หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
....สัพเพเหระธรรม....หนึ่งคนตาย หลายคนตื่น... จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 212 ค่ะ
กระทู้สนทนา
ศาสนาพุทธ
ศาสนา
....สัพเพเหระธรรม....
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 212 ค่ะ
หนึ่งคนตาย หลายคนตื่น
โดย ฉัตรทยา พงษ์พันธ์
ศพของคุณยายถูกตั้งไว้ที่ห้องเล็กก่อนถึงทางขึ้นอุโบสถ เพื่อให้คนที่เข้ามาวัดได้เจริญมรณานุสสติ เป็นความตั้งใจของคุณยายก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง คุณยายได้บริจาคร่างกายให้วัดเพื่อให้พระ แม่ชี และผู้ที่เข้ามาวัดได้พิจารณาความไม่เที่ยงแห่งสังขาร สังขารของคุณยายถูกตั้งไว้บนแท่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว สังขารเริ่มแห้งและเล็กลง เส้นผมและกระดูกบางส่วนเริ่มสลายเป็นผงดิน ซึ่งบัดนี้ได้ร่วงหล่นอยู่บนแท่นปูผ้าสีขาวรองร่างไว้ สถานที่แห่งนี้นอกจากผู้ที่เข้ามาในวัดจะเข้ามาเพื่อเจริญมรณานุสติแล้ว ยังเป็นสถานที่ๆพระภายในวัดและแม่ชีใช้เพื่อปลงสังเวชอีกด้วย
ยังมีเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กหนุ่มอายุ ๑๙ ปี เขาอยู่ในวัยที่สดใส มีครอบครัวที่อบอุ่น และเขากำลังจะเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับปวดหลังมากจนทนไม่ไหว พอไปตรวจที่โรงพยาบาลผลออกมาว่าเขาเป็นมะเร็ง เขาจึงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ด้วยความหวังที่จะหายเป็นปกติและได้กลับไปเรียนมหาวิทยาลัย ครั้งนั้นมีผู้คนมากมายที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ได้แวะเวียนมาเยี่ยมให้กำลังใจเขาที่โรงพยาบาลหลังจากได้ทราบเรื่องราวของเขาผ่านทางสื่อโทรทัศน์ เพื่อนร่วมคณะเดียวกันก็พากันมาให้กำลังใจแม้ตัวเขาจะยังไม่มีโอกาสได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเลย เขายิ้มต้อนรับทุกคนแม้ทั่วตัวจะมีแต่สายระโยงระยาง ทุกคนต่างหวังว่าเขาจะหายเป็นปกติ แต่อาการของเขาก็ทรุดลงเรื่อยๆ ในคืนสุดท้ายนั้นเองพระภิกษุผู้ได้รับสมญาว่าเป็นพระนักปราชญ์รูปหนึ่งของประเทศไทยซึ่งเขาศรัทธาและอยากพบ ได้เมตตาเทศนาโปรดเขาทางโทรศัพท์ให้เขาได้จากไปอย่างสงบในวันรุ่งขึ้น ซึ่งท่านก็ได้กรุณาเดินทางมารดน้ำให้กับร่างไร้วิญญาณของเขา ทั้งยังเทศนาสอนให้ทุกคนได้ฟังว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตด้วย ครอบครัวของเด็กหนุ่มได้รวบรวมเงินทำบุญถวายแด่พระภิกษุรูปนั้นก่อนที่ท่านจะกลับเป็นจำนวนหนึ่งแสนบาท ซึ่งท่านก็ได้มอบเงินทั้งหมดนี้ต่อให้กับคณะบดีของมหาวิทยาลัยที่เด็กหนุ่มผู้นี้สอบเข้าเรียนได้ เพื่อเป็นกองทุนเริ่มต้นเอาไว้ให้เด็กที่สอบติดคณะนี้ได้แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งดีงามที่จะประทับอยู่ในใจทุกคนและอนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป
ความตายของคนสองวัย ต่างวาระกัน แต่ทำให้หลายคนตื่นขึ้นมา ตื่นจากกิเลส ตื่นจากความประมาทแห่งชีวิต เป็นการตายที่ทำให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้รับรู้และเป็นพลังให้เกิดการกระทำความดี
