สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันแรกของสัปดาห์การทำงาน ครับ พี่ๆ น้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call Option ทุกท่าน ครับ
เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET index แกว่งตัวในกรอบแคบๆ (1394 - 1404 จุด) แม้บางช่วงบางตอน จะสามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ
ระดับ 1400 จุด ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุนส่ง อีกทั้งราคาน้ำมันโลก
ที่ย่อตัวลงมา และ ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่พากันไหลร่วงลงมากันถ้วนหน้า จึงเป็นปัจจัยที่กดดัน SET index ให้ย่อตัวหลุดระดับ
1400 จุด ลงมา ปิดไปที่ระดับ 1394 จุด -4.62 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1400 จุด
ได้อีกครั้งหรือไม่
Fundamental
"เอเชียเช้านี้" ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดปรับตัวลง 7.52 จุด หรือ -0.04% แตะที่ 19,711.77 จุดในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดัน
จากการร่วงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย
ในการประชุมเดือนหน้า หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (13 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด
ในรอบ 1 ปี โดยนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลดังกล่าวจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า นอกจากนี้
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,535.32 จุด ร่วงลง 185.18 จุด หรือ -1.05%
ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,717.68 จุด ลดลง 19.65 จุด หรือ -0.41%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,046.61 จุด ลดลง 17.50 จุด หรือ -0.85%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 1.2% ดัชนี S&P 500 ปรับลง 0.5% และดัชนี NASDAQ ลดลง 0.4%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ข้อมูลค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในการประชุมเดือนมิ.ย. โดยเมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุด
นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.5% โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแข็งแกร่งนั้น
มาจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
ตลาดได้รับแรงกดดันอยู่แล้ว จากการที่นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ย โดยนายโรเซนเกรนยังกล่าวด้วยว่า ตลาดการเงินกำลังประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับช่วงจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
และมองในแง่ลบมากเกินไปเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงมากกว่า 1% ในการซื้อขายที่ตลาด
นิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังจากมีรายงานว่า แคนาดาเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมันดิบได้อีกครั้ง หลังจากที่แหล่งผลิตน้ำมันได้รับผลกระทบ
จากวิกฤตไฟป่า
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง นำโดยหุ้นนอร์ดสตรอม ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายช่วงไตรมาสแรกที่
อ่อนแอเกินคาด ขณะที่หุ้นเจซี เพนนี ร่วงลง 2.8% หุ้น Nvidia ดิ่งลง 15% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์เปิดเผยว่า น้ำมันดิบของบริษัทกว่า 2,100 บาร์เรลได้รั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอปเปิลปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากแอปเปิลประกาศลงทุนในบริษัทตีตี ชูสิง (Didi Chuxing) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการเรียกรถแท็กซี่รายใหญ่ของจีนในวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า แอปเปิลให้ความสนใจต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของตีตี และยังสะท้อนความเชื่อมั่นของแอปเปิลที่มีต่อเศรษฐกิจจีนในระยะยาว
"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง
สุดในรอบ 1 ปี รวมทั้งรายงานที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวรวดเร็วขึ้นในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐและเยอรมนี
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 334.68 จุด โดยตลอดทั้งสัปาดห์ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้นทั้งสิ้น 0.9%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,319.99 จุด เพิ่มขึ้น 26.72 จุด หรือ +0.62%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,952.90 จุด เพิ่มขึ้น 90.78 จุด หรือ +0.92%
ดัชนี FTSE 00 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,138.50 จุด เพิ่มขึ้น 34.31 จุด หรือ +0.56%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่
เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.5% โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแข็งแกร่งนั้น
มาจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่สำนักงานถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 0.7% ซึ่งขยายตัวรวดเร็ว
กว่าช่วงไตรมาส 4/2558 ที่มีการขยายตัวเพียง 0.3% นอกจากนนี้ GDP ไตรมาสแรกของเยอรมนีขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะ
ขยายตัว 0.6%
รายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ปัจจัยที่ช่วยหนุน GDP ไตรมาสแรกให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วนั้น มาจากการลงทุนด้านการก่อสร้าง
และสินค้าทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถชดเชยการชะลอตัวของมูลค่าการค้าต่างประเทศ
หุ้น EON ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.91% หุ้นเมิร์ก ดีดตัวขึ้น 2.25% หุ้นคอนติเนนตัล ปรับขึ้น 1.9% และหุ้นดอยช์ เทเลคอม เพิ่มขึ้น 1.76%
อย่างไรก็ตาม หุ้นอาดิดาส ร่วงลง 3% หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ร่วงลง 2.58%
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET index TF Day : เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้ทะยานเข้าไปยืนเหนือระดับ 1400 จุด ได้สำเร็จ
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายตลาดได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา จึงทำให้ไหลร่วงหลุดระดับ 1400 จุด ลงมา และทำให้
ปิดแท่งเทียนไปแบบ Dark Cloud Cover แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หลุดเส้น EMA25 วัน ลงมา และถ้าหากวันนี้
ดัชนีสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1400 จุดได้ ก็จะทำให้กลายเป็นรูปแบบ Continuation Pattern
Bullish Separating Line ยิ่งจะทำให้ภาพของไหล่ขวา Inverse Head & Shoulder ชัดมากขึ้น
S50M16 TF Day : เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบมากๆ ( 883.1 - 892.9 จุด)
แม้จะไม่ถูกแรงเทขายทำกำไร ทำให้ไหลร่วงหลุดเส้น EMA25 วัน ลงไป แต่ก็ได้ปิดแท่งเทียนไปแบบ "TweezerTop
and Harami cross" ซึ่งทำให้ภาพสัญญาณดูแย่ลงเล็กน้อย และ ถ้าหากวันนี้ดัชนี หลุดเส้น EMA25 วันลงไป
ก็อาจจะไถลลงไปทดสอบ Low 870 อีกครั้ง ก็เป็นได้ // แต่หากไม่ย่อตัวลงไป และกลับขึ้นไปยืนเหนือ 890 หรือ 900 ได้อีกครั้ง
ยิ่งจะทำให้ภาพของไหล่ขวา Inverse Head & Shoulder ชัดมากขึ้น
TF60 :" ภาพรวมยังคงเป็นรูปแบบ Sideway ออกข้าง ยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน (กรอบการเคลื่อนไหว 852 - 913 จุด ) "
เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ผ่านมาดัชนีได้พุ่งทะลุผ่าน Resistance line ขึ้นไป เพื่อที่จะทำให้กลายเป็น รูปแบบ Bullish Flag
และพยายามให้เป็นไหล่ขวา ของรูปแบบกลับตัว Inverse Head & Shoulder ซึ่งถ้าหากวันนี้ ดัชนีสามารถกลับไปยืน
890 หรือ 900 ได้ ก็ยิ่งจะทำให้ไหล่ขวาชัดเจนยิ่งขึ้น // แต่ถ้าหากหลุด 880 จุด ลงมาอาจจะทำให้กลายเป็น Flase Break
และอาจจะไถลร่วงลงมาทดสอบ Low 870 อีกครั้ง ก็เป็นได้
Resistance 890 895 900 905 / 1400 1404 1411
Support 880 875 870 866 / 1390 1385 1380
*EOD End of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ
กู๊ดมอนิ่ง ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call (16 May 16)
สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันแรกของสัปดาห์การทำงาน ครับ พี่ๆ น้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call Option ทุกท่าน ครับ
เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET index แกว่งตัวในกรอบแคบๆ (1394 - 1404 จุด) แม้บางช่วงบางตอน จะสามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ
ระดับ 1400 จุด ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุนส่ง อีกทั้งราคาน้ำมันโลก
ที่ย่อตัวลงมา และ ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่พากันไหลร่วงลงมากันถ้วนหน้า จึงเป็นปัจจัยที่กดดัน SET index ให้ย่อตัวหลุดระดับ
1400 จุด ลงมา ปิดไปที่ระดับ 1394 จุด -4.62 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1400 จุด
ได้อีกครั้งหรือไม่
Fundamental
"เอเชียเช้านี้" ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดปรับตัวลง 7.52 จุด หรือ -0.04% แตะที่ 19,711.77 จุดในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดัน
จากการร่วงของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย
ในการประชุมเดือนหน้า หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี
"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (13 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด
ในรอบ 1 ปี โดยนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลดังกล่าวจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า นอกจากนี้
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,535.32 จุด ร่วงลง 185.18 จุด หรือ -1.05%
ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,717.68 จุด ลดลง 19.65 จุด หรือ -0.41%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,046.61 จุด ลดลง 17.50 จุด หรือ -0.85%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 1.2% ดัชนี S&P 500 ปรับลง 0.5% และดัชนี NASDAQ ลดลง 0.4%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ข้อมูลค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในการประชุมเดือนมิ.ย. โดยเมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุด
นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.5% โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแข็งแกร่งนั้น
มาจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
ตลาดได้รับแรงกดดันอยู่แล้ว จากการที่นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ย โดยนายโรเซนเกรนยังกล่าวด้วยว่า ตลาดการเงินกำลังประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับช่วงจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
