(ตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพื่อให้ขาบัตรผ่านทั้งหลายได้ร่วมแจมด้วย ..แต่ที่จริง ไม่ได้ถามอะไร)
....หมายถึง หมวดธรรมะที่บัญญัติไว้เป็นหมวดๆ แต่ละหมวด
เช่น นิวรณ์ 5 (ซึ่งมี กามฉันทะ,พยาบาท,อุทธัจจะกุกกุจจะ,ถีนะมิทธะ และ วิจิกิจฉา)... ถ้าทำลายตัวใดตัวหนึ่งได้ อีก 4 ตัว ที่เหลือ ก็จะหายไปพร้อมกันหมดในคราวเดียวกันเลย เช่น ถ้าคุณทำลายกามฉันทะนิวรณ์ลงไปได้ ..พยาบาท,อุทธัจจะกุกกุจจะ,ถีนะมิทธะ และ วิจิกิจฉา ก็จะหายไปหมดพร้อมกันกับกามฉันทะ จิตจะรวมลงเป็นสมาธิทันที หรือถ้าทำลายพยาบาทลงไปได้ กามฉันทะ,อุทธัจจะกุกกุจจะ,ถีนะมิทธะ,วิจิกิจฉา ก็จะหายไปหมดพร้อมกัน จิตรวมทันที ... ตัวอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน
หรือ ในหมวด พรหมวิหาร 4 (ซึ่งมี เมตตา ,กรุณา,มิทิตา,อุเบกขา) ...ถ้ามีตัวใดตัวหนึ่งเกิดขึ้น เช่น เมตตา เกิดขึ้นในใจคุณ คุณสังเกตดีๆก็จะเห็นว่า ในขณะเวบานั้น ใจคุณ ก็จะมี ทั้ง กรุณา มุทิตา อุเบกขา ขึ้นมาพร้อมกันเลย ... นี่หมายถึงเมตตาจริงๆ ไม่ใช่เมตตาปลอมๆ ถ้าเมตตตาใดที่ไม่มีสหายอีก 3 ตัวประกอบร่วม แสดงว่านั่นยังไม่ใช่เมตตาของแท้ เพราะลักษณะจะต่างกันมากๆ ยังกะฟ้ากับเหว
หรือ ในหมวด สังโยชน์ 3 คือ สักกายทิฏฐิ , สีลพตปรามาส , วิจิกิจฉา ... ถ้าตัวใดตัวหนึ่งถูกทำลาย อีก 2 ตัว ก็จะถูกทำลายไปด้วยกันทีเดียวพร้อมกันเลย (ไม่ใช่ค่อยๆทำลายไปทีละตัว แบบที่หลวงพี่เตชเข้าใจผิดไปในกระทู้ข้างล่าง) ... เช่น คนที่ฝึกหนักมาทางศีล พิจารณาตัวเจตนาเจตสิกมากๆ พิจารณาอนิจจังมากๆ เมื่อถึงเวาที่เกิดอริยมรรค อริยมรรคก็จะเจาะมาทำลายที่ตัว สีลพตปรามาส เมื่อสังโยชน์ตัวนี้ถูกทำลาย สังโยชน์อีก ๒ ตัวก็จะโดนทำลายไปพร้อมกันทันทีในขณะจิตเดียวนั่นเลย , ...หรือคนที่ฝึกหนักมาทางสมาธิ พิจารณาทุกขังมากๆ พิจารณากายมากๆ เมื่อถึงเวลาที่อริยมรรคเกิด อริยมรรคก็จะเจาะทำลายมาที่ตัว สักกายทิฏฐิ .. อีก 2 ตัวที่เหลือก็จะพังไปพร้อมกัน ทำนองเดียวกับกรณีแรก , ส่วนคนที่ฝึกหนักมาทางปัญญา พิจารณาอนัตตามากๆ เมื่อถึงเวลาที่อริยมรรคเกิด ก็จะทำลายไปตัววิจิกิจฉา ..เหตุการณ์ก็ทำนองเดียวกับ 2 กรณีแรก
เหตุผลก็คือ ธรรมะในแต่ละหมวดนั้น ไม่ว่า กุศล หรอือกุศล ก็ตาม มันผุดมาจากรากตัวเดียวกัน แต่ปรุงแต่งบานกระจายออกไปในหลายๆลักษณะอาการ เมื่อมันมีอาการต่างๆกัน จึงบัญญัติเรียกชื่อของอาการต่างๆนั้นขึ้นมา ...เปรียบเหมือนกำมือของเรา เมื่อเรากำมือไว้ เมื่อเรากำมือไว้ นิ้วทั้ง 5 จะมารวมกับฝ่ามือเป็นก้อนเดียวกัน เมื่อแบมือกางนิ้วออก นิ้วทั้ง 5 ก็จะแยกออกไป มีลักษณะเฉพาะของแต่ละนิ้วต่างๆกันไป
( ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะเห็นบางกระทู้ข้างล่าง เช่น กระทู้ของท่านเตช บอกว่า ค่อยๆทำลายสังโยชน์ทีละตัว เช่น ทำลายสักกายทิฏฐิก่อน ... ซึ่งในทางปฏิบัติจริง จะไม่เป็นแบบนั้น แต่จะเป็นแบบที่บอกมาข้างต้น นั่นแหละ ) .....
