การฟื้นขึ้นของเจี๊ยบอีกครั้งเป็นที่ตกตะลึงของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ แต่ทางหลวงพ่อนั้นดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ สีหน้าแววตา่านออกจะเศร้าๆด้วยซ้ำ
"ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย" เสียงพึมพำของหลวงพ่อราวกับกำลังปลงต่อชีวิต
"หลวงพ่อเป็นอะไรเหรอครับ" ภูที่สังเกตสีหนาของหลวงพ่อจึงเข้าไปถาม ทำให้พ่อกับแม่ของเจี๊ยบหันมามอง
"หลวงพ่อในนึกว่าภูจะมาถึงก่อน มันทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น" คำตอบของหลวงพ่อทำให้พ่อกับแม่ของเจี๊ยบ รวมถึงตัวเจี๊ยบที่เพิ่งฟื้นไม่เข้าใจ
"เรื่องนี้น่ะรู้กันแค่ไม่กี่คนหรอกว่าภูน่ะ เค้าเป็นคนพิเศษ" หลวงพ่อพูดพลางลูบหัวภู แต่ก่อนที่หลวงพ่อจะพูดอะไร สัปเหร่อก็ขึ้นมาบนกุฏิอย่างรีบร้อน
"หลวงพ่อมีอะไรกันรึเปล่าครับ รอบๆกุฏิดูไม่ค่อยดีเลย" สัปเหร่อที่เพิ่งมาถึงรู้สึกว่ารอบกุฏิหลวงพ่อมีสิ่งไม่ดีอยู่จึงรีบขึ้นมาถาม และพ่อเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด สัปเหร่อก็ถอนหายใจ คล้ายๆกับหลวงพ่อ
"ถือว่าโชคดีที่ของยังเข้าไม่หมด ดีที่คายออกมาได้ ถ้าเข้าหมดแล้ว คงต้องไปผ่าออกที่โรงพยาบาลเท่านั้นแหละ เป็นห่วงก็แต่คนทำของใส่เท่านั้น"คำพูดของสัปเหร่อทำให้พ่อของเจี๊ยบไม่พอใจแล้วไปต่อว่า ว่าทำไมต้องเป็นห่วงคนที่ทำร้ายลูกสาวเค้าด้วย
"ก็เพราะว่าคนทำของอาจจะตายได้น่ะสิ" คำพูดของหลวงพ่อทำให้ทุกคนอยู่ในความเงียบ เจี๊ยบที่จู่ๆน้ำตาก็ไหลโดยไม่มีสาเหตุ
(นัท งั้นเหรอ) จากคำทำนายที่เธอได้รับ เด็กชายที่อายุอ่อนกว่าก็คือภู เด็กวัดที่มีอะไรบางอย่างรักษาเธอได้ ไม่ผิดแน่ แต่คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่ทำของใส่เธอนั้น คงหนีไม่พ้นนัทแน่นอน
"แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องปล่อยแต่บุญแต่กรรมแล้วล่ะนะ เดี๋ยวผมจะเอาหมาในวัดมาล่ามไว้รอบๆกุฏิ ส่วนหนูเจี๊ยบก็ค้างที่กุฎินี่ซักคืนก็แล้วกัน" ในเมื่อไม่มีทางเลือกทุกคนก็ต้องทำตามที่สัปเหร่อบอก
