สำหรับลิงค์ตอนเก่านะคะ
ตอนที่ 1 :
http://ppantip.com/topic/35153883
ตอนที่ 2 :
http://ppantip.com/topic/35159907
ตอนที่ 3 :
http://ppantip.com/topic/35167630
ตอนที่ 4 :
http://ppantip.com/topic/35191268
ตอนที่ 5 :
http://ppantip.com/topic/35247481
...
(6)
นลินีคิดว่าเธอยังอยู่ในความฝันที่ดีที่สุด
ถึงแม้มันจะผ่านไปหลายวันแล้วนับตั้งแต่คืนวันศุกร์ แต่เธอรู้สึกราวกับเรื่องทั้งหมดนี้มันดีเกินกว่าที่จะเกิดขึ้นจริงอย่างไรชอบกล แม้แต่ตอนที่กำลังนั่งเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เพื่อนรักทั้งสองฟังในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังใจกลางกรุงแบบนี้
“แล้วยังไง!” ทั้งสองแทบจะดึงคอเธอไปเค้นถามเมื่อนลินีเล่าถึงตอนที่เธอค้นหาความหมายของดอกกล้วยไม้จนเจอ “ตกลงดอกกล้วยไม้มันหมายความว่ายังไงกันแน่ยะ!?”
หญิงสาวกลั้นยิ้มกับท่าทีลุ้นระทึกราวกับเชียร์ละครหลังข่าว
“มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกน่า”
“ไอ้คุณหนูลี” ตันหยงแทบจะทึ้งศีรษะตนเองที่เพิ่งตัดผมมาใหม่ๆ ด้วยความหงุดหงิด “แกจะเล่าดีๆ หรือจะให้ฉันทิ่มตะเกียบในมือนี่ใส่แกก่อนหะ!”
นลินีเม้มปากราวกับกำลังใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจหยิบเมนูอาหารที่วางอยู่ข้างๆ มาดูและซ่อนตัวเองอยู่ข้างหลังนั้นอย่างมิดชิด ในขณะที่เพื่อนรักทั้งสองจ้องมองพฤติกรรมแปลกประหลาดของเพื่อนสาวด้วยความงงงวย
“เค้าบอกว่าดอกกล้วยไม้เป็นตัวแทนของความคิดถึง มีความหมายในภาษาดอกไม้ว่า
ยากที่จะห้ามใจไม่ให้คิดถึงคุณ” คำอธิบายเบาหวิวดังมาจากด้านหลังเมนูอาหาร
ตันหยงและพลอยชมพูส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเสียยกใหญ่ จนพนักงานเสิร์ฟต้องเดินเข้ามาสอบถามความเรียบร้อย นลินีสุดปัญญาที่จะห้ามปรามเพราะตนเองนั้นก็หน้าแดงก่ำเสียจนไม่กล้าโผล่ออกไปเผชิญคำหยอกเอินของสองสาวที่ทำตาวิบวับอย่างได้ทีอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“พอได้แล้วหยง” นลินีไม่เคยนึกรักเสียงหวานๆ ของพลอยชมพูมากเท่าตอนนี้มาก่อน และเปลี่ยนใจแทบจะในทันทีเมื่อหล่อนเสริมต่อว่า “ฟังให้จบก่อนค่อยแซวทีเดียว”
“พลอย!!”
ใบหน้าสวยหวานฉีกยิ้มกว้างแบบที่ไม่เคยทำให้ใครโกรธได้ลงเสียทีพลางปะเหลาะ
“น่า หนูลี ล้อเล่นนิดเดียวเอง แล้วตกลงยังไงต่อจ๊ะ?”