และมองในแง่ลบมากเกินไปเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันดิบ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงมากกว่า 1% ในการซื้อขายที่ตลาด
นิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ หลังจากมีรายงานว่า แคนาดาเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมันดิบได้อีกครั้ง หลังจากที่แหล่งผลิตน้ำมันได้รับผลกระทบ
จากวิกฤตไฟป่า
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง นำโดยหุ้นนอร์ดสตรอม ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายช่วงไตรมาสแรกที่
อ่อนแอเกินคาด ขณะที่หุ้นเจซี เพนนี ร่วงลง 2.8% หุ้น Nvidia ดิ่งลง 15% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์เปิดเผยว่า น้ำมันดิบของบริษัทกว่า 2,100 บาร์เรลได้รั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอปเปิลปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากแอปเปิลประกาศลงทุนในบริษัทตีตี ชูสิง (Didi Chuxing) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการเรียกรถแท็กซี่รายใหญ่ของจีนในวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า แอปเปิลให้ความสนใจต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของตีตี และยังสะท้อนความเชื่อมั่นของแอปเปิลที่มีต่อเศรษฐกิจจีนในระยะยาว
"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง
สุดในรอบ 1 ปี รวมทั้งรายงานที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวรวดเร็วขึ้นในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐและเยอรมนี
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 334.68 จุด โดยตลอดทั้งสัปาดห์ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้นทั้งสิ้น 0.9%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,319.99 จุด เพิ่มขึ้น 26.72 จุด หรือ +0.62%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,952.90 จุด เพิ่มขึ้น 90.78 จุด หรือ +0.92%
ดัชนี FTSE 00 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,138.50 จุด เพิ่มขึ้น 34.31 จุด หรือ +0.56%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่
เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.5% โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแข็งแกร่งนั้น
มาจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่สำนักงานถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 0.7% ซึ่งขยายตัวรวดเร็ว
กว่าช่วงไตรมาส 4/2558 ที่มีการขยายตัวเพียง 0.3% นอกจากนนี้ GDP ไตรมาสแรกของเยอรมนีขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะ
ขยายตัว 0.6%
รายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ปัจจัยที่ช่วยหนุน GDP ไตรมาสแรกให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วนั้น มาจากการลงทุนด้านการก่อสร้าง
และสินค้าทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถชดเชยการชะลอตัวของมูลค่าการค้าต่างประเทศ
หุ้น EON ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.91% หุ้นเมิร์ก ดีดตัวขึ้น 2.25% หุ้นคอนติเนนตัล ปรับขึ้น 1.9% และหุ้นดอยช์ เทเลคอม เพิ่มขึ้น 1.76%
อย่างไรก็ตาม หุ้นอาดิดาส ร่วงลง 3% หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ร่วงลง 2.58%
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET index TF Day : เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีได้ทะยานเข้าไปยืนเหนือระดับ 1400 จุด ได้สำเร็จ
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายตลาดได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา จึงทำให้ไหลร่วงหลุดระดับ 1400 จุด ลงมา และทำให้
ปิดแท่งเทียนไปแบบ Dark Cloud Cover แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หลุดเส้น EMA25 วัน ลงมา และถ้าหากวันนี้
ดัชนีสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1400 จุดได้ ก็จะทำให้กลายเป็นรูปแบบ Continuation Pattern
Bullish Separating Line ยิ่งจะทำให้ภาพของไหล่ขวา Inverse Head & Shoulder ชัดมากขึ้น
S50M16 TF Day : เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบมากๆ ( 883.1 - 892.9 จุด)
แม้จะไม่ถูกแรงเทขายทำกำไร ทำให้ไหลร่วงหลุดเส้น EMA25 วัน ลงไป แต่ก็ได้ปิดแท่งเทียนไปแบบ "TweezerTop
and Harami cross" ซึ่งทำให้ภาพสัญญาณดูแย่ลงเล็กน้อย และ ถ้าหากวันนี้ดัชนี หลุดเส้น EMA25 วันลงไป
ก็อาจจะไถลลงไปทดสอบ Low 870 อีกครั้ง ก็เป็นได้ // แต่หากไม่ย่อตัวลงไป และกลับขึ้นไปยืนเหนือ 890 หรือ 900 ได้อีกครั้ง
ยิ่งจะทำให้ภาพของไหล่ขวา Inverse Head & Shoulder ชัดมากขึ้น
TF60 :" ภาพรวมยังคงเป็นรูปแบบ Sideway ออกข้าง ยังไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน (กรอบการเคลื่อนไหว 852 - 913 จุด ) "
เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ผ่านมาดัชนีได้พุ่งทะลุผ่าน Resistance line ขึ้นไป เพื่อที่จะทำให้กลายเป็น รูปแบบ Bullish Flag
และพยายามให้เป็นไหล่ขวา ของรูปแบบกลับตัว Inverse Head & Shoulder ซึ่งถ้าหากวันนี้ ดัชนีสามารถกลับไปยืน
890 หรือ 900 ได้ ก็ยิ่งจะทำให้ไหล่ขวาชัดเจนยิ่งขึ้น // แต่ถ้าหากหลุด 880 จุด ลงมาอาจจะทำให้กลายเป็น Flase Break
และอาจจะไถลร่วงลงมาทดสอบ Low 870 อีกครั้ง ก็เป็นได้
Resistance 890 895 900 905 / 1400 1404 1411
Support 880 875 870 866 / 1390 1385 1380
*EOD End of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