คืนนั้นทั้งคืน หมาที่ล่ามไว้รอบกุฏิต่างเห่าหอนอย่างไม่มีสาเหตุทั้งคืน สร้างความขนลุกขนพองให้คนที่พักอยู่บนกุฏิ คืนนั้นเจี๊ยบทำความรู้จักกับภู เด็กชายที่อ่อนกว่าเธอไม่กี่ปี ซึ่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในอนาคต
พอฟ้าสาง เสียงสุนัขเหล่านั้นก็เงียบลง เป็นเวลาเดียวกับเด็กชายหญิงทั้งสองข่มตาหลับ
ช่วงสายขณะที่เจี๊ยบกับภูหลับบนกุฏิ ทั้งสองต้องหยุดเรียนอีกหนึ่งวัน ด้านล่างกุฏิ พ่อแม่ของเจี๊ยบ หลวงพ่อ และสัปเหร่อ กำลังถกเครียดกันอยู่ เพรา สัปเหร่อ พบว่าวิธีที่เจี๊ยบถูกทำของใส่นั้นอันตรายอย่างมากขนาดที่ว่า มีทางเลือกแค่สองทางคือ ไม่เจี๊ยบกับคนที่ทำของใส่จะต้องตาย
มันเป็นพิธีกรรมที่อำมหิต ฆ่าคนอย่างช้า ให้ตายอย่างทรมานในเจ็ดวัน ขึ้นแรก คือทำของเพื่อประทับตราเหยื่อจากนั้น เหยื่อจะหลับเป็นตายในตอนกลางวันเพื่อให้จิตเหยื่ออ่อนลงและเชื่อมกับโลกวิญญาณง่ายขึ้น จากนั้นตลอดเจ็ดคืน ผู้ประกอบพิธีจะใช้ให้ผีนำสารส่งของอันตรายมาทำร้ายเหยื่อจากเบาให้หาหนักตลอดเจ็ดคืน จนตาย
แต่เนื่องจากภูทำลายกระบวนการทั้งหมด ผีนำสารทั้งเจ็ด ไม่สามารถเข้าใกล้เจี๊ยบที่มีภูอยู่ใกล้ได้ ดังนั้น หากจะยื้อไปเรื่อยๆคือให้ภูอยู่ใกล้เจี๊ยบตลอดเวลา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และหากเวาผ่านไป หากภูอยู่ห่างจากเจี๊ยบ ผีเหล่านั้นจะรุมกันมาทำร้ายในคราวเดียวให้ถึงตายได้ เช่นกัน หากทำลายสื่อที่ถูกทำใส่ไว้ได้ ผีทั้งหมดก็จะกลับไปหาคทำ นั่นก็หมายถึงความตาย
เมื่อเจี๊ยบกับภูตื่น พ่อแม่ของเจี๊ยบก็ได้มาบอกเรื่องที่ได้ปรึกษากัน เพื่อสอบถามถึงสิ่งที่ผิดสังเกตก่อนที่จะเกิดเรื่อง ซึ่งเจี๊ยบก็รู้ทันทีว่า พวกผู้ใหญ่ได้ข้อสรุปกับเรื่องนี้ ซึ่งหมายถึง นัทจะต้องตาย แต่ด้วยที่เจี๊ยบสงสารพ่อแม่ เธอจึงบอกให้แม่ว่า ของที่เธอนำกัลบมาในวันนั้นมีอะไรบ้าง
หลังกลับไปที่บ้าน แม่ของเจี๊ยบก็หอบถึงใบใหญ่ที่ใส่ของทั้งหมดที่เจี๊ยบใช้ในวันนั้น หลังจากที่ค้นกันอยุ่ซักพัก ก็พบรูปถ่ายของเจี๊ยบที่มีอักขระเขียนไว้ด้านหลัง ซึ่งสัปเหร่อยืนยันว่านี่คือสื่อ
..............................................