หญิงสาวทำหน้าคาดโทษอย่างไม่จริงจังอะไรก่อนจะหลุดขำ เมื่อเห็นทั้งสองคนทำท่าทางมีความสุขกับเธอไปด้วยขนาดนั้น คิดถูกจริงๆ ที่นัดทั้งคู่ออกมานั่งคุยกันข้างนอกแทนที่จะส่งข้อความหากันเหมือนอย่างเคย เพราะลำพังแค่คำพูดคงไม่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจขนาดนี้
“ฉันอยากรู้อย่างเดียว” ตันหยงพูดขึ้นมาบ้าง “ตกลงแกได้คุยกับเขารึยัง?”
ยิ่งนับวันเพื่อนรักของเธอคนนี้จะทำตัวสมกับเป็นเจ้าแม่พีอาร์ขาโหดเข้าไปทุกที นลินีภาวนาให้ตนเองมลายหายไปพร้อมกับเมนูที่ยังคงยึดเอาไว้เป็นปราการอย่างแน่นหนาจะได้ไม่ต้องตอบคำถามแสลงใจนั้นของตันหยง ซึ่งดูเหมือนเจ้าหล่อนจะเข้าใจท่าทางการแสดงออกของเธอโดยอัตโนมัติ ถึงได้ทำท่าราวกับจะแยกเขี้ยวใส่ซะอย่างงั้น
“แต่ฉันทำอย่างอื่นนะ!”
นลินีร้องบอกก่อนที่ตันหยงจะตั้งต้นว๊ากใส่เธออีกรอบกลางร้านอาหาร และรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองมากดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงยื่นใส่หน้าเพื่อนสาว ที่ปรากฏบนหน้าจอคือรูปดอกกล้วยไม้บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมข้อความตามที่นลินีเคยบรรยายให้ฟังทุกประการ และที่โชว์หราอยู่ข้างใต้นั้นก็คือรายชื่อเพื่อนที่เข้ามากดถูกใจภาพดังกล่าวซึ่งมีนลินีเป็นหนึ่งในนั้น
“แค่เนี้ยะ!!” ทั้งสองคนร้องอย่างผิดหวัง
“แค่นี้ของพวกแกสำหรับฉันนี่เหมือนจะตายอยู่แล้วนะยะ” หญิงสาวทำหน้างอ “กว่าจะทำใจกดได้ฉันนั่งจ้องหน้าจอเสียจนแทบจะทะลุ”
“ทำแค่นี้มันจะไปได้อะไรยะ วันๆ นึงคนกดถูกใจมีเป็นสิบ ทำไมแกไม่ส่งข้อความไปหาเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยนะ!”
“แค่นี้ฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังสารภาพรักกับเขายังไงก็ไม่รู้ ขืนส่งข้อความไปหาก็เท่ากับประกาศว่าฉันชอบเขาเลยน่ะสิ ถ้าหน้าแตกกลับมาแกจะช่วยเย็บไหมฮึ ไอ้คุณตันหยง! อีกอย่างถ้าเขานึกอยากจะคุยขึ้นมาจริงๆ ก็คงส่งข้อความมาตั้งนานแล้ว”
“แต่หนูลีจะปล่อยไว้แค่นั้นไม่ได้นะ อุตสาห์มาถึงขั้นนี้แล้ว”
“โอย ขอเวลาฉันทำใจหน่อยเถอะ พลอย” นลินีโอดครวญ “ขนาดตอนนี้แค่อัพเดทอะไรสักอย่างขึ้นหน้าเพจตัวเอง ฉันยังไม่ค่อยกล้าเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีประชุมงานกับบริษัทเขาอีกยังไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีเลยเนี่ย!”