ความตายสิ่งธรรมดาที่ทุกชีวิตต้องประสบ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไว้ว่า ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ต้องแตกดับไปเป็นธรรมดา เปรียบเหมือนภาชนะดินทุกชนิด ที่ช่างหม้อปั้นแล้ว ในที่สุดก็ต้องแตกดับไป ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนโง่ ทั้งคนฉลาด ล้วนบ่ายหน้าสู่ความตายทั้งนั้น เมื่อตายแล้วทรัพย์แม้แต่น้อยก็ติดตามตัวไปไม่ได้ มีแต่บุญและบาปเท่านั้นที่จะติดตามวิญญาณไป แม่น้ำเต็มฝั่งไม่ไหลทวนสู่ที่สูงฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลายย่อมไม่เวียนกลับมาสู่วัยเด็กได้อีกฉันนั้น วัยย่อมเสื่อมลงไปเรื่อย ทุกหลับตา ทุกลืมตา เมื่อวัยสิ้นไปอย่างนี้ ความพลัดพรากจากกันก็ต้องมีได้โดยไม่ต้องสงสัย ชนทั้งหลายเศร้าโศกเพราะสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเรา ทั้งๆ ที่สิ่งที่ยึดถือนั่น ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เลย
วันคืนผ่านไป ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ฉะนั้นเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ไม่ควรเศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ไม่ควรเพ้อฝันถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ควรดำรงสติอยู่กับปัจจุบัน ด้วยความไม่ประมาททั้งปวง การมีชีวิตอยู่ควรทำแต่ความดี ไม่ทำความชั่วใดๆ และยิ่งกว่านั้นคือการเจริญปัญญาเพื่อการไม่ต้องมาเกิดอีก เพราะการเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เมื่อเกิดแล้วก็ต้องแก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากสิ่งที่รัก ประสบกับสิ่งที่ไม่รัก เจอทุกข์ไม่สิ้นสุดอยู่ร่ำไป
พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า “ดูก่อนอานนท์ เธอนึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง” พระอานนท์กราบทูลตอบว่า “นึกถึงความตายวันละเจ็ดครั้งพระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสว่า “ยังห่างมากอานนท์ ตถาคตนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก” ดังนั้น เราควรพิจารณาถึงความตายอยู่เสมอเพื่อความไม่ประมาทในชีวิต
.....................................................................................
ขอขอบคุณคุณยายแห่งวัดถ้ำยายปริก เกาะสีชังที่บริจาคร่างกายเป็นธรรมทานแก่ผู้อื่น
ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆของน้องนรุตม์ มงคลศิริภัทรา ที่เป็นพลังสร้างสรรค์ความดีงาม กุศลใดใดเกิดขึ้นขอให้ทั้งสองท่านได้รับกุศลนี้ด้วยเทอญ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
พระสุชาติอภิชาโต วัดญาณสังวราราม อธิบายเรื่อง ขันธ์ 5 ให้เข้าใจง่ายที่สุด
“ขันธ์ ๕ มีอะไรบ้าง” พวกเราทุกคนนี้ติดอยู่กับขันธ์ ๕ เราไปติดขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ มีอะไรบ้าง มีรูป คือร่างกายของเรา มีเวทนาคือความรู้สึก&n
สมาชิกหมายเลข 8578997
"ตถาคตจะเกิดหรือจะไม่เกิดขึ้น ธาตุนั้นก็มีอยู่แล้ว
ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง ว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์
สมาชิกหมายเลข 8523003
น้อยใจเสียใจไม่ใช่จิต แต่เป็นสังขาร
หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ.สุรินทร์ 🙏🙏🙏 "ที่ว่าน้อยใจ เสียใจ เศร้าใจ นั้นไม่ใช่จิต (แต่)เป็นสังขาร แท้จริงจิตนี้ไม่เคยเศร้าหมอง &
สมาชิกหมายเลข 8530438
นอกพันทิพพวกติดตำรา มักกร่างในพันทิพก็มีกร่าง ด่าพระพุทธทาส
ในพันทิพมีล็อคอินนึง ชอบเอาพระไตรปิฎก มาตัดแปะยาว เพราะไม่พอใจ โพสคำสอนสายอื่น ที่ไม่ใช่พระไตรปิฎก พาลขนาดไปว่าพระพุทธทาส ด่าพระพุทธทาสเป็นดีรถีย์ เพราะไม่พอใจ พระพุทธทาสสอน ไม่เข้ากับ
สมาชิกหมายเลข 8579245
เพื่อนๆคิดว่า ไอ้เบียร์ คนตื่นธรรม จะมีจุดจบแบบไหนครับ?