"ตกลงว่าเรื่องเป็นยังไงต่อคะ" ดาวถาม ขระที่เจี๊ยบกำลังเล่าไปอย่างหัวเสีย เพราะแผนของเธอไม่อาจทำให้ดาวเพลี้ยงพล้ำได้
"ก้ไม่มีะไรหรอก พอฉันจับรูป แค่นี้มั้ง ก็จบเลย พี่เจี๊ยบก็อยู่ดีมีสุขมานั่งจั่วไพ่อยู่ตรงนี้ไง"ภูตอบแทน เมื่อเห็นว่าเจี๊ยบไม่มีอารมย์จะเล่าต่อแล้ว
"แล้วคนชื่อนัทล่ะคะ เค้าเป็นยังไงบ้าง" ดาวถาม เพราะนั่นหมายความว่าตอนนี้นัทอาจจะไม่อยู่บนโลกแล้ว วึ่งพอเจี๊ยบได้ฟังแบบนั้นก็เงียบซักครู่หนึ่ง
"ตอนนี้นัทน่ะ เค้าไม่อยู่แล้วล่ะ..."เจี๊ยบพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนคนในวงพลอยเงียบไปด้วย
"น็อค...ฮ่าๆๆๆๆ"ฉับพลันบรรยากาศก็เปลี่ยนเมื่อเจี๊ยบอยู่ดีๆก็น็อคเฉยเลย
"ที่บอกว่ามันไม่อยู่น่ะ ตอนนี้มันไปเป็นหมออยู่เชียงใหม่ไง"เจี๊ยบพูดอย่างอารมย์ดี เพราะตอนนี้แต้มเธอแซงผู้กองต้อมขึ้นมาแล้ว
"อ่าว แล้วตกลงใครเป็นคนทำของใส่กันคะ" เมื่อไม่ใช่นัท ดาวก็เลยสงสัยว่าผู้ร้ายตัวจริงเป็นใคร แต่เจี๊ยบก็ส่ายหัว เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้ายเหมือนกัน อาจจะเป็นคนที่ผิดหวังที่เธอไม่รับรัก แล้วคงแค้นใจจนต้องทำของใส่ ซึ่งดูจากแววตาหมอเจี๊ยบแล้วก็คิดว่าเธอคงพูดจริง แต่ดาวก็รู้สึกสงสาร ที่ความรักบังตาจนทำให้คนๆหนึ่งต้องจบชีวิตลงแบบนี้
"แต่เห็นว่าเธอก็ไปผ่าเอาอะไรซักอย่างออกไมใช่เหรอ" ผู้กองต้อมพูด วึ่งหมอเจี๊ยบก็นึกขึ้นได้ว่าเล่าข้ามไป
"ใช่ๆ ตรงหัวไหล่น่ะ เป็นเล็บคนที่โดนในคืนแรกไง มันอักเสบจนต้องไปผ่าออกน่ะ ตอนนี้ยังเป็นแผลเป็นอยู่เลย" แล้วหมอเจี๊ยบก็โชว์แผลเป็นเล็กๆของเธอ
"แต่จะว่าไปทำไมคืนนี้มันคึกคักจัง เกือบเที่ยงคืนแล้วเนี้ย" ผู้กองต้อม ก้มมองนาฬิกาข้อมือ
คืนนี้ที่โรงแรมมีเสียงรถขับเข้าๆออกเยอะมาก ทั้งๆที่ก็ดึกแล้ว แต่ด้วยความที่กำลังติดพัน เจี๊ยบเลยบอกว่าสงสัยแถวนี้คงมีฟูลมูนปาตี้แน่ๆ เพราะวันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งถ้าเะอ ไม่ต้องกลับไปเปิดคลีนิคตอนเช้า เธอก็คงออกไปแองเอ้าท์เหมือนกัน
"พี่ต้อมเดี๋ยวตาพี่เล่าแล้วไม่ใช่เหรอ" ภูเตือนความจำผู้กองต้อมหลังจากมีท่าทีทำเป็นลืมว่าถึงตาตัวเองแล้ว
"แต่พี่ไม่มีเรื่องนะเว้ย" ผู้กองต้อมปัด วึ่งภูก็รู้ดีว่ามันเป็นฟอร์มที่ไม่อยากเล่า เพราะกลัวว่าเล่าแล้วจะกลัวเสียเอง
"เรื่องบ้านผมก็ได้พี่ ประสบการณ์ตรงไม่ใช่เหรอ" พอภูบอกเรื่องนี้ผู้กองต้อมก็จำใจเล่าอย่างเสียไม่ได้
น้ำจากก๊อกค่อยๆหลยลงบนอ่างอาบน้ำละหยดๆ แม้จะแผ่วเบา แต่มันก้ดังพอจะสร้างบรรยากาศชวนขนลุกแก่ผู้ที่ได้ยินไว้ เพราะใครบางคนได้เปิดมันไว้นั่นเอง
..............................................
