เมื่อแรกเกิดมาจุติบนโลก มีเพียงสองมือของแม่อุ้มชูดูแลมา
สายสะดือที่ทอดยาวผ่านลำตัวแม่คือ สายใยแห่งความรักที่ แม่มอบให้ตลอดมา
มีชีวิตอยู่ได้จากกินของที่มีประโยชน์ของแม่ ผู้เป็นลูกนอนขดเปลือยกาย
ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่ม หรือรองเท้า จิตใจของลูกแรกเกิดบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาวที่ปราศจากสิ่งแปดเปื้อน
ครั้นเมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไปหลายปี เด็กเติบโตขึ้น จิตใจบริสุทธิ์ต้องผจญกับสิ่งแปดเปื้อน
จากโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา ทำให้จิตใจที่เคยบริสุทธิ์เดินหลงทางเข้าไป
ในความมืด และทำทุกอย่างเพื่อครอบครองกิเลสตัณหามาเป็นของตน หลงคิดว่ามีความสุขที่ได้ครองครองกิเลสตัณหา
จึงมิอาจแยกแยะสิ่งที่ผิดถูกชั่วดีได้ เช่น การฆ่าสัตว์ การลักขโมย การผิดลูกผิดเมีย การทำแท้ง การแย่งชิง เป็นต้น
ทุกๆวันเมื่อลืมตาจึงเป็นทุกข์กับการยึดติดกับสิ่งที่เหล่านี้ หลอกตัวเองไปวันๆ เป็นความสุขแบบจอมปลอมทั้งสิ้น
หารู้ไม่ว่าความทุกข์อยู่ในใจตลอดเวลาจุกล้นจนไม่อยากมีชีวิตบนโลกใบนี้
ชีวิตที่แท้จริงคือ การรู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งๆบนโลกมีวันเสื่อมสลาย แม้แต่ชีวิตของตนเองก็แก่ชราลงไปเรื่อย
เมื่อไม่ยึดติดกับกิเลสตัณหา ก็จะไม่ทุกข์ และช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในบ่วงแห่งความทุกข์
จะทำให้จิตใจบริสุทธิ เป็นคนดีมีศีลธรรม
การไม่ใส่รองเท้าเป็นการปลงจากทุกสิ่งบนโลกนี้ เพื่อเตือนสติตัวเองว่า
แม้แต่เกิดมาก็ไม่มีรองเท้าให้สวมใส่ ตอนตายก็ไม่เอาสิ่งของมีค่าติดตัวไปได้ นอกจากความดีที่เคยทำไว้ตอนมีชีวิตเท่านั้น
ที่ยังคงอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์ครับ
ถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าเป็นการปลงทุกสิ่งบนโลก
สายสะดือที่ทอดยาวผ่านลำตัวแม่คือ สายใยแห่งความรักที่ แม่มอบให้ตลอดมา
มีชีวิตอยู่ได้จากกินของที่มีประโยชน์ของแม่ ผู้เป็นลูกนอนขดเปลือยกาย
ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่ม หรือรองเท้า จิตใจของลูกแรกเกิดบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาวที่ปราศจากสิ่งแปดเปื้อน
ครั้นเมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไปหลายปี เด็กเติบโตขึ้น จิตใจบริสุทธิ์ต้องผจญกับสิ่งแปดเปื้อน
จากโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา ทำให้จิตใจที่เคยบริสุทธิ์เดินหลงทางเข้าไป
ในความมืด และทำทุกอย่างเพื่อครอบครองกิเลสตัณหามาเป็นของตน หลงคิดว่ามีความสุขที่ได้ครองครองกิเลสตัณหา
จึงมิอาจแยกแยะสิ่งที่ผิดถูกชั่วดีได้ เช่น การฆ่าสัตว์ การลักขโมย การผิดลูกผิดเมีย การทำแท้ง การแย่งชิง เป็นต้น
ทุกๆวันเมื่อลืมตาจึงเป็นทุกข์กับการยึดติดกับสิ่งที่เหล่านี้ หลอกตัวเองไปวันๆ เป็นความสุขแบบจอมปลอมทั้งสิ้น
หารู้ไม่ว่าความทุกข์อยู่ในใจตลอดเวลาจุกล้นจนไม่อยากมีชีวิตบนโลกใบนี้
ชีวิตที่แท้จริงคือ การรู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ทุกสิ่งๆบนโลกมีวันเสื่อมสลาย แม้แต่ชีวิตของตนเองก็แก่ชราลงไปเรื่อย
เมื่อไม่ยึดติดกับกิเลสตัณหา ก็จะไม่ทุกข์ และช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในบ่วงแห่งความทุกข์
จะทำให้จิตใจบริสุทธิ เป็นคนดีมีศีลธรรม
การไม่ใส่รองเท้าเป็นการปลงจากทุกสิ่งบนโลกนี้ เพื่อเตือนสติตัวเองว่า
แม้แต่เกิดมาก็ไม่มีรองเท้าให้สวมใส่ ตอนตายก็ไม่เอาสิ่งของมีค่าติดตัวไปได้ นอกจากความดีที่เคยทำไว้ตอนมีชีวิตเท่านั้น
ที่ยังคงอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์ครับ