ละทุกข์ง่าย ละสุขยาก ท่านทั้งหลายคิดว่าไงครับ

เวลาเราชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จิตเกิด "ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา" ในสิ่งๆนั้น หรือ ปกิณณกเจตสิก ๖ เกิดขึ้น
กลับกัน...
เวลาเราไม่ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จิตเกิด "พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา" ในสิ่งๆนั้น หรือ อกุศลเจตสิก ๑๔ เกิดขึ้น

พอจิตเกิด "ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา" แล้วไป "ยึด" ครบวงจรปฏิจจสมุปบาท ก็เกิดทุกข์ (แต่ไปสำคัญว่าสุขไม่ทุกข์เลย จริงๆแล้วทุกข์ในสุข)
พอจิตเกิด "พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา" แล้วไป "ยึด" ครบวงจรปฏิจจสมุปบาท ก็ทุกข์

ธรรมชาติจิตของคนเราก็รักสุขเกลียดทุกข์ "ทุกข์สลัดออกง่ายเพราะเราไม่ชอบมันเราเกลียดมัน แต่สุขสลัดออกยากเพราะทำให้เราติดข้อง"

ถ้าเจริญสติปัฏฐานถูกหมวดก็จะแก้ไขได้ ผมเข้าใจอย่างนั้น ยกตัวอย่าง...

ชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะเธอสวย ยิ้มหวาน ทำให้เราใจละลาย ก็พยายามเจริญสติปัฏฐานแล้ว หมวดกาย(แก้สำคัญไม่งามว่างาม) แรกๆเอาอยู่ สักพักไม่อยู่ ต้องขยับมาหมวดเวทนา(แก้สำคัญทุกข์ว่าสุข) พอมาหมวดเวทนา ผมก็แก้อาการ ใจละลาย ได้ หรือว่าผมถูกกับหมวดนี้ แต่ไม่หมดครับ จะขึ้นหมวดจิต หมวดธรรม ก็ยาก เพราะเหมือนสองหมวดนี้ควรใช้สมถะช่วย

จริงๆก็มีคนบอกกันมาว่าหมวดกายง่ายสุด ท่าจะจริง แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ธรรม ตอนนั้นด้วยใช่ไหมล่ะครับ ว่า หยาบ หรือ ละเอียด เกิดดับเร็วแค่ไหน นับทัน หรือ นับไม่ทัน ใครได้รูปฌาน ๔ คงง่ายมาก เพราะเป็นฌานชั้นยอดสำหรับการเจริญวิปัสสนา ดีกว่าอรูปาวจร เนวสัญญานาสัญญายตนะ ที่ละเอียดเกินไป แม้พระพุทธเจ้ายังตรัสเกี่ยวกับ สัมมาสมาธิ ว่า จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่