สองเพื่อนสาวแทบหูผึ่งกับประโยคบอกเล่าสุดท้ายที่หลุดออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด เธอนึกอยากตบปากตัวเองเหลือเกินทันทีที่สบตากับแม่เพื่อนรักทั้งสองคนที่ลูกตาวาววับราวกับสิงโตเวลาเห็นเหยื่อ
“นี่ไง!!” ตันหยงตบโต๊ะด้วยตะเกียบในมือเสียงดังจนไข่กุ้งบนซูชิกระเด็น
“นี่ไงอะไรของแก!” นลินีร้องเสียงหลง “ทำบ้าอะไรเนี่ยเลอะเทอะหมดแล้ว ของกินแพงๆ ไม่ใช่บาทสองบาทนะยะ”
คนถูกด่าหน้าตาไม่สลดเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังใช้มือเปล่าหยิบซูชิเจ้าปัญหาเข้าปากคำโตแล้วเคี้ยวหยับๆ อย่างเอร็ดอร่อย ด้วยท่าทางแบบที่พลอยชมพูเห็นแล้วถึงกับเอามือปิดหน้าด้วยความอับอายแทนเพื่อน
“ฉันล่ะอยากให้เจ้านายแกมาเห็นภาพหล่อนตอนนี้ซะจริ๊ง” นลินีหัวเราะแล้วปาทิชชู่ที่ดึงออกมาจากขวดแก้วใส่หน้าคนที่ทำตัวอย่างกับเด็กๆ ซึ่งรีบรับไปด้วยรอยยิ้มกว้างไม่แพ้กัน
“ฝันไปเถอะย่ะ!” ตันหยงรีบพูดทั้งที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปากและทำหน้าคาดโทษทันทีก่อนที่เพื่อนรักจะคิดทำอะไรแผลงๆ เช่นการถ่ายรูปเธอไปประจานบนเว็บไซต์ของบริษัท “ได้ยินแกด่าแล้วมันอดไม่ได้สักที นึกถึงตอนสมัยเรียนที่แย่งกันกินขนม”
วันเวลาเหล่านั้นดูจะผ่านไปนานเหลือเกินในความรู้สึกของหญิงสาวสามคนในที่นั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเพิ่งผ่านไปได้เพียงแค่ราวๆ สองปีเท่านั้นเอง
“ว่าแต่ว่า เรากลับมาที่เรื่องเมื่อครู่นี้กันก่อนดีกว่านะคะ...” ตันหยงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยมาดพีอาร์สาวแบบโปรเฟสชั่นนอล “แกบอกว่าพรุ่งนี้มีประชุมกับบริษัทของคุณทีใช่ไหมยะ?”
ได้ยินดังนั้นนลินีก็แทบจะขอให้หล่อนกลับไปพูดเรื่องสมัยมหาวิทยาลัยต่อยังจะดีเสียกว่า แต่ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ต่อสายตาคาดคั้นแกมจับผิดของทั้งคู่
“พรุ่งนี้มีประชุมเรื่องโปรเจ็คตอนบ่าย” เธอเลือกที่จะตอบแค่นั้น
แต่ดูเหมือนข้อมูลเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับทั้งสองคน เมื่อตันหยงสรุปอย่างรวบรัดตัดความพร้อมคำแนะนำเชิงบังคับเสร็จสรรพ
“นี่แหละโอกาสทองหนที่สองของแก หนูลี” พลอยชมพูพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงสนับสนุนอย่างเคย “งานนี้แกต้องทุ่มสุดตัวไปเลยนะยะ!”
“ทุ่มบ้าทุ่มบออะไรของพวกแก??”
“ไม่ต้องมาทำเป็นโกรธเฉไฉ ไอ้คุณหนูลี แกรู้คำตอบนั้นดีเสียยิ่งกว่าพวกชั้น” ตันหยงขู่กลับ “ในอินเตอร์เน็ตนั่นมันก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่ลำบากยากเย็นกว่าจะได้เจอหน้ากันสักที แกก็ต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้มสิยะ ทอดสะพานเสริมใยเหล็กแบบรับประกันตลอดชีพเข้าไปเลย!”
“ไอ้หยงมันก็พูดเวอร์ไป” พลอยชมพูรีบแก้เมื่อเห็นนลินีทำหน้าเหวอ “พวกเราหมายความว่าเวลาแบบนี้เป็นโอกาสที่ดีที่หนูลีจะได้ทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นอีกหน่อยไง จะเรียกว่าทอดสะพานก็คงไม่ผิดอะไร แต่สำหรับเรามันคือการแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีผู้เริ่มและผู้สานต่อเหมือนกับการปรบมือนั่นแหละ หากเขาไม่มีทีท่าหรือดูมีใจกับหนูลีจริงๆ ก็จะได้รู้กันไปเลยไม่ต้องมานั่งเดาอยู่แบบนี้”
“แต่ฉันยังต้องดีลงานกับเขาอยู่อีกเป็นอาทิตย์นะ พลอย ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคิดขึ้นมา ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แหม เขาเปิดมาซะขนาดนี้แล้ว ถ้าทั้งหมดนี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดขึ้นมาจริงๆ แกคงเป็นผู้หญิงที่ซวยที่สุดในจักรวาลของคนแอบรักเลย ยัยหนูลีเอ๋ย” ตันหยงหัวเราะ
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้จะให้แกไปทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนั้น ไอ้ประเภทแข้งขาอ่อนสะดุดล้มริมฝีปากชนกันนั่นมันละครหลังข่าว ฉันแค่อยากให้แกซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองมากกว่านี้สักนิด ส่งยิ้มให้เขาอีกสักหน่อย ทอดสะพานแบบเนียนๆ อย่างสาวมนุษยสัมพันธ์ดี๊ดีเขาชอบทำกันน่ะ แกเข้าใจไหม?”
แม่คนเผด็จการอธิบายเสียดิบดีแต่ก็ไม่วาย-ดัน
“ถ้าไม่รู้จะใช้วิธีไหนก็ลองเข้าไปค้นดูในเว็บลุงกูฯ สุดเลิฟของแกอีกรอบก็ได้ พนันว่าต้องมีเป็นกุรุด”
นลินีไม่สนใจคำพูดประชดประชันนั้น “รู้สึกเหมือนพวกแกกำลังขอให้ฉันควักหัวใจตัวเองไปวางบนมือเขายังไงยังงั้นแหละ”
ทั้งสองคนยิ้มอย่างให้กำลังใจ
“หัวใจของแกมันอยู่ในกำมือเขานับตั้งแต่วันแรกที่แกรู้ว่าชอบแล้วล่ะ หนูลี...”
(มีต่อ)
.....
สวัสดีค่ะ วันนี้แอบเอาตอนที่ 6 มาลงให้เร็วหน่อยเพราะว่าอาจจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดสักพักหนึ่งและคาดเดาว่าคงจะยุ่งไปพักใหญ่แน่นอน T^T ที่สำคัญคือหมดสต็อคตอนที่แต่งเอาไว้ล่วงหน้าแล้วด้วย งานนี้ต้องปั่นสดแบบจริงจังแล้วค่ะเพราะฉะนั้นขอเวลาทำใจสักนิดนะคะเพื่อผลงานที่ดี แต่ก็จะรีบปั่นให้จบโดยเร็วเพราะน้องชายพระเอกในพล็อตเรื่องต่อไปรอดักตีหัวอยู่ค่ะ (ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ออกสักที 55)
ขอขอบคุณพี่ลิ (ลายลิขิต) กับครูจี (GTW) ด้วยนะคะที่หลงมาอ่านนิยายเรื่องนี้เข้า 55 และขอบคุณทุกกำลังใจจากนักอ่านทั้งที่ติดตามมาตั้งแต่แรกและนักอ่านเงาทั้งหลาย มีข้อติดขัดตรงไหน อยากให้ขัดเกลาที่ใด บอกได้เลยนะคะ ยินดีรับฟังเสมอ อยากพัฒนาตัวเองค่ะ
ช่วงนี้ก็กลับมาแดดออกสลับฝนตกอีกแล้ว รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
Love Between The Lines เรื่องรักระหว่างบรรทัด Ep.6
สำหรับลิงค์ตอนเก่านะคะ
ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/35153883
ตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/35159907
ตอนที่ 3 : http://ppantip.com/topic/35167630
ตอนที่ 4 : http://ppantip.com/topic/35191268
ตอนที่ 5 : http://ppantip.com/topic/35247481
...
