DJIA ปิดที่ 18,060.49 จุด ลดลง 7.74 จุด, -0.04%
NASDAQ ปิดที่ 4,981.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.50 จุด, +0.11%
S&P500 ปิดที่ 2,098.48 จุด ลดลง 0.64 จุด, -0.03%
CAC-40 ปิดที่ 4,961.86 จุด ลดลง 12.79 จุด, -0.26%
DAX ปิดที่ 11,351.46 จุด ลดลง 120.95 จุด, -1.05%
FTSE 100 ปิดที่ 6,949.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.83 จุด, +0.23%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานที่ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐทรงตัวในเดือนเม.ย. อันเป็นผลมาจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนเม.ย. โดยอยู่ที่ระดับ 4.368 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ออกมาตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ทั้งนี้ ภาวะทรงตัวของยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย. ส่วนหนึ่งเกิดจากการร่วงลงของยอดขายรถยนต์ และน้ำมัน โดยยอดขายรถยนต์ลดลง 0.4% ขณะที่ยอดขายน้ำมันลดลง 0.7%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐก็ออกมาซบเซาเช่นกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 10 เดือน ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนีราคานำเข้านั้น บ่งชี้ถึงอุปสงค์ในระดับโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ยังคงจำกัดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ
ข้อมูลยอดค้าปลีกที่อ่อนแอของสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นเมซี ดิ่งลง 2.45% ส่วนหุ้นราล์ฟ ลอเรน ร่วงลง 3.02%
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 1/2558 หลังจากที่ขยายตัว 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจฝรั่งเศสและอิตาลีที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงสามเดือนแรกปีนี้ ซึ่งช่วยชดเชยเศรษฐกิจเยอรมนีที่ขยายตัวช้าลง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอินเทล และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.1% หุ้นไมโครซอฟท์ขยับขึ้น 0.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยช์แบงก์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไมโครซอฟท์ ส่วนหุ้ควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 1.4% จากรายงานที่ว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะระดมทุนในตลาดพันธบัตรเอกชนเป็นครั้งแรก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.
ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน
รวมข่าวหุ้น 14/5/58
DJIA ปิดที่ 18,060.49 จุด ลดลง 7.74 จุด, -0.04%
NASDAQ ปิดที่ 4,981.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.50 จุด, +0.11%
S&P500 ปิดที่ 2,098.48 จุด ลดลง 0.64 จุด, -0.03%
CAC-40 ปิดที่ 4,961.86 จุด ลดลง 12.79 จุด, -0.26%
DAX ปิดที่ 11,351.46 จุด ลดลง 120.95 จุด, -1.05%
FTSE 100 ปิดที่ 6,949.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.83 จุด, +0.23%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานที่ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐทรงตัวในเดือนเม.ย. อันเป็นผลมาจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนเม.ย. โดยอยู่ที่ระดับ 4.368 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ออกมาตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ทั้งนี้ ภาวะทรงตัวของยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย. ส่วนหนึ่งเกิดจากการร่วงลงของยอดขายรถยนต์ และน้ำมัน โดยยอดขายรถยนต์ลดลง 0.4% ขณะที่ยอดขายน้ำมันลดลง 0.7%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐก็ออกมาซบเซาเช่นกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 10 เดือน ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนีราคานำเข้านั้น บ่งชี้ถึงอุปสงค์ในระดับโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ยังคงจำกัดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ
ข้อมูลยอดค้าปลีกที่อ่อนแอของสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นเมซี ดิ่งลง 2.45% ส่วนหุ้นราล์ฟ ลอเรน ร่วงลง 3.02%
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 1/2558 หลังจากที่ขยายตัว 0.3% ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจฝรั่งเศสและอิตาลีที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงสามเดือนแรกปีนี้ ซึ่งช่วยชดเชยเศรษฐกิจเยอรมนีที่ขยายตัวช้าลง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอินเทล และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.1% หุ้นไมโครซอฟท์ขยับขึ้น 0.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยช์แบงก์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไมโครซอฟท์ ส่วนหุ้ควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 1.4% จากรายงานที่ว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะระดมทุนในตลาดพันธบัตรเอกชนเป็นครั้งแรก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.
ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน