ถามตำรวจสมุทรสาคร ท่านตรวจค้นผมในที่สาธารณะทำไม?

กรุณาใช้ถ้อยคำสุภาพ อย่าดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ขอให้เป็นการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ เหตุการนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก

วันนี้ผมถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครตรวจค้นในที่สาธารณะเป็นครั้งที่ ๕ ผมจะถูกตรวจค้นทุกครั้งที่ผมกลับกรุงเทพฯโดยการเดินทางสาธารณะ ผมไม่เข้าใจว่าหน้าตาผมเหมือนโจร เหมือนคนต่างด้าว หรือเหมือนผู้ทำผิดกฎหมายมากหรืออย่างไรไม่ทราบได้ หรืออาจเป็นเพราะการเดินทางกลับกรุงเทพฯทุกครั้งผมจะแบกเป้ขนาดใหญ่ทุกครั้งก็ไม่ทราบได้







แต่ในฐานะที่ผมเรียนกฎหมายผมควรจะปกป้องสิทธิในการดำเนินชีวิตและการเดินทางอย่างปกติสุขของผม เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๙๓ บัญญัติไว้ว่า ห้ามมิให้ทำการค้นบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เว้นแต่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้ค้นในเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า บุคคลนั้นมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิดหรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด


ในขณะที่เหตุการณ์วันนี้มีข้อเท็จจริงดังนี้ ผมลงจากรถเมล์ข้างโรงเรียนสมุทรสาครบูรณะเพื่อจะไปซื้อยาที่คลินิกหมอจุไรรัตน์ ในระหว่างเดินถึงคลินิกหมอผมเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนมาดักหน้าผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ด้วยความรำคาญและรู้ตัวว่าผมต้องถูกตรวจค้นอีกแน่ ผมจึงรีบเดินเข้าไปซื้อยา แต่สุดท้ายพอเดินออกมาผมก็โดนเรียกตรวจค้นจนได้ ผมจึงแสดงบัตรประจำตัวประชาชน บัตรนักศึกษา และบัตรอดีตผู้สื่อข่าวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและอธิบายข้อกฎหมายตาม ป.วิ.อ.ม.๙๓ ว่าห้ามตรวจค้นในที่สาธารณะ และถ้าจะตรวจค้นต้องเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต้องมีเหตุอันควรสงสัยว่า ผมมีสิ่งของในความครอบครองเพื่อจะใช้ในการกระทำความผิด หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิด หรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด ผมพยายามอธิบายเหตุอันควรสงสัยนั้นมีฎีกาซึ่งวางบรรทัดฐานไว้ซึ่งผมขอยกฎีกาที่ ๘๗๒๒/๒๕๕๕ กรณีนี้ดังนี้

เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสุทธาวาสไม่ใช่หลังซอยโรงถ่านตามที่สิบตำรวจโท ก. และสิบตำรวจตรี พ. อ้างว่ามีอาชญากรรมเกิดขึ้นประจำแต่อย่างใด และจำเลยไม่มีท่าทางเป็นพิรุธคงเพียงแต่นั่งโทรศัพท์อยู่เท่านั้น การที่สิบตำรวจโท ก. และสิบตำรวจตรี พ. อ้างว่าเกิดความสงสัยในตัวจำเลยจึงขอตรวจค้น โดยไม่มีเหตุผลสนับสนุนว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดความสงสัยในตัวจำเลย จึงเป็นข้อสงสัยที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันควรสงสัยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 93 ที่จะทำการตรวจค้นได้ การตรวจค้นตัวจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยซึ่งถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงมีสิทธิโต้แย้งและตอบโต้เพื่อป้องกันสิทธิของตน ตลอดจนเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใด ๆ อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติที่ไม่ชอบดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

จากฎีกาดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เหตุอันควรสงสัยนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ทั้งนี่แม้จังหวัดสมุทรสาครจะมีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจำนวนมากและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอตรวจค้นผมโดยสงสัยว่าผมเป็นคนต่างด้าวนั้น ผมได้แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน บัตรนักศึกษา และบัตรอดีตผู้สื่อข่าว แต่ผมก็ยังถูกตรวจค้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกผมว่าผมอาจมีของผิดกฎหมาย ในขณะที่ผมยกฎีกามาอธิบายว่า การจะค้นว่าผมมีสิ่งของผิดกฎหมายต้องมีเหตุสืบเนื่องจากการกระทำความผิดก่อนหน้านี้ โดยผมถามว่ามีเหตุกระทำความผิดอะไรก่อนหน้านี้ถึงมาค้นผม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ตอบ แต่กล่าวเพียงแต่ว่าถ้าบริสุทธิ์ใจก็ต้องให้ตรวจค้น สุดท้ายผมก็ปกป้องสิทธิในการดำเนินชีวิตและการเดินทางโดยปกติสุขไม่ได้ ผมต้องยอมให้ตรวจค้น

สุดท้ายนี้ผมมีคำถามถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครว่า การที่พวกคุณตรวจค้นในที่สาธารณะนั้นทำให้ผมได้รับความอับอายต่อหน้าสาธารณชนว่า ผมเป็นคนต่างด้าว หรือโจร ผมรู้สึกว่าศักดิ์ศรีในความเป็นคนไทยผมไม่มี ผมรู้สึกว่าผมไม่มีเสรีภาพในการดำเนินชีวิตและการเดินทางอย่างปกติสุข พวกคุณตรวจค้นผมในที่สาธารณะทำไม? ครั้งนี้ครั้งที่ ๕ แล้ว ผมอับอาย ใครจะรับผิดชอบความอัปยศของผมทั้ง ๕ ครั้ง ผมกราบวิงวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครอย่าให้มีครั้งที่ ๖ อีก

ผมจึงฝากคำถามนี้ให้เจ้าหน้าตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครช่วยตอบในพันทิปด้วย

ขอบคุณครับ


////////////////////////
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่