(6)
นลินีคิดว่าเธอยังอยู่ในความฝันที่ดีที่สุด
ถึงแม้มันจะผ่านไปหลายวันแล้วนับตั้งแต่คืนวันศุกร์ แต่เธอรู้สึกราวกับเรื่องทั้งหมดนี้มันดีเกินกว่าที่จะเกิดขึ้นจริงอย่างไรชอบกล แม้แต่ตอนที่กำลังนั่งเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เพื่อนรักทั้งสองฟังในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังใจกลางกรุงแบบนี้
“แล้วยังไง!” ทั้งสองแทบจะดึงคอเธอไปเค้นถามเมื่อนลินีเล่าถึงตอนที่เธอค้นหาความหมายของดอกกล้วยไม้จนเจอ “ตกลงดอกกล้วยไม้มันหมายความว่ายังไงกันแน่ยะ!?”
หญิงสาวกลั้นยิ้มกับท่าทีลุ้นระทึกราวกับเชียร์ละครหลังข่าว
“มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกน่า”
“ไอ้คุณหนูลี” ตันหยงแทบจะทึ้งศีรษะตนเองที่เพิ่งตัดผมมาใหม่ๆ ด้วยความหงุดหงิด “แกจะเล่าดีๆ หรือจะให้ฉันทิ่มตะเกียบในมือนี่ใส่แกก่อนหะ!”
นลินีเม้มปากราวกับกำลังใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจหยิบเมนูอาหารที่วางอยู่ข้างๆ มาดูและซ่อนตัวเองอยู่ข้างหลังนั้นอย่างมิดชิด ในขณะที่เพื่อนรักทั้งสองจ้องมองพฤติกรรมแปลกประหลาดของเพื่อนสาวด้วยความงงงวย
“เค้าบอกว่าดอกกล้วยไม้เป็นตัวแทนของความคิดถึง มีความหมายในภาษาดอกไม้ว่า ยากที่จะห้ามใจไม่ให้คิดถึงคุณ” คำอธิบายเบาหวิวดังมาจากด้านหลังเมนูอาหาร
ตันหยงและพลอยชมพูส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเสียยกใหญ่ จนพนักงานเสิร์ฟต้องเดินเข้ามาสอบถามความเรียบร้อย นลินีสุดปัญญาที่จะห้ามปรามเพราะตนเองนั้นก็หน้าแดงก่ำเสียจนไม่กล้าโผล่ออกไปเผชิญคำหยอกเอินของสองสาวที่ทำตาวิบวับอย่างได้ทีอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“พอได้แล้วหยง” นลินีไม่เคยนึกรักเสียงหวานๆ ของพลอยชมพูมากเท่าตอนนี้มาก่อน และเปลี่ยนใจแทบจะในทันทีเมื่อหล่อนเสริมต่อว่า “ฟังให้จบก่อนค่อยแซวทีเดียว”
“พลอย!!”
ใบหน้าสวยหวานฉีกยิ้มกว้างแบบที่ไม่เคยทำให้ใครโกรธได้ลงเสียทีพลางปะเหลาะ
“น่า หนูลี ล้อเล่นนิดเดียวเอง แล้วตกลงยังไงต่อจ๊ะ?”