สมาชิกหมายเลข 7480164
จริงไหม? พวกติดพระไตรปิฎก ติดอภิธรรมติดตำรา ชอบเอาชนะคนอื่น ไม่ชอบเอาชนะตัวเอง
#ติดดี_แก้ยากกว่าติดชั่ว..!! "... เพราะคนที่ถือตนว่าเป็นนักปฏิบัติ เป็นครูเป็นอาจารย์ เป็นคนเข้าวัดเข้าวา เป็นคนถือศีลกินเจ หรือ เป็นคนปฏิบัติสมาธิภาวนา&nbs
สมาชิกหมายเลข 8576207
อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรม หมดสภาพแล้ว
พรพระพรหม
นี่แหละที่เรียกว่า คำสาวก
สาวกคนที่ 1 กล่าวว่า นิพพานต้องเป็นอนัตตาแหงๆ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ........................ สาวกคนที่ 2 ก็กล่าวทำนองทักท้วงไม่เห็นด้วยว่า
สมาชิกหมายเลข 8486991
ในเมื่อ ขันธ์ 5 ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ชีวิต ไม่ใช่เรา แล้วเราคืออะไร
โมฆราชมาณวกปัญหานิทเทส บุคคลย่อมพิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของสูญ โดยอาการ ๑๒ อย่าง คือ ย่อมพิจารณาเห็นว่า รูปไม่ใช่สัตว์ ๑ ไม่ใช่ชีวิต ๑ ไม่ใช่บุรุษ ๑ ไม่ใช่คน ๑ ไม่ใช่มาณพ ๑ ไม่ใช่หญิง ๑ ไม่ใช่ชาย ๑
สมาชิกหมายเลข 2667324
อ่านหนังสือ 14-สติปัฏฐาน 4 : เส้นทางตรงสู่พระนิพพาน -- อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง
https://www.ajsupee.com/showbooks ---- https://www.ajsupee.com/showbooks?page=4 อ่านหนังสือ 14-สติปัฏฐาน 4 : เส้นทางตรงสู่พระนิพพาน -- อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง เรียบเร
satanmipop
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ศาสนาพุทธ
ศาสนา
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
....สัพเพเหระธรรม....หนึ่งคนตาย หลายคนตื่น... จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 212 ค่ะ
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 212 ค่ะ
หนึ่งคนตาย หลายคนตื่น
โดย ฉัตรทยา พงษ์พันธ์
ศพของคุณยายถูกตั้งไว้ที่ห้องเล็กก่อนถึงทางขึ้นอุโบสถ เพื่อให้คนที่เข้ามาวัดได้เจริญมรณานุสสติ เป็นความตั้งใจของคุณยายก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง คุณยายได้บริจาคร่างกายให้วัดเพื่อให้พระ แม่ชี และผู้ที่เข้ามาวัดได้พิจารณาความไม่เที่ยงแห่งสังขาร สังขารของคุณยายถูกตั้งไว้บนแท่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว สังขารเริ่มแห้งและเล็กลง เส้นผมและกระดูกบางส่วนเริ่มสลายเป็นผงดิน ซึ่งบัดนี้ได้ร่วงหล่นอยู่บนแท่นปูผ้าสีขาวรองร่างไว้ สถานที่แห่งนี้นอกจากผู้ที่เข้ามาในวัดจะเข้ามาเพื่อเจริญมรณานุสติแล้ว ยังเป็นสถานที่ๆพระภายในวัดและแม่ชีใช้เพื่อปลงสังเวชอีกด้วย
ยังมีเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กหนุ่มอายุ ๑๙ ปี เขาอยู่ในวัยที่สดใส มีครอบครัวที่อบอุ่น และเขากำลังจะเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับปวดหลังมากจนทนไม่ไหว พอไปตรวจที่โรงพยาบาลผลออกมาว่าเขาเป็นมะเร็ง เขาจึงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ด้วยความหวังที่จะหายเป็นปกติและได้กลับไปเรียนมหาวิทยาลัย ครั้งนั้นมีผู้คนมากมายที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ได้แวะเวียนมาเยี่ยมให้กำลังใจเขาที่โรงพยาบาลหลังจากได้ทราบเรื่องราวของเขาผ่านทางสื่อโทรทัศน์ เพื่อนร่วมคณะเดียวกันก็พากันมาให้กำลังใจแม้ตัวเขาจะยังไม่มีโอกาสได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเลย เขายิ้มต้อนรับทุกคนแม้ทั่วตัวจะมีแต่สายระโยงระยาง ทุกคนต่างหวังว่าเขาจะหายเป็นปกติ แต่อาการของเขาก็ทรุดลงเรื่อยๆ ในคืนสุดท้ายนั้นเองพระภิกษุผู้ได้รับสมญาว่าเป็นพระนักปราชญ์รูปหนึ่งของประเทศไทยซึ่งเขาศรัทธาและอยากพบ ได้เมตตาเทศนาโปรดเขาทางโทรศัพท์ให้เขาได้จากไปอย่างสงบในวันรุ่งขึ้น ซึ่งท่านก็ได้กรุณาเดินทางมารดน้ำให้กับร่างไร้วิญญาณของเขา ทั้งยังเทศนาสอนให้ทุกคนได้ฟังว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตด้วย ครอบครัวของเด็กหนุ่มได้รวบรวมเงินทำบุญถวายแด่พระภิกษุรูปนั้นก่อนที่ท่านจะกลับเป็นจำนวนหนึ่งแสนบาท ซึ่งท่านก็ได้มอบเงินทั้งหมดนี้ต่อให้กับคณะบดีของมหาวิทยาลัยที่เด็กหนุ่มผู้นี้สอบเข้าเรียนได้ เพื่อเป็นกองทุนเริ่มต้นเอาไว้ให้เด็กที่สอบติดคณะนี้ได้แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งดีงามที่จะประทับอยู่ในใจทุกคนและอนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป
ความตายของคนสองวัย ต่างวาระกัน แต่ทำให้หลายคนตื่นขึ้นมา ตื่นจากกิเลส ตื่นจากความประมาทแห่งชีวิต เป็นการตายที่ทำให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้รับรู้และเป็นพลังให้เกิดการกระทำความดี
ความตายสิ่งธรรมดาที่ทุกชีวิตต้องประสบ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไว้ว่า ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ต้องแตกดับไปเป็นธรรมดา เปรียบเหมือนภาชนะดินทุกชนิด ที่ช่างหม้อปั้นแล้ว ในที่สุดก็ต้องแตกดับไป ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนโง่ ทั้งคนฉลาด ล้วนบ่ายหน้าสู่ความตายทั้งนั้น เมื่อตายแล้วทรัพย์แม้แต่น้อยก็ติดตามตัวไปไม่ได้ มีแต่บุญและบาปเท่านั้นที่จะติดตามวิญญาณไป แม่น้ำเต็มฝั่งไม่ไหลทวนสู่ที่สูงฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลายย่อมไม่เวียนกลับมาสู่วัยเด็กได้อีกฉันนั้น วัยย่อมเสื่อมลงไปเรื่อย ทุกหลับตา ทุกลืมตา เมื่อวัยสิ้นไปอย่างนี้ ความพลัดพรากจากกันก็ต้องมีได้โดยไม่ต้องสงสัย ชนทั้งหลายเศร้าโศกเพราะสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเรา ทั้งๆ ที่สิ่งที่ยึดถือนั่น ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เลย
วันคืนผ่านไป ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ฉะนั้นเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ไม่ควรเศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ไม่ควรเพ้อฝันถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ควรดำรงสติอยู่กับปัจจุบัน ด้วยความไม่ประมาททั้งปวง การมีชีวิตอยู่ควรทำแต่ความดี ไม่ทำความชั่วใดๆ และยิ่งกว่านั้นคือการเจริญปัญญาเพื่อการไม่ต้องมาเกิดอีก เพราะการเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เมื่อเกิดแล้วก็ต้องแก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากสิ่งที่รัก ประสบกับสิ่งที่ไม่รัก เจอทุกข์ไม่สิ้นสุดอยู่ร่ำไป
พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า “ดูก่อนอานนท์ เธอนึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง” พระอานนท์กราบทูลตอบว่า “นึกถึงความตายวันละเจ็ดครั้งพระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสว่า “ยังห่างมากอานนท์ ตถาคตนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก” ดังนั้น เราควรพิจารณาถึงความตายอยู่เสมอเพื่อความไม่ประมาทในชีวิต
.....................................................................................
ขอขอบคุณคุณยายแห่งวัดถ้ำยายปริก เกาะสีชังที่บริจาคร่างกายเป็นธรรมทานแก่ผู้อื่น
ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆของน้องนรุตม์ มงคลศิริภัทรา ที่เป็นพลังสร้างสรรค์ความดีงาม กุศลใดใดเกิดขึ้นขอให้ทั้งสองท่านได้รับกุศลนี้ด้วยเทอญ