โขตาน
ควรเข้าใจให้ถูกว่า ความจริงในทางปฏิบัตินั้น ธรรมะในแต่ละหมวดถ้าโผล่มาก็มาพร้อมกันทั้งหมวด ถ้าหายไปก็ไปพร้อมกันทั้งหมวด
....หมายถึง หมวดธรรมะที่บัญญัติไว้เป็นหมวดๆ แต่ละหมวด
เช่น นิวรณ์ 5 (ซึ่งมี กามฉันทะ,พยาบาท,อุทธัจจะกุกกุจจะ,ถีนะมิทธะ และ วิจิกิจฉา)... ถ้าทำลายตัวใดตัวหนึ่งได้ อีก 4 ตัว ที่เหลือ ก็จะหายไปพร้อมกันหมดในคราวเดียวกันเลย เช่น ถ้าคุณทำลายกามฉันทะนิวรณ์ลงไปได้ ..พยาบาท,อุทธัจจะกุกกุจจะ,ถีนะมิทธะ และ วิจิกิจฉา ก็จะหายไปหมดพร้อมกันกับกามฉันทะ จิตจะรวมลงเป็นสมาธิทันที หรือถ้าทำลายพยาบาทลงไปได้ กามฉันทะ,อุทธัจจะกุกกุจจะ,ถีนะมิทธะ,วิจิกิจฉา ก็จะหายไปหมดพร้อมกัน จิตรวมทันที ... ตัวอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน
หรือ ในหมวด พรหมวิหาร 4 (ซึ่งมี เมตตา ,กรุณา,มิทิตา,อุเบกขา) ...ถ้ามีตัวใดตัวหนึ่งเกิดขึ้น เช่น เมตตา เกิดขึ้นในใจคุณ คุณสังเกตดีๆก็จะเห็นว่า ในขณะเวบานั้น ใจคุณ ก็จะมี ทั้ง กรุณา มุทิตา อุเบกขา ขึ้นมาพร้อมกันเลย ... นี่หมายถึงเมตตาจริงๆ ไม่ใช่เมตตาปลอมๆ ถ้าเมตตตาใดที่ไม่มีสหายอีก 3 ตัวประกอบร่วม แสดงว่านั่นยังไม่ใช่เมตตาของแท้ เพราะลักษณะจะต่างกันมากๆ ยังกะฟ้ากับเหว
หรือ ในหมวด สังโยชน์ 3 คือ สักกายทิฏฐิ , สีลพตปรามาส , วิจิกิจฉา ... ถ้าตัวใดตัวหนึ่งถูกทำลาย อีก 2 ตัว ก็จะถูกทำลายไปด้วยกันทีเดียวพร้อมกันเลย (ไม่ใช่ค่อยๆทำลายไปทีละตัว แบบที่หลวงพี่เตชเข้าใจผิดไปในกระทู้ข้างล่าง) ... เช่น คนที่ฝึกหนักมาทางศีล พิจารณาตัวเจตนาเจตสิกมากๆ พิจารณาอนิจจังมากๆ เมื่อถึงเวาที่เกิดอริยมรรค อริยมรรคก็จะเจาะมาทำลายที่ตัว สีลพตปรามาส เมื่อสังโยชน์ตัวนี้ถูกทำลาย สังโยชน์อีก ๒ ตัวก็จะโดนทำลายไปพร้อมกันทันทีในขณะจิตเดียวนั่นเลย , ...หรือคนที่ฝึกหนักมาทางสมาธิ พิจารณาทุกขังมากๆ พิจารณากายมากๆ เมื่อถึงเวลาที่อริยมรรคเกิด อริยมรรคก็จะเจาะทำลายมาที่ตัว สักกายทิฏฐิ .. อีก 2 ตัวที่เหลือก็จะพังไปพร้อมกัน ทำนองเดียวกับกรณีแรก , ส่วนคนที่ฝึกหนักมาทางปัญญา พิจารณาอนัตตามากๆ เมื่อถึงเวลาที่อริยมรรคเกิด ก็จะทำลายไปตัววิจิกิจฉา ..เหตุการณ์ก็ทำนองเดียวกับ 2 กรณีแรก
เหตุผลก็คือ ธรรมะในแต่ละหมวดนั้น ไม่ว่า กุศล หรอือกุศล ก็ตาม มันผุดมาจากรากตัวเดียวกัน แต่ปรุงแต่งบานกระจายออกไปในหลายๆลักษณะอาการ เมื่อมันมีอาการต่างๆกัน จึงบัญญัติเรียกชื่อของอาการต่างๆนั้นขึ้นมา ...เปรียบเหมือนกำมือของเรา เมื่อเรากำมือไว้ เมื่อเรากำมือไว้ นิ้วทั้ง 5 จะมารวมกับฝ่ามือเป็นก้อนเดียวกัน เมื่อแบมือกางนิ้วออก นิ้วทั้ง 5 ก็จะแยกออกไป มีลักษณะเฉพาะของแต่ละนิ้วต่างๆกันไป
( ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะเห็นบางกระทู้ข้างล่าง เช่น กระทู้ของท่านเตช บอกว่า ค่อยๆทำลายสังโยชน์ทีละตัว เช่น ทำลายสักกายทิฏฐิก่อน ... ซึ่งในทางปฏิบัติจริง จะไม่เป็นแบบนั้น แต่จะเป็นแบบที่บอกมาข้างต้น นั่นแหละ ) .....
โขตาน