หญิงสาวทำหน้าคาดโทษอย่างไม่จริงจังอะไรก่อนจะหลุดขำ เมื่อเห็นทั้งสองคนทำท่าทางมีความสุขกับเธอไปด้วยขนาดนั้น คิดถูกจริงๆ ที่นัดทั้งคู่ออกมานั่งคุยกันข้างนอกแทนที่จะส่งข้อความหากันเหมือนอย่างเคย เพราะลำพังแค่คำพูดคงไม่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจขนาดนี้
“ฉันอยากรู้อย่างเดียว” ตันหยงพูดขึ้นมาบ้าง “ตกลงแกได้คุยกับเขารึยัง?”
ยิ่งนับวันเพื่อนรักของเธอคนนี้จะทำตัวสมกับเป็นเจ้าแม่พีอาร์ขาโหดเข้าไปทุกที นลินีภาวนาให้ตนเองมลายหายไปพร้อมกับเมนูที่ยังคงยึดเอาไว้เป็นปราการอย่างแน่นหนาจะได้ไม่ต้องตอบคำถามแสลงใจนั้นของตันหยง ซึ่งดูเหมือนเจ้าหล่อนจะเข้าใจท่าทางการแสดงออกของเธอโดยอัตโนมัติ ถึงได้ทำท่าราวกับจะแยกเขี้ยวใส่ซะอย่างงั้น
“แต่ฉันทำอย่างอื่นนะ!”
นลินีร้องบอกก่อนที่ตันหยงจะตั้งต้นว๊ากใส่เธออีกรอบกลางร้านอาหาร และรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองมากดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงยื่นใส่หน้าเพื่อนสาว ที่ปรากฏบนหน้าจอคือรูปดอกกล้วยไม้บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมข้อความตามที่นลินีเคยบรรยายให้ฟังทุกประการ และที่โชว์หราอยู่ข้างใต้นั้นก็คือรายชื่อเพื่อนที่เข้ามากดถูกใจภาพดังกล่าวซึ่งมีนลินีเป็นหนึ่งในนั้น
“แค่เนี้ยะ!!” ทั้งสองคนร้องอย่างผิดหวัง
“แค่นี้ของพวกแกสำหรับฉันนี่เหมือนจะตายอยู่แล้วนะยะ” หญิงสาวทำหน้างอ “กว่าจะทำใจกดได้ฉันนั่งจ้องหน้าจอเสียจนแทบจะทะลุ”
“ทำแค่นี้มันจะไปได้อะไรยะ วันๆ นึงคนกดถูกใจมีเป็นสิบ ทำไมแกไม่ส่งข้อความไปหาเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยนะ!”
“แค่นี้ฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังสารภาพรักกับเขายังไงก็ไม่รู้ ขืนส่งข้อความไปหาก็เท่ากับประกาศว่าฉันชอบเขาเลยน่ะสิ ถ้าหน้าแตกกลับมาแกจะช่วยเย็บไหมฮึ ไอ้คุณตันหยง! อีกอย่างถ้าเขานึกอยากจะคุยขึ้นมาจริงๆ ก็คงส่งข้อความมาตั้งนานแล้ว”
“แต่หนูลีจะปล่อยไว้แค่นั้นไม่ได้นะ อุตสาห์มาถึงขั้นนี้แล้ว”
“โอย ขอเวลาฉันทำใจหน่อยเถอะ พลอย” นลินีโอดครวญ “ขนาดตอนนี้แค่อัพเดทอะไรสักอย่างขึ้นหน้าเพจตัวเอง ฉันยังไม่ค่อยกล้าเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีประชุมงานกับบริษัทเขาอีกยังไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีเลยเนี่ย!”