ชมกันได้ครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก
http://ppantip.com/topic/34830541
file 2 พิธีกรรมสยองขวัญ ตั้งแต่ตอนแรก
http://ppantip.com/topic/34973254
file 3-1
http://ppantip.com/topic/35224663
file 3-2
http://ppantip.com/topic/35231042
file 3-3
http://ppantip.com/topic/35242777
ตอนต่อไป
http://ppantip.com/topic/35293741
GHost Detective File 3-4 เรื่องหลอนจากบังกะโล
"ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย" เสียงพึมพำของหลวงพ่อราวกับกำลังปลงต่อชีวิต
"หลวงพ่อเป็นอะไรเหรอครับ" ภูที่สังเกตสีหนาของหลวงพ่อจึงเข้าไปถาม ทำให้พ่อกับแม่ของเจี๊ยบหันมามอง
"หลวงพ่อในนึกว่าภูจะมาถึงก่อน มันทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น" คำตอบของหลวงพ่อทำให้พ่อกับแม่ของเจี๊ยบ รวมถึงตัวเจี๊ยบที่เพิ่งฟื้นไม่เข้าใจ
"เรื่องนี้น่ะรู้กันแค่ไม่กี่คนหรอกว่าภูน่ะ เค้าเป็นคนพิเศษ" หลวงพ่อพูดพลางลูบหัวภู แต่ก่อนที่หลวงพ่อจะพูดอะไร สัปเหร่อก็ขึ้นมาบนกุฏิอย่างรีบร้อน
"หลวงพ่อมีอะไรกันรึเปล่าครับ รอบๆกุฏิดูไม่ค่อยดีเลย" สัปเหร่อที่เพิ่งมาถึงรู้สึกว่ารอบกุฏิหลวงพ่อมีสิ่งไม่ดีอยู่จึงรีบขึ้นมาถาม และพ่อเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด สัปเหร่อก็ถอนหายใจ คล้ายๆกับหลวงพ่อ
"ถือว่าโชคดีที่ของยังเข้าไม่หมด ดีที่คายออกมาได้ ถ้าเข้าหมดแล้ว คงต้องไปผ่าออกที่โรงพยาบาลเท่านั้นแหละ เป็นห่วงก็แต่คนทำของใส่เท่านั้น"คำพูดของสัปเหร่อทำให้พ่อของเจี๊ยบไม่พอใจแล้วไปต่อว่า ว่าทำไมต้องเป็นห่วงคนที่ทำร้ายลูกสาวเค้าด้วย
"ก็เพราะว่าคนทำของอาจจะตายได้น่ะสิ" คำพูดของหลวงพ่อทำให้ทุกคนอยู่ในความเงียบ เจี๊ยบที่จู่ๆน้ำตาก็ไหลโดยไม่มีสาเหตุ
(นัท งั้นเหรอ) จากคำทำนายที่เธอได้รับ เด็กชายที่อายุอ่อนกว่าก็คือภู เด็กวัดที่มีอะไรบางอย่างรักษาเธอได้ ไม่ผิดแน่ แต่คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่ทำของใส่เธอนั้น คงหนีไม่พ้นนัทแน่นอน
"แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องปล่อยแต่บุญแต่กรรมแล้วล่ะนะ เดี๋ยวผมจะเอาหมาในวัดมาล่ามไว้รอบๆกุฏิ ส่วนหนูเจี๊ยบก็ค้างที่กุฎินี่ซักคืนก็แล้วกัน" ในเมื่อไม่มีทางเลือกทุกคนก็ต้องทำตามที่สัปเหร่อบอก
คืนนั้นทั้งคืน หมาที่ล่ามไว้รอบกุฏิต่างเห่าหอนอย่างไม่มีสาเหตุทั้งคืน สร้างความขนลุกขนพองให้คนที่พักอยู่บนกุฏิ คืนนั้นเจี๊ยบทำความรู้จักกับภู เด็กชายที่อ่อนกว่าเธอไม่กี่ปี ซึ่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในอนาคต
พอฟ้าสาง เสียงสุนัขเหล่านั้นก็เงียบลง เป็นเวลาเดียวกับเด็กชายหญิงทั้งสองข่มตาหลับ
ช่วงสายขณะที่เจี๊ยบกับภูหลับบนกุฏิ ทั้งสองต้องหยุดเรียนอีกหนึ่งวัน ด้านล่างกุฏิ พ่อแม่ของเจี๊ยบ หลวงพ่อ และสัปเหร่อ กำลังถกเครียดกันอยู่ เพรา สัปเหร่อ พบว่าวิธีที่เจี๊ยบถูกทำของใส่นั้นอันตรายอย่างมากขนาดที่ว่า มีทางเลือกแค่สองทางคือ ไม่เจี๊ยบกับคนที่ทำของใส่จะต้องตาย
มันเป็นพิธีกรรมที่อำมหิต ฆ่าคนอย่างช้า ให้ตายอย่างทรมานในเจ็ดวัน ขึ้นแรก คือทำของเพื่อประทับตราเหยื่อจากนั้น เหยื่อจะหลับเป็นตายในตอนกลางวันเพื่อให้จิตเหยื่ออ่อนลงและเชื่อมกับโลกวิญญาณง่ายขึ้น จากนั้นตลอดเจ็ดคืน ผู้ประกอบพิธีจะใช้ให้ผีนำสารส่งของอันตรายมาทำร้ายเหยื่อจากเบาให้หาหนักตลอดเจ็ดคืน จนตาย
แต่เนื่องจากภูทำลายกระบวนการทั้งหมด ผีนำสารทั้งเจ็ด ไม่สามารถเข้าใกล้เจี๊ยบที่มีภูอยู่ใกล้ได้ ดังนั้น หากจะยื้อไปเรื่อยๆคือให้ภูอยู่ใกล้เจี๊ยบตลอดเวลา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และหากเวาผ่านไป หากภูอยู่ห่างจากเจี๊ยบ ผีเหล่านั้นจะรุมกันมาทำร้ายในคราวเดียวให้ถึงตายได้ เช่นกัน หากทำลายสื่อที่ถูกทำใส่ไว้ได้ ผีทั้งหมดก็จะกลับไปหาคทำ นั่นก็หมายถึงความตาย
เมื่อเจี๊ยบกับภูตื่น พ่อแม่ของเจี๊ยบก็ได้มาบอกเรื่องที่ได้ปรึกษากัน เพื่อสอบถามถึงสิ่งที่ผิดสังเกตก่อนที่จะเกิดเรื่อง ซึ่งเจี๊ยบก็รู้ทันทีว่า พวกผู้ใหญ่ได้ข้อสรุปกับเรื่องนี้ ซึ่งหมายถึง นัทจะต้องตาย แต่ด้วยที่เจี๊ยบสงสารพ่อแม่ เธอจึงบอกให้แม่ว่า ของที่เธอนำกัลบมาในวันนั้นมีอะไรบ้าง
หลังกลับไปที่บ้าน แม่ของเจี๊ยบก็หอบถึงใบใหญ่ที่ใส่ของทั้งหมดที่เจี๊ยบใช้ในวันนั้น หลังจากที่ค้นกันอยุ่ซักพัก ก็พบรูปถ่ายของเจี๊ยบที่มีอักขระเขียนไว้ด้านหลัง ซึ่งสัปเหร่อยืนยันว่านี่คือสื่อ
..............................................
"ตกลงว่าเรื่องเป็นยังไงต่อคะ" ดาวถาม ขระที่เจี๊ยบกำลังเล่าไปอย่างหัวเสีย เพราะแผนของเธอไม่อาจทำให้ดาวเพลี้ยงพล้ำได้
"ก้ไม่มีะไรหรอก พอฉันจับรูป แค่นี้มั้ง ก็จบเลย พี่เจี๊ยบก็อยู่ดีมีสุขมานั่งจั่วไพ่อยู่ตรงนี้ไง"ภูตอบแทน เมื่อเห็นว่าเจี๊ยบไม่มีอารมย์จะเล่าต่อแล้ว
"แล้วคนชื่อนัทล่ะคะ เค้าเป็นยังไงบ้าง" ดาวถาม เพราะนั่นหมายความว่าตอนนี้นัทอาจจะไม่อยู่บนโลกแล้ว วึ่งพอเจี๊ยบได้ฟังแบบนั้นก็เงียบซักครู่หนึ่ง
"ตอนนี้นัทน่ะ เค้าไม่อยู่แล้วล่ะ..."เจี๊ยบพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนคนในวงพลอยเงียบไปด้วย
"น็อค...ฮ่าๆๆๆๆ"ฉับพลันบรรยากาศก็เปลี่ยนเมื่อเจี๊ยบอยู่ดีๆก็น็อคเฉยเลย
"ที่บอกว่ามันไม่อยู่น่ะ ตอนนี้มันไปเป็นหมออยู่เชียงใหม่ไง"เจี๊ยบพูดอย่างอารมย์ดี เพราะตอนนี้แต้มเธอแซงผู้กองต้อมขึ้นมาแล้ว
"อ่าว แล้วตกลงใครเป็นคนทำของใส่กันคะ" เมื่อไม่ใช่นัท ดาวก็เลยสงสัยว่าผู้ร้ายตัวจริงเป็นใคร แต่เจี๊ยบก็ส่ายหัว เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้ายเหมือนกัน อาจจะเป็นคนที่ผิดหวังที่เธอไม่รับรัก แล้วคงแค้นใจจนต้องทำของใส่ ซึ่งดูจากแววตาหมอเจี๊ยบแล้วก็คิดว่าเธอคงพูดจริง แต่ดาวก็รู้สึกสงสาร ที่ความรักบังตาจนทำให้คนๆหนึ่งต้องจบชีวิตลงแบบนี้
"แต่เห็นว่าเธอก็ไปผ่าเอาอะไรซักอย่างออกไมใช่เหรอ" ผู้กองต้อมพูด วึ่งหมอเจี๊ยบก็นึกขึ้นได้ว่าเล่าข้ามไป
"ใช่ๆ ตรงหัวไหล่น่ะ เป็นเล็บคนที่โดนในคืนแรกไง มันอักเสบจนต้องไปผ่าออกน่ะ ตอนนี้ยังเป็นแผลเป็นอยู่เลย" แล้วหมอเจี๊ยบก็โชว์แผลเป็นเล็กๆของเธอ
"แต่จะว่าไปทำไมคืนนี้มันคึกคักจัง เกือบเที่ยงคืนแล้วเนี้ย" ผู้กองต้อม ก้มมองนาฬิกาข้อมือ
คืนนี้ที่โรงแรมมีเสียงรถขับเข้าๆออกเยอะมาก ทั้งๆที่ก็ดึกแล้ว แต่ด้วยความที่กำลังติดพัน เจี๊ยบเลยบอกว่าสงสัยแถวนี้คงมีฟูลมูนปาตี้แน่ๆ เพราะวันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งถ้าเะอ ไม่ต้องกลับไปเปิดคลีนิคตอนเช้า เธอก็คงออกไปแองเอ้าท์เหมือนกัน
"พี่ต้อมเดี๋ยวตาพี่เล่าแล้วไม่ใช่เหรอ" ภูเตือนความจำผู้กองต้อมหลังจากมีท่าทีทำเป็นลืมว่าถึงตาตัวเองแล้ว
"แต่พี่ไม่มีเรื่องนะเว้ย" ผู้กองต้อมปัด วึ่งภูก็รู้ดีว่ามันเป็นฟอร์มที่ไม่อยากเล่า เพราะกลัวว่าเล่าแล้วจะกลัวเสียเอง
"เรื่องบ้านผมก็ได้พี่ ประสบการณ์ตรงไม่ใช่เหรอ" พอภูบอกเรื่องนี้ผู้กองต้อมก็จำใจเล่าอย่างเสียไม่ได้
น้ำจากก๊อกค่อยๆหลยลงบนอ่างอาบน้ำละหยดๆ แม้จะแผ่วเบา แต่มันก้ดังพอจะสร้างบรรยากาศชวนขนลุกแก่ผู้ที่ได้ยินไว้ เพราะใครบางคนได้เปิดมันไว้นั่นเอง
..............................................
ชมกันได้ครับ
file 1 เหงา ตั้งแต่ตอนแรก http://ppantip.com/topic/34830541
file 2 พิธีกรรมสยองขวัญ ตั้งแต่ตอนแรก http://ppantip.com/topic/34973254
file 3-1 http://ppantip.com/topic/35224663
file 3-2 http://ppantip.com/topic/35231042
file 3-3 http://ppantip.com/topic/35242777
ตอนต่อไป http://ppantip.com/topic/35293741