกันครับ
-การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายระดับปานกลาง เช่น แอโรบิค วิ่งจ็อกกิ้ง ว่ายน้ำ ก็จะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของการอักเสบได้ แต่ควรระวังการออกกำลังกาย
หักโหม เช่น ยกน้ำหนัก ที่อาจทำให้ข้ออักเสบมากขึ้นแทนครับ
การใช้ยา
ในระยะที่ข้ออักเสบมาก ยาหลักคือ Colchicine และ ยาแก้อักเสบ (NSAIDs) ร่วมกับการประคบเย็น พักการใช้งาน และยกข้อสูงเพื่อลดการบวม ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน
-Colchicine
เป็นยาที่ดีและนิยมมากในวงการแพทย์ปัจจุบันในการรักษาเกาท์อักเสบ และสามารถช่วยป้องกันการอักเสบในครั้งต่อไปด้วย
มีผลข้างเคียงแบบเบา : ท้องเสีย ปวดท้อง
ผลข้างเคียงที่รุนแรง : ในคนที่ทานร่วมกับยาลดไขมัน Simvastatin อาจเกิดภาวะกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรงได้ ฉะนั้นหากมีอาการเมื่อยแขนขาผิดปกติ หรือปัสสาวะเป็นสีโค้ก ให้หยุดยาทันทีแล้วมาพบแพทย์ครับ
-ยาแก้อักเสบ
เป็นยาอีกตัวที่นิยมและใช้คู่กับ Colchicine เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Naproxen มีผลข้างเคียงทำให้ กระเพาะอักเสบ บางคนจึงทานยาลดกรดในกระเพาะควบคู่ไปด้วยครับ
การรักษาระยะยาว
ยาลดระดับยูริค : การลดระดับยูริค ไม่ให้ยูริคไปตกผลึกในข้อแล้วอักเสบเป็นเกาท์ การลดยูริคเลยเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุมากที่สุด โดยส่วนใหญ่จะเริ่มหลังจากที่การอักเสบหายดีแล้วครับ
-Allopurinol
ยาที่นิยมสูงสุดเพราะราคาถูกและมีประสิทธิภาพดี
ผลข้างเคียงที่เบา : ทำให้คลื่นไส้ ท้องเสีย
ผลข้างเคียงรุนแรง : ทำให้แพ้รุนแรงได้ ( Steven Johnson syndrome ) , ไตอักเสบ
ถ้ามีผื่นเป็นวงกลมมีจุดแดงเข้มตรงกลางคล้ายเป้าธนู แสดงว่าจะเริ่มมีแพ้รุนแรงเกิดขึ้นแล้ว ให้หยุดยาแล้วมาพบแพทย์โดยเร็วครับ
สรุป ปัจจุบันเกาท์เป็นโรคที่การดูแลตัวเองมีส่วนมาก ร่วมกับการทานยาลดยูริคร่วมกัน คนไข้ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นมากเลยครับ
ปล.อีกเรื่องนึงที่สำคัญ ที่ผมพบบ่อยมากคือ ปัจจุบันมียาตามท้องตลาดมากมายที่อ้างสรรพคุณในการรักษาเกาท์
ในทางการแพทย์เราพยายามอย่างมากในการพัฒนาการรักษา โดยเราจะคัดเพียงยาที่พิสูจน์ทางงานวิจัยแล้วว่าได้ผลจริงมาใช้
ยาอื่นยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน จึงยังไม่นำมาใช้ครับ
บางอย่างเป็นเพียงอาหารเสริมก็ไม่เป็นไร แต่บางอย่างมีสเตียรอยด์ปนเข้ามาด้วย การใช้สเตียรอยด์นานๆ จะทำให้เราเกิดโรคอื่นเพิ่มขึ้นมาแทนได้
แนะนำให้นำยาเข้าปรึกษาหมอ หรือเภสัชกรก่อนใช้ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมเป็นหมอครับ กำลังทำเพจเกี่ยวกับสุขภาพแบบง่ายๆ Facebook : https://www.facebook.com/qiniccom/
Web : www.qinic.com
หากเห็นว่ามีประโยชน์ แชร์ให้คนใกล้ตัวด้วยนะครับ : )