สองเพื่อนสาวแทบหูผึ่งกับประโยคบอกเล่าสุดท้ายที่หลุดออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด เธอนึกอยากตบปากตัวเองเหลือเกินทันทีที่สบตากับแม่เพื่อนรักทั้งสองคนที่ลูกตาวาววับราวกับสิงโตเวลาเห็นเหยื่อ
“นี่ไง!!” ตันหยงตบโต๊ะด้วยตะเกียบในมือเสียงดังจนไข่กุ้งบนซูชิกระเด็น
“นี่ไงอะไรของแก!” นลินีร้องเสียงหลง “ทำบ้าอะไรเนี่ยเลอะเทอะหมดแล้ว ของกินแพงๆ ไม่ใช่บาทสองบาทนะยะ”
คนถูกด่าหน้าตาไม่สลดเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังใช้มือเปล่าหยิบซูชิเจ้าปัญหาเข้าปากคำโตแล้วเคี้ยวหยับๆ อย่างเอร็ดอร่อย ด้วยท่าทางแบบที่พลอยชมพูเห็นแล้วถึงกับเอามือปิดหน้าด้วยความอับอายแทนเพื่อน
“ฉันล่ะอยากให้เจ้านายแกมาเห็นภาพหล่อนตอนนี้ซะจริ๊ง” นลินีหัวเราะแล้วปาทิชชู่ที่ดึงออกมาจากขวดแก้วใส่หน้าคนที่ทำตัวอย่างกับเด็กๆ ซึ่งรีบรับไปด้วยรอยยิ้มกว้างไม่แพ้กัน
“ฝันไปเถอะย่ะ!” ตันหยงรีบพูดทั้งที่ยังมีอาหารอยู่เต็มปากและทำหน้าคาดโทษทันทีก่อนที่เพื่อนรักจะคิดทำอะไรแผลงๆ เช่นการถ่ายรูปเธอไปประจานบนเว็บไซต์ของบริษัท “ได้ยินแกด่าแล้วมันอดไม่ได้สักที นึกถึงตอนสมัยเรียนที่แย่งกันกินขนม”
วันเวลาเหล่านั้นดูจะผ่านไปนานเหลือเกินในความรู้สึกของหญิงสาวสามคนในที่นั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเพิ่งผ่านไปได้เพียงแค่ราวๆ สองปีเท่านั้นเอง
“ว่าแต่ว่า เรากลับมาที่เรื่องเมื่อครู่นี้กันก่อนดีกว่านะคะ...” ตันหยงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยมาดพีอาร์สาวแบบโปรเฟสชั่นนอล “แกบอกว่าพรุ่งนี้มีประชุมกับบริษัทของคุณทีใช่ไหมยะ?”
ได้ยินดังนั้นนลินีก็แทบจะขอให้หล่อนกลับไปพูดเรื่องสมัยมหาวิทยาลัยต่อยังจะดีเสียกว่า แต่ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ต่อสายตาคาดคั้นแกมจับผิดของทั้งคู่
“พรุ่งนี้มีประชุมเรื่องโปรเจ็คตอนบ่าย” เธอเลือกที่จะตอบแค่นั้น
แต่ดูเหมือนข้อมูลเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับทั้งสองคน เมื่อตันหยงสรุปอย่างรวบรัดตัดความพร้อมคำแนะนำเชิงบังคับเสร็จสรรพ
“นี่แหละโอกาสทองหนที่สองของแก หนูลี” พลอยชมพูพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงสนับสนุนอย่างเคย “งานนี้แกต้องทุ่มสุดตัวไปเลยนะยะ!”
“ทุ่มบ้าทุ่มบออะไรของพวกแก??”
“ไม่ต้องมาทำเป็นโกรธเฉไฉ ไอ้คุณหนูลี แกรู้คำตอบนั้นดีเสียยิ่งกว่าพวกชั้น” ตันหยงขู่กลับ “ในอินเตอร์เน็ตนั่นมันก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่ลำบากยากเย็นกว่าจะได้เจอหน้ากันสักที แกก็ต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้มสิยะ ทอดสะพานเสริมใยเหล็กแบบรับประกันตลอดชีพเข้าไปเลย!”
“ไอ้หยงมันก็พูดเวอร์ไป” พลอยชมพูรีบแก้เมื่อเห็นนลินีทำหน้าเหวอ “พวกเราหมายความว่าเวลาแบบนี้เป็นโอกาสที่ดีที่หนูลีจะได้ทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นอีกหน่อยไง จะเรียกว่าทอดสะพานก็คงไม่ผิดอะไร แต่สำหรับเรามันคือการแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีผู้เริ่มและผู้สานต่อเหมือนกับการปรบมือนั่นแหละ หากเขาไม่มีทีท่าหรือดูมีใจกับหนูลีจริงๆ ก็จะได้รู้กันไปเลยไม่ต้องมานั่งเดาอยู่แบบนี้”
“แต่ฉันยังต้องดีลงานกับเขาอยู่อีกเป็นอาทิตย์นะ พลอย ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคิดขึ้นมา ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แหม เขาเปิดมาซะขนาดนี้แล้ว ถ้าทั้งหมดนี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดขึ้นมาจริงๆ แกคงเป็นผู้หญิงที่ซวยที่สุดในจักรวาลของคนแอบรักเลย ยัยหนูลีเอ๋ย” ตันหยงหัวเราะ
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้จะให้แกไปทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนั้น ไอ้ประเภทแข้งขาอ่อนสะดุดล้มริมฝีปากชนกันนั่นมันละครหลังข่าว ฉันแค่อยากให้แกซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองมากกว่านี้สักนิด ส่งยิ้มให้เขาอีกสักหน่อย ทอดสะพานแบบเนียนๆ อย่างสาวมนุษยสัมพันธ์ดี๊ดีเขาชอบทำกันน่ะ แกเข้าใจไหม?”
แม่คนเผด็จการอธิบายเสียดิบดีแต่ก็ไม่วาย-ดัน
“ถ้าไม่รู้จะใช้วิธีไหนก็ลองเข้าไปค้นดูในเว็บลุงกูฯ สุดเลิฟของแกอีกรอบก็ได้ พนันว่าต้องมีเป็นกุรุด”
นลินีไม่สนใจคำพูดประชดประชันนั้น “รู้สึกเหมือนพวกแกกำลังขอให้ฉันควักหัวใจตัวเองไปวางบนมือเขายังไงยังงั้นแหละ”
ทั้งสองคนยิ้มอย่างให้กำลังใจ
“หัวใจของแกมันอยู่ในกำมือเขานับตั้งแต่วันแรกที่แกรู้ว่าชอบแล้วล่ะ หนูลี...”
(มีต่อ)
.....
สวัสดีค่ะ วันนี้แอบเอาตอนที่ 6 มาลงให้เร็วหน่อยเพราะว่าอาจจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดสักพักหนึ่งและคาดเดาว่าคงจะยุ่งไปพักใหญ่แน่นอน T^T ที่สำคัญคือหมดสต็อคตอนที่แต่งเอาไว้ล่วงหน้าแล้วด้วย งานนี้ต้องปั่นสดแบบจริงจังแล้วค่ะเพราะฉะนั้นขอเวลาทำใจสักนิดนะคะเพื่อผลงานที่ดี แต่ก็จะรีบปั่นให้จบโดยเร็วเพราะน้องชายพระเอกในพล็อตเรื่องต่อไปรอดักตีหัวอยู่ค่ะ (ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ออกสักที 55)
ขอขอบคุณพี่ลิ (ลายลิขิต) กับครูจี (GTW) ด้วยนะคะที่หลงมาอ่านนิยายเรื่องนี้เข้า 55 และขอบคุณทุกกำลังใจจากนักอ่านทั้งที่ติดตามมาตั้งแต่แรกและนักอ่านเงาทั้งหลาย มีข้อติดขัดตรงไหน อยากให้ขัดเกลาที่ใด บอกได้เลยนะคะ ยินดีรับฟังเสมอ อยากพัฒนาตัวเองค่ะ
ช่วงนี้ก็กลับมาแดดออกสลับฝนตกอีกแล้